ตอนที่แล้วTXV – 24 ภาษาต่างประเทศ ? ช่างง่ายดายเหลือเกิน...
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 26 แท้จริงแล้ว... ?

TXV –  25  การพบเจอ !


TXV –  25  การพบเจอ !

 

          หลงบิงปรากฎตัวขึ้นและหายตัวไปอย่างรวดเร็วจนเซี่ยเหล่ยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเขาชินกับความรู้สึกแบบนี้แล้ว เขากำลังคิดว่าสำนักงานโบราณคดีมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลงบิง ? เธอนำเข็มทิศไปทำอะไร ?

 

          อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปเปิดให้บริการหลังจากนั้น 3 วันกิจการที่นี่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่มากทั้งหม่าเสี่ยวอั้นและเซี่ยเหล่ยทำงานแตกต่างกันออกไป หม่าเสี่ยวอันจะทำงานรับจ้างทั่วไปแต่เซี่ยเหล่ยจะทำงานที่ยากและซับซ้อน ในช่วงเย็นของวันพวกเขาได้รับเงินทั้งสิ้น 1400 หยวน

 

          “มันเป็นเงินที่น้อยนิด” เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างไม่พึงพอใจ

 

          ในทางตรงกันข้ามหม่าเสี่ยวอันรู้สึกมีความสุขมาก “เหล่ย เราไม่ได้ทำอะไรมากมายพวกเรายังได้เงินตั้ง 1400 หยวน พวกเราทำงานได้ดีมากในอาทิตย์นี้หลังจากนี้คุณคงไม่ต้องกลับไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างอีกแล้ว”

 

          เมื่อก่อนพวกเขาสองคนทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างได้เพียงวันละ 100 หยวนต่อวัน เมื่อพวกเขาเปิดร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปพวกเขามีรายได้อาทิตย์ละ 1400 หยวนเงินจำนวนนี้คือนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆ

 

          เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ถ้าสำนักงานโบราณคดีจ่ายค่าจ้างให้เรา เราคงได้ 50,000 หยวนหรืออาจจะได้มากกว่านี้ เงินจำนวนมากมายขนาดนี้เท่ากับเวลาที่เราทำงานทั้งปี เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา”

 

          “สำนักงานโบราณคดีเป็นหน่วยงานของรัฐ พวกเราคงจะได้ค่าตอบแทนเหล่านั้นในไม่ช้านี้” หม่าเสี่ยวอันกล่าว

 

          ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตูทางเข้า เธอเป็นสาวสวย เธอน่าจะมีอายุ 20 ต้นๆเธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีสีสันสวยงาม หน้าอกของเธอมีขนาดใหญ่เต่งตึงจนกระดุมแทบจะปริออกมา เธอสวมกางเกงยีนราคาถูกรวมถึงใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวที่เต็มไปด้วยโคลนติดตรงบริเวณใต้รองเท้า เมื่อมองเธอจากการแต่งตัวก็บอกได้เลยว่าเธอเป็นสาวชนบทอย่างแน่นอน

 

          “ขอโทษนะคุณลูกค้า คุณกำลังหาอะไรอยู่หรือเปล่า ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          “ฉัน…..” ผู้หญิงกำลังวิตกกังวล “ใครเป็นเจ้าของร้านนี้ ?”

 

          สำเนียงการพูดของเธอเหมือนคนที่มาจากเมืองสือฉวน

 

          ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะพูดออกมา หม่าเสี่ยวอันชี้ไปที่เซี่ยเหล่ยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อย คนนี้ไงล่ะเจ้าของร้านมีธุระอะไรกับเขาหรอ ?”

 

          ผู้หญิงคนนั้นเดินมาหาและรวบรวมความกล้าทั้งหมดทำการโค้งคำนับเขาและพูดอย่างเก้ๆกังๆว่า “เจ้านาย….ฉัน..ฉัน… ช่วยรับฉันเป็นลูกจ้างได้ไหม ? ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้ฉันล้างจาน ทำความสะอาดหรือทำอาหาร….ก็ได้”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้มและกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้เปิดร้านอาหารเพราะฉะนั้นแล้วเราไม่ต้องการคนที่จะมาล้างจานหรือมาทำความสะอาด ผมขอโทษด้วยนะ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหาร”

 

          ผู้หญิงคนนี้รู้สึกเสียใจเล็กน้อยแต่เธอไม่ได้พูดอะไรและเธอหันหน้าและเดินออกไป

 

          เซี่ยเหล่ยมองมันที่รองเท้าของเธอและเขาเห็นว่าเธอกำลังสวมรองเท้ายี่ห้อพิมส์โซลล์ รองเท้ายี่ห้อนี้เป็นรองเท้าที่มีชื่อเสียงและมันแปลกมากที่เธอมาจากชนบทแล้วมีรองเท้าคู่นี้ใส่บางทีเธออาจจะถูกไล่ออกจากโรงงานพิมส์โซลล์ก็เป็นไปได้ เซี่ยเหล่ยรู้สึกใจอ่อนและเขาเรียกเธอกลับมาแล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ! คุณกำลังหางานอยู่ใช่ไหม ?”

 

          หญิงสาวคนนั้นมองไปที่เซี่ยเหล่ยและเธอพูดอย่างช้าๆว่า “พ่อของฉันก็อายุมากแล้วท่านจึงไม่สามารถทำงานได้ น้องชายของฉันต้องการที่จะไปโรงเรียนแต่พวกเราไม่มีเงินจึงให้น้องชายพักการเรียนเพราะอย่างนั้นฉันเลยต้องหางานทำ” ขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเซี่ยเหล่ยดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “แ...แต่ ฉันไม่มีทักษะอะไรมากมาย ฉันมีแค่ทักษะในร้านอาหารเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงของการจ้างงานด้วย ฉันใช้เงินทั้งหมดของฉันไปหมดแล้วและฉันก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ฉัน….”      

 

          เซี่ยเหล่ยพูดตัดประโยคของเธอ “พอเถอะผมจะจ้างคุณ 3,000 หยวนต่อเดือนรวมทั้งค่าอาหารและที่พัก”

 

          “อะไร….นะ”  มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากสำหรับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังมองหางาน

         

          หญิงสาวคนนั้นจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความรู้สึกขอบคุณจนเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้….

 

          หม่าเสี่ยวอันดึงแขนเซี่ยเหล่ยและพูดกับเขาด้วยเสียงเบาๆว่า “เห้ย ! เหล่ยทำไมถึงรับเธอเข้ามาทำงาน ? ผมรู้ว่าคุณสงสารเธอแต่มีวิธีการตั้งมากมายที่จะช่วยเธอเราต้องประหยัดเงินให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะรับเธอเข้ามาทำงานก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างมากมายขนาดนั้นผู้หญิงในชนบทแบบเธอควรจะได้เงินเพียงแค่ 1500 หยวนรวมทั้งที่พักและค่าอาหาร”

 

          “เธอต้องการความช่วยเหลือจากเรา เธออยากให้น้องชายเธอมีการศึกษาไม่ใช่หรอ ? เราอาจจะได้กำไรจากการเปิดร้านน้อยลงแต่เมื่อมันเทียบกับการให้โอกาสคนหนึ่งมีศึกษาชีวิตของเขาคงจะดีขึ้นมากๆเลยล่ะ แล้วนายคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ดีหรอ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          หม่าเสี่ยวอันถอนหายใจออกมา เขารู้ดีว่าเซี่ยเหล่ยคงไม่มีทางเปลี่ยนความคิดนี้อย่างแน่นอนเขาต้องการให้หญิงสาวคนนี้มีค่าแรงที่สูงเพราะต้องการให้เธอนำค่าจ้างนี้ไปให้น้องชายของเธอเพื่อการศึกษาต่อแต่หม่าเสี่ยวอันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เขาต้องการที่จะประหยัดเงินแต่เจ้าของร้านแห่งนี้คือเซี่ยเหล่ยเขาจึงไม่ได้พูดโต้เถียงกับเซี่ยเหล่ยต่อ

 

 

          หญิงสาวคนนั้นพูดต่อว่า “เจ้านาย จะให้ฉันเริ่มงานวันนี้เลยมั้ย ? แล้วให้ฉันทำอะไรล่ะ ?”

 

          “คุณกลัวว่าเจ้านายจะไม่พอใจงั้นหรอ ? ไม่ต้องห่วงเจ้านายของคุณเป็นคนดี เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีและคงไม่ไล่คุณออกในเร็วๆนี้หรอก” หม่าเสี่ยวอันพูดอย่างไม่พอใจ

 

          หญิงสาวคนนั้นสูดลมหายใจและพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณค่ะ เจ้านาย ! ขอบคุณพี่ใหญ่ !”

 

          “พวกเราได้รับคำขอบคุณแล้ว ! ไม่ต้องเป็นทางการมากหรอก โอ๊ะ..ใช่สิ คุณชื่ออะไรหรอ ? ผมชื่อเซี่ยเหล่ยและเขาคนนี้ชื่อหม่าเสี่ยวอัน” เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมา

 

          “ฉันชื่อจูเสี่ยวหง” เธอพูดเสร็จแล้วดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรจะพูดอีก “สวัสเจ้านายเซี่ย สวัสดีพี่ใหญ่หม่า !”

 

          หม่าเสี่ยวอัน ยังคงรู้สึกอึดอัดใจที่เซี่ยเหล่ยจ้างเธอมาทำงานแต่เมื่อจูเสี่ยวหงพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เจ้านายและพี่ใหญ่”ทำให้ใจของหม่าเสี่ยวอันอ่อนลง จูเสี่ยวหงเป็นหญิงสาวที่กำลังมีไฟในการทำงาน !

 

          “คุณมีที่พักมั้ย ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          จูเสี่ยวหงเอียงคอและพูดอย่างเขินอายว่า “งืม….. เงินของฉัน..ใช้หมดไปแล้ว ฉันเพิ่งโดนโรงแรมไล่ออกจากห้องเมื่อเช้านี้”

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังคิดอะไรบางอย่างและพูดว่า “ทำไมคุณไม่มาพักที่ร้านเราเลยล่ะเรามีเตียงพับ ผมจะให้คุณดูจากนั้นคุณสามารถพักที่นี่ได้เลยถ้าคุณต้องการ”

 

          “คุณเป็นคนที่ใจดีจริงๆ เจ้านายเซี่ย ขอบคุณมากๆค่ะ” จูเสี่ยวหงกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ขอบคุณอีกแล้ว ! อย่าพูดแบบนี้บ่อยๆนะ”

 

          จูเสี่ยวหงเขินอายแล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องสั่งอาหารที่ดีๆให้ฉันหรอก คุณให้ฉันทานบะหมี่สำเร็จรูปก็เพียงพอแล้ว”

 

          “จะทรมานตัวเองไปทำไม ? เสี่ยวอันพาเธอไปที่ร้านอาหารสือฉวนตรงข้ามกับร้านเราสิ ผมจะเตรียมที่พักให้เธอ”

 

          “ตกลง !” หม่าเสี่ยวอันเดินเข้าไปข้างๆเซี่ยเหล่ยแล้วพูดเบาๆว่า “ทำไมคุณไม่พาเธอไปที่บ้านล่ะ ? พาเธอกลับบ้านสิ ฮี่ฮี่”

 

          เซี่ยเหล่ยเหยียบเท้าของหม่าเสี่ยวอันอย่างแรง “คิดอะไรทุเรศ ไปได้แล้ว !”

 

          หม่าเสี่ยวอันรู้สึกเจ็บแต่ไม่แสดงออกมา เขายิ้มและเดินไปหาจูเสี่ยวหง จริงๆแล้วเขาแค่พูดล้อเล่น เซี่ยเหล่ยไม่ใช่คนแบบนั้นเพราะว่าเขาอยู่กับเซี่ยเหล่ยมานานแล้วจึงรู้จักนิสัยซึ่งกันและกัน

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังกางเตียงออกจากนั้นใส่ผ้านวมนุ่มๆเพื่อเป็นฝูกรองนอนเพื่อให้เธอได้นอนสบายและเขาเพิ่งซื้อที่นอนฝืนใหม่มาและไม่คิดว่าจะได้ใช้ในวันนี้ เธอคงเป็นคนแรกที่ได้ใช้มัน

 

“เจ้านายเซี่ย ฉันจะให้คุณทำงานแทนฉันได้ยังไง ? ให้ฉันเป็นคนทำเองเถอะ”  ขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังปูเตียงจูเสี่ยวหงได้ผลักตัวเขาออกไป

 

 

          เซี่ยเหล่ยเห็นการทำงานที่ว่องไวของเธอคิดว่าจะมอบเงินให้เธอในวันพรุ่งนี้ 3,000 หยวนรวมทั้งค่าอาหารและที่พัก แต่เขาก็ต้องรู้สึกผิดหวังเพราะเขาไม่สามารถจ่ายเงินเหล่านั้นให้เธอได้ในตอนนี้ การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเขาคิดว่าเธอสามารถทำได้อย่างแน่นอนแต่ถ้าเป็นงานเชื่อมโลหะเธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโลหะเสียก่อน แต่เธอยังอายุน้อยและสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เธอจะสามารถทำงานได้เต็มตัวในระยะเวลา 2 เดือนเพราะฉะนั้นแล้วในช่วงนี้จะให้เธอช่วยดูแลลูกค้าและทำความสะอาดร้านไปก่อนวิธีการเชื่อมและการกลึงจะสอนเธอตอนที่มีเวลาว่าง...

 

          “มันดูใหม่เหมือนเพิ่งซื้อมา เจ้านายเซี่ยฉันสามารถนอนที่นี่ได้จริงๆหรอ ?” จูเสี่ยวหงกล่าว

 

          “ทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ ? คุณอยากนอนก็นอนเลยเมื่อคุณอยู่ที่ร้านแห่งนี้ชีวิตของคุณอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ”

 

          “ค่ะ เจ้านายเซี่ย ! คุณนี่เป็นคนดีจริงๆเลย” จูเสี่ยวหงกล่าวต่อว่า “ฉัน...ฉันไม่ได้ขอบคุณเจ้านายซ้ำนะ !”

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะจากความไร้เดียงสาและความตรงไปตรงมาของเธอและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกถ้าคุณจะขอบคุณผมอีกรอบ ผมไม่อยากให้คุณทำตัวเป็นทางการ มันรู้สึกอึดอัด โอ๊ะ….ใช่สิผมมีความคิดอะไรบางอย่างแต่ไม่รู้ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ ?”

 

          “ความคิดอะไรหรอ ?” จูเสี่ยวหงกล่าวอย่างเป็นกังวลเธอดึงปกเสื้อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนเธอกำลังปกปิดความลับอะไรไว้…..

 

          มันเป็นเรื่องปกติสำหรับจูเสี่ยวหงปฏิกิริยาตอบรับเมื่อมีคนแปลกหน้ามาพูดเช่นนั้นกับเธอแต่เซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกว่าตัวเธอน่าสนใจ เขายิ้มออกมาและพูดว่า “ผมจะให้คุณเรียนเทคนิคการช่างและการเชื่อมโลหะจากผม หากคุณขยันและมีทักษะที่ดีผมจะให้คุณกลับไปทำงานที่บ้านเกิดของคุณ คุณอยากเรียนมั้ย ?”

 

          “ห๊ะ….หมายความว่า ?”

 

          “คุณคิดว่าผมหมายถึงอะไรล่ะ ?” เซี่ยเหล่ยหัวเราะกับเธอ

 

          แก้มของจูเสี่ยวหงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจากนั้นเธอรีบพูดว่า “ไม่...ไม่….อืม... แน่นอน ! ฉันอยากเรียนรู้เพิ่มเติมแต่ฉันไม่มีเงินหรอกบ้านเกิดของฉันเป็นเพียงแค่หมู่บ้านชาวนา ครอบครัวของฉันก็ไม่ใช่คนมีฝีมือมาจากไหนดังนั้นฉันต้องเรียนวิชาความรู้ให้ได้มากที่สุด ถ้าเจ้านายเซี่ยจะสอนฉันก็ยินดีที่จะเรียนรู้ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี”

 

          “ไม่มีปัญหา ! คุณจะได้เรียนรู้งานทั้งหมดในวันพรุ่งนี้จะมีลูกค้าเข้ามาในร้านและเขาจะบอกในสิ่งที่เขาต้องการถ้าคุณไม่รู้ คุณต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือถามหม่าเสี่ยวอันเพื่อเรียนรู้กับวัสดุต่างๆ”

 

          “พ...พี่ใหญ่หม่าจะสอนฉันหรอ ?” จูเสี่ยวหงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฉันกลัวเขานิดหน่อย”

 

          หม่าเสี่ยวอันเดินเข้ามาและจะพาเธอออกไปกินข้าวพอดี “กลัวผมหรอ ? กล้าไปกันข้าวกับผมมั้ยล่ะ ?”

 

          จูเสี่ยวหงเมื่อเห็นหม่าเสี่ยวอันเดินเข้ามาเธอโบกมือปฎิเสธรวดเร็ว “ปล่าว ปล่าว ปล่าว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันหมายถึง…...”

 

          หม่าเสี่ยวอันนำมือของจูเสี่ยวหงออกไปและยิ้มขณะที่พูดว่า “ทำตัวตามสบายผมจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากจะรู้”

 

          “ขอบคุณพี่ใหญ่หม่า” จูเสี่ยวหงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

 

          “ผมเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีมากกว่าเจ้านายเซี่ยซะอีก ! คุณจะพบว่าผมมีข้อดีมากมายจนไม่สามารถนับได้ ฮี่ฮี่...”

 

          จูเสี่ยวหงเหลือบมองไปที่หม่าเสี่ยวอันและหันกลับมามองที่เซี่ยเหล่ย เธอบิดริมฝีปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย เธอสามารถบ่งบอกบุคลิกคนได้จากดวงตาซึ่งสองคนนี้แตกต่างกันมาก !

 

          หลังจากที่ให้ความช่วยเหลือจูเสี่ยวหง ตอนนี้เวลาก็ดึกมากแล้ว ขณะที่หม่าเสี่ยวอันและเซี่ยเหล่ยออกมาจากอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป หม่าเสี่ยวอันไปส่งเซี่ยเหล่ยที่บ้านด้วยรถมอเตอร์ไซค์จากนั้นเขาขับรถกลับบ้าน...

 

          เซี่ยเสวียได้เตรียมอาหารเย็นไว้สำหรับเซี่ยเหล่ยและรอให้เขามาทานอาหารเย็นที่บ้าน

 

          หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เซี่ยเหล่ยเปิดโทรทัศน์ไปยังช่องที่พูดภาษาอังกฤษ

 

          เซี่ยเสวียจ้องมองที่เซี่ยเหล่ยในขณะที่เธอกำลังเก็บจานไปล้าง “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่เหล่ยดูโทรทัศน์ช่องภาษาอังกฤษ พี่เหล่ยเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยยิ้ม “แน่นอนพี่เข้าใจสิ”

 

          เซี่ยเสวียถอนหายใจออกมา “ขนาดน้องยังไม่เข้าใจแล้วพี่เหล่ยจะเข้าใจได้หรอ ?”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่สามารถอธิบายออกไปได้ เขาจ้องมองและฟังภาษาที่ผู้คนกำลังพูดอยู่ในโทรทัศน์ เขาจดจำคำศัพท์ได้ทั้งหมดในพจนานุกรมรวมถึงไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ ในตอนนี้เขาขาดแค่ทักษะในการพูดถ้าเขาสามารถเพิ่มทักษะในการพูดได้ เขาจะสามารถเข้าใจการพูดภาษาอังกฤษของผู้คนโดยสมบูรณ์และแน่นอนว่าเรื่องนี้เขาไม่สามารถบอกเซี่ยเสวียได้….

 

          ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

 

###################################################################

 

         

         

         

 

         

         

         

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด