ตอนที่แล้วตอนที่ 18 – ประกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 – การทดสอบ

ตอนที่ 19 – การเลือกพืช


เจ่าไห่พาทุกคนกลับไปที่ปราสาทและเข้าไปในห้องนั่งเล่น

เขาช่วยยายเมอร์รินนั่งลงในขณะที่เม็กนั้นกำลังยืนอยู่ คราวนี้เธอนั้นไม่ได้ก้มหน้าเหมือนทุกครั้งแต่กลับมองไปที่เจ่าไห่

เจ่าไห่นั้นทำหน้านิ่งสงบแต่ในใจของเขานั้นเต้นอย่างรวดเร็วเพราะความรู้สึกของเขาต่อเม็ก แต่มันยังไม่ใช่เวลาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขายังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่ต้องทำมันมีอนาคตของตระกูลบูดาเป็นเดิมพัน

เมอร์รินนั้นเริ่มคุ้นเคยกับการปฎิบัตตัวของเจ่าไห่แล้ว เธอจึงไม่ปฎิเสธที่เขานั้นช่วยเธอนั่ง แต่เธอนั้นดูจะตื่นเต้นซักมากกว่า “นายน้อย พวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”เธอนั้นเริ่มที่จะถามหาความเห็นของเจ่าไห่

“ยายเมอร์รินช่วยหาทาสที่คุ้นเคยกับการทำฟาร์มมาช่วยงานในแปลงเพาะใหม่หน่อย และช่วยถามพวกเขาด้วยว่าพวกเราควรปลูกพืชอะไรดี โอ้ว!! พวกเรามีเมล็ดพืชพอไหม?”

เมอร์รินพยักหน้า “นายน้อยพวกเรามีเมล็ดพืชหลากหลายชนิด เพียงแต่ว่าเมล็ดพืชเหล่านัั้นเป็นเพียงธัญพืชหรือผักธรรมดาทั่วไป แล้วสิ่งที่เรานำมานั้นส่วนใหญ่เหมาะที่จะปลูกบนภูเขา ซึ่งหากใช้ปลูกในพื้นที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้เกรงว่ามันจะเป็นการเสียโอกาสมากกว่า”

เจ่าไห่ครุ่นคิดอย่างซักพักก่อนที่จะตัดสินใจถามว่า “ยายเมอร์รินในช่วงที่อากาศหนาวนั้นพวกเราใช้อะไรในการก่อไฟเพื่อทำอาหารและให้ความอบอุ่นอย่างนั้นเหรอครับ?”

เมอร์รินนั้นตอบอย่างไม่สะทกสะท้านเลยว่า “นายน้อยแม้ว่าเราจะมีเตาพิงเวทย์มนตร์หนึ่งชนิดจากที่เราซื้อมา แต่ตระกูลเราก็ไม่ได้ซื้อของที่หรูหรามา ตอนนี้พวกเรานั้นใช้ไม้ที่ตายแล้วไม่ก็พวกวัชพืชที่เติบโตบนภูเขาเพื่อที่จะความอบอุ่นและทำอาหาร”

เพราะเมอร์รินและกรีนนั้นเคยใช้ชีวิตอยู่ในหมู่ชนชั้นสูงกับตระกูลบูดาทำให้พวกเขานั้นไม่อาจตระเตรียมสิ่งของต่างๆได้อย่างเพียบพร้อม แต่อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นไม่รู้ว่ามนจีนนั้นมีคำพูดอยู่ 7คำที่สำคัญคือฟืน, ข้าว, น้ำมัน, เกลือ, ซอส, น้ำส้มสายชูและน้ำชา

เจ็ดสิ่งนั้นเป็นสิ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับชีวิตของผู้คน มันจึงจัดได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ซึ่งฟืนคืออันดับแรก เพราะเธอนั้นใช้ชีวิตรวมกับคนชนชั้นสูง ถึงแม้ว่าเธอจะนำสิ่งจำเป็นอื่นๆมามากมาย แต่เธอกลับไม่ได้เตรียมสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฟืน

แม้ว่าเมอร์รินนั้นเคยได้ยินคำกล่าวว่าแดนทมิฬนั้นเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่ามันจะแห้งแล้งจนกระทั่งที่วัชพืชยังไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้ ในทวีปอาร์คนั้นประชาการส่วนใหญ่นั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องฟืน เพราะคนรวยหรือขุนนางต่างนั้นจะใช้ถ่านหรือเตาเวทย์มนตร์ และแม้กระทั่งคนยากจนยังสามารถหาฟืนมาใช้ได้อย่างง่ายได้ แต่ในแดนทมิฬนั้นการจะหาต้นไม้ซักต้นเป็นเรื่องที่ยากมาก จะมีก็เพียงต้นไม้เล็กๆและวัชพืชไม่กี่ต้น ส่วนอื่นๆก็ไม่อาจนำมาใช้ได้ แม้ว่าเธอนั้นคิดมาเตรียมตัวมาพอ แต่ในทวีปนั้นฟืนจัดว่าเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเธอจึงพลาดเรื่องนี้ไป

เมอร์รินเห็นเจ่าไห่ไม่ได้ตอบอะไรกับมาจึงถามขึ้นว่า “นายน้อย คุณคุิดว่าพวกเราจะเพาะปลูกพืชอะไรในพื้นที่แปลงใหม่นั้น?”

เจ่าไห่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ในมิติฟาร์มนั้นเขามีเมล็ดพืชอยู่จำนวนหนึ่งที่เหมาะกับการเพาะปลูกนั้นก็คือข้าวสาลีและผักกว้างตุ้งจีน ถึงแม้ว่าพวกมันจะให้ผลิตที่ดี แต่พวกมันไม่สามารถที่จะนำมาเป็นฟืนได้ดังนั้นเขาไม่ต้องการที่จะปลูกมันในตอนนี้ นี้ไม่ได้เกี่ยวพันเพียงแค่เขาเป็นคนเดียว เขาจำเป็นที่จะต้องคิดว่าทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหาของตระกูลบูดาได้ด้วย

เจ่าไห่จึงเหลือเพียงหนึ่งทางเลือกนั้นคือ ข้าวโพด!

สำหรับเขา ข้าวโพดเป็นพืชที่คุ้นเคยอย่างดี แม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยปลูกเองก็ตาม แต่ในอดีตนั้นเมืองที่เขาเคยอยู่นั้นมีการปลูกข้าวโพดเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าผลิตของข้าวโพดนั้นจะไม่สูงมากแต่ต้นข้าวโพดนั้นสามารถใช้ทำเป็นฟืนเพื่อใช้ในฤดูหนาวได้

แต่ในตอนนี้เขานั้นมีเมล็ดข้าวโพดที่จะปลูกได้เพียง 2 มู่ แต่พื้นที่ที่เขาได้ทำการปรับปรุงไปนั้นมีขนาดถึง 10 มู่ เขาตังมีเมล็ดข้าวโพดไม่เพียงพอ

เจ่านั้นนั้นคิดถึงสิ่งที่เขามีในมิติฟาร์ม เขามี 200 เหรียญทอง (ซึ่งไม่สามารถใช้ภายนอก) เมล็ดหญ้า 6 ถุง (สามารถปลูกได้ 6 มู่) เมล็ดผักกวางตุ้งอีก 2 ถุง (สามารถปลูกได้ 2 มู่), เมล็ดข้าวสาลี 2 ถุง (สามารถปลูกได้ 2 มู่) เมล็ดข้าวโพด 2 ถุง (สามารถปลูกได้ 2 มู่) และยุ้งข้าวที่เต็มไปด้วยหัวไชเท้าที่โตเต็มที่ซึ่งสามารถขายได้ในมิติฟาร์มซึ่งจะได้เงินประมาณ 500 เหรียญทอง ซึ่งน่าเดียวดายที่เขายังไม่สามารถนำเงินออกมาจากมิติฟาร์มได้

นอกจากนี้แล้วเขายังสามารถที่จะขยายพื้นที่ได้อีก 2 มู่ พื้นที่ 2 มู่ แต่เขานั้นจำเป็นต้องใช้เงินถึง 200 เหรียญทองซึ่งในตอนนี้เขามีเงินไม่พอ

เมอร์รินขมวดคิ้วมองไปที่เจ่าไห่ เธอนั้นไม่พูดอะไรออกมา เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะรบกวนความคิดของเจ่าไห่ เธอได้เพียงแต่หวังว่านายน้อยนั้นจะสามารถที่จะสร้างปราฎิหาริย์ขึ้นมาอีกครั้ง

เม็กที่กำลังยืนมองเจ่าไห่ เธอนั้นรู้สึกว่าภาพเจ่าไห่ที่กำลังครุ่นคิดสิ่งต่างนั้นเป็นภาพที่น่าหลงไหลอย่างยิ่ง

เจ่าไห่เอามือประสานกันก่อนจะติดสินใจว่า “ยายเมอร์รินพรุ่งนี้เจอกันที่แปลงเพาะปลูกใหม่ ตอนนี้คุณช่วยจัดการเรื่องต่างที่เหมืองและหาคนมาทำงานด้วยกัน ผมของตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” จากนั้นเจ่าไห่ก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้อง

เมอร์รินนั้นไม่รู้ว่าเจ่าไห่จะหาทางได้หรือไม่ แต่เขานั้นเริ่มที่จะมีความน่าเชื่อถือและยังได้ความสามารถที่เธอเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือเลือกที่จะเชื่อในตัวของเจ่าไห่

เม็กจึงตามเมอร์รินไปจัดการเรื่องต่างๆ เพราะสิ่งต่างๆนั้นมันวุ่นวายอย่างมาก เมอร์รินนั้นไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว

บล๊อคและร๊อคนั้นเดินตามเจ่าไห่ที่กำลังรีบกลับห้องของเขาเพื่อที่จะไปยังมิติฟาร์ม ในมิติฟาร์มนั้นก็คงยังมีสภาพเหมือนเดิมทำให้เจ่าไห่รู้สึกโล่งอก หลังจากที่เขาปรับปรุงดินในแดนทมิฬแล้ว ในความคิดของเขานั้นคิดว่าปริมาณดินสเปเทียลและน้ำสเปเทียลนั้นจะลดลง แต่สิ่งที่เขาเห็นั้นคือภาพเดิมก่อนที่จะปรับปรุงดิน

ถ้าหากเขาสามารถปรับปรุงพื้นดินทั้งหมดนั้น มันจะมีประโยชน์สำหรับเขาอย่างมา แม้ว่ามิติฟาร์มของเขาจะหายไป แต่เขาก็จะไม่อดตาย แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น การมีอยู่ของมิตินั้นจำเป็นสำหรับการพัฒนาแดนทมิฬแห่งนี้

เจ่าไห่มองไปที่หัวไชเท้าในพื้นดิน เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะโตเต็มที่ เขาก็ตัดสินใจ เขากระซิบออกมา “ขายหัวไชเท้าในยุ้งฉางทั้งหมด”

เสียงสะท้อน [คุณแน่ใจหรือว่าต้องการที่จะขายผลผลิตในยุ้งฉาง?]

“ใช่”

จากนั้นก็มีเสียงสีตอบกลับ [หัวไชเท้าในยุ้งฉางทั้งหมดได้ทำการขายเรียบร้อยแล้ว เงินจำนวน 500 เหรียญทองจะถูกเก็บเขาไปยังกระเป๋าเงินของคุณ] [คุณไม่มีผลผลิตใดๆในยุ้งฉ้างแล้ว โปรดพยายามในการเพาะปลูกให้มากขึ้นด้วย]

มันยังเร็วเกินไปที่จะทดสอบว่าหัวไชเท้าเหล่านั้นสามารถที่จะให้เมล็ดได้หรือไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องกากมาที่สุดคือเงินและสิ่งจำเป็นอื่นๆ การทดสอบนี้สามารถทำที่หลังก็ได้

ตอนนี้เจ่าไห่มีเงินอยู่ 700 เหรียญทอง, เมล็ดหญ้า 6 ถุง, เมล้ดกว้างตุ้นจีน 2 ถุง, เมล็ดข้าวสาลี 2 ถุงและเมล็ดข้าวโพด 2 ถุง หลังจากคำนวณสิ่งต่างแล้วเจ่าไห่ก็กล่าวทันทีว่า “ขยายพื้นที่”

จึงมีเสียงสะท้อนกลับมา [การขยายพื้นที่นั้นระบบต้องการ Lv 3 และเงินจำนวน 200 เหรียญทอง คุณได้ทำตามความต้องการของระบบ คุณต้องการขยายพื้นที่ทันทีหรือไม่?]

“ใช่” ตอนนั้นเองก็มีหมอกขึ้นมาปกคลุมบนพื้นดิน ก่อนที่จะกลับสู่สภาพเดิมพวกกับพื้นที่เพิ่มอีก 2 มู่ เจ่าไห่จึงสั่งต่อทันทีว่า “ทำการเตรียมดินและเพราะปลูกเมล็ดข้าวโพด”

จากนั้นถุงเมล็ดพืช, พลั่วและถังน้ำก็ออกไปทำงานด้วยกันอย่างสามัคคีในพื้นที่ใหม่อีก 2 มู่นั้น เจ่าไห่ตระหนักได้ถึงประโยชน์ของข้าวโพด เขาจึงใช้พื้นที่ที่ได้รับมาใหม่มาปลูกข้าวโพด เมื่อข้าวโพดนั้นโตเต็มที่ นอกจากที่เขานั้นยังได้เมล็ดข้าวโพดที่เพิ่มขึ้น เขายังได้ต้นข้าวโพดมาใช้สำหรับทำฟืนด้วย

พื้นที่เพียง 1 มู่นั้นสามารถที่จะปลูกได้ถึงข้าวโพด 1.5 ตัน และนอกจากนี้เขายังได้เมล็ดข้าวโพดอีกจำนวนมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาก็มีพื้ชปลูกเพียงพอ มันช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ

เจ่านั้นนั้นหลังเพียงแค่ว่าข้าวโพดในมิตินั้นจะมีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าโลกในอดีตของเขาถ้าหากเขามีเมล็ดข้าวโพดมากพอที่จะนำไปปลูกข้างนอกได้ เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาใหญ่นี้ได้ ในขณะที่เขายังสามารถสร้างเงินจากหัวไชเท้า และมีฟืนให้ใช้จากข้าวโพดที่โตแล้ว นี้จะเป็นรากฐานให้กับตระกูลบูดาในอนาคต

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด