ตอนที่แล้วTXV – 23 งานชิ้นสำคัญ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  25  การพบเจอ !

TXV – 24 ภาษาต่างประเทศ ? ช่างง่ายดายเหลือเกิน...


TXV – 24 ภาษาต่างประเทศ ? ช่างง่ายดายเหลือเกิน...

 

          เซี่ยเหล่ยเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนบ่ายยาวไปถึงดึก !

 

          หม่าเสี่ยวอันโทรมาถามเซี่ยเหล่ยอยู่เสมอว่ามีอะไรให้เขาช่วยรึปล่าว เซี่ยเหล่ยบอกไม่เป็นไร ให้หม่าเสี่ยวอันไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาเปิดร้านในตอนเช้า หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยยังคงใช้เวลากับการสร้างชิ้นส่วนเข็มทิศขึ้นมาใหม่เขาทำการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของเข็มทิศจนเกือบเสร็จแล้ว

 

          หนิงจิงไม่สามารถช่วยอะไรได้เธอจึงนั่งอยู่โต๊ะทำงานของเซี่ยเหล่ยจากนั้นเธอหยิบหนังสือที่เซียเหล่ยวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาแล้วลองเปิดอ่านดูหนังสือนี้มีชื่อว่า ‘Contemporary German for University’ เธอพูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณเซี่ยเรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวคุณเองหรอ ?”

 

          “ใช่แล้ว ผมอยากเพิ่มพูนความรู้ของตัวผมเอง” เซี่ยเหล่ยตอบ

 

          “Sprechen Sie Deutsch?” ทันใดนั้นหนิงจิงได้พูดภาษาเยอรมันออกมา

 

          ตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยเริ่มมีปฏิกิริยาจากคำพูดของหนิงจิง คำพูดนี้ของหนิงจิงมันทำให้เขานึกถึงคำๆหนึ่งในหัวของเขา รวมไปถึงการออกเสียงที่น่าสนใจมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนพูดภาษาเยอรมัน เขาเข้าใจความหมายของหนิงจิงว่าเธอพูดมันหมายความว่าอะไร หนิงจิงพูดต่อว่า “คุณพูดภาษาเยอรมันได้รึ ?”

 

          “Sprechen Sie Deutsch?” หนิงจิงพูดซ้ำคำพูดนี้เป็นการออกเสียงที่ซับซ้อนเธอจงใจพูดเพื่อทดสอบสิ่งที่เธอคิดในใจ เธอค่อนข้างประหลาดใจว่าช่างเชื่อมแบบคุณเซี่ยสามารถเข้าใจภาษาเยอรมันด้วย ?

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังคิดคำตอบอยู่ในหัวของเขาเพราะคำพูดนี้ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมที่เขาเคยอ่านแต่ตาซ้ายของเขากำลังเรียบเรียงหลักไวยากรณ์และคำพูดของภาษาเยอรมันที่ออกเสียงคล้ายๆของหนิงจิงในหัวของเขา เพื่อรวมกันและสร้างประโยคใหม่ขึ้นมานี่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมหัศจรรย์เป็นอย่างมากเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นในการประมวลผล

 

          มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซี่ยเหล่ยขณะที่เขาพูดว่า “Ich kann Deutsch, aber ich spreche nicht sehr gut.”

 

          เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “ฉันสามารถพูดภาษาเยอรมันได้แต่พูดได้ไม่ค่อยคล่องหรอก”

 

          หนิงจิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจและยังคงพูดต่อว่า “คุณสามารถพูดภาษาเยอรมันได้จริงๆ อะไรล่ะที่ทำให้คุณอยากเรียนรู้ภาษาเยอรมัน ?” มันไม่ใช่ภาษาต่างประเทศที่คนทั่วไปอยากจะเรียนรู้ คนทั่วๆไปจะเลือกเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพราะภาษาอังกฤษนี้ใช้อย่างแพร่หลายบนโลกใบนี้

 

          ในไม่ช้าเซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “Mademoiselle  je parle un peu le français.”

 

          “คุณ….” หนิงจิงไม่สามารถนั่งเฉยได้ต่อไปจากนั้นเธอรีบขึ้นยืนและพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณพูดภาษาฝรั่งเศษได้ด้วยหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ใช่ แต่ฉันพูดภาษาฝั่งเศษได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง”

 

          “โอ้ววววิเศษมาก ! คุณมีความสามารถลึกลับซ่อนอยู่อีกมากมายนัก ฉันรู้แค่ภาษาอังกฤษและเยอรมันแต่ฉันไม่สามารถรู้ภาษาฝรั่งเศษ คุณเก่งกว่าฉัน !” หนิงจิงกล่าวยกย่องเซี่ยเหล่ยเธอมองที่เซี่ยเหล่ยด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

 

          “คุณทำได้ยังไง ? ฉันเพิ่งเรียนรู้ประโยคง่ายๆเมื่อฉันได้รับปริญญาเอกได้ไม่นานแต่คุณอายุยังน้อยและสามารถทำได้ขนาดนี้ฉันขอชื่นชมคุณจริงๆ”

 

“โอ๊ะ ไม่ ไม่… ฉันต่างหากที่ต้องชื่นชมคุณ คุณมีฝีมือที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยแถมยังคุณยังสามารถเรียนรู้ภาษาเยอรมันและภาษาฝรั่งเศสได้อีกแสดงว่าคุณต้องมีหัวดีมากๆและความพยายามในการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอทัศนคติที่ดีแบบนี้คือสิ่งที่ฉันจะต้องเลียนแบบคุณ” หนิงจิงกล่าว

 

 

          “ฮี่ฮี่…. เราควรทำงานต่อมั้ย ?” เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมาจากนั้นเขาหันกลับไปทำงานต่อ

 

          หนิงจิงยังคงจ้องมองที่เซี่ยเหล่ยและไม่สามารถละสายตาออกจากเขาได้มันน่าตลกยิ่งนัก ! เมื่อฉันเจอเขาในครั้งแรก ฉันคิดว่าเขาคงเป็นคนที่ไม่มีความสามารถแต่ในตอนนี้เขามีทักษะการเชื่อมที่เก่งกาจและทักษะการพูดภาษาเยอรมันและฝรั่งเศสได้อีกนอกจากที่ฉันมีปริญญาเอก ฉันมีอะไรที่ดีกว่าเขาไหมเนี่ย ? หนิงจิงพูดในใจ

 

          ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความยินดีและรู้สึกอายไปในเวลาเดียวกัน

 

          เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่เธอกำลังชื่นชมอยู่ตอนนี้เป็นเพียงเพชรที่หยาบกร้านไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่าเซี่ยเหล่ยจะเติบโตและอนาคตของเขาจะสดใสแค่ไหน !

 

          “เอาล่ะ ใกล้เสร็จแล้ว !” เซี่ยเหล่ยปิดเครื่องจักรเหล่านั้นและเขาหยิบชิ้นงานมาวางไว้ใต้โคมไฟเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง

 

          หนิงจิงเอียงศีรษะของเธอมาดูที่เซี่ยเหล่ยและชิ้นส่วนที่อยู่บนโต๊ะ “นี่คือส่วนสุดท้ายแล้วใช่มั้ย ?”

 

          “ใช่ นี่มันส่วนสุดท้ายแล้ว” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “คุณทำงานเสร็จเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้สะอีก” หนิงจิงกล่าว “ฉันขอถามคุณว่า ฉันสามารถนอนที่ไหนได้บ้างนี่มันก็ดึกมากแล้ว ?”

 

          “ฮี่ฮี่….คุณจะนอนที่นี่ก็ได้นะ แต่คุณต้องจ่ายเงิน”

 

          “คุณไม่มีเตียงให้ฉันนอน ฉันไม่มีทางนอนที่นี่เด็ดขาดถึงแม้ว่าฉันง่วงมากแค่ไหนก็ตาม”

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังจะบอกว่าเขามีเตียงที่พับได้อยู่แต่เขาก็ไม่พูดถึงมันเพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดเขาจึงเปลี่ยนคำพูดไปว่า “ผมจะไปส่งพี่หนิง พี่จะกลับบ้านหรือจะให้ไปส่งที่สำนักงานโบราณคดี ?”

 

          หนิงจิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยและยิ้มออกมา “คุณจะส่งฉันกลับบ้านและให้ฉันขับรถกลับมาส่งคุณ ?”

 

          “คุณจะให้ผมนำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบกันในคืนนี้เลยหรือไม่ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          หนิงจิงพยักหน้า “มันคงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์เป็นแน่ ฉันอยากจะไขความลับของมันจนทนไม่ไหวแล้ว !”

 

          “ตกลง ผมจะไปกับคุณที่สำนักงานโบราณคดี” เซี่ยเหล่ยก็อยากรู้ความลับของเข็มทิศนี่เหมือนกันว่ามันซ่อนอะไรไว้อยู่

 

          ครึ่งชั่วโมงต่อมาเซี่ยเหล่ยและหนิงจิงมาถึงที่สำนักงานโบราณคดีและเขาไปที่ห้องสตูดิโอของสำนักงานแทนที่จะไปห้องพิพิธภัณฑ์

 

          สตูดิโอแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งโบราณมากมายเช่นเครื่องใช้โบราณหายากหรือแร่เก่าแก่วางอยู่มากมายทำให้ห้องนี้ดูแคบไปทันทีจากนั้นหนิงจิงทำความสะอาดโต๊ะทำงานเพื่อที่จะวางชิ้นส่วนเข็มทิศและชิ้นส่วนที่เลียนแบบไว้บนโต๊ะ

 

          “คุณจะไม่เรียกศาสตราจารย์ฮัวเว่ยกั่วมาด้วยหรอ ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          หนิงจิงคิดสักครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ช่างเขาไปเถอะ เขาจะมาในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า คุณเซี่ยฉันขอให้คุณช่วยประกอบเข็มทิศให้เสร็จในคืนนี้ได้ไหม ?”

 

          “ได้เลย !”เซี่ยเหล่ยตอบอย่างรวดเร็ว

 

          “เดี๋ยวฉันจะไปชงชามาให้คุณนะ” หนิงจิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องทำตัวเป็นทางการแบบนั้นก็ได้ พี่หนิง”

 

          “ฉันจะไปเอาชาไหมคุณดื่มเพื่อไม่ให้คุณง่วงนอน คุณจะได้ทำงานต่อไปได้ฉันจะกลับมาให้ที่สุด แป๊บนึงนะ” หนิงจิงเดินออกจากห้องไป

 

          เซี่ยเหล่ยมองไปที่เธอขณะเธอเดินออกไปจากห้อง จากนั้นเขาหันกลับมาที่โต๊ะเพื่อทำการประกอบเข็มทิศต่อ

 

          นี่เป็นงานชิ้นแรกที่เขาทำเกี่ยวกับการซ่อมเข็มทิศเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาได้รับประสบการณ์ในการซ่อมเข็มทิศที่มีรูปร่างคล้ายนาฬิกานับเป็นประประสบการณ์ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้....

 

          เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง หนิงจิงก็เดินกลับมาในห้องพร้อมกับถ้วยชาจากในขณะนั้นเซี่ยเหล่ยได้ประกอบชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายในเข็มทิศเสร็จพอดี !

 

          เข็มสีทองในหน้าปัดเข็มทิศ มันชี้ไปทางทิศเหนือทันที !

 

          เซี่ยเหล่ยวางเข็มทิศลงบนโต๊ะและยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “สำเร็จแล้ว !”

 

          หนิงจิงเดินเข้ามาอย่างช้าช้าแล้วจ้องเขม็งไปที่เข็มทิศบนโต๊ะทำงาน “คุณซ่อมมันสำเร็จแล้วหรอ ?” เธอพูดด้วยความยินดี

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม เขาวางเข็มทิศบนโต๊ะอย่างช้าๆเขาใช้เวลาในการประกอบเข็มทิศรวดเร็วซะยิ่งกว่าหนิงจิงชงชาให้เขาเสียอีก

 

          “มันกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ! คุณประกอบชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายสำเร็จแล้ว ?” หนิงจิงดันแว่นตาไปที่ดั้งจมูกและจ้องมองที่เข็มทิศแบบตาไม่กระพริบ

 

          “ใช่ ผมนำชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายใส่ลงไปในเข็มทิศแล้ว ผมคิดว่าคุณควรจะลองใช้ชิ้นส่วนอันเก่าของเข็มทิศก่อนจากนั้นค่อยใช้ส่วนที่ได้ทำการเลียนแบบไว้ เพื่อที่เข็มทิศจะได้แสดงทิศทางที่ถูกต้องมากขึ้น” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “คุณคิดรอบคอบมาก ! โอ๊ะ ฉันลืมเอาชาให้คุณเลย” หนิงจิงนำถ้วยชาที่ถือไว้ในมือยื่นให้กับเซี่ยเหล่ยหลังจากนั้นเธอก็รีบไปดูเข็มทิศทันที

 

          เซี่ยเหล่ยไม่ได้กระหายน้ำเลย เขากินน้ำชาแค่ 1 จิบแล้ววางมันไว้ข้างๆโต๊ะจากนั้นเขาเดินไปด้านหน้าของหนิงจิงที่กำลังดูเข็มทิศอยู่

 

          กลิ่นน้ำหอมของหนิงจิงมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์มากเธอไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังยืนอยู่ใกล้ๆเซี่ยเหล่ยในตอนนี้สายตาของเซี่ยเหล่ยเห็นภูเขาหิมะ 2 ลูกที่อยู่ตรงหน้าในขณะที่เธอไม่ทันระวังตัวหนิงจิงเธอสวมเสื้อคอลึกและกำลังก้มดูเข็มทิศอย่างขมักเขม่น

 

          ภายใต้แสงไฟ ความสวยของหนิงจิง กลิ่นที่ยั่วยวนคละคลุ้งไปทั่วห้องสิ่งเหล่านั้นรวมกันเป็นภาพที่เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกๆราวกับว่ากำลังสัมผัสถึงสิ่งลี้ลับที่ยากที่จะอธิบายได้

 

          “คุณเซี่ยช่วยประกอบชิ้นส่วนที่เลียนแบบไว้ลงในเข็มทิศหน่อย ฉันจะดูผลลัพธ์ของเข็มทิศที่แตกต่างกันออกไป” หนิงจิงกล่าว

 

          “ไม่มีปัญหา” เซี่ยเหล่ยได้ทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนอย่างรวดเร็ว

 

          อย่างไรก็ตามเข็มทิศไม่ทำงานอะไรเลยหลังจากที่ทำการเปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนที่เลียนแบบไว้

 

          หนิงจิงรีบตรวจสอบอย่างรวดเร็วและพูดกับเซี่ยเหล่ยเบาๆว่า “มันเป็นสิ่งที่แปลกมากทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? คุณเซี่ย คุณเอาชิ้นส่วนเดิมมาประกอบได้ไหม ?”

 

          เซี่ยเหล่ยก็คิดว่ามันแปลกเกินไปแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามคำถามใดๆ ในครั้งนี้เข็มทิศกลับมาทำงานอีกครั้งและเข็มมันชี้ไปทางทิศเหนือ

 

          “ฉันคิดว่า…..ชิ้นส่วนของเข็มทิศทำมาจากวัสดุพิเศษที่มีแต่ในสมัยราชวงศ์หมิงเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มาก” หนิงจิงกล่าว

 

          “พวกคุณจะต้องศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนงานของผมเสร็จแล้ว”

 

          ในขณะนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็วและมีบางคนเดินเข้ามาในห้องใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏต่อหน้าเซี่ยเหล่ยและหนิงจิง......

 

          คนนั้นคือ หลงบิง ! บรรยากาศที่เยือกเย็นที่ออกมาจากตัวเธอ เธอเหลือบไปมองที่เซี่ยเหล่ยและหนิงจิงก่อนที่เธอจะหันไปมองที่เข็มทิศ

 

          “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ ?” เซี่ยถามอย่างแปลกใจ

 

          “คุณซ่อมมันเสร็จ ฉันก็มา” หลงบิงเดินไปที่โต๊ะจากนั้นเธอหยิบเข็มทิศแล้วกำลังเดินออกไป

 

          หนิงจิงไม่พอใจเป็นอย่างมากและรีบเดินไปขวางทางของหลงบิง “คุณหลง คุณจะทำอะไร ? คุณไม่สามารถเอาเข็มทิศอันนี้ออกไปได้ !”

 

          “ฉันไม่ต้องการให้คุณแสดงความคิดห็น หัวหน้าสำนักงานโบราณคดีไม่ได้พูดแบบนี้ ออกไปซะอย่ามาเป็นเสี้ยนหนามในการทำงานของฉัน” หลงบิงพูดอย่างเย็นชา

 

          “ไม่ ! คุณไม่สามารถนำเข็มทิศอันนี้ออกไปได้ ! อธิบายเหตุผลของคุณมา !” หนิงจิงยังคงยืนขวางทางอยู่

 

          ทันใดนั้นหลงบิงคว้ามีดสั้นไปจ่อที่คอของหนิงจิง เธอกำลังพูดด้วยน้ำเสียงพึมพัมขณะที่หนิงจิงกำลังเอียงคอหนีจากคมมีดจากนั้นเธอก็ทรุดตัวลงไปที่พื้น

 

          เซี่ยเหล่ยรีบไปคว้าตัวของหนิงจิงเพื่อไม่ให้ตัวของเธอกระทบกับพื้น “ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะ ? เธอไม่เคยทำอะไรคุณ” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความตกใจ

 

          “เธอจะฟื้นหลังจาก 15 นาทีนี้ตอนนี้ช่วยดูแลเธอด้วยและขอความร่วมมือในการทำงานครั้งนี้ด้วย ฉันจะติดต่อคุณเมื่อมีงานชิ้นถัดไปให้คุณช่วย” หลงบิงกล่าวอย่างเย็นชา

 

          “คุณไม่ถามผมเลยหรอว่าผมจะทำงานชิ้นต่อไปให้คุณไหม ? ผมซ่อมเข็มทิศให้คุณแล้วช่วยบอกได้ไหมว่าคุณจะเอาไปทำอะไร ?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างหดหู่

 

          “อย่าถามในสิ่งที่คุณไม่ควรรู้ ! ลาก่อน” หลงบิงเดินออกไปโดยไม่มีคำพูดใดๆอีก

 

          เซี่ยเหล่ยจับตัวของหนิงจิงที่ไม่มีสติไว้ในอ้อมแขนของเขาในขณะที่เขาจ้องมองหลงบิงเดินออกไปจากห้อง เขาหยุดคิดสักครู่หนึ่งหลังจากนั้น……..

 

          ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

 

###################################################################

 

         

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด