บทที่ 2 : รีบมาทุบตีข้าสิฟะ ไอพวกขยะเปียกกก
"มันกล่าวว่ากระไรนะ?"
"บัดซบ! ไอ้ขยะนั่นมันกล้าว่าพวกเรา เป็นขยะเปียก "
"พวกเราเป็นถึงศิษย์ฝึกหัดแห่งนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่พวกเราสามารถผ่านการฝึกซ้อมนี้ไปได้ พวกเราจักกลายเป็นศิษย์สายนอกของนิกาย คาดมิถึงไอกระสอบทรายมนุษย์ขยะนั่น กล้าที่จะพูดจาโอหังเช่นนี้กับพวกเรา "
"พวกเราทุกคนล้วนมิใช่หมู่มังกรของคนชั้นสูงหรอกรึ กระสอบทรายมนุษย์โง่เขลา กล้าพูดจาว่าร้ายพวกเราเช่นนี้ได้อย่างไร พี่น้องศิษย์ฝึกหัดทุกท่าน ข้าขออาสาไปสั่งสอนไอขยะนั้นให้รู้สำนึกด้วยตนเอง มันจักได้สงบปากสงบคำลงบ้าง"
ตอนนี้ศิษย์ฝึกหัดของนิกายต่างมีโทสะเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ขยะตัวหนึ่ง ที่เป็นเพียงกระสอบทรายมนุษย์กล้ารนหาที่ตายโดยการพ่นคำบัดซบเช่นนั้นออกมา
สำหรับเหล่ากระสอบทรายมนุษย์ ที่ได้ฟังวาจาโอหังและยั่วยุของหลินฟ่านนั้น พวกมันต่างหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปิติ และมากล้นไปด้วยความกตัญญูอย่างเต็มอก
"พี่ใหญ่ ... "
“นายท่าน ...”
"บิดา…"
......
หลินฟ่านยังยืนอย่างทระนงองอาจ มองดูคนที่เดินเข้ามาหามันอย่างจองหอง
"เด็กน้อยวาจาเจ้าโอหังเกินไป แม้ว่าข้าจักมิใช่คนโหดร้ายอันใด แต่วาจาของเจ้านั้นต้องได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง มิต้องห่วงข้าจักมิลงมือกับเจ้าจนถึงตายเพียง ให้เจ้ารู้ว่าอะไรควรมิควรเพียงเท่านั้น " คนที่กำลังเดินมาหามันกล่าวขึ้น
แม้นว่าเหล่าศิษย์ฝึกหัดยังมิได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปความแข็งแกร่งของพวกมันนับว่าเหนือล้ำกว่ามาก แม้ยังไม่ได้อยู่ในระดับทุบทำลายหินผาและโลหะได้ด้วยฝ่ามือเปล่า หากแต่ยังสามารถทะลวงต้นไม้หรือโค่นมันลงได้อย่างมิยากเย็นอันใด
"ฮ่าาาา!! ... " ศิษย์ฝึกหัดตรงหน้ากางขาออกเพื่อยึดเหนี่ยวปฐพี ตั้งหลักร่างกายให้มันคง มันรวบรวมพลังจากท้องน้อย เตรียมส่งเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างเพื่อจู่โจมหลินฟ่าน
“ปัง ...”
หลินฟ่านมองศิษย์ฝึกหัดตรงหน้า ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“+2”
‘ศิษย์ที่แต่งตัวประหลาดๆนี่แม่งใช้ได้เว้ย เรี่ยวแรงเหนือกว่าไอกากแต๋วแตกเมื่อกี้ไม่น้อย’
"เฮ่อ นี่ยังไงเล่าข้าถึงเรียกพวกเจ้าว่าขยะเปียก ดูซิดู ดูดู! เรี่ยวแรงของเจ้าช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน ตอนเกิดเจ้า คลำหาเต้านมมารดาไม่เจอ จนไม่ได้ดูดนมมารดาหรืออย่างไร " หลินฟ่านยังคงยืนตระหง่าน มันเกาหูแกรกๆ ก่อนที่จะกล่าววาจาเหยียดหยามออกมา
“ไหนมาอีกสักทีซิ ขอจังๆ ปังๆ หน่อย ...” หลินฟ่านสะบัดขี้หูหลุดออกจากนิ้วก่อนที่จะกล่าวท้าทายออกมาอีกครั้ง
"บัดซบ!! เด็กน้อย เจ้าอย่าได้โอหังนัก อะต๊าาา! ... ." ศิษย์ฝึกหัดตรงหน้าบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก มันมิเชื่อว่ากำปั้นที่บรรจุไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งชีวิตของมัน จักมิสามารถทำอันใดแก่ไอเด็กบัดซบตรงหน้าได้ มันส่งการโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง
“+2” อะต๊าาา
“+2” อะต๊าาา
...... ต๊าๆๆ
ฝ่ามือและกำปั้นของศิษย์ตรงหน้าสั่นไหว มันหอบหายใจอย่างหนัก เรี่ยวแรงมันถูกใช้ไปจนหมดสิ้น เหงื่อของมันเริ่มไหล ไคลของมันเริ่มย้อยออกมาทั่วร่างกาย
"อะไร หมดก๊อกแล้วรึไง?" หลินฟ่านยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวกับชายตรงหน้า ‘บ๊ะ ไอนี่แม่มใช้ได้เลยเว้ย ได้ค่าประสบการณ์มากกว่า 100 อีกเว้ยเฮ้ย เสียดายแม่มหมดแรงซะก่อนหลังๆเลยได้ไม่ค่อยเยอะ เอาเหอะ ก็ยังดีล่ะว้า ตอนแรกได้เยอะอยู่’ หลังจากกล่าวไปในใจของหลินฟ่านก็คิดถึงมันอย่างสนุกสนาน
ศิษย์คนดังกล่าวได้แต่ยืนตะลึงมันจ้องมองไปยังหลินฟ่านด้วยสายตาที่มิอยากจะเชื่อ ราวกับว่าร่างกายของเด็กนรกตรงหน้าของมันหล่อหลอมขึ้นมาจากเหล็กไหล
"เจ้า ... " มองเห็นท่าทางไม่ยี่หระแถมยังแสดงออกด้วยความหยิ่งยโสของชายตรงหน้า ศิษย์ฝึกหัดผู้นี้มิสามารถกล่าวอะไรออกมาได้ มันไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนที่จะตะโกนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เหล่าพี่น้องศิษย์ฝึกหัดทั้งหลายมาช่วยข้า รุมกระทืบมัน!!... "
หลินฟ่านกำลังเฝ้ารอวินาทีนี้อย่างใจจดใจจ่อ หากต้องการ ให้ "กายปีศาจอมตะ" เลื่อนระดับไปถึง Lv5 ต้องอาศัยความช่วยเหลือของเหล่าศิษย์ฝึกหัดพวกนี้ ‘โหแม่ง นี่ขนาดกายปีศาจอมตะของเราแค่ Lv4 เองนะ นี่ถ้าเราเลื่อนมันจนถึง Lv100 จะเป็นยังไงวะเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่ยงคงกระพันไปจริงๆหรอกนะ ฮ่าฮ่า’
"ฮ่าฮ่า ไอพวกขยะเปียก ออกแรงอีกนิดซิ พวกเจ้าไม่มีหนอนน้อยแสดงความเป็นชายรึยังไง" หลินฟ่านหัวเราะออกมาอย่างสบายอารมณ์ แม้ตอนนี้จะมีเสียงดังปุกปักจากการจู่โจมตัวมันดังออกมา แต่มันยังหน้าตาชื่นมื่นเบิกบานยิ่งนัก
“บัดซบไอเด็กนรก อย่าโอหังให้มันมากนัก!!”
“วันนี้ข้าจะให้เจ้ารับรู้ถึงพลังของข้า”
“บัดซบ หนอนข้าไม่น้อยนะเว้ย!”
......
“+2”
“+1”
“+1”
“+0”
...... ..
ในตอนนี้เมื่อหลินฟ่านมองไปยังศิษย์ที่มาทุบตีมันแต่ไม่ได้ให้ค่าประสบการณ์ใดๆเพราะ การจู่โจมมันเบาเกินไป ทำให้มันหงุดหงิดไม่น้อย
‘โอ๊ยแม่งเกะกะชิบหาย พวกกากไปไกลๆให้ตัวแรงเขาได้แสดงหน่อยสิวะ’ หลินฟ่านบ่นในใจก่อนที่มันจะตัดสินใจถีบไอพวกกากไร้ประโยชน์โจมตีเบาหวิวกระเด็นออกไป
เมื่อมองไปที่ตัวเลขค่าประสบการณ์ของ "กายปีศาจอมตะ" ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา หัวใจของหลินฟ่านก็รื่นรมย์ยิ่งนัก แน่นอนล่ะคนรุมทุบตีมันเยอะค่าประสบการณ์มันก็ขึ้นเยอะเช่นกัน
เมื่อเห็นหลินฟ่านถูกรุมทำร้ายทุบตีเพียงลำพัง เหล่ากระสอบทรายมนุษย์ที่นอนอยู่บนพื้นต่างซาบซึ้งจนน้ำตาร่วง พวกมันอดมิได้ที่จักชื่นชมและนับถือหลินฟ่านหมดหัวใจ
"พี่ใหญ่ หากท่านตายขอให้ท่านจากไปอย่างสงบ บุญคุณครั้งนี้พวกจักมิมีวันลืม"
"ฮือ ฮือ ... ใจข้าปวดร้าวยิ่งนัก ที่เห็นพี่ใหญ่ถูกรุมทำร้าย น้ำตาของข้ามันไหลออกมาไม่หยุด"
......
เหล่าศิษย์ฝึกหัดทั้งหลายต่างระดมจู่โจมไปที่หลินฟ่านอย่างมิหยุดหย่อน พวกมันยังแค้นเคืองกับคำเหยียดหยามของหลินฟ่านมากนัก
"เด็กนรก หากเจ้าลดความโอหังและคุกเข่า ก้มลงไปเลียรองเท้าข้า ข้าจักอภัยให้เจ้า"
"ฮึ่ม ไอเด็กบัดซบ วันนี้เจ้าจะได้สำนึกถึงความต่างของสวะอย่างแกกับข้า ว่ามันต่างกันราวกับนรกและสวรรค์"
......
เพื่อให้การดูดซับแรงดีขึ้น ตอนนี้หลินฟ่านตัดสินใจนอนแผ่คว่ำลงกับพื้น ตามหลักฟิสิกส์ที่มันเรียนมา การที่ตัวไม่เคลื่อนไหวเพื่อสลายแรงปะทะ จะได้รับความเสียหายมากขึ้น ตอนนี้มันไม่สนใจว่าส่วนไหนของมันถูกทำร้ายขอแค่รุนแรงมากพอ มันก็ได้ ค่าประสบการณ์ทั้งสิ้น
‘ใกล้แล้วเว้ยยยยยย’
2850/3000
‘ค่าประสบการณ์เหลืออีกแค่ 150 แต้มเอง อย่าพึ่งหมดก๊อกกันนะเว้ยย’
‘เอแล้วถ้ามันอัพเป็น Lv5 แล้วไอพวกอ่อนด๋อยนี่มันจะมีเรี่ยวแรงพอให้เราเพิ่มค่าประสบการณ์ได้อีกรึเปล่าหว่า’
‘ตอน Lv1 ไอพวกนี้ต่อยเราทีนึงมันได้ตั้ง 10 แต้ม พอ Lv เพิ่มมากขึ้นมันก็ขึ้นน้อยลงเรื่อยๆ แถมโดนเบาลงอีก ตอนนี้ Lv4ก็โดนมันตีแค่ 1-2 แต้มเอง สงสัยหลังจากนี้คงต้องหาวิธีอื่นแล้วมั้งเนี่ย เฮ่อ’
“บัดซบ ... ใครเตะมาโดนง่ามตูดข้า ...”
“เจ้าอย่าเข้าไปใกล้มันมากสิ ข้าเตะมิถนัด”
“บัดซบ ใครเหยียบนิ้วข้า ...”
“อู๊วว ใครจับหนอนไม่น้อยข้า”
“......”
“...”
[ติ๊ง!! ... ‘กายปีศาจอมตะ’ ได้เลื่อนระดับไปถึง Lv5]
[ติ๊ง!! ระบบเทพวิชาได้รับเงื่อนไขมากเพียงพอในการพัฒนา ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่กระบวนการเพิ่มความแข็งแกร่ง เวลาที่ใช้ในกระบวนการนี้กินเวลา 24 ชั่วโมง]
“5”
“4”
......
“1”
[สถานะผู้ใช้จะหมดสติโดยอัตโนมัติ ระบบเทพวิชากำลังเริ่มกระบวนการเพิ่มความแข็งแกร่ง]
......
ตอนนี้หลินฟ่านได้หมดสติลงโดยอัตโนมัติ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาจะตรวจสอบระบบเทพวิชา และดูว่ามันปรับปรุงอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
เหล่าศิษย์ที่รุมกระทืบหลินฟ่านตอนนี้พวกมันทั้งหมดก็ต่างเหนื่อยล้า พวกเขาโกรธมากที่กระสอบทรายมนุษย์กล้าที่จะยั่วยุพวกเขา แต่ตอนนี้เสียงของมันเงียบไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะสิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว
"พวกเราหยุดก่อน ข้าคิดว่าไอเด็กโอหังนั่นตายแล้ว"
เหล่าศิษย์ฝึกหัดโดยรอบตอนนี้ต่างหน้าดำหน้าแดง เหงื่อไหลไคลย้อย หอบหายใจแฮ่กๆราวกับหมาหอบแดด พวกมันหยุดและก้มลงมองสภาพของหลินฟ่านที่นอนแน่นิ่งไม่ตอบสนอง
"โอ้ มันมิเคลื่อนไหวอันใด ข้าคิดว่ามันคงตายตกไปเสียแล้ว"
"เหอะ แม้แต่โคถึกก็มิสามารถทานทนหมัดคว่ำพยัคฆ์ของข้าได้"
แต่มีศิษย์ฝึกหัดคนหนึ่งก้มลงไปตรวจสอบลมหายใจของหลินฟ่านด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะกล่าวออกมา "บัดซบ มันยังหายใจอยู่ ยังมิได้ตกตายดังคำกล่าวเจ้า"
"มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือไร โดนไปขนาดนี้ยังมิตายตกไปอีก"
"ช่างหัวมันเถิดพวก เรายังต้องไปฝึกซ้อมเพื่อเข้าเป็นศิษย์สายนอกนิกายอีก ไปกันเถอะ พวกเรารีบไปฝึกฝนกัน อย่าได้สนใจอันใดมันอีก "
"เห็นด้วย ไปกันเถอะ…"
...... ..
เมื่อเหล่าศิษย์ฝึกหัดทั้งหมดเดินออกไป เหล่ากระสอบทรายมนุษย์ที่รออยู่รอบๆก็รีบวิ่งมาดูอาการของหลินฟ่าน
"เร็วเข้ารีบพาพี่ใหญ่ไปรักษาตัว"
"พี่ใหญ่เป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริง ตัวข้า‘หำหมารุ่นที่2’ มิเคยชื่นชมผู้ใดเท่าพี่ใหญ่เยี่ยงนี้เลย ท่านจักเป็นพี่ใหญ่ของข้าไปตลอดกาล"
"บัดซบดูไอพวกศิษย์ฝึกหัดระยำพวกนั้นกระทำ พวกมันลำพังมิอาจทำกระไรพี่ใหญ่ได้ ต้องอาศัยกลุ้มรุมเยี่ยงโจรสวะ"
"แท้จริงแล้วพี่ใหญ่ของพวกเราคงฝึกวิชา" กายปีศาจอมตะ"จนถึงระดับที่สาม ไอพวกศิษย์ไร้สามารถพวกนั้น มิอาจทำกระไรพี่ใหญ่ได้หรอก"
"หยุดบ้าน้ำลายกันได้หรือไม่ รีบพาพี่ใหญ่ไปรักษาก่อน"
"โอ้ใช่ รีบพาพี่ใหญ่ไปรักษาตัวก่อน ... "
......
ปล. หำหมารุ่นที่2 ไม่รู้แปลผิดไหมนะครับ Eng มัน Dog Balls the 2nd
ปล2. คำพูดของหลินฟ่านมันจะแตกต่างจากคนอื่นนะครับ เพราะมันมาจากโลกเรายุคปัจจุบัน