ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 35 จงกรีดร้องออกมา (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 37 การประนีประนอมและการข่มขู่ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 36 ฆ่าหั่นศพ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 36 ฆ่าหั่นศพ 

แปลโดย iPAT 

“เจ้าได้ยินข่าวหรือไม่? ฟางหยวนฆ่าคน!” ศิษย์ผู้หนึ่งกระซิบ

“ถูกต้อง เข่าฆ่าคนจริงๆ” ศิษย์อีกคนกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

“ยามหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ ฟางหยวนไล่ล่าชายผู้นั้น แม้ชายผู้นั้นจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วย สุดท้ายเขาจึงถูกฟางหยวนตัดหัว”

“ฟางหยวนไม่ได้เป็นเพียงฆาตกร แต่กระทั่งศพไร้หัว เขายังไม่ละเว้น เขาลากศพกลับไปและหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ”

“จริงหรือ?”

“นั่นเกินจริงไปหรือไม่? ข้ามาที่นี่ตั้งแต่เช้าและเห็นเพียงรอยเลือดเป็นทางยาวอยู่บนพื้นเท่านั้น”

“ฮืม! เหตุใดข้าต้องโกหกพวกเจ้า ตอนนี้อาจารย์อาวุโสเรียกตัวฟางหยวนไปพบแล้ว”

วันนี้ศิษย์หนุ่มสาวต่างพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่สนใจการเรียนเลยแม้แต่น้อย

การฆาตกรรมเป็นสิ่งที่เด็กเหล่นี้ไม่คุ้นเคยและเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับพวกเขา ด้วยการเติบโตขึ้นมาภายใต้การดูแลคุ้มครองของครอบครัว พวกเขาจึงไม่เคยพบเรื่องร้ายแรงใดๆ กระทั่งการฆ่าสัตว์ พวกเขาก็ไม่เคยทำโดยไม่ต้องกล่าวถึงการฆ่าคนเช่นนี้

“ฟางหยวนฆ่าผู้ใด?”

“ข้าได้ยินว่าเขาเป็นคนรับใช้ของครอบครัวสกุลโม่”

“อา...ข้ารู้แล้ว เมื่อคืนนี้ข้าเห็นพี่สาวโม่เยี่ยนนำกลุ่มคนบุกเข้าไปหาฟางหยวนที่หอพัก”

“ครอบครัวสกุลโม่? ไม่ดีแล้ว โม่เป่ยอาจมีปัญหา”

ศิษย์หลายคนเริ่มมองไปที่โม่เป่ย

ใบหน้าของโม่เป่ยกลายซีดขาวเขาได้ยินข่าวตั้งแต่เช้าแล้วว่าคนรับใช้ของเขาถูกสังหารโดยฟางหยวน และคนผู้นั้นก็คือเกาเหวิน คนรับใช้ที่เขาคุ้นเคย

โม่เป่ยรู้จักเกาเหวินเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเกาเหวินเป็นคนรับใช้ที่ช่างประจบประแจงแต่ทักษะการต่อสู้ของเขาค่อนข้างล้ำลึก ด้วยประสบการณ์และการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน มันทำให้เกาเหวินแข็งแกร่งมาก

โม่เป่ยมักใช้เกาเหวินคู่ฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้อยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเชื่อว่าฟางหยวนสามารถสังหารเกาเหวินได้จริงๆ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับ หากเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เขายิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัวมากกว่าหลายเท่า

การเผชิญหน้ากับฆาตกรเช่นฟางหยวน สำหรับโม่เป่ย เด็กหนุ่มอายุสิบห้า หากเขากล่าวว่าไม่กลัว นั่นย่อมเป็นเรื่องโกหก

อย่างไรก็ตามไม่เพียงโม่เป่ยแต่เด็กทุกคนต่างหวาดกลัวโดยเฉพาะเมื่อพวกเขาคิดถึงการกรรโชกหินวิญญาณของฟางหยวน

“ข้าต่อสู้กับฆาตกรที่โหดเหี้ยมมาครั้งหนึ่งแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ โชคดีที่ข้ารอดชีวิตมาได้...” หลายคนใช้มือสัมผัสบาดแผลของพวกเขาพร้อมกับลอบหลั่งเหงื่ออันเย็นเยือบออกมา

ประเด็นสำคัญที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวก็คือฟางหยวนไม่เพียงสังหารแต่เขายังฆ่าหั่นศพ!

เขาโหดเหี้ยมและโรคจิตเกินไป!

ในเวลานี้ความหวาดกลัวที่มีต่อฟางหยวนได้ฝังรากลึกลงในหัวใจของเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้แล้ว

ภายในห้องพักอาจารย์ อาจารย์อาวุโสและฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ที่นั่นเพียงสองคน

อาจารย์อาวุโสนั่งขณะที่ฟางหยวนยืน ไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดขณะที่บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นหนักหน่วง

อาจารย์อาวุโสมองฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่จริงจัง

ตั้งแต่เช้ามืด กลุ่มยามมารายงานเขาว่าฟางหยวนสังหารชายวัยกลางผู้หนึ่ง ข่าวนี้ทำให้อาจารย์อาวุโสสะดุ้งตกใจ แต่เขายังรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย

ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับสาม เขาต้องรับผิดชอบทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาแห่งนี้ แต่ประเด็นสำคัญก็คือเขาเข้าใจความสามารถของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นเป็นอย่างดี

ฟางหยวนสังหารเกาเหวิน เด็กที่อ่อนแอสามารถเอาชนะผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่างั้นหรือ?

ในความเป็นจริงเย็นวานนี้ผู้ดูแลหอพักมารายงานเขาแล้วว่าโม่เยี่ยนนำกลุ่มคนบุกเข้ามาในสถานศึกษาเพื่อจับตัวฟางหยวน

ในเวลานั้นอาจารย์อาวุโสไม่สนใจและไม่ได้หยุดพวกเขา

เขาเป็นอาจารย์อาวุโสของสถานศึกษา เป้าหมายของเขาคือการชี้แนะและบ่มเพาะผู้ใช้วิญญาณให้เติบโตขึ้น เขาไม่มีหน้าที่ปกป้องศิษย์ ตราบเท่าที่ไม่มีผู้ใดตกตาย เขาก็ยังสนับสนุนให้เกิดการต่อสู้

เขามีความสุขที่เห็นโม่เยี่ยนสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน

ประการแรก เขารู้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่มีประโยชน์ต่อการเติบโตของฟางหยวนไม่ว่าเขาจะชนะหรือแพ้ก็ตาม

ประการที่สอง เขาต้องการปราบปรามความมั่นใจที่มากเกินไปของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าโม่เยี่ยนจะกลับไปอย่างไร้ประโยชน์และทิ้งคนรับใช้ไว้หน้าห้องของฟางหยวน สุดท้ายมันกลายเป็นว่าคนรับใช้ผู้นั้นถูกสังหารโดยฟางหยวน

ในโลกใบนี้พลังอำนาจคือทุกสิ่ง การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณ นี่ถือเป็นเรื่องปกติมาก

อย่างไรก็ตามสำหรับเด็กอายุสิบห้า มันกลับไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ความรู้สึกในการฆ่าคนครั้งแรกยังแจ่มชัดอยู่ในห้วงสำนึกของอาจารย์อาวุโส นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวัยสิบเก้าปีของเขา ในช่วงเวลานั้นเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง หลังจากเกิดปัญหาความขัดแข้งระหว่างหมู่บ้าน เขาต้องสังหารผู้ใช้วิญญาณของตระกูลไป่อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

หลังจากที่เขาฆ่าคนเป็นครั้งแรก จิตใจของเขาปั่นป่วนจนแทบจะพังทลาย หลายวันหลังจากนั้นเขาไม่สามารถกินดื่ม ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุข ดวงตาของผู้ที่เขาสังหารยังจ้องมองมาที่เขาแม้ในยามที่เขาหลับตาลงแล้วก็ตาม

แต่ในเวลานี้เมื่ออาจารย์อาวุโสมองไปที่ฟางหยวน ใบหน้าของฟางหยวนกลับสงบนิ่งและไร้ระลอกคลื่นใดๆทั้งสิ้น เขาไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยงั้นหรือ? เขาดูไม่มีความลำบากใจหรือไม่สบายใจใดๆราวกับคนที่ฆ่าชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่ใช่เขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาจารย์อาวุโสรู้ว่าหลังจากเกาเหวินตาย ฟางหยวนยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขากระทั่งแยกร่างศพออกเป็นชิ้นๆและโยนทิ้งไปอย่างไม่แยแสเพื่อระบายความโกรธของตนเอง วิธีการของเขาน่ากลัวเกินไปจริงๆ

ดังนั้นดวงตาของอาจารย์อาวุโสที่จ้องมองมายังฟางหยวนจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

อาจารย์อาวุโสรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจว่าฟางหยวนมีทัศนคติที่แข็งกร้าวและไม่แยแสต่อชีวิตของศัตรู ในเวลาเดียวกันเขาก็ค่อนข้างมีความสุขกับความจริงที่ว่าฟางหยวนมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาพึ่งประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณแสงจันทร์แต่เขากลับสามารถใช้มันสังหารผู้คนได้แล้ว ศิษย์ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งหรือสองก็ยังไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ นี่คือพรสวรรค์ในการต่อสู้อย่างแท้จริง หากเขาได้รับการดูแลอย่างดี เขาจะกลายเป็นนักรบที่มอบฝันร้ายให้แก่ศัตรูของตระกูลได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามนอกจากความรู้สึกยินดี อาจารย์อาวุโสยังเต็มไปด้วยความกังวล

เขากังวลว่าฟางหยวนจะสร้างเรื่องร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ กระทั่งครั้งนี้เขายังละเมิดกฎของตระกูลโดยการใช้วิญญาณในสถานศึกษาและสังหารผู้คน อาจารย์อาวุโสคิดว่าเขาต้องดับไฟเสียแต่ต้นลม มิเช่นนั้นเขาจะสามารถดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ต่อไปได้อย่างไร

สุดท้ายอาจารย์อาวุโสยังรู้สึกลำบากใจมากขึ้นเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวสกุลโม่

“ฟางหยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเรียกเจ้ามาเพราะเหตุใด?” อาจารย์อาวุโสเปิดปากกล่าว

“ข้าทราบ” ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าใช้วิญญาณแสงจันทร์ภายในสถานศึกษา นี่เป็นการละเมิดกฎของตระกูล ตามกฎ โทษของข้าคือการชดใช้ด้วยหินวิญญาณจำนวนสามสิบก้อน”

เขาหลีกเลี่ยงที่จะไม่กล่าวถึงการเสียชีวิตของเกาเหวิน

อาจารย์อาวุโสมึนงงไปชั่วครู่ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้

ใบหน้าของอาจารย์อาวุโสกลายเป็นมืดครึ้มขณะกล่าวต่อ “อย่าแสร้งโง่ต่อหน้าข้า! ข้าถามเจ้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับการตายของเกาเหวิน?”

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ฮืม! เกาเหวินผู้นี้มีความเจตนาร้ายต่อข้า คืนที่ผ่านมาเข้าไม่เพียงปิดกั้นประตูทางเข้าออกห้องพักของข้าแต่เขายังต้องการสังหารข้าอีกด้วย ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ดาบแสงจันทร์เพื่อป้องกันตัว โชคดีที่โจรชั่วผู้นั้นตกตายไปได้ ข้ายังสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นสายลับมาจากหมู่บ้านอื่น ข้าแน่ใจว่าท่านอาจารย์เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี”

เมื่ออาจารย์อาวุโสได้ยินคำตอบนี้ เขาขมวดคิ้วแต่ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้

เกาเหวินตายไปแล้ว ฟางหยวนสามารถกล่าวสิ่งใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ นอกจากนั้นเกาเหวินยังไม่ใช่คนของตระกูลแสงจันทร์ ดังนั้นแม้เขาจะตาย อาจารย์อาวุโสก็ไม่แยแส อย่างไรก็ตามเขายังกังวลกับปฏิกิริยาของครอบครัวสกุลโม่ เมื่อคนรับใช้ของพวกเขาตกตายในสถานศึกษา อาจารย์อาวุโสก็ต้องมีคำอธิบายที่ดีให้แก่พวกเขา

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่อาจารย์อาวุโสจึงเปิดปากสอบสวนฟางหยวนอีกครั้ง “ข้าขอถาม เจ้าทำสิ่งใดกับศพของเกาเหวิน?”

มุมปากของฟางหยวนม้วนขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าแยกชิ้นส่วนศพและโยนมันลงไปในลังไม้จากนั้นก็นำมันไปทิ้งไว้ที่ประตูทางเข้าออกด้านหลังของคฤหาสน์สกุลโม่”

“กระไรนะ!?” อาจารย์อาวุโสสะดุ้งตกใจจนแทบกระโดดขึ้นจากเก้าอี้

ยังไม่ต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่ฟางหยวนสังหารคนรับใช้ของครอบครัวสกุลโม่ แต่เขากระทั่งหั่นศพและนำไปโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูหลังของคฤหาสน์ครอบครัวสกุลโม่ นี่เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน

สำหรับอาจารย์อาวุโสที่ต้องเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเรื่องราวในครั้งนี้ ข้อมูลนี้ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นยากลำบากมากขึ้นสำหรับเขา

ฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้น แล้วเขาจะเอาสิ่งใดไปต่อกรกับครอบครัวสกุลโม่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่อาจารย์อาวุโสจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว ฟางหยวนผู้นี้เก่งในการสร้างปัญหาจริงๆ

“ฮืม! เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไร้ประโยชน์ที่จะพูดคุย ออกไปก่อนและเตรียมตัวรับโทษ” หัวใจของอาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความว้าวุ่น เขาโบกมือเบาๆเพื่อบอกให้ฟางหยวนออกไป จากนั้นเขาก็นั่งขบคิดเพื่อหาทางออกอยู่อย่างเงียบๆ