ตอนที่แล้วตอนที่ 60 - ค่าชดเชยสำหรับการละเมิดกฎ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 - การกระทำของคนร่ำรวย

ตอนที่ 61 - จักรพรรดิและเครื่องประหารหัวสุนัข


ตอนที่ 61 - จักรพรรดิและเครื่องประหารหัวสุนัข

 

จ่ายเงิน!

จ่ายเงิน!

สิ่งนี้กลายมาเป็นศูนย์กลางของชีวิตสือเหล่ย

เมื่อมีประสบการณ์จากช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาสือ มันไม่ได้ยากสำหรับสือเหล่ยที่จะใช้จ่ายเงิน 100,000 หยวนภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์

เมื่อวันจันทร์ สือเหล่ยไม่ได้ออกไปจากหอพัก ยกเว้นแค่ตอนเช้าที่เขาออกไปซื้อนิตยสารแฟชั่นและเริ่มศึกษาถึงแบรนด์ที่หรูหราต่างๆ

ความความสัตย์จริง ยกเว้นแค่โลโก้ของแบรนด์ พวกมันไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเกินไป แม้ว่าผู้คนจะบอกว่าแบรนด์หรูๆเน้นไปที่การออกแบบและแสดงการนำสมัย แต่เสื้อผ้าของเฮอร์เมสที่เหมือนกับชุดของช่างไฟฟ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่สือเหล่ยจะทำใจชอบได้จริงๆ

ส่วนใหญ่ของแบรนด์ที่หรูหราจะดูค่อนข้างธรรมดา ส่วนมากแล้ววัสดุของพวกมันจะดีกว่าเล็กน้อย มิฉะนั้นพวกมันก็จะไม่แตกต่างจากเสื้อผ้าราคาไม่กี่ร้อยหยวนในศูนย์การค้า

ถ้าสือเหล่ยกำลังใช้เงินของตัวเอง แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางซื้อของแบบนี้ แต่เพื่อประโยชน์ในการใช้โควต้าของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การซื้อของแบรนด์หรูจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เนื่องจากเขายังเรียนไม่จบ สือเหล่ยจึงไม่ต้องการสวมชุดแบรนด์ดังเต็มตัวเนื่องจากมันจะดูหรูหราเกินไป และมันก็เป็นการดีที่จะทำตัวติดดินเข้าไว้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับอาร์มานี่และเฮอร์เมส นอกจากนี้เขายังพิจารณาถึงแบรนด์ BV เนื่องจากมันไม่มีโลโก้จริงๆ แต่มันได้ใช้การถักทอที่เป็นเอกลักษณ์ของมันซึ่งดังซะยิ่งกว่าคำพูด

หลังจากเข้าใจถึงราคาของแบรนด์เหล่านี้แล้ว สือเหล่ยไม่รีบร้อนที่จะใช้จ่ายเงินอีกต่อไป เนื่องจากการออกแบบเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 ไปจนถึง 100,000 หยวน สือเหล่ยจึงมั่นใจว่าเขาจะใช้โควต้าในสัปดาห์ได้หมดเพียงแค่ซื้อเสื้อผ้าเหล่านี้

ดังนั้นเขาจึงนอนพักอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน และทำตัวไม่แยแสต่อคำขอของจางโม่และคนอื่นๆให้การชวนให้เขาไปเลี้ยงข้าว

สือเหล่ยพูด "ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกเศรษฐี แต่เงินของฉันก็ไม่ได้มาจากลม จงพอใจซะที่ฉันยอมไปปาร์ตี้กับพวกนายในวันพุธ วันนี้เป็นวันอังคารอยู่ รีบหุบปากไปซะ ถ้าฉันไม่มีความสุข ฉันจะยกเลิกปาร์ตี้ในวันพรุ่งนี้!"

ทั้งสามคนต่างมองหน้ากันและยิ้มอย่างประจบสอพลอ ซื่ออี้และลั่วหมิงโค้งคำนับและคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งตรงหน้าสือเหล่ยและแสร้งทำเป็นนวดขาให้สือเหล่ย พร้อมกับที่พวกเขาได้ถามว่าสือเหล่ยรู้สึกดีหรือไม่ สือเหล่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและค่อยๆหลับตาลง

"เชี่ย! พวกนายทั้งสองไม่มีคุณธรรมเอาซะเลย! " จางโม่อุทานออกมา "แต่ต่อหน้าเงินตรา คุณธรรมก็สามารถบินหายไปกับสายลมได้! จักรพรรดิ ท่านปวดไหล่ไหม? ท่านต้องการให้ผมนวดให้ท่านหรือไม่? "

สือเหล่ยพยักหน้าเบาๆ แต่ก็ตระหนักได้ทันทีว่าด้วยมืออ้วนๆของจางโม่ เขาจะไม่สามารถควบคุมความแรงของเขาได้ ถ้าเขาบอกให้จางโม่นวดมัน ไหล่ของสือเหล่ยอาจจะกลายเป็นลูกชิ้นเนื้อได้

แต่มันก็สายเกินไปแล้ว สือเหล่ยรู้สึกปวดที่ไหล่เพียงเล็กน้อยเพราะในตอนนี้มันแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่เจ้าอ้วนก็ยังใช้เสียงที่ประจบมากยิ่งขึ้นและถาม "จักรพรรดิ ท่านรู้สึกดีขึ้นไหม?"

สือเหล่ยลุกขึ้นนั่งในทันทีและตะโกนออกมา "นายกำลังพยายามฆ่าฉันงั้นเรอะ?! ใครก็ได้ไปเอาเครื่องประหารหัวสุนัขมา โอ้ไม่ เจ้านี้ไม่คู่ควรที่จะใช้มัน รีบไปสร้างเครื่องประหารหัวหมู หรือไม่ก็หัวแมลงมา แล้วลากเจ้าอ้วนนี้ออกไปข้างนอก จากนั้นก็ตัดหัวมัน!"

จางโม่เพิ่งรู้ตัวว่าเขารุนแรงมากเกินไปและเขาได้ยืนขึ้นอย่างงุ่มง่ามข้างๆเตียง ซื่ออี้และลั่วหมิงพร้อมที่จะต่อสู้แต่จางโม่ก็ไม่หวาดกลัว เขาจ้องมองไปที่พวกนั้นอย่างดูหมิ่นราวกับว่าเขากำลังพูดว่า 'เข้ามาถ้าพวกนายกล้า' และพวกเขาทั้งสองก็หดหัวลง

สือเหล่ยได้เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ "ฉันจะมีพวกนายไปทำไมกัน!"

ซื่ออี้ไม่ละอายใจและพูด "พระองค์ ชายคนนี้หนังหนา และวิชากังฟูของเขายังมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราไร้ประโยชน์ แต่ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป! "

ลั่วหมิงเติมน้ำมันลงในกองไฟ "พระองค์ ข้าจะซื้อยาเบื่อหนูมาในวันพรุ่งนี้และใส่ลงไปในกุ้งที่เจ้าอ้วนนี่กินและปล่อยให้เขาตาย! เทคโนโลยีอย่างเครื่องประหารหัวแมลงไม่เพียงแค่ต้องใช้เงิน แต่มันยังลำบาก มันไม่คุ้มค่าที่จะสร้างมันเพื่อคนอย่างเขา มันจะคุ้มค่ามากกว่าถ้าเราเพิ่มหอยเป่าฮื้อลงในเมนูวันพรุ่งนี้!"

สือเหล่ยถอนหายใจและมองไปที่จางโม่ จางโม่ได้ประจบขึ้นมาอีกครั้ง "พระองค์ ให้ข้าจัดการเจ้าพวกขี้ขลาดสองตัวในวันนี้และประหยัดค่าอาหารอีกสองส่วนในวันพรุ่งนี้เป็นยังไง"

ลั่วอี้และซื่อหมิงมองเห็นการแสดงออกของสือเหล่ยได้เปลี่ยนไป ราวกบว่าเขากำลังคิดถึงข้อเสนอแนะของเจ้าอ้วน พวกเขาคำรามออกมา "ไอ้อ้วนบ้า! มันเป็นแค่มื้ออาหาร ทำไมนายถึงคิดไปไกลขนาดนั้น?!" ขณะที่พวกเขาพูดออกมาเช่นนั้น ทั้งสองได้พุ่งเข้าใส่จางโม่และพวกเขาก็ต่อสู้กัน สือเหล่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาปิดตาของเขาลงในขณะที่กำลังฟังบทละครเรื่องนี้ และในที่สุดเขาก็รู้สึกเหมือนว่าเขาได้รับความภาคภูมิใจในฐานะลูกเศรษฐีจริงๆซะที

เมื่อถึงบ่ายวันพุธ สือเหล่ยนั่งอยู่บนเตียงของเขาและกำลังเลื่อนดูโทรศัพท์ของเขา จางโม่ได้ก้าวอยู่บนพื้นด้วยเสียงอันดังและพูดกับสือเหล่ย "ก้อนหิน มันเป็นวันพุธแล้ว พวกเราไม่ควรจะเริ่มปาร์ตี้กันเลยเหรอ?"

สือเหล่ยมองเขาด้วยหางตาและยกหัวขึ้นพร้อมกับพูด "นายจะรีบไปทำไม? ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังยุ่งอยู่?"

"นายกำลังยุ่งบ้าอะไรอยู่ฮะ? เมื่อวานฉันเรียกนายว่าจักรพรรดิและนายคิดว่านายเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ? หยุดไร้สาระได้แล้ว รีบลุกขึ้นเร็วเข้า แล้วไปเอารถหรูมา จากนั้นก็ไปภัตรคารอาหารทะเลกัน!"

ซื่ออี้และลั่วหมิงได้เห็นสิ่งนี้ และพวกเขาก็หันไปเลียแข้งเลียขาสือเหล่ย พวกเขาคำนับและพูดกับสือเหล่ยด้วยรอยยิ้ม "ก้อนหิน ไม่ต้องไปสนใจเขา นายสามารถนอนเล่นไปได้อีก 10 นาที ไม่สิ 5 นาที พวกเราจะรอ"

สือเหล่ยพูดไม่ออก แต่จริงๆแล้วเขาก็ต้องการออกไปข้างนอกในวันนี้ เขาต้องการที่จะไปยังสถานที่ซื้อขายหุ้นและวางแผนจะเริ่มต้นลงทุนกับเงิน 9,300 หยวนของเขา

"เอาเสื้อมาให้ฉัน!" สือเหล่ยเหยียดมือออกมาจากใต้ผ้าห่ม

คราวนี้ แม้แต่ลั่วหมิงก็ไม่สามารถอดทนได้ เขาแผดเสียงออกมา "คุณกำลังทำบ้าอะไรฮะ?!"

"เร็วเข้า เอาเสื้อมาให้ฉัน! ถ้านายไม่ไปเอามันมา นายจะไม่ได้กินข้าว!"

ลั่วหมิงยกคิ้วของเขาขึ้น ซื่ออี้หยุดและจ้องมองเขา "นายกำลังทำอะไร? นายควรจะมีความเคารพต่อคนที่มั่งคั่ง!" ด้วยเหตุนั้น เขาจึงนำเสื้อของสือเหล่ยมา จากนั้นเขาได้เบนสายตาไปที่คนอื่นๆและพวกเขาก็หยิบเสื้อขึ้นมาคนละตัวและคลุมมันลงบนหน้าสือเหล่ยพร้อมๆกัน

สือเหล่ยขัดขืนอย่างรุนแรงและตะโกน "ปล่อยฉัน! รีบปล่อยฉัน! บัดซบ พวกนายไม่ต้องการกินอาหารทะเลอีกแล้วเหรอ? "

"ใครบอกให้นายโชว์พาวล่ะ?" พวกเขาหัวเราะให้กันและในที่สุดก็ปล่อยสือเหล่ย

สือเหล่ยใส่เสื้อของเขาด้วยความโมโหและเห็นทั้งสามคนกำลังหัวเราะ เขาแผดเสียงออกมา "ต้องมีใครสักคนที่อยากจะทำร้ายฉันอยู่เสมอ!"

สำหรับมื้อกลางวัน พวกเขากินเหมือนกับแร้งลงและเขมือบอาหารทุกๆอย่างที่ใส่ลงไปในท้องของพวกเขาได้ สือเหล่ยชื่นชมพวกเขาจริงๆเนื่องจากคนอื่นๆคงคิดว่าพวกเขาไม่ได้กินข้าวมาอย่างน้อยสามวัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขานั่งอยู่ในห้อง สือเหล่ยคงจะกลัวจนเขาต้องหลบหนีไปแล้ว

หลังจากที่เขาจ่ายเงินแล้ว มันก็เป็นราคาเพียงไม่กี่พัน ตอนนี้ที่สือเหล่ยมีเงิน 100,000 หยวนต่อสัปดาห์ เขาไม่ได้แม้แต่จะสนใจกระพริบตากับเงินจำนวนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากประตูมา เขาได้พูดกับอีกสามคน "กลับไปมหาวิทยาลัยกันก่อน ฉันต้องไปทำอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันในเวลากลางคืน แต่เมื่อเห็นพวกนายในตอนนี้แล้ว คืนนี้พวกนายจะไหวเหรอ?"

ทั้งสามคนพ่นลมหายใจออกมา "นายกำลังดูถูกพวกเรา! พวกเราใช้พลังงานไปแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น! "

สือเหล่ยไม่สนใจจะพูดอะไรกับพวกเขาอีก เขาเรียกรถมา แต่ทันทีที่รถหยุดรถลง ทั้งสามคนก็เบียดเขาและเดินเข้าไปก่อน

"พระองค์ ท่านควรจะเรียกอีกคัน พวกเราจะกลับก่อน"

สือเหล่ยสบถออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อเขาได้เห็น BMW ขับออกไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด