ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 11 – บีบบังคับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 13 – รีบไสหัวไปได้แล้ว!

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 12 – ใครกล้าทำร้ายหลานข้า?


*ตอนนี้เปลี่ยนคำบางคำนิดหน่อยนะครับ

 

Chapter 12 – ใครกล้าทำร้ายหลานข้า?

 

พรสวรรค์ของฝางเฮ่าที่แสดงออกมาเป็นบางสิ่งที่คนรุ่นเยาว์ตระกูลเซี่ยวไม่สามารถเทียบได้และศักยภาพของเขานั้นก็ไร้ที่สิ้นสุด

 

เช่นนี้ก็ไม่มีผู้อาวุโสคนใดของตระกูลเซี่ยวที่จะต้องการให้ตระกูลของพวกเขาต้องถูกลากลงมาโดยเซี่ยวหยุน

 

“เนื่องจากว่าเป็นเช่นนั้นเราจะรอสักครู่” ฝางซุนกล่าวด้วยการแสดงออกที่เยือกเย็น

 

ผู้อาวุโสทุกคนของตระกูลเซี่ยวยิ้มอย่างขอโทษ รู้สึกหดหู่อย่างเหลือเชื่อ

 

ผู้อาวุโสบางคนบ่นอยู่ภายในอย่างขมขื่น “ถ้าเรารู้ว่าเจ้าเด็กสาวนั่นจะทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ มันคงจะดีกว่าถ้าเขาตายเมื่อนานมาแล้ว”

 

ปัจจุบัน เซี่ยวหยุนกำลังวิ่งกลับไปยังที่อาศัยตระกูลเซี่ยวอย่างตื่นเต้น ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาเต็มไปด้วยความสุข

 

“ข้าสามารถก้าวเข้าไปสู่ระดับ 8 ขอบเขตหลอมร่างกายได้ในเวลานี้ ข้าควรจะสามารถไปถึงระดับ 9 ได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน”

 

เซี่ยวหยุนพักอยู่ในภูเขาเมฆาม่วงเป็นเวลา 2 วัน และไม่ใช่เพียงแค่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น การบ่มเพาะของเขาก็ได้ทะลวงผ่านเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามแก่นแท้ปราณบริเวณด้านนอกภูเขาเมฆาม่วงนั้นเบาบางเกินไป และเขาทำได้เพียงก้าวเข้าสู่ขั้นต้นของระดับ 8 ขอบเขตหลอมรวมร่างกายเท่านั้น

 

แม้จะได้เพียงเท่านี้ เซี่ยวหยุนก็พอใจอย่างมาก การที่สามารถทะลวงผ่านเรียบร้อยแล้วก็ถือว่าเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่เขา

 

อย่างน้อยที่สุด เขาก็ทำให้ความปรากฎแล้วว่าเขาไม่ใช่ขยะที่การบ่มเพาะไม่ได้ก้าวหน้าเป็นเวลา 8 ปี

 

ตราบใดที่เขาให้ทรัพยากรที่เพียงพอต่อความต้องการของจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ เขาก็จะสามารถบ่มเพาะต่อไปได้ เมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้น การบ่มเพาะของเขาก็จะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตราบเท่าที่เขามีทรัพยากรเพียงพอ การก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดก็จะไม่ใช่ปัญหาเลย

 

เช่นเดียวกับที่เซี่ยวหยุนเข้ามาในที่พักอาศัยตระกูลเซี่ยวอย่างร่าเริงใจ เขารู้สึกได้ทันทีว่าวิธีที่สมาชิกคนอื่นในตระกูลมองไปที่เขาค่อนข้างแปลก อย่างไรก็ตามเขารู้สึกมีความสุขมากทีเดียวดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอามันมาใส่ใจ

 

“ขยะนั้นหายไป 2 วัน และยังกล้ากลับมาอีก”

 

“ข้าเดิมพันเลยว่าเขาได้วิ่งหนีไปและหลบซ่อนเป็นเวลา 2 วัน”

 

ก่อนที่เขาจะเดินไกลเกินไป คนอื่นๆก็เริ่มพูดพึมพำท่ามกลางพวกเขา เมื่อเขาได้ยินสิ่งเหล่านี้ เซี่ยวหยุนรู้สึกทันทีว่ามีบางสิ่งถูกปกปิด

 

“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว” ขณะที่เซี่ยวหยุนกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงที่ชัดเจนและน่ารื่นรมย์ก็ดังออกมา เขาเห็นเซี่ยวหลิงเอ๋อวิ่งออกมาจากที่ไกลๆ การแสดงออกที่กลุ้มใจบนใบหน้าที่เล็กและประณีตของนาง นางดูเหมือนจะรีบวิ่งอย่างเร็วที่สุดที่นางจะทำได้

 

“หลิงเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยวหยุนถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวด

 

เซี่ยวหลิงเอ๋อดึงแขนเสื้อของเซี่ยวหยุนขณะที่นางกล่าวด้วยความร้อนใจ “พี่ใหญ่ คนตระกูลฝางมาเพื่อสร้างปัญหาให้แก่ท่านและพวกผู้อาวุโสต้องการจะส่งมอบท่าน รีบวิ่งไปเร็วเข้า มิฉะนั้นมันจะสายเกินไป” นางกังวลอย่างมากแล้วยังมีน้ำตาคลอในดวงตาของนางอีก

 

นางได้ยินมาว่าคนตระกูลฝางจะไม่ไว้ชีวิตพี่ใหญ่ของนาง

 

เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกราวกับว่าหัวใจของถูกตัดโดยมีด “พวกผู้อาวุโสของตระกูลต้องการส่งมอบข้า? เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะมีต่ำแหน่งในหัวใจของพวกเขา ซึ่งพวกเขาคงจะส่งมอบข้าโดยไม่ถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

ขณะนี้กลับมีเสียงที่หยาบและกักขฬะดังขึ้น “เซี่ยวหยุน สุดท้ายเจ้าก็มา รีบมายังโถงรับแขกกับข้า” ชายวัยกลางคนร่างใหญ่นำกลุ่มผู้พิทักษ์เหล็กเข้าล้อมรอบเซี่ยวหยุน ราวกับว่าพวกจะมาจับกุมอาชญากร

 

“ลุงเซี่ยวโม ท่านมาที่นี่เพื่อจับกุมข้า?” รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน ถ้าคนอื่นพบว่าลูกหลานจากบ้านหลักได้ตกลงไปในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะนินทาเกี่ยวกับมันเหมือนกับไม่เกิดขึ้นในอนาคต

 

เซี่ยวโมตอบกลับอย่างเย็นชา “นั้นถูกแล้ว เซี่ยวหยุน เจ้ากล้าที่จะใช้พิษทำร้ายฝางเหว่ย รีบมากับข้าเพื่อไปรับการลงโทษของเจ้า ขยะควรจะอยู่ที่บ้านอย่างโดยดีแทนการออกไปข้างนอกแล้วทำให้เกิดปัญหากับตระกูล พวกเราได้สนับสนุนเจ้าเพื่อหลายปีที่ไม่มีอะไรเลย”

 

“ขยะ?” เปลือกตาของเซี่ยวหยุนกระตุกขณะที่เขาหัวเราะอยู่ภายใน

 

“เอาล่ะ ข้าจะไปเจ้าเพื่อพบคนจากตระกูลฝาง ข้าอยากจะเห็นว่าพวกเจ้าทุกตัวจะลงโทษขยะเช่นไรเพื่อประโยชน์ของคนนอก” ขณะที่เขากล่าวประโยคที่สอง เซี่ยวหยุนรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกตอกด้วยความเจ็บปวด

 

นี่เป็นความจริง – ปราศจากพลังที่เพียงพอ ทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย

 

โชคดีที่เขาไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยเป็นมาก่อน!

 

กลุ่มของผู้พิทักษ์เหล็กเร่งรีบให้เด็กหนุ่มตกอยู่รอบๆขบวนแถว จับเขาไว้แน่นระหว่างพวกเขา

 

เซี่ยวหยุนยักไหล่และไม่กล่าวอะไรอีกขณะที่ติดตามเซี่ยวโมไปที่โถงรับแขก

 

“พี่ใหญ่ อย่าไปกับพวกเขา” เซี่ยวหลิงเอ๋อกึ่งสะอื้นขณะที่นางดึงแขนพี่ใหญ่ของนาง

 

“หลิงเอ๋อ ไม่ต้องกังวล พี่ใหญ่ของเจ้าจะสบายดี” เซี่ยวหยุนลูบศีรษะนางขณะที่เขายิ้ม

 

เซี่ยวโมหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้ายังคงคิดว่าเจ้ายังเป็นอัจฉริยะเหมือนเมื่อก่อน? ไปได้แล้ว”

 

หนึ่งในผู้พิทักษ์เหล็กดึงเซี่ยวหลิงเอ๋อออกไป

 

“ไปให้พ้น อย่าได้แตะต้องน้องสาวตัวน้อยของข้า” เซี่ยวหยุนโกรธมาก และส่งฝ่ามือโจมตีไปยังผู้พิทักษ์เหล็กทำให้เขาปล่อยเซี่ยวหลิงเอ๋อ

 

“เป็นอำนาจที่ทรงพลังอะไรแบบนี้?” ผู้พิทักษ์เหล็กตกตะลึงแล้วเขาก็โกรธและกล่าวว่า “เจ้ากล้าโจมตีข้า?”

 

“แค่ผู้พิทักษ์เหล็กเช่นเจ้ากลับกล้าตะโกนใส่ข้า?” การจ้องมองของเซี่ยวหยุนกลายเป็นแหลมคม “เจ้าไม่รู้จักกฎของตระกูลหรือ?”

 

ผู้พิทักษ์เหล็กแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ เขาต้องการที่จะโจมตีกลับไปยังเซี่ยวหยุน แต่ต้องต้อต้านมันไว้ เพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้รู้วิธีใช้ยาพิษ

 

“อย่าเล่นลิ้นกับเขา เขาจะกลายเป็นศพเดินได้แล้ว” เซี่ยวโมกล่าวขณะยิ้มอย่างสงบ “ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ใครมาสัมผัสน้องสาวของเจ้า จงเชื่อฟังแล้วเดินไป” หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว ขาไม่ได้มองย้อนกลับไปขณะที่เดินไปที่โถงรับแขก ปฏิบัติกับเซี่ยวหยุนเหมือนกับเขาเป็นศพ

 

“หลิงเอ๋ออย่ากังวลไปข้าจะกลับมาเร็วๆนี้” เซี่ยวหยุนรู้สึกหนาวเหน็บภายในหัวใจของเขา แต่ก็ยังคงปลอบน้องสาวตัวน้อยของเขา

 

“พี่ใหญ่ ข้าจะไปหาท่านปู่ เขาจะต้องช่วยท่านแน่นอน” เซี่ยวหลิงเอ๋อกล่าวขณะที่นางร้องไห้

 

“ท่านปู่......” เซี่ยวหยุนอยู่ห่างออกไปขณะที่รูปลักษณ์ที่ใจดีของชายชราปรากฏขึ้นในใจของเขา

 

เซี่ยวหยุนตอบอย่างขมขื่น “มันช่างน่าเสียที่ท่านได้ปิดประตูฝึกตนเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ข้าเกรงว่าท่านจะไม่มา”

 

เขาส่ายหัว แล้เดินไปกับเซี่ยวโมและผู้พิทักษ์เหล็ก

 

ลักษณะของความตั้งใจปรากฎบนใบ้หน้าของเซี่ยวหลิงเอ๋อขณะที่นางวิ่งไปยังส่วนลึกของที่พักตระกูลเซี่ยว

 

ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวและตระกูลฝางนั่งอย่างเงียบๆภายในโถงรับแขกของตระกูลเซี่ยวและบรรยากาศแปลกๆ ลอยอยู่ในอากาศ

 

มีเสียงกักขฬะดังออกมา “เซี่ยวหยุนอยู่นี่แล้ว!” ดวงตาของทุกคนสว่างขึ้นขณะที่พวกเขามองไปยังทางเข้าของโถงรับแขก มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ มองดูสงบอย่างยิ่ง

 

เซี่ยวหงขมวดคิ้วและมอบแสงสว่างอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนี้

 

“พวกผู้อาวุโสเรียกข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?” เซี่ยวหยุนชำเลืองไปรอบๆ จากนั้นมองไปที่พวกผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยว

 

การแสดงของหัวหน้าผู้อาวุโสนั้นมืดมนขณะที่เขาคำราม “เซี่ยวหยุน คุกเข่าลง!”

 

พวกผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆเขาจ้องมองไปที่เซี่ยวหยุนอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลังมองไปยังโรคระบาด

 

“คุกเข่าลง! ทำไมข้าจึงต้องคุกเข่าลง!” การจับจ้องของเซี่ยวหยุนก็เย็นชาเช่นเดียวกันขณะที่เขามองกลับไปยังผู้อาวุโสที่พูด

 

นี่คือหัวหน้าผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยว และก็ใช้อำนาจได้ไม่น้อย

 

การจับจ้องของหัวหน้าผู้อาวุโสกลายเป็นมุ่งร้าย ขณะที่เขากล่าวอย่างกดขี่ “เจ้าได้เดินลงไปยังเส้นทางของความชั่วร้าย และเรียนรู้เทคนิคที่น่ารังเกียจ  เจ้าใช้พิษเพื่อทำร้ายนายน้อยตระกูลฝาง และนำความอับอายมาสู่ตระกูลเซี่ยวของเรา เจ้ายังกล้าที่จะแสดงออกแบบนั้น? เจ้าต้องการให้ชายชราคนนี้ลงมือเอง? ฮึ่ม เจ้าควรรู้ว่าเจ้าไม่ใช่อัจฉริยะแบบเดียวกบที่เจ้าเคยเป็น”

 

“เซี่ยวหยุน รีบมาบอกพวกเราว่าเจ้าทำร้ายนายน้อยตระกูลฝางอย่าไร” ผู้อาวุโสคนอื่นกล่าวขณะที่เขาจ้องไปยังเซี่ยวหยุน

 

ผู้อาวุโสตระกูลฝางมองย้อนกลับไปอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไรเลย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา

 

เซี่ยวหยุนเอียงศีรษะเขากลับและหัวเราะขณะที่เขาตอบ “ฮ่าฮ่า ข้าไม่ใช่อัจฉริยะแบบเดิมกับที่ข้าเคยเป็นมาก่อน? เพียงเพราะการบ่มเพาะของข้าหยุดการก้าวหน้า เจ้าจึงได้ไปยืนเคียงข้างกับคนนอกเพื่อต่อต้านข้า? เจ้ามองข้าเป็นเศษหญ้าที่เจ้าสามารถโยนออกไปได้?”

 

“อวดดี! นี่เป็นวิธีที่เจ้าใช้พูดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า?” หัวหน้าผู้อาวุโสตะคอก ขณะที่แรงกดดันกวาดออกมา พยายามทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ยอมจำนน

 

“ผู้ที่มีอายุมากกว่า?” เผชิญหน้ากับแรงกดดัน  เซี่ยวหยุนรู้สึกเหมือนกับว่าเขาหายใจไม่ออก เขาขบฟันของเขา แต่ไม่ได้ล่าถอยขณะที่เขาจ้องไปยังหัวหน้าผู้อาวุโสแล้วตอบกลับ “ถ้าหากเจ้าปฎิบัติกับข้าเหมือนญาติ เจ้าก็เป็นผู้อาวุโสของข้าตามธรรมดา และข้าจะแสดงความเคารพต่อเจ้า อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เจ้ามองข้าเป็นเศษของหญ้าที่ไม่จำเป็น เหตุใดข้าจึงต้องแสดงความนับถือกับเจ้า”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นดุ “อวดดี! เจ้ามันสัตว์ชั่วร้าย”

 

นั่งอยู่ที่ที่นั่งหลัก, เซี่ยวหงขมวดคิ้ว แสดงออกถึงความไม่พอใจของเขาต่อท่าทีของพวกผู้อาวุโส อย่างไรก็ตามเขาเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เขาโบกมือ ขอให้เด็กหนุ่มพูด “เอาล่ะ เซี่ยวหยุนบอกเราถึงวิธีที่เจ้าใช้ในการทำร้ายนายน้อยตระกูลฝาง”

 

เซี่ยวหยุนยังคงสงบและกล่าวว่า “ฝางเหว่ยและคนอื่นๆยั่วยุข้าโดยไม่มีอะไร และข้าก็อดทนต่อการลบหลู่ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เขาต้องการที่จะฆ่าข้า ดังนั้นข้าจึงทำเพื่อปกป้องตนเอง ผู้อาวุโส เจ้าจะส่งมอบข้าให้คนนอกเพราะบางอย่างเช่นนี้จริงๆ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ตระกูลเซี่ยวของข้าต้องอดทนต่อการถูกทุบตีและชนะโดยคนอื่น เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจำเป็นต้องยอมให้ตนเองถูกจัดการโดยบุคคนภายนอกเพื่อปกป้องตัวเราเองอยางยุติธรรม?”

 

ผู้อาวุโสทั้งพูดไม่ออก “นี่...”

 

หัวหน้าผู้อาวุโสจ้องมองอย่างมุ่งร้ายไปยังเขา “แต่เหตุใดเจ้าต้องใช้ยาพิษ?”

 

“ถ้าหากใครบางคนต้องการจะสังหารเจ้า เจ้าจะอนุญาติให้พวกเขาฆ่าเจ้าหรือ?” เซี่ยวหยุนเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะที่เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “ฮ่าฮ่า นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? เจ้าไม่ได้รู้แม้กระทั่งเรื่องราวทั้งหมด

และเจ้ายังรีบเช่นนี้ที่จะส่งมอบตัวข้า เจ้าเป็นสุนัขของตระกูลฝางหรือ? ข้าเป็นลูกหลานบ้านหลักของตระกูลเซี่ยว และมีสถานะอันสูงส่ง เจ้าไม่คิดว่าเราจะต้องถูกหัวเราะเยาะหรือถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป?”

 

“โอหัง!” หัวหน้าผู้อาวุโสคำราม รู้สึกโกรธมาก

 

พวกผู้อาวุโสส่วนที่เหลือได้ตัดสินใจไปแล้วที่จะส่งมอบเซี่ยวหยุน

 

พวกผู้อาวุโสส่วนที่เหลือได้ตัดสินใจไปแล้วที่จะส่งมอบเซี่ยวหยุน “ขยะเช่นเจ้าจะนำภัยพิบัติมาตระกูลของเรา และเจ้ายังกล้าที่จะต่อต้านผู้อาวุโสของเจ้าเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะหยิ่งยโสจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของเจ้า แม้ว่าเราจะไว้ชีวิตเจ้าก็ตาม เราจะเก็บรักษาความชั่วร้ายท่ามกลางพวกเรา ตั้งแต่ที่มันเป็นเช่นนี้ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ลุงสามของตระกูลฝาง เราจะให้บุคคลนี้จัดการกับเจ้า”

 

พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะถูกหรือใครจะผิด – พวกเขาต้องการเพียงที่จะระงับโทสะของตระกูลฝาง

 

หลังจากได้เป็นพยานในพรสวรรค์ของฝางเฮ่า พวกเขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคต

 

“เพราะมันเป็นเช่นนี้ เราจะพาเด็กนี้ไปกับเรา” ฝางซุนกล่าวในขณะที่เขายิ้ม, พยักหน้าขณะที่เขาลุกขึ้นยืน

 

หัวใจของเซี่ยวหยุนตกลงไปตาตุ่ม “มันจะเปิดออกในดวงตาของเจ้า ข้าเป็นเพียงแค่เศษขยะ”

 

พวกเขา(คนเหี้ยๆแบบนี้)นับเป็นญาติได้ไหม?

 

“ท่านลุงใหญ่ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะส่งมอบข้าให้กับพวกเขา?” เซี่ยวหยุนก็ยกศีรษะขึ้นขณะที่มองไปที่ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลัก เขาต้องการจะเห็นว่าลุงใหญ่ของเขาคิดเช่นไร

 

เซี่ยวหงไม่กล้าที่มองไปยังสายของเด็กหนุ่ม เขาหายใจเขาและยิ้มไปยังฝางซุนขณะที่เขาพูด “ท่านลุงสามของตระกูลฝาง ท่านคิดท่านสามารถไว้ชีวิตเขาได้หรือเปล่า ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูหลานของบ้านหลักตระกูลเซี่ยว”

 

“เราสามารถไว้ชีวิตเขาได้ แต่เขาจำเป็นต้องส่งมอบยาถอนพิษ และตัดเส้นลมปราณในข้อมือและทำลายการบ่มเพาะของเขา” ฝางซุนตอบอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าถ้าเขาไม่สามารถรักษาพิษของลูกชายข้าได้ ไม่ต้องคิดถึงแม้แต่เรื่องที่อยู่อาศัย”

 

เซี่ยวหงขมวดคิ้ว “ตัดเส้นลมปราณในข้อมือของเขา? นี่คือสิ่งที่จำเป็นจริงๆ?”

 

โทนเสียงของฝานซุนเริ่มเย็นชาขณะที่เขากล่าว “ใช่มันจำเป็น เขาได้ทำร้ายผู้คนมากมายในตระกูลข้า เขาจะได้รับอภัยจากเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

ในขณะเดียวกัน เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังออกมาเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง “ข้าอยากจะเห็นว่าใครกล้าที่จะทำร้ายหลานชายข้า!”

 

“นั่นคือท่านพ่อ” คิ้วของเซี่ยวหงกระตุกขณะที่ลักษณะของการตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

 

“ท่านปู่!” หัวใจของเด็กหนุ่มกระโจนขึ้นด้วยความปิติยินดีและหัวใจของเขาที่ซึ่งรู้สึกหนาวเย็นและเย็นลง,กลายเป็นอบอุ่นอีกครั้ง เข้าไม่สามารถระงับน้ำตาได้ขณะที่เขารู้สึกได้ว่าเลือดในร่างกายของเขาเดือดพล่าน และเสียงของชรายังคงหมุนรอบในหูของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด