ตอนที่แล้วInvisible(มัจจุราชไร้เงา)ตอนที่11 ผู้สังหารเงา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปInvisible(มัจจุราชไร้เงา)ตอนที่13 โลกนี้ช่างกลม(มาก)

Invisible(มัจจุราชไร้เงา)ตอนที่12 จุดเริ่มต้นของการนองเลือด


เดี่ยวตกใจเป็นอย่างมากนี่มันคืออะไร "ผู้สังหารเงา" ไม่ใช่นักฆ่าเหรอ??และก็ค่าสถานะที่เพิ่มเกือบเท่าตัวแต่เดี่ยวไม่รู้ว่าคนที่เปลี่ยนอาชีพแล้วค่าสถานะต่างๆจะเพิ่มขึ้นแต่ก็น้อยกว่าของเขาเป็นเท่าตัวในขณะที่เดี่ยวกำลังตกอยู่ในภวังความคิด คุไรก็พูดบางอย่างขึ้นมา

"อย่างที่ข้าบอกท่านไปว่าท่านคือหนึ่งเดียว มีแค่ท่านคนเดียวในเมืองนี้หรือแม้แต่โลกใบนี้ การจะได้มาซึ่งหนทางนี้เพราะแม้ว่ามือจะเปื้อนเลือดแต่ท่านมีใจที่เมตตา ท่านอยู่เหนือกฏเกณฑ์ทั้งมวลและกฏเกณฑ์ทั้งมวลก็เหนือท่านเช่นกัน วีถีสังหารท่านไม่อาจเป็นได้แต่ท่านคือผู้นำพาความตายและเมื่อท่านแข็งแกร่งขึ้นโชคชะตาจะนำพาท่านมาที่นี่อีกครั้ง" เมื่อเดี่ยวได้ฟังคุไรพูดเขาก้ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่แล้วคุไรก็เรียกแผ่นศิลาสีทอง3แผ่นออกมา แล้วยื่นให้กับเดี่ยวพร้อมกับพูดขึ้น

"สิ่งนี้มันเป็นของท่านแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ได้ว่ามันเป็นอะไรเพราะมันถูกผนึกไว้ มีแต่ผู้สังหารเงาเท่านั้นที่ปลดผนึกได้ เท่านี้ตอนนี้ก็หมดหน้าที่ข้าแล้วท่านกลับไปได้" เดี่ยวรับมันมาอย่างนอบน้อมแล้วเขาก็มองที่แผ่นศิลาสีทองนั้นทันทีเมื่อแผ่นศิลาสีทองสัมผัสมือของเดี่ยวศิลาทั้ง3แผ่นก็ประกายแสงเจิดจ้าขึ้นอักขระสีแดงเพลิงมากมายที่อยู่ในแผ่นศิลาทั้ง3แผ่นก็ม้วนตัวเป็นเกลียวหมุนวนรอบตัวเดี่ยวเขาหลับตาโดยทันทีแล้วตัวของเดี่ยวก็สว่างเป็นสีทองอักขระก็จางหายไปเดี่ยวลืมตาขึ้นพร้อมกับอุทานออกมาอย่างลืมตัว

"นี่คือเคล็ดวิชา!!(สกิล)"

  มหายุทธ์บทที่1จุมพิตมัจจุราช

                  คำอธิบาย: สามารถเร่งความเร็วภายในพริบตรา โดย 30%ของค่าสเตตัสทั้งหมดจะนำมาเป็นค่าAgiแล้วรวมกับค่าAgiที่มีอยู่ ใช้ค่าSp10แต้ม คูลดาวน์ 5นาที

                   มหายุทธ์บทที่2 สัมผัสมรณะ

                 คำอธิบาย:เปิดจิตสัมผัสในรัศมี50x50 เมตรสามารถรับรู้วีถีแห่งความตายและหลบเลี่ยงได้อย่างแม่นยำการหลบเลี่ยงขึ้นอยู่กับค่าAgi ใช้ค่าSp10แต้ม คูลดาวน์ 5นาที

                    มหายุทธ์บทที่3 จตุรเทพแห่งความตาย

                    คำอธิบาย: 1ใน3ของเคล็ดวิชาสะท้านนรกสะเทือนสวรรค์ สามารถแยกร่างได้4ร่างในระยะเวลา5วินาทีและร่างจริงคือทั้งหมด4ร่างเจตจำนงแห่งจิตทั้ง4ร่างจะเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้แยกร่างทุกประการ(แต่และร่างก็คือเดี่ยวที่มีความคิดไหวพริบปฏิกิริยาในการตอบโต้ความรู้สึกอารมณ์นั้นแปลว่ามีเดี่ยวถึง4คน!!)

ใช้ค่าSp 15 แต้ม คูลดาวน์ 10นาที

                    คำเตือน:ถ้าร่างทั้ง4ถูกทำลายทั้งหมดก่อนที่จะกลับสู่สภาพเดิม(หมดเวลาการใช้สกิล)เจตจิตจำนงแห่งจิตจะหายไปนั่นคือความตายนั่นเอง 

เดี่ยวตกตะลึงในทันที่ในที่สุดเขาก็มีเคล็ดวิชาแล้ว วีถีสังหารนั้นได้ออกไปจากหัวของเขาแล้วเรียบร้อยเพราะเคล็ดวิชาเหล่านี้คือผู้นำพาความตายอย่างไม่ต้องสงสัย(แต่ละชื่อของสกิลเกี่ยวกับความตายทั้งนั้น555)

"ถ้างั้นข้าน้อยขอลาท่านคุไร"เดี่ยวกล่าวจบเขาก็เดินออกจากห้องนั้นในทันทีคุไรก็มองดูเดี่ยวจนเขาเดินออกจากประตูไปเมื่อเดี่ยวเปิดประตูออกมาก็พบว่าชายวัยกลางคนๆนั้นยังคงยืนอยู่แต่ว่าเนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬเมื่อเห็นเดี่ยวเดินเขามาใกล้เขาถึงกับรีบหลบสายตาย เดี่ยวเดินมาใกล้เขาและกำลังจะกล่าวขอบคุณแต่เมื่อเห็นท่าทีของชายวัยกลางคนเขาก็เปลี่ยนใจและก็เดินผ่านเขาไป

เดี่ยวเดินออกมาจากชุมนุมนักฆ่าเดี่ยวก็รู้สึกหิวขึ้นมาในทันทีแล้วเขาก็เปิดแผนที่มองหาโรงเตี้ยม ร้านอาหารเมื่อเขาพบจุดหมายเขาปิดแผ่นที่ลงและเดินตรงไปในทันทีในเวลาไม่นานเดี่ยวก็มาถึงภัตตาคารแห่งหนึ่งซึ่งใหญ่โตที่สุดในเมืองแห่งนี้ก็ว่าได้เดี่ยวถึงกับตกตะลึงในความใหญ่โตของมันและเขาก็เดินเข้าไปเดี่ยวก็เกือบอ้าปากค้างในความหรูหราของมันนี่มันยิ่งกว่าระดับ5ดาวเสียอีกภายในร้านประดับประดาไปด้วยโคมไฟที่ดูแพงมีราคา โต๊ะเก้าอี้ก็เป็นไม้ขัดมันจนเงาวับรูปทรงของมันนั่นช่างดูอ่อนช้อยสวยงามซึ่งมีมากก่วา15โต๊ะพื้นก็เป็นพื้นหินอ่อนสีขาวที่แซมไปด้วยเม็ดหินสีน้ำตาลบ้าง สีดำบ้างถูกขัดจนลื่นเงา และมีบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้น2และและเดี่ยวก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น2ทันที ส่วนชั้น2นี้ก็ไม่แตกต่างจากชั้นล่างมากนักเพียงแต่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมือง ยอดไม้นกบินภูเขา และก็คนเคินตามถนน เดี่ยวเลือกนั่งโต๊ะที่ใกล้กับระเบียงเพื่อที่จะได้ชมวิว เดี่ยวสั่งส้มยำกุ้ง1ถ้วย ลาบน้ำตก1จาน ข้าวเหนียว2กระติ๊บ ซึ่งราคารวมแล้ว 1โกล ในขณะที่เดี่ยวกำลังซดต้มยำกุ้งที่แสนอร่อย เขาก็ได้ยินโต๊ะข้างๆคุยกันเดี่ยวมองไปเห็นเป็นผู้ชาย3คนกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นคนของทางการ(Npc)

"พวกเราเกือบต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่าเกือบไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียซะแล้ว"ชาย1ในนั้นพูดขึ้น

"ดีนะที่ท่าน หยางเซียวมาช่วยพวกเราไว้ทัน"ชายอีกคนก็พูดตาม

"นี่ขนาดแค่ผู้คุมกฎของมันท่านหยางเซียวถึงกับตึงมือ!! แต่ก็ถือว่าภารกิจของเราสำเร็จละนะ ตอนนี้ท่านหยางเซียวกำลังมุงหน้าไปที่จวนของท่านเจ้าเมืองเรื่องนี้ช้าแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่ได้" ชายคนสุดท้ายพูดขึ้น

"ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน"ชายคนแรกพูดขึ้นและชายคนที่2ก็พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย

เดี่ยวแอบฟังตั้งนานจนลาบในจานเกลี้ยงแบบไม่ต้องล้างแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรรู้แต่ภารกิจกับรายงานให้ท่านเจ้าเมืองทราบอย่างเร่งด่วนนี้มันเรื่องคอขาดบาดตายอะไรแล้วเดี่ยวก็ซดน้ำต้มยำกุ้งต่อเมื่อน้ำต้มยำกุ้งหมดแล้วทันไดนั้นเองสีหน้าของเดี่ยวก็ต้องขรึมขึ้นมาในทันทีเมื่อมือทั้ง2ของเขากำลังวุ่นอยู่กับการแกะเปลือกกุ้ง!!

"แม่มเอ่ยราคาตั้งแพงจะแกะเปลือกให้หน่อยก็ไม่ได้"เดี่ยวสบถออกมาและเขาก็ไม่ได้สนใจชายทั้ง3คนนั้นอีกเลย

กุ๊บๆๆ  กุ๊บๆๆ ย่าห์!!  กุ๊บๆๆ เสียงฝีเท้าของม้าเร็วที่ถูกควบโดยชายคนหนึ่งที่มีท่าทางเร่งร้อนกำลังมุ่งหน้าไปที่จวนของท่านเจ้ามาเมืองและในเวลาไม่นานม้าตัวนั้นก็พามันมาถึงจวนท่านเจ้าเมืองแล้วเเรียบร้อยมันรีบลงจากหลังม้าในทันทีโดยมีทหารยามคอยจับม้าให้พร้อมกับพูดขึ้น

"โอ้ว!!ท่านกลับมาแล้วคาราวะ!!ท่านหยางเซียว"

หยางเซียวพยักหน้าให้มันแล้วก็รีบเดินเข้าไปในจวนเจ้าเมืองที่ดูใหญ่โตไม่ต่างจากวังดีๆนี่เอง แต่ว่าก็ไม่ได้ดูหรูหราแต่ว่ามันดูเรียบง่ายแต่ว่าทรงคุณค่า ทั้งการออกแบบและพวกเฟอร์นีเจอร์ก็เป็บแบบเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความประนีตเมื่อหยางเซียวมาถึงห้องห้องหนึ่งที่มีทหารยามเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู2คนเมื่อพวกมันเห็นหยางเซียวพวกมันก็ทำความเคารพแล้วก็เปิดประตูให้หยางเซียวเขาไปทันที

เมื่อหยางเซียวเดินเข้ามาในห้องชายรูปร่างท้วมผิวขาวตาเป็นประกายสุกใสสีหน้าใจดีก็พูดขึ้น

"โอ้หยางเซียวข้าดีใจที่ท่านปลอดภัยกลับมา แล้วได้เรื่องยังไงบ้าง"

"ท่านเจ้าเมือง จักรพรรดิมารออกจากด่านฝึกตนแล้วครับ"หยางเซียวพูดขึ้น

"อะไรนะ!! ถ่ายทอดคำสั่งรีบประชุมด่วนทันที!!"เจ้าเมืองโพล่งขึ้นและพูดด้วยความตื่นตระหนก

แล้วเวลาก็ผ่านไป1ชั่วโมง

ภายในห้องประชุมมีท่านเจ้าเมืองนั่งอยู่หัวโต๊ะยาวมีหยางเซียวยืนอยู่ด้านข้างและมีเก้าอี้ข้างละหน้า5ตัวที่มีคนนั่งเต็มทุกตัวอยู่ทั้ง2ข้างของโต๊ะซึ่งพวกมันแต่ละคนต่างก็พูดคุยกันเดากันไปต่างๆว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงประชุมด่วนซึ่งพวกมันนั่นก็คือปรมาจารย์ของสายอาชีพทั้ง10อาชีพ!! และแล้วท่านเจ้าเมืองก็เปิดปากขึ้นพูดและเสียงที่คุยกันจอแจก็เงียบลงทันที

"ข้าขอขอบคุณท่านปรมมาจารย์ทั้ง10ท่านที่รีบมาประชุมในวันนี้ ข้ามีเรื่องด่วนที่จะแจ้งพวกท่านให้ทราบ ตามที่ข้าได้ให้ท่านหยางเซียวไปเฝ้าดูความเคลือนไหวของนิกายตะวันจันทราและท่านอย่างเซียวได้สีบทราบมาว่าจักรพรรดิมารได้ออกจากด่านฝึกตนแล้ว"

"อะไรนะ!!" ปรมาจารย์ทั้ง10ต่างอุทานขึ้นพร้อมกันและหันหน้าหันหลังมองกันไปมองกันมาแล้วท่านเจ้าเมืองก็พูดต่อ

"ข้าเลยอยากจะหารือเรื่องนี้กับพวกท่านทั้งหลายว่าเราจะทำอย่างไรดี"

การที่จักรพรรดิมารออกจากด่านฝึกตนนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเพราะพวกลูกสมุนของมัน(มอนเตอร์)ที่อยู่พื้นที่ต่างๆมันจะเริ่มป้องกันพื้นที่ยึดครองมากขึ้นและจะมีพวกมอนเตอร์ระดับหัวกะทิออกมาคอยควบคุมพื้นที่ที่ยังไม่ได้ไปบุกเบิกเพราะจักรพรรดิมารจะไม่ยอมเสียอาณาจักรของมันแม้แต่มินเดี่ยว!!ที่ต้องทำการบุกเบิกพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆเพราะว่าคนในเมืองเริ่มแยะขึ้นเลยต้องหาแหล่งอาหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนเป็นพวกNpc เป็นคนบุกเบิกแต่ว่าเมื่อไม่นานมานี่เกิดผู้กล้าปรากฏตัวขึ้นมามากมายเลยช่วยพวกเขาได้อีกแรงหนึ่งแล้ว1ใน10ปรมมาจารย์ก็พูดขึ้น

"เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ข่าวว่าชุมนุมนักฆ่าได้รับจดหมายลับจากผู้กล้าท่านหนึ่งและได้รับภารกิจบางอย่างที่อยู่ในจดหมายลับจากท่านคุไรไปไม่ทราบว่าท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าพวกเราทั้ง10จะได้รับมอบหมายภาระเรื่องจดหมายลับจากท่านอาจารย์ปู่ของแต่ละสำนัก(Npcเรียกสายอาชีพว่าสำนัก)แต่พวกเราจะรู้ก็ต่อเมื่อได้อ่านจดมายลับนั้นเพราะว่ามันมีแค่ฉบับเดียวในเมืองนี้หรือไม่ก็ในโลกใบนี้" ชายรูปร่างกำยำเนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเสื้อกล้ามขนสัตว์ลายเสือมีขนปุกปุยสีขาวอยู่ที่แขนเสื้อและคอเสื้อบนหัวสวมหมวกหัวสุนัขจิ้งจอกสีขาวใบหน้าที่ดูเข้มแข็งและมีรอยแผลเป็นที่แก้มนั่งกอดอกอยู่พูดขึ้นมามันคือ เทร์ปรมาจารย์นักรบคลั่ง(เบอร์เซิกเกอร์) ทุกคนในห้องประชุมต่างก็มองมาที่คุไรเป็นตาเดียวแล้วคุไรก็เอ่ยขึ้น

"เนื้อหาในจดหมายนั้นระบุที่หลบซ่อนของจ้าวแห่งป่าและภารกิจนั้นคือให้ผู้กล้าไปซังหารมันซะแล้วเขาก็ทำสำเร็จแล้วด้วย"

ทุกคนต่างก็ตะลึงขึ้นมาทันทีทั้งที่พวกเขาต่างเคยระดมผู้คนค้นหาตัวจ้าวแห่งป่าแทบพลิกแผ่นดินแต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยหรือว่านี่คือสาเหตุที่จักรพรรดิมารออกมาจากด่านฝึกตนเพราะว่าเจ้าแห่งป่านั้นคือ1ใน10ลูกของมัน!!

"แล้วแผ่นศิลาสีทองทั้ง3แผ่นละท่านได้มอบให้ท่านผู้กล้าหรือยัง"เทร์พูดขึ้น

"ข้ามอบให้แล้ว"คุไรตอบ

"มิน่าละทั้งผลึกทำลายผนึกจดหมายลับและก็แผ่นศิลาสีทองที่ท่านอาจารย์ปู่มอบให้ข้าได้กลายเป็นแสงสลายไปอย่างช้าๆ"เทร์กล่าวขึ้น

"ของข้าด้วย"

"ของข้าก็ด้วย"

"ของข้าก็เช่นกัน" เสียงของปรมาจาย์ต่างๆดังขึ้นเรื่อยๆสรุปว่าแผ่นศิลาสีทองของปรมาจารย์ทั้ง9คนนั้นได้แตกสลายไปหมดทุกคน

แล้วในห้องประชุมก็เงียบสนิทลงในทันทีต่างคนต่างช่วยกันคิดหาวิธีรับมือกับจักรพรรดิมารและแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นหญิงชราใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาดวงตาแจ่มกระจ่างนางใส่ชุดคลุมสีขาวบนอกเสื้อมีรูปกางเขนปักด้วยด้ายหลากสีทำให้ดูเด่นยิ่งนักและมีไม้คทาที่มีอัญมณีเม็ดใหญ่หลากสีประดับอยู่ที่บนยอดไม้คทานั่นตั้งเอียงไว้นิดหน่อยเธอคือไอโอเรียปรมาจารนักบวช(บิชอป)ด้วยความเก่งกาจและมีสติปัญญาที่หลักแหลมผู้คนต่างยอมรับให้เธอเป็นบิชอปหญิงคนแรกของโลกใบนี้!!!

"ข้าว่าท่านผู้กล้าท่านนั้นมีชะตาต้องเผชิญกับจักรพรรดิมารอย่างแน่นนอนข้าว่าเรามาจัดงานประลองยุทธขึ้นเป็นไงเพื่อให้ท่านผู้กล้าคนนั้นปรากฏตัวแล้วผู้คนที่อยู่ในเมืองจะได้รู้จักเขาและคอยสนับสนุนเขา ข้าว่าเขาต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อกรกับจักรพรรดิมารเป็นแน่แท้(ฉลาดสุดๆอ่านเกมส์ขาดมาก555)"เมื่อไอโอเรียพูดจบทุกคนต่างตาเป็นประกายขึ้นมาในทันที

"ข้าเห็นด้วยกับความคิดของท่านไอโอเรีย" ท่านเจ้าเมืองพูดขึ้น

"ข้าก็เห็นด้วย"

"ข้าเห็นด้วย"

"ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน" สรุปทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของไอโอเรียเพราะทุกคนนั่นต่างก็รู้และยอมรับในสติปัญญาของเธอโดยไม่มีข้อกังขาแล้วท่านเจ้าเมืองก็พูดขึ่น

"ดี!! งั้นตกลงตามนี้ข้าจะทำการติดประกาศออกไป อีก2วันจะมีการประลองยุทธของเหล่าท่านผู้กล้าโดยมีเครื่องรางแห่งสวรรค์เป็นของรางวัล!!!" ปรมาจารย์ทั้ง10ต่างตกใจในทันทีเมื่อได้ยินชื่อ เครื่องรางแห่งสวรรค์!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด