ตอนที่แล้วTXV – 66 เคล็ดวิชาและสาวรูปงาม !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV - 68 มือใหม่แล้วไง ?

TXV –  67 การประยุกต์ !


TXV –  67 การประยุกต์ !

 

          เซี่ยเหล่ยสามารถเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ความสามารถของเขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างน่ามหัศจรรย์แล้ว0tมันมีอะไรที่ยากกว่าการเรียนรู้ภาษาหรือการเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัว ? การเรียนรู้ศิลปะการป้องกันตัวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย เขาจดจำการเคลื่อนไหวของอาจารย์ของเขาไว้ในหัว เขาสามารถเรียนรู้มันได้อย่างสบายๆแต่เขาขาดอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือประสบการณ์ในการต่อสู้

 

          เซี่ยเหล่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหนหากเขาเข้าถึงแก่นแท้ของการต่อสู้ ?

 

          แม้แต่หลางเฉิงชุนผู้ที่อยู่กับหวิงชุนมาตลอดชีวิต ก็ไม่สามารถคาดเดาพลังความสามารถของเขาได้….

 

          ผลของการประลองก็คือ หลางซือเหยาสามารถเอาชนะเซี่ยเหล่ยได้ คงมีแต่เซี่ยเหล่ยเท่านั้นที่รู้สาเหตุของการพ่ายแพ้ในการประลองนี้

 

          “คุณเป็นอะไรมั้ย ?” หลางซือเหยาถามด้วยความเป็นห่วง เธอยืนมือออกไปหาเซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเธอ เขาคว้ามือของเธอไว้และดึงตัวเองขึ้นมาจากนั้นเขาหัวเราะออกมาพร้อมกับยิ้ม “ผมสบายดี ผมเคยบอกคุณแล้วหนิ ผมไม่สามารถเอาชนะคุณได้หรอก ! ตอนนี้เชื่อผมรึยังล่ะ ?”

 

          “เนี่ยคุณเพิ่งเรียนหวิงชุนได้เพียงไม่กี่วันจริงๆหรอ ?” ดวงตาของหลางซือเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย

 

          เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “ใช่แล้ว ผมจะโกหกคุณทำไมล่ะ ?”

 

         

          หลางซือเหยาดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อคำพูดของเซี่ยเหล่ย เธอเดินไปที่หลางเฉิงชุนและพูดเบาๆในหูของพ่อเธอว่า “คุณพ่อ เจอศิษย์คนเก่งแล้ว คุณควรจะยอมรับให้เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของหวิงชุน เขาจะนำชื่อเสียงมาสู่สำนักหวิงชุนของพวกเรา !”

 

          แต่...หลางเฉิงชุนดูเหมือนว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว

 

          เมื่อลู่เชิงได้ยินคำพูดของหลางซือเหยาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปทันทีเขาเป็นนักเรียนในสำนักนี้มานานกว่า 3 ปีและเป้าหมายของเขาก็คือได้เป็นศิษย์ของหลางเฉิงชุนแต่ในตอนนั้นหลางซือเหยาไม่เห็นด้วยที่จะให้ลู่เชิงเป็นศิษย์ เธอไม่เคยเห็นความดีในตัวของเขาเลยแต่ไอ้เศษสวะเซี่ยเหล่ย เข้ามาเพียงไม่กี่วันเธอก็อยากให้เขาเป็นศิษย์ของหลางเฉิงชุนซะแล้ว เแล้วจะให้เขานิ่งเฉยได้อย่างไรล่ะ ?

 

          “ฮึ่ม !” ลู่เชิงเดินตรงไปหาเซี่ยเหล่ย

 

          “ผู้ฝึกตนเชิง” หลางซือเหยาดึงตัวของลู่เชิงเอาไว้ในขณะที่ยิ้มและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้ฝึกประลองกับคุณเลย พวกเราลองมาฝึกกันมั้ย ?”

 

          หลางซือเหยาจับแขนของลู่เชิงและพูดน้ำเสียงอันอ่อนหวานว่า “มาเถอะ พี่เชิงมาประลองกัน”

 

          ลู่เชิงฝืนยิ้ม “เอาล่ะ ผมจะฝึกประลองกับคุณเอง” ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้เจอเซี่ยเหล่ยแต่การฝึกซ้อมกับหลางซือเหยานั่นเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเกิดขึ้น..

 

          เหล่านักเรียนเดินเข้าไปในสำนักจากนั้นหลางเฉิงชุนก็เริ่มสอนและให้คำแนะนำนักเรียนเหล่านั้นหลังจากนั้นไม่นานนักเรียนแต่ละคนก็จับคู่ประลองกันเองอย่างเคร่งครัด

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาของลู่เชิงในตอนนั้นมันน่ากลัวมากขณะที่เขาเดินเข้ามาหาเซี่ยเหล่ย เขารู้ดีว่าดวงตาคู่นั้นหมายถึงอะไร หากต้อง

ประลองกับลู่เชิงในตอนนี้เขาจะต้องแพ้ลู่เชิงอย่างราบคาบแน่นอน

 

          ลู่เชิงเริ่มฝึกซ้อมกับหลางซือเหยา หัตถ์ผสาน  ฝ่าผสาน พร้อมกับการเตะและการต่อยการเคลื่อนไหวของพวกเขาสวยงามและเป็นมืออาชีพมาก

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังคิดว่า ‘เรากำลังพยายามที่จะดูร่างกายของหลางซือเหยาก่อนหน้านี้แต่เราไม่มีโอกาสที่จะใช้สายตามองทะลุกับเธอได้เลย ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเพียงแค่เดินผ่านเธอไปเท่านั้นและถ้าเราสามารถรู้สมรรถภาพร่างกายของเธอ เช่น กล้ามเนื้อ กระดูกของเธอได้ บางทีเราอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิม’

 

          เซี่ยเหล่ยตั้งใจดูเธอฝึกซ้อมอย่างขมักเขม่น ตาซ้ายของเขาสามารถมองสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้เช่น เส้นเลือด กล้ามเนื้อภายใต้แขนอันสวยงามของเธอรวมถึงเส้นเอ็นที่ยึดติดกับกระดูกระหว่างการเคลื่อนไหว…

 

          ใขณะเดียวกันตาขวาของเขาจ้องมองหลางซือเหยาออกกระบวนท่าอย่างสวยงาม ขาที่เรียวสวยเหมือนหยกแขนที่อ่อนนุ่ม คงจะมีแต่เซี่ยเหล่ยเท่านั้นแหละที่สามารถมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ได้

 

          ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยสามารถมองได้ทะลุปรุโปร่งกว่าสายตาของคนทั่วไป เขาลองเปรียบเทียบกระบวนท่าง่ายๆที่สองคนนั้นกำลังใช้อยู่ ตาซ้ายของเขาเห็นว่ากล้ามเนื้อ เอ็นและกระดูกทำงานร่วมกันอย่างไร พวกเขาค่อยๆสะสมพลังแล้วปล่อยออกมาช้าๆผ่านกำปั้นของพวกเขา ในตอนนี้ตาซ้ายและตาขวาของเซี่ยเหล่ยทำงานร่วมกัน พลังในเส้นทางของหวิงชุนและความลับของหวิงชุนในที่สุดก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเซี่ยเหล่ย !      

 

          “ผมเห็นแล้ว....ฮี่ฮี่.. !” เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมาขณะที่เขาดูหลางซือเหยาและลู่เชิงประลองกัน เขาค่อยๆเลียนแบบกระบวนท่าของพวกเขาไปเรื่อยๆระหว่างที่จ้องดูพวกเขาฝึกซ้อมกัน

 

 

          ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เห็นการออกกระบวนท่าภายนอกเท่านั้น กระบวนท่าจากภายในร่างกายเขาก็เห็นเช่นกัน !

 

          “ไอ้หนุ่มคนนั้นกำลังทำอะไรหน่ะ ?” มีนักเรียนคนหนึ่งเห็นเซี่ยเหล่ยกำลังเลียนแบบกระบวนท่าของลู่เชิงและหลางซือเหยา

 

          เหล่านักเรียนที่กำลังฝึกซ้อมก็หยุดและหันไปมองที่เซี่ยเหล่ยอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “มันโง่รึไง ? คิดจะเลียนแบบกระบวนท่าของรุ่นพี่หลางซือเหยา”

 

          ในไม่ช้าเหล่านักเรียนจำนวนมากต่างให้ความสนใจกับเซี่ยเหล่ยและเริ่มคุยกันอย่างสนุกปากกับการกระทำแปลกๆของเซี่ยเหล่ย

 

          หลางเฉิงชุนจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยเช่นกัน เขาจ้องมองอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะอ้าปากของเขาด้วยอาการตกใจจนเขาไม่สามารถปิดปากลงได้และมีนักเรียนส่วนหนึ่งที่กำลังหัวเราะเยาะเซี่ยเหล่ยและหาว่าเขาเป็นคนโง่ทำได้แค่ลอกเลียนแบบกระบวนท่าของคนอื่นเท่านั้น …

 

          มีผู้คนมากมายก่อนหน้านี้ที่บอกว่าเซี่ยเหล่ยเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับต้นเท่านั้นแต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญอย่างหลางเฉิงชุนเห็นได้ชัดเลยว่าเซี่ยเหล่ยมีความสามารถสูงแต่เขาไม่สามารถชื่นชมเซี่ยเหล่ยได้อย่างเต็มปากได้ เขาเป็นเหมือนแมวที่เฉลียวฉลาดที่กำลังหาความรู้ตลอดเวลา เขาประทับใจในตัวเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมากในตอนนี้

 

          หลางเฉิงชุนเดินตรงไปหาเซี่ยเหล่ย

 

          เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นหลางเฉิงชุนเดินเข้ามา เขาหยุดการใช้สายตามองทะลุทันที มีภาพหลอนเล็กๆน้อยๆปรากฎตรงหน้าเขาแต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว..

 

          หลางเฉิงชุนจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยและกล่าวชมเชยเซี่ยเหล่ยว่า “เหล่ย คุณเรียนรู้ได้เร็วมากๆเลย”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมาและพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านหลาง ผมแค่มีความจำดีมากๆเท่านั้นเอง”

 

          “ตั้งใจดูผมและรู้เรียนรู้จากมัน” หลางเฉิงชุนกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยแข็งทื่อไประยะหนึ่งจากนั้นเขาพยักหน้าและพูดว่า “ครับ !”

 

          ในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมาหลางเฉิงชุนค่อยๆสอนเซี่ยเหล่ยจากกระบวนท่าขึ้นพื้นฐานและแสดงให้เห็นว่ากระบวนท่าพื้นฐานนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของวิชาระดับสูง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลางเฉิงชุนถึงเปลี่ยนใจมากสอนเขา แต่นี่เป็นโอกาสทองที่ต้องรีบคว้าไว้

 

          เซี่ยเหล่ยรู้เหตุผลที่แท้จริงของการใช้ตาซ้ายของเขาในตอนนี้ก็คือการจับจ้องที่กระบวนท่าของหลางเฉิงชุนมันทำให้เขาเขาถึงแก่นแท้ของหวิงชุน หลางเฉิงชุนคงมีความลับบางอย่างที่ไม่เคยสอนให้แก่คนภายนอกเลยแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนภายนอก นอกจากลูกสาวของเขาเองแล้วเขาไม่เคยสอนเคล็ดลับกับใครขนาดนี้มาก่อน….

 

           หลางเฉิงชุนยังแสดงกระบวนท่าของเขาอย่างช้าๆแต่ในสายตาของเซี่ยเหล่ยแล้วการแสดงกระบวนท่าเหล่านั้นช้าลงไปอีก ทำให้เขาสามารถเก็บรายละเอียดจากกระบวนท่าได้ทั้งหมด

 

          หลางเฉิงชุนกำลังตั้งกระบวนท่าและถามเซี่ยเหล่ยว่า “คุณพร้อมรึยัง ?”

 

          หลังจากที่เซี่ยเหล่ยลอกเลียนแบบกระบวนท่าของหลางเฉิงชุนทั้งหมดแล้ว เขาจึงพูดออกมาว่า“ผมพร้อมแล้วครับ ท่านหลาง”

 

          แต่สิ่งที่เขาเตรียมไว้จริงๆก็คือ ตาซ้ายของเขา…

 

          หลางเฉิงชุนออกหมัดไปพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า จากนั้นเขาถอยหลังกลับมาตั้งหลักโดยทันทีโดยใช้การเคลื่อนไหวแบบหวิงชุน

 

          ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยเข้าสู่โหมดการวิเคราะห์กระบวนท่า เขาวิเคราะห์กระบวนท่าของหลางเฉิงชุนเช่นเดียวกับที่เขาทำกับหลางซือเหยา

 

          การเคลื่อนไหวของหลางเฉิงชุนเป็นที่น่าประทับใจมากการเคลื่อนไหวของเขาแม่นยำและรวดเร็วเหมือนดั่งสายฟ้าฟาดเช่นเดียวกับการอ่อนไหวไปตามสายลมดังต้นหลิว เขาถอยหลังและพุ่งออกมาโจมตีราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ในขณะที่เขาถอยกลับไปอย่างรวดเร็วดังพายุที่เกี้ยวกราด….

 

          ทุกคนในสำนักต่างหยุดการฝึกซ้อมของตัวเองและย้ายมาดูหลางเฉิงชุนและเซี่ยเหล่ย

 

          “ท่านหลางกำลังทำอะไรอยู่ ? เขากำลังสอนเทคนิคของหวิงชุนใช่ไหมล่ะ ?” มีใครบางคนกำลังกล่าว

 

          “แค่นั้นมันยังไม่ชัดเจนหรอ ?” มีใครบางคนกล่าว

 

          “ชายหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วันท่านหลางก็ลงมาสอนเทคนิคหวิงชุนด้วยตัวเขาเอง คิดว่ายังไงล่ะ ?” มีใรบางคนกล่าว

 

          “เขาก็ได้แค่ก็อปปี้แหละหน่า” ใครบางคนกล่าว

 

          “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มีบางคนหัวเราะออกมา

 

          มีความวุ่ยวายเกิดขึ้นในระหว่างนั้น บทสนทนาของทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเซี่ยเหล่ยก็เป็นคนคนที่ชอบลอกเลียนแบบกระบวนท่าของคนอื่น !

 

          ใบหน้าของลู่เชิงไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆและเขากำลังโกรธและโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ หลางเฉิงชุนไม่เคยยอมรับเขาเป็นศิษย์เลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่ในตอนนี้เขายอมรับเซี่ยเหล่ยเป็นศิษย์ของเขาโดยที่เซี่ยเหล่ยเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่เพียงแค่ 3-4 วันเท่านั้นและตอนนี้เขากำลังสอนเซี่ยเหล่ยเกี่ยวกับกระบวนท่าของหวิงชุน แถมกระบวนท่าบางอย่างเขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก !

 

          “หึ่ม !” ลู่เชิงรู้สึกโกรธมากขึ้นเมื่อเขาดูเซี่ยเหล่ย……

 

          หลางซือเหยาไม่ได้สังเกตอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลู่เชิงเลยแม้แต่น้อย เธอเฝ้ามองแต่เซี่ยเหล่ยที่กำลังฝึกกระบวนท่าหวิงชุนกับพ่อของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความอยากรู้อยากเห็น

 

          หลังจากนั้นไม่นานหลางเฉิงชุนผ่อนคลายจากกระบวนท่าและจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ย..

 

          ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยล้มลงไปที่พื้น เขาหอบและเหนื่อยมาก เหงื่อที่ไหลออกมามากมายทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปครึ่งตัว

 

          ในตอนนี้ร่างกายของเขาใช้พลังงานมากเกินไป เขาใช้พลังจากตาซ้ายอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกระบวนท่าหวิงชุนไปพร้อมๆกัน

 

          ทันทีที่เซี่ยเหล่ยล้มตัวลงไปที่พื้น ภาพหลอนก็ปรากฏขึ้นมาสำนักแห่งนี้กลายเป็นโรงเรียนอนุบาลและกำแพงก็ถูกทาด้วยสีโปสเตอร์ลายดอกทานตะวันและดวงอาทิตย์จากนั้นนักเรียนที่นี่ก็กลายเป็นเด็กอนุบาลน่ารักๆที่กำลังจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นเขาเห็นหลางซือเหยาเป็นเด็กผู้หญิงสาวผูกผมเปียและผูกโบว์สีแดงที่น่ารักมากๆ

 

          “เหล่ย คุณเป็นอะไรมั้ย  ?”  หลางเฉิงชุนเดินไปหาเซี่ยเหล่ยด้วยความกังวลและเห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังป่วย

 

          เซี่ยเหล่ยรีบส่ายหน้าอย่างแรงจากนั้นภาพหลอนเหล่านี้ได้จางหายไป เขากำลังพยุงตัวเองขึ้ยมาในขณะที่พูดว่า “ผมสบายดี ผมไม่เป็นอะไรหรอก ผมจะดีขึ้นเมื่อผมได้พักผ่อนสักหน่อย”

 

          “คุณสบายดีจริงๆนะ ?”

 

          “ครับ ท่านหลางไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ” เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดต่อว่า “ขอบคุณที่สอนกระบวนท่าของหวิงชุนให้นะครับ ผมได้เรียนรู้ขึ้นเยอะเลย”

 

          หลางเฉิงชุนถามอย่างสงสัยว่า “บอกผมได้มั้ย คุณเรียนรู้อะไรได้บ้าง ?”

 

          เซี่ยเหล่ยหยุดคิดสักครู่หนึ่ง “ผมไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเล็กน้อยมั้ง ? หรือบางทีอาจได้เรียนรู้เยอะกว่าเดิมนิดหน่อย”

 

          หลางเฉิงชุนรู้สึกไม่พอใจกับคำตอบของเขา….

 

          “เหอะ !” ลู่เชิงเย้ยหยันออกมา “คุณกำลังจะบอกว่าเรียนรู้ได้นิดเดียว ? ให้ผมเรียนกับท่านหลางเฉิงชุนสิ ผมจะแสดงให้คุณดูว่าผมเรียนรู้ได้มากแค่ไหน ?”

 

          ทั้งหลางเฉิงชุนและหลางซือเหยาต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา….

 

          เซี่ยเหล่ยกัดฟันด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ แต่ให้ผมพักสักครึ่งชั่วโมงจากนั้นผมจะสู้กับคุณหลังจากครึ่งชั่วโมงนี้….”

 

 

          ติดตามตอนต่อไป….

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด