ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 : รีบมาทุบตีข้าสิฟะ ไอพวกขยะเปียกกก

บทที่ 1 : ช่วยข้าอัพเลเวลหน่อยสิเฟ้ย!!


"โอ้ววว อ๊า!! สวรรค์ช่วย!! แข็งแกร่งมาก!! อ๊าคคค ศิษย์พี่ท่านรุนแรงอย่างยิ่ง อู๊ววว " ในลานฝึกซ้อมของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มอายุอานามราวๆ 16,17 ปี กำลังส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มองไปที่ใบหน้าของมันกลับพิกลนัก มันดูราวกับมีความสุขอย่างมาก ไม่ได้ดูเจ็บปวดหรือทุกข์ระทมอะไรเลย

หลินฟ่าน มีความลับที่สำคัญไม่สามารถบอกใครได้อย่างหนึ่ง ตัวมันไม่ใช่คนของโลกนี้ โอ้ นี่ไม่ใช่แค่การกลับมาเกิดใหม่ หรือวิญญาณมาเข้าร่างอะไรแบบนั้น ตัวมันย้ายมาอยู่โลกนี้ทั้งตัวเลยล่ะ

ในตอนที่หลินฟ่านถูกส่งมาโลกนี้ครั้งแรกมันรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก นี่ไมใช่ว่ามันเหมือนนิยายที่เคยอ่านหรอกรึ? ตัวเอกที่ย้ายมาต่างโลกมันสุดยอดกันแทบทุกคน แค่ฝึกนิดๆหน่อย ได้ของเทพนู่นนี่นั่นแป๊บเดียว ก็เหยียบย่ำพวกที่เคยดูถูกเหยียดหยาม แล้วก็เป็นใหญ่เหนือใครในใต้หล้าเพียงเวลาแค่ไม่กี่ตอน

ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอก ไม่นานผู้นำนิกายแห่งนี้มันต้องสยบอยู่แทบเท้า หรือถ้าเป็นหญิงงามในนิกาย ไม่นานก็ต้องมาออดอ้อนจนเขาได้ครอบครองทุกราย

แต่ในขณะที่หลินฟ่านกำลังฝันกลางวันอยู่นั้น เขาก็ต้องฝันสลายทันที เมื่อเขาได้รับความเจ็บปวด ...ตัวเขานั้นเป็นแค่กระสอบทรายมนุษย์ ที่มีไว้รองมือรองตีนผู้อื่น เอาง่ายๆเป็นเป้าให้ศิษย์อื่นๆมากระทืบเพื่อฝึกฝนนั่นเอง วินาทีที่เขารับรู้ความจริงข้อนี้เขารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก

ถึงฟ้าจะบันดาลให้เกิดมามีสถานะขยะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้ไปเกิดเป็นขยะของตระกูลหรือครอบครัวใหญ่ก็ยังดี นี่อะไร เขาไม่ได้เป็นแค่ขยะธรรมดา แต่เป็นขยะที่มีสถานะเป็น ‘กระสอบทรายมนุษย์’ มีหน้าที่รองมือรองตีนของศิษย์ฝึกหัดในนิกายเท่านั้น หลินฟ่านได้แต่ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเป็นเวลาหลายวัน

ในปีแรกที่หลินฟ่านมาโผล่ที่นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ความเจ็บปวดเป็นประสบการณ์แรกที่หลินฟ่านได้รับ มันช่างโหดร้ายและไร้มนุษย์ธรรมอย่างยิ่ง เขาเกือบจะถูกศิษย์ฝึกหัดทุบตีจนตายคาฝ่าตีน

ถ้าไม่ใช่ว่า นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่ จนมอบเคล็ดวิชาและแนะนำวิธีฝึกซ้อมให้กับ เหล่ากระสอบทรายมนุษย์ เขาคงตายไปแล้ว

"กายปีศาจอมตะ"

ครั้งแรกที่เขาได้บ่มเพาะทักษะนี้หัวใจของหลินฟ่านก็เต็มไปด้วยความสุข แค่มองชื่อที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึง ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นทักษะที่ทำให้อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้าอะไรแบบนั้น?

แต่หลังจากที่หลินฟ่านได้ลองฝึกฝนและบ่มเพาะดู ก็พบว่ามันเป็นเรื่องน่าสังเวชอย่างมาก

"กายปีศาจอมตะ" มีทั้งหมด 3 ระดับ มันเป็นทักษะที่ผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจสักสิทธิ์คิดค้นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ตอนแรกมันมีชื่อว่า'ทักษะเฉพาะของกระสอบทรายมนุษย์' ....

แม้ว่าจะบ่มเพาะฝึกฝนมาจนอยู่ในระดับที่ 3 แล้ว แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหนือธรรมดาแต่อย่างไร แค่การลงมือของศิษย์ฝึกหัดธรรมดา หากใช้อาวุธก็สามารถกรีดเนื้อของเขาได้อย่างง่ายดาย

ราวกับพระเจ้าจะเห็นใจคนที่มีความพยายาม หรือว่าแม้แต่พระเจ้าก็ทนความน่าสังเวชของหลินฟ่านไม่ได้ก็ไม่รู้ ในค่ำคืนหนึ่ง หลินฟ่านที่นอนหลับไปแล้ว รู้สึกราวกับว่ามีอะไรมาเข้าฝัน ทำให้เขารู้สึกแปลกๆจนต้องสำรวจตัวเอง จนกระทั่งเขาพบ ‘ระบบเทพวิชา’

หลินฟ่านได้อ่านนิยายมาก็มาก แต่เขาไม่เคยเห็นเรื่องไหน มี ระบบเทพวิชา อะไรแบบนี้มาก่อน

สำหรับระบบเทพวิชานี้ตอนแรกหลินฟ่านยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สักเกตุเห็นหน้าต่างในระบบเทพวิชาของเขา มีทักษะ ‘กายปีศาจอมตะ’ ปรากฏอยู่

หลังจากเสร็จสิ้นจากการทำหน้าที่กระสอบทรายมนุษย์ในแต่ละวัน หลินฟ่านจะรีบกลับไปกินอาหารและฝึกซ้อมอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าเขาไม่สามารถฝึกฝนทักษะ "กายปีศาจอมตะ" ได้ คงไม่ได้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาจะถูกทุบตีจนตายวันไหน

แต่ตอนนี้ หลินฟ่านได้แต่เฝ้ารอการทุบตีจากศิษย์ฝึกหัดพวกนั้น เขาถูกทุบตีอย่างมีความสุข และแต่ละวันเขาก็จะกลับไปนอนหลับฝันดี

หลังจากที่ส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดจนหน้าแดง หลิ่นฟ่านเปิดหน้าต่างระบบ เพื่อดูทักษะ กายปีศาจอมตะของเขาใน ระบบเทพวิชา พบว่า ค่าประสบการณ์มันเพิ่มมาอีกเล็กน้อย ‘กายปีศาจอมตะ’กำลังจะเข้าสู่ระดับที่ 5

เขารู้มาว่า "กายปีศาจอมตะ" มี LV สูงสุดแค่ 3 แต่ทำไมตอนนี้เขากำลังจะเลื่อนมาถึง LV ที่ 5?

ชื่อ: หลินฟ่าน

ระดับ 1

ประสบการณ์: 0

ทักษะ: "กายปีศาจอมตะ" LV4 (2000/3000)

......

มองไปที่หน้าต่างตัวละครของตัวเอง หลินฟ่านก็รู้สึกแย่มาก เข้าอยู่ที่นี่และฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ละดับตัวละครของเขานั้นยังอยู่ที่ LV1 เขาพยายามหาทางแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถเพิ่มมันได้

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยออกจาก นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่หลินฟ่านก็ยังคงไปถามระดับการบ่มเพาะในโลกแห่งนี้มาจนได้

มนุษย์, ก่อเกิด, ศักดิ์สิทธิ์, สู่สวรรค์สวรรค์, เหนือสวรรค์ ...

ทุกขั้นตอนจะแบ่งออกเป็นอีก 9 ระดับ

หลินฟ่านรู้ตัวดีว่าควรมีความรู้มากกว่านี้ แต่ว่าเขาเป็นแค่กระสอบทรายมนุษย์ เขาพยายามจนรู้ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว

“+1”

“+1”

“+1”

...... ..

ค่าประสบการณ์ของ "กายปีศาจอมตะ" ค่อยๆเพิ่มขึ้น มองไปที่ศิษย์ฝึกหัดของนิกาย ที่กำลังจู่โจมด้วยพลังทั้งหมดของมัน หลินฟ่านก็ได้แต่ถอนหายใจ วันนี้เขาโชคร้ายจริงๆ ที่มาเจอศิษย์คนนี้ การโจมตีของมันเพิ่มค่าประสบการณ์ให้เขาได้แค่ทีละ 1 เท่านั้น

นอกจากนี้หมัดของมันก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ เขากลัวว่าอีกไม่นานมันคงสร้างความเสียหายอะไรให้แก่เขาไม่ได้ และเขาจะไม่ได้รับประสบการณ์อะไรเลย ...

.....ในที่สุดเรื่องที่เลวร้ายน่าหวาดกลัวที่สุดก็เกิดขึ้น

“0”

“0”

......

ไอกากนี้มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ มันไม่สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ให้เขาอีกต่อไป ,แม่งเอ๊ย

หลินฟ่านหันไปมองรอบๆ เขามองไปยังเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์ที่เป็นกระสอบทรายมนุษย์เหมือนเขา ตอนนี้แต่ละคนบาดเจ็บจากการถูกทุบตี และส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

ในนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครเหลียวแลหรือสนใจ ในชีวิตของกระสอบทรายมนุษย์ ต่อให้พวกมันตาย ก็ไม่ได้มีใครสงสารหรือเห็นใจอะไร

"ทำไมเจ้าไม่กรีดร้อง?" ในขณะมองไปยังหลินฟ่านที่เมื่อครู่ยังส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่อยู่ๆมันกลับหยุดส่งเสียงพร้อมมองไปรอบๆ ทำให้ศิษย์ฝึกหัดที่กำลังทุบตีหลินฟ่านอยู่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา กระสอบทรายที่ถูกเขาทุบตีจนต้องส่งเสียงร้องโอดครวญอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะได้ยินมันจนเบื่อแต่เขายังคงชอบเสียงโหยหวนของคนที่ถูกทุบตีเป็นอย่างมาก เพราะมันจะบ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่ง

ตอนนี้เขาเริ่มมีโทสะแล้ว

หลินฟ่านไม่อยากเสียเวลากับศิษย์กากๆตรงหน้าทั้งวัน มันเลยกล่าวออกมาว่า "กรีดร้องมารดาเจ้าสิ จะให้ข้าฝืนทนกรีดร้องได้อย่างไร? หมัดเจ้าอ่อนแอและเบาบางราวกับอิสตรี "

เมื่อได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามใบหน้าของศิษย์ตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ สายตามันเต็มไปด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด

แต่เมื่อหลินฟ่านเห็นท่าทางของมัน เขาก็หัวเราะก่อนที่จะกล่าวออกมา "สีหน้าเจ้าก็ไม่เลวนะ แต่คงดีกว่านี้ถ้ากลับไปดูดนมมารดาเจ้า เพิ่มพลังก่อนที่จะมาทำร้ายข้า"

"แก ...ฮึก.. แก" ศิษย์ฝึกหัดในนิกายตรงหน้าไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ เสียงของเขากลายเป็นสะอึกสะอื้นก่อนที่จะบ่อน้ำตาแตกออกมา

“ฮืออออ ... แกหลอกลวงข้า กำปั้นของข้าไม่ได้อ่อนแอนะ”

ตอนนี้หลินฟ่านได้แต่ตะลึง เมื่อมองไปยังศิษย์ฝึกหัดตรงหน้า ที่ร้องไห้น้ำตาแตกออกมา ก่อนที่มันจะวิ่งออกไปราวกับเด็กน้อยถูกรังแก

‘ทำไมศิษย์นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ มันถึงแต๋วแตก ขนาดนี้วะ’

หลินฟ่านได้แต่คิดในใจ ก่อนที่จะส่ายหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นานเขาก็เลิกสนใจ ตอนนี้เขาต้องหาทางเพิ่มระดับทักษะของเขา

เพียงแค่ Lv4 "กายปีศาจอมตะ" ก็แข็งแกร่งขนาดนี้ แล้ว Lv5 มันจะแข็งแกร่งขนาดไหน

หลินฟ่านยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเขาหันไปมองรอบๆอีกครั้ง เมื่อเห็นถึงเหล่าศิษย์ที่กำลังทุบตีอย่างเมามันส์ และ กระสอบทรายมนุษย์ที่กำลังส่งเสียงโอดครวญ เขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย

เหมือนว่าเขาต้องเปิดโหมด นักเลงเหยียดหยามผู้คนเสียหน่อย

หลินฟ่านสูดหายใจลึกๆ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงดังลั่น

"หยุดให้หมดทุกตัว บิดามีอะไรจะพูด ... "

เสียงตะโกนของหลินฟ่านดังออกมา เขาคิดว่ามันคงเหมือนราชสีห์คำรามในนิยาย ในมุมมองของหลินฟ่านมันก็เหมือนว่า แค่ต้องตะโกนให้เสียงดังกว่าใคร????

ในโลกเก่าสมัยที่เขายังอยู่ที่นั่น เขาเป็นถึงผู้นำการออกกำลังกายยามเช้าเลยนะ!! อาม่าแก่ๆ หูตึงแถวหลังยังได้ยินเขาเลยนะเฮ้ย!!

เหล่าศิษย์ในนิกายทุกคนต่างหยุดฝึกซ้อมแล้วหันมามองตามเสียงทันที

เหล่ากระสอบทรายมนุษย์ก็ต่างหันมามองหลินฟ่านเช่นกัน เขาอยากรู้ว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมคนนั้นของพวกเขากำลังคิดจะทำอะไร

กระสอบทรายมนุษย์บางคนราวกับได้โอกาสพักหายใจพวกมันรีบใช้โอกาสนี้พักฟื้น....เพื่อเตรียมพร้อมรอรับการกระทืบอีกครั้ง

อา....วันเวลาที่โหดร้ายเช่นนี้เมื่อไหรกันที่มันจะสิ้นสุดลง

หากพวกเขาสามารถฝึก "กายปีศาจอมตะ" ไปถึงระดับที่สามแล้ว พวกเขาก็จะได้กลายเป็นกระสอบทรายมนุษย์ของศิษย์สายนอก เช่นเดียวกันกับเหล่าศิษย์ฝึกหัดที่ทุบตีพวกมัน หากพวกมันฝึกสำเร็จก็จะได้เป็นศิษย์สายนอกเช่นกัน

แต่พวกเขาก็ได้แค่ฝันเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ กระสอบทรายมนุษย์บางคนนั้นฝึกฝนบ่มเพาะมาเป็นเวลากว่า 3 ปี แล้ว ยังฝึกฝน "กายปีศาจอมตะ" ได้ถึงระดับ 1 เท่านั้น

ระดับที่ 3 มันยากเย็นเกินไป มันไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย

และในขณะนั้นเองเหล่ากระสอบทรายมนุษย์ก็ได้ยินคำกล่าวของหลินฟ่าน พวกมันตกตะลึงอย่างมาก บางคนแคะหูราวกับกลัวว่าขี้หูจะเยอะเกินไปจนฟังผิดเพี้ยน

"พวกเจ้าไม่ต้องมองข้าด้วยสายตาโง่งมเหมือนหมูแบบนั้น ด้วยความเคารพเถอะนะ ในสายตาข้าพวกเจ้าอ่อนแอไม่ต่างอะไรจากขยะเปียกเลย ... "หลินฟ่านยืนยืดอกเอามือหนึ่งไพร่หลังไว้ ก่อนที่อีกมือ จะยกขึ้นมาชูนิ้วกลาง ไปยังเหล่าศิษย์ฝึกหัดทุกคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด