ตอนที่แล้วตอนที่ 19 – การเลือกพืช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 – ปัญหาของน้ำ

ตอนที่ 20 – การทดสอบ


เจ่าไห่นั้นถอนหายใจออกมาหลังจากที่มองไปยังพื้นที่อีก 2 มู่ที่เป็นพื้นที่สำหรับการปลูกข้าวโพด

หากข้าวโพดนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างที่เขาคิด เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องของการพัฒนาดินแดนของเขา แต่กว่ามันจะแสดงผลลัพธ์ออกมาได้นั้นยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง

พื้นที่ทั้ง 2 มู่นั้นได้ทำการเพาะปลูกจนเสร็จสิ้นแล้วแต่เจ่าไห่ก็ยังไม่ออกไปจากมิติฟาร์มแต่เขากลับมองไปยังหัวไชเท้าอย่างพิถีพิถัน เขาไม่ได้รู้ว่ามันจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่ แต่ทันใดนั้นเขาก็เอามือตีหัวตัวเองด้วยความคิดบางอย่างที่พุดขึ้นมา “ใช่แล้ว อ๊าก ฉันลืมไปได้ไงนี้ ก็แค่ถามมิติเลยสิ ถ้าจำไม่ผิดตอนที่เล่นเกมส์มันน่าจะมีฟังก์ชั่นนี้อยู่นะมิติ! เหลือเวลาอีกเท่าไหร่หัวไชเท้าถึงโตเต็มที่ ?”

เสียงสะท้อน [เหลือเวลาอีก 3 นาทีก่อนที่หัวไชเท้าจะโตเต็มที่]

เจ่าไห่พยักหน้าพร้อมบ่นพึมพำ “อีกสามนาที สามนาที ถ้าอีกสามนาทีถ้างั้นฉันรอเก็บเกี่ยวพวกหัวไชเท้าด้วยเลยดีกว่า ในขณะที่รอจะได้ซื้อเมล็ดหัวไชเท้าเตรียมไว้ด้วย”

จากนั้นเขาก็ใช้เงิน 150 เหรียญทองเพื่อซื้อถุงเมล็ดหัวไชเท้า เมื่อมองไปยังกระเป๋าเงินก็เห็นว่าเหลือเงินเพียง 350 เหรียญทองแต่เจ่าไห่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขากำลังคิดถึงแผนการต่างขณะเดินไปด้วย ในแดนทมิฬนั้น ถ้าหากเขาไม่สามารถที่จะพัฒนาที่ดินได้เร็วพอ พวกเขาก็จะทำได้เพียงแค่อยู่รอด แต่ถ้าเขาพัฒนาเร็วเกินไปก็อาจทำให้บางคนสงสัยได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งเน้นพัฒนามิติฟาร์มของเขาแทน ตราบเท่าที่ Lv ของมันเพิ่มขึ้น มันก็ไม่มีปัญหาอะไร

นอกจากนี้เขายังต้องเตือนตัวเองด้วยว่าเขาไม่สามารถที่ขายหัวไชเท้ามากเกินไปด้วยเพราะถ้าไม่งั้นแล้วมันจะทำให้ราคาผลผลิตตกลงและเขาจะได้รับผลกระทบ แต่น่าเสียดาบที่เขานั้นไม่มีโทรศัพท์ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะบอกเรื่องนี้กับกรีนได้ ได้แต่หวังว่ากรีนจะไม่รับคำสั่งซื้อของหัวไชเท้าจนมากเกินไป

แต่เดินนั้นเจ่าไม่ต้องการที่จะพึ่งพามิติฟาร์มมาเกินไปเพราะมันสิ่งที่ดูเหลือเชื่อมาก และมิติแห่งนี้อาจจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งถ้าหากว่ามิติแห่งนี้หายไปละก็ ตระกูลบูดาคงจบสิ้นเป็นแน่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก จึงต้องอาศัยมิติฟาร์มไปก่อน ซึ่งหากมิติฟาร์มมี Lv ที่เพิ่มขึ้น มันก็จะช่วยให้การพัฒนาดินแดนเป็นได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้เขาก็ยังไม่วางใจเรื่องการปรับปรุงดินในแดนทมิฬ เพราะถ้าหากเขาไม่ปรับปรุงไว้บ้างไม่งั้นแล้วเขาจะไม่เหลืออะไรเลยหากมิติฟาร์มนั้นหายไป

ทุกขั้นตอนนั้นเป็นการคิดวิเคราห์ในการพัฒนามิติฟาร์มและพื้นที่ในแดนทมิฬทั้งสิ้น

การที่จะทำให้มิติฟาร์มนั้นมี Lv ที่เพิ่มขึ้นนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ เจ่าไห่นั้นเข้าใจถึงจุดนี้ดี ชีวิตในอดีตของเขานั้นมี 2 แอคเคาท์ที่ใช้เล่นเกม ซึ่งแอคเคาท์แรกนั้นเขามีเพื่อนกว่า 400 คนซึ่งมันน่าสนใจที่สามารถจะขโมยอาหารจากเพื่อนได้ แต่เขาก็ค่อยๆหมดความสนใจลง

แอคเคาท์ที่สองนั้นเป็นแอคเคาท์ใหม่ที่เขาเล่นด้วยตัวคนเดียว โดยที่เขาต้องการที่ดูว่าถ้าพัฒนาด้วยตัวคนเดียวนั้นจะเกิดอะไรขึ้นและเขาสามารถทำมันไปได้ไกลมากแค่ไหน

เขารู้ดีว่าผลที่ตามมานั้นจะเป็นอย่างไร ในตอนเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายดาย แต่เมื่อฟาร์มนั้นมี Lv ที่สูงขึ้นจนถึง Lv 20 และเปิดทุ่งเลี้ยงสัตว์ เขาก็พบว่าเขานั้นมีเงินไม่เพียงพอ ซึ่งเมืองเขาไม่มีเงินเพียงพอในการเพิ่ม Lv ทุ่งเลี้ยงสัตว์ เขาก็ไม่มีเงินที่จะเพิ่ม Lv ฟาร์ม นี้คือสิ่งที่สอนเจ่าไห่ให้ระวังในการวางแผนมากขึ้นถึงเรื่องรายได้จากฟาร์มและทุ่งเลี้ยงสัตว์มาขึ้น เขาจำเป็นต้องคำนวณถึงรายละเอียดในเรื่องของผลผลิตใดและสัตว์ชนิดใดที่จะทำเงินให้เขามากที่สุด นี้คือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากการที่เขานั้นเล่นเกมเพียงคนเดียว

ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกันโดยที่เขาพยายามจะอัพ Lv ฟาร์มของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยลืมที่จะนำสิ่งต่างๆในมิติฟาร์มไปพัฒนาพื้นที่ในแดนทมิฬ นั่นหมายความว่าเขาต้องจับตาดูกองทุนของเขาอย่างใจชิด และวางแผนอย่างระมัดระวังในทุกๆขั้นตอน

ทันใดนั้นก็เสียงสะท้อนขัดจังหวะความคิดของเขา [หัวไชเท้าได้เติบโตเต็มที่แล้ว โปรดเก็บเกี่ยวให้เร็วที่สุด]

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ่าไห่ก็ยังไม่รีบที่จะสั่งให้ทำการเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าแต่กลับมองไปยังพวกมันด้วยความคิดต่างๆนานา

ครั้งสุดท้ายที่เขาทำการเก็บเกี่ยวหัวไชเท้า ใบของหัวไชเท้านั้นหายไปเอง เขาสันนิฐานว่ามิตินั้นมองว่าใบหัวไชเท้านั้นเป็นขยะ แต่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้นั้นมันนำไปใช้ประโยชน์ได้เจ่าไห่นั้นต้องการที่จะเก็บใบหัวไชเท้าเหล่านี้ เพราะเขาสามารถนำไปเป็นอาหารให้บูลอายแรบบิท

ตอนนี้หัวไชเท้านั้นโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว ถ้าหากเขาให้มิติฟาร์มนั้นเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าแบบปกติ เขาคงจะไม่ได้ใบเหล่านี้แน่ๆ เจ่าไห่ได้เพียงแต่หวังว่ามิติแห่งนี้จะทำตามคำสั่งของเขาตามที่เขาคิด ไม่เช่นนั้นแล้วอาหารที่ใช้สำหรับเลี้ยงบูลอายแรบบิทอาจจะมีปัญหา

ในมิติแห่งนี้เขาสามารถได้อาหารอัตโนมัติเมื่อผลผลิตนั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ แต่นั้นมันก็ยังไม่เพียงพอ มันอาจก็เกิดปัญหาขึ้นมาได้หาเขาไม่สามารถที่จะเก็บพวกใบหัวไชเท้าหรือต้นข้าวโพดหากมิติยังมองพวกมันเป็นขยะ ในอดีตตอนที่เขาเล่นเกมนั้นเขาไม่มีปัญหาพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของพวกเขา

เจ่าไห่ขมวดคิ้ว เขากลัวว่ามิตินั้นจะไม่ยอมรับคำสั่งเรื่องวิธีการเก็บเกี่ยวหัวไชเท้าใหม่นี้หลังจากที่สูดลมหายใจเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ของเขาก่อนจะกล่าวว่า “เก็บเกี่ยวหัวไชเท้า ทำการเก็บหัวไชเท้าและใบให้แยกออกจากกัน”

เมื่อพูดจบประโยค ใจของเจ่าไห่นั้นก็รัว เขากลัวว่ามันจะล้มเหลว ซึ่งหากเขาไม่สามารถที่จะเก็บใบหัวไชเท้าได้แล้วเขาจำเป็นต้องหาวิธีอื่นเพื่อใช้ในการเก็บเกี่ยวพวกมันแทน ซึ่งคำตอบเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือให้ทาสเขามาเก็บเอง แต่มันจะล่าช้ามากและยังมีโอกาสสูงที่จะทำให้มิติฟาร์มนั้นถูกเปิดโปง

จากนั้นมิติก็ตอบกลับ หัวไชเท้านั้นบินออกจากพื้นเขาไปในตระกร้า ซึ่งหลักจากที่เก็บเกี่ยวหัวไชเท้าทั้งหมดแล้ว เจ่าไหก็สูดลมหายใจก่อนที่จะไปยังยุ่งฉาง จากนั้นเขาก็เอามือสัมผัสที่ยุ้งฉาง

จากนั้นยุ้งฉางก็ทำการแสดงหน้าต่างบอกราบละเอียดเก็บกับสิ่งต่างๆที่เก็บไว้ตรงหน้าเจ่าไห่ ซึ่งมีหัวไชเท้าและใบหัวไชเท้าแยกกันอยู่

เจ่าไห่กำหมัดแน่นพร้อมกับร้องไชโยอย่างมีความสุข สำเร็จแล้ว! เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่ามิติจะทำให้เขาประหลาดใจได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเขาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่างๆแล้ว มิติยังทำตามความคิดของเขาได้ด้วย

ตั้งแต่ที่เจ่าไห่นั้นมีมิติฟาร์มแห่งนี้ เขานั้นรู้สึกว่ามันคล้ายกับเกมที่เขาเคยเล่นในอดีต ซึ่งเขาคิดว่ามันจะทำงานตามคำสั่งฟังก์ชั่นที่มันเคยมีอยู่ในเกมเท่านั้น แต่ด้วยความสำเร็จอันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า ในมิติแห่งนี้เขาสามารถควบคุมกระบวนการได้แทบทุกอย่างราวกับเป็นพระเจ้าหรือแอดมินของระบบ

หลังจากร้องโฮ่ด้วยความดีใจ เจ่าให้ก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ก่อนที่จะมองไปรอบๆในมิติฟาร์มซึ่งไม่เหลืออะไรให้เขาทำแล้วจึงออกจากมิติไป

เมื่อกลับมายังห้องของเขา เจ่าไห่ก็หัวเราะออกมา มิติฟาร์มนั้นทำให้แดนทมิฬแห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่การเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในทวีป แต่เขาจำเป็นต้องคุ้นเคยกับความสามารถของมิติให้มากที่สุด นี้คือสิ่งเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย

แม้ว่าเขาต้องการที่จะเพิ่ม Lv มิติฟาร์ม แต่สุดท้ายแล้วเขาจำเป็นต้องใช้มิติในการพัฒนาดินแดนของเขาด้วยเช่นกัน เจ่าไห่คิดว่าซักวันหนึ่งมิติฟาร์มอาจจะหายไปเพราะเขาเชื่อในเรื่องอนิจจัง ดังนั้นสิ่งที่เขาเชื่อนั้นมีแต่สิ่งที่สองมือขอเขานั้นสร้างมันขึ้นมา

สำหรับเจ่าไห่ มิตินั้นเป็นเหมือนเพื่อนที่ทำให้เขายังรู้สึกเชื่อมต่อกับโลกของเขาอยู่ ถ้าแม้ว่าเขาจะเป็นโอตาคุที่ไม่ค่อยได้มีเพื่อนมากนัก แต่มันเป็นเพราะจิตใจที่ต้องการจะเปลี่ยนดินแดนทมิฬแห่งนี้ทำให้เขานั้นมีความสงบสุขเล็กน้อยในจิตใจ

เขานั้นไม่เชื่อในเรื่องของโชคลาง ในอดีตเขาจึงไม่เคยซื้อหวย เงินทุกบาทนั้นเขาได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง เขาไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครสักคนให้เงินกับเขาโดยไม่มีเหตุผลเขาเชื่อว่าทุกคนจะได้บางสิ่งบางอย่างจากความพยายามของพวกเขา

หลังจากที่ออกจากมิติ เจ่าไห่ก็ไม่เดินออกไปจากปราสาท เขาต้องการจะวางแผนพัมนาดินแดนทมิฬ เขาเป็นคนที่กังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในแดนทมิฬแห่งนี้ เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่มีคนที่จะเดินทางมาในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งหากวันใดวันหนึ่งเกิดมีคนเขามาและพบพื้นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้แล้วละก็พวกเขาต้องสงสัยเป็นแน่

ด้วยความคิดเหล่านั้นทำให้เจ่าไห่นั้นบ่นพึมพาออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีว่าต้องไปสำรวจแดนทมิฬเพิ่มในวันพรุ่งนี้”

จากนั้นเขาก็ผล๊อยหลับไป

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด