ตอนที่แล้วEternal Martial Sovereign ตอนที่ 12 – ใครกล้าทำร้ายหลานข้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEternal Martial Sovereign ตอนที่ 14 – ศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 13 – รีบไสหัวไปได้แล้ว!


Chapter 13 – รีบไสหัวไปได้แล้ว!

 

“ข้าจะดูว่าใครกันที่มันกล้าทำร้ายหลานชายข้า!” ประโยคง่ายๆเช่นนี้กลับทำให้หัวใจของเซี่ยวหยุนขยับไปมาอย่างไม่น่าเชื่อ และจิตใจที่โดดของเขาได้รับการปลอบโยนอย่างมาก

 

ในโลกนี้ ยังคงมีคนที่ใส่ใจเกี่ยวกับข้าและจะปกป้องข้า โดยไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!

 

นั่นคือสิ่งที่ญาติเป็น!

 

“ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน!”

 

คนตระกูลฝางได้ตกตะลึกและใบหน้าของพวกเขาก็สลดลงขณะที่พวกเขามองเข้าไปยังทางเข้าห้องโถง

 

ที่ด้านนอกของห้องโถง ชายสูงวัยคนหนึ่งซึ่งสวมชุดปักได้ควบม้าเดินตรงมายังพวกเขา กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาคล้ายกับของภูเขาและแต่ละย่างก้าวของเขาสามารถเขย่าหัวใจของทุกคนได้ แรงดึงดูดจำนวนมากของเขาได้ดึงอากาศออกมาจากห้องโถง

 

ชายชนะไม่ได้สูงมากนักและอ้วนเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การเดินของเขาราวกับยักษ์ และดูหนักแน่นมั่นคงราวกับภูเขา กลิ่นอายของเขาได้กดลงบนวิญญาณของทุกคน

 

ชายชราคนนี้คือผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยว เซี่ยวหยวนฉาน

 

ข้างหลังของเซี่ยวหยนฉานเป็นชายวัยกลางคนและเด็กสาว

 

ชายวัยกลางคนคือเซี่ยวไห่ที่ได้ออกไปเพื่อพาผู้นำตระกูลคนก่อนมา ส่วนเด็กสาวคนนั้นคือเซี่ยวหลิงเอ๋อ

 

มีหลายคนจากตระกูลเซี่ยวรวมตัวกันอยู่ด้านนอกของโถงรับแขก กำลังตื่นเต้นที่ได้เห็นผู้นำตระกูลคนก่อนออกมา

 

ทันทีที่ผู้ตระกูลคนก่อนของตระกูลเซี่ยวเดินเข้าไปในโถงรับแขก เซี่ยวหงยืนขึ้นทันทีเพื่อให้เขานั่งตรงที่นั่งหลัก

 

บรรยากาศภายในห้องโถงกลายเป็นตึงเครียดถึงจุดที่สามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นได้

 

“ใครต้องการจะตัดดเส้นลมปราณของหลานชายข้า?” เซี่ยวหยนฉานนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักข๊ะที่ดวงตาที่ดูเหี้ยมโหดกวาดไปรอบๆคล้ายกับเสือที่ดุร้าย

 

พวกผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวตัวสั่นไม่กล้าที่จะกล่าวอะไร

 

ชายชราคนนี้เป็นหนึ่งในไม่ผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนที่อยู่ขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงในเขตเมฆาม่วง!

 

ถูกจ้องมองโดยผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน แม้กระทั่งคนตระกูลฝางก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงความหยิ่งยโสต่อ

 

“บ้าเอ้ย! ไม่ใช่ว่าตาแก่แปลกประหลาดนี้ได้ปิดประตูฝึกไปเป็นเวลา 2 ปีแล้ว? ทำไมเขาถึงออกมาเพื่อขยะนี้กัน?” ผู้อาวุโสของตระกูลฝางกำลังขมวดคิ้ว ไม่ว่าตระกูลฝางของพวกเขาจะทรงพลังมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมามากเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง

 

“เซี่ยวหยุนได้ใช้พิษเพื่อทำร้ายน้องชายของข้า ผู้ที่ยังไม่ตื่น เขาต้องได้รับการลงโทษที่เหมาะสมสำหรับการใช้วิธีการที่ชั่วช้าเช่นนี้” ฝางเฮ่ากล่าวโดยไม่ต้องร่องรอยของความกลัวในเสียงของเขา เขายังคงสงบอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง

 

“หยุนเอ๋อ บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านปู่จะมอบความยุติธรรมให้เจ้าเอง!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนไม่ได้สนใจเรื่องการบาดเจ็บของฝากเหว่ยอย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับมองไปยังเด็กหนุ่มข้างๆเขาด้วยความเมตตา

 

หลังจากที่เด็กหนุ่มคนนี้ได้แบกความหวังของเขาไว้ในตัว

 

เมื่อได้ยินท่านปู่ของเขาพูด ความสิ้นหวังในหัวใจของเซี่ยวได้ตายลงไป และเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเด็กตระกูลฝางอย่างใจเย็น

 

“หยวนเอ๋อ เจ้าทะลวงผ่านแล้วจริงๆหรือ?” ได้ยินว่าเซี่ยวหยุนได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มหลายคนในระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกาย ดวงตาของชายชราสว่างขึ้น และเต็มไปด้วยความหวัง นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่เขาได้รับมาในรอบหลายปี

 

“การทะลวงผ่านหลังจาก 8 นั้นควรค่าแก่การฉลองมากกว่าจริงๆ?” ดูว่าผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนสำราญใจมากแค่ไหน คนอื่นๆทั้งหมดก็ได้บ่นพึมพำอยู่ภายใน อย่างไรก็ตามหลังรู้สึกถึงกลิ่นอายที่เขาปล่อยออกมา พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา

 

“อืมม” เซี่ยวหยุนพยักหน้า “ข้าทะลวงผ่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา”

 

“หยวนเอ๋อ ใช้พลังภายในของเจ้าเพื่อโจมตีข้า!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกลายเป็นตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่เขารีบคว้าข้อมือของเซี่ยวหยุนเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของเขา

 

“ขอรับ!” เซี่ยวหยุนผงกศีรษะของเขาขณะที่เขาส่งพลังภายในกวาดไปยังมือที่ข้อมือของเขาถูกจับอยู่

 

ขณะที่เขารู้สึกถึงพลังภายในของเด็กหนุ่ม รอยยิ้มกว้างของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็ได้กว้างมากขึ้น

 

“ฮ่าฮ่า เขาทะลวงผ่าน! หลานชายของข้าทะลวงผ่าน! สวรรค์ได้ช่วยเหลือหลานชายของข้าอย่างแท้จริง!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนเริ่มหัวเราะเสียงดังด้วยความสุขขณะที่เผชิญกับท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้ ระลอกเสียงหัวเราะของเขาที่ปล่อยออกมาทำให้ร่างกายคนที่อยู่รอบๆเขาสั่นสะท้าน

 

“ชายชราคนนี้บ้าไปแล้ว”

 

“เขาก็เศษขยะที่พึ่งทะลวงผ่านได้หลังผ่านมา 8 ปีเท่านั้น เหตุใดเขาจึงต้องมีความสุขมากขนาดนั้น?” คนตระกูลฝางไม่รู้สึกประทับใจอย่างมาก

 

ฝางเฮ่าขมวดคิ้ว พวกเขามาที่นี่เพื่อลงโทษเซี่ยวหยุนแล้วสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ไป

 

“ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน พิษที่น้องชายได้รับมันรุนแรงมาก รีบบอกให้เซี่ยวหยุนส่งมอบยาแก้พิษมา” ฝางเฮ่ากล่าวขณะที่มีการแสดงออกที่มืดมน

 

เฉพาะเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่มีสิทธิที่จะพูดให้คนตระกูลฝาง

 

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่เจ้าที่จะบอกว่าชายชราคนนี้ต้องทำอะไร” การจ้องมองของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนได้กลายเป็นเย็นชาขณะที่เข้ามองไปยังฝางเฮ่าและเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขา เซี่ยวหยุนได้เล่าเรื่องราวออกมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะเริ่มหัวเราะอย่างสนุกสนาน

 

เซี่ยวหยุนยังคงพูดต่อและบอกเขาว่าฝางเหว่ยแอบส่งหมัดมาโจมตีเขาอย่างไร

 

“ฮึ่ม เจ้ากล้าที่จะข่มหลานชายของข้า? เจ้ากำลังรนหาที่ตายเอง!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนแค่นเสียงเย็นชาขณะที่ดวงตาของเขาเจตนาสังหารออกมา หัวใจของทุกคนกระโดดไปมาขณะที่พวกเขาสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้ได้กำหนดไว้แล้วว่าจะปกป้องเซี่ยวหยุน!

 

เซี่ยวหยุนยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง บอกเซี่ยวหยวนฉานเกี่ยวกับท่าทีของส่วนที่เหลือในตระกูล

 

“อวดดี! ใครให้อำนาจเจ้าในการส่งมอบหลานชายข้าให้ถูกลงโทษโดยผู้อื่น? หัวของเข้าคงต้องไหลกับน้ำแล้วสินะ” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนจ้องอย่างเกรี้ยวกราดไปยังพูดพวกผู้อาวุโสและพูดต่อ “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ชายชราคนนี้เคยชินกับการทำลายพวกเลวทรามอย่างเจ้าทั้งหมด?”

 

ผู้ตระกูลคนก่อนของตระกูลเซี่ยว ผู้ซึ่งมักจะมีความอ่อนโยนและมารยาท กำลังสาปแช่งอยู่จริงๆ ทำให้พวกผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดสั่นสะท้าน

 

คนตระกูลฝางก็ยังขมวดคิ้ว

 

“ชายชราคนนี้กดขี่กันเกินไปแล้ว”

 

“ผู้นำตระกูลคนก่อนของพวกเรายังคงยิ่งใหญ่เหมือนตอนอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของเขา!” นอกห้องโถง คนตระกูลเซี่ยวทั้งหมดตื่นเต้นทีเดียวขณะที่พวกเขามองเข้ามาข้างใน การยั่วยุของตระกูลฝางและความยโสอวดดีของฝางเฮ่าเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้

 

และตอนนี้ผู้นำตระกูลคนก่อนได้ออกมาและช่วยระบายความโกรธของพวกเขาต่อคนเหล่านี้

 

“เจ้าได้เป็นเมล็ดพันธ์ของชายชราคนนี้หรือไม่? เซี่ยวหยุนเป็นหลานชายของตัวเจ้าเอง และยังต้องการจะส่งมอบเขาไปให้กับคนนอกเพื่อถูกลงโทษอีกหรือ?” หลังจากที่ด่าพวกผู้อาวุโส เคราของเซี่ยวหยวนฉานได้แข็งขึ้นขณะที่เขาหันไปถลึงตามองลูกชายตนเองอย่าโกรธเกี้ยว “ข้ารู้สึกอับอายที่มีลูกชายอย่างเจ้า โชคดีที่ที่ทั้งสองคนได้บอกข้าให้มาที่นี่ มิฉะนั้นถ้าข้าได้ค้นพบเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังนั้น ข้าจะทำให้เจ้าพิการ”

 

ผู้คนด้านนอกรู้สึกขบขันอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ผู้นำตระกูลคนเก่าจะทำตามี่เขาต้องการ! เขาแม้แต่สาปแช่งลูกชายตนเองอย่างนั้น!”

 

“ฮ่าฮ่า ท่านลุงใหญ่ได้เข้าใจผิดก่อนหน้านี้ - เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังต่อหน้าตระกูลฝาง”

 

ใบหน้าของเซี่ยวหงได้กลายเป็นสีแดง “ท่านพ่อท่านคงยังไม่ทราบนี่คือฝางเฮ่า...”

 

เซี่ยวหงมีการแสดงออกที่ขมขื่นบนใบหน้าของเขา เขาเองก็ไม่อยากจะส่งมอบเซี่ยวหยุน แต่ด้วยพรสวรรค์อันพิเศษของฝางเฮ่า เขาถูกกำหนดให้เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง ถ้าพวกเขาทำผิดกับเขาในตอนนี้ พวกเขาคงจะจบลงด้วยความตกต่ำของตระกูลเซี่ยวทั้งหมดในอนาคต เช่นนั้นเขาจึงได้ตัดสินที่จะทำการเสียสละครั้งนี้ คิดเกี่ยวกับผลลัพธ์เนื่องจากการวางแผนของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้ถูกด่าโดยพ่อของเขาเช่นนี้

 

“ฝางเฮ่า?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนมองไปยังเด็กหนุ่มขณะที่เขาถาม “เจ้าเป็นไอ้เด็กจากตระกูลฝางที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ได้?”

 

“ใช่แล้ว” ฝางเฮ่าตอบอย่างสงบ

 

เป็นบางคนที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้ ฝางเฮ่าหยิ่งยโสมากทีเดียว แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง

 

“ไสหัวไป มิฉะนั้นชายชราคนนี้จะทำให้เจ้าพิการ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ? แม้กระทั่งฝางเฮ่า 10 คนก็ยังไม่มีค่ามากเท่ากับหลานชายข้า” คลื่นของเจตนาสังหารของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนเหมือนกับแก่นแท้ที่แท้จริงกระจายออกมาจากร่างของเขา สลายเก้าอี้ที่เขานั่งให้เป็นผง

 

“เจ้า!” ฝางเฮ่าขมวดคิ้วขณะเปลือกตาของเขากระตุก เขาไม่เคยคิดว่าชายชราคนนี้จะกดขี่ผู้อื่นเช่นนี้

 

“ไอ้เด็กสารเลวยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอยากจะแสดงพลังในที่อยู่อาศัยตระกูลเซี่ยวของพวกเราเพียงเพราะเจ้ามีพรสวรรค์เพียงน้อยนิด? เจ้าไม่รู้หรือว่าพรสวรรค์ที่ยังไม่สมบูรณ์น่ะมันไร้ประโยชน์?” แม้ว่าฝางเฮ่าจะไม่ได้พูดประโยคที่สมบูรณ์ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และมองดูโกรธ ราวกับว่าเขากำลังจะทำลายฝางเฮ่า

 

เรื่องนี้ทำให้พวกผู้อาวุโสตระกูลฝางกลายเป็นกังวลอย่างมาก

 

“บ้าเอ้ย! ถ้าเรารู้ว่าตาแก่แปลกประหลาดนี้จะออกมา เราจะได้ขอให้ผู้ตระกูลคนก่อนมากับพวกเราด้วย”

 

“ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการจะเผาสะพานความสัมพันธ์กับตระกูลฝาง?” ฝางเฮ่ายังคงสงบอยู่ขณะที่เขาตอบกลับอย่างเย็นชา

 

“แล้วตระกูลฝางของเจ้าล่ะ? แม้ว่าไอ้แก่ประหลาดฝางเทียนฮุนมา ชายชราคนนี้ก็จะมีเพียงคำเดียวสำหรับเขา : ไสหัวไป!”

 

เสียง ‘ไสหัวไป’ เหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่ทำให้ห้องโถงทั้งหมดสั่นสะเทือนราวกับเขากำลังจะถล่มมันลงมา

 

ดวงตาของฝางเฮ่ามีประกายแสงของความเย็นขณะที่เขาตอบ “เอาล่ะ เราจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงขอให้ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนมอบยาแก้พิษให้กับพวกเราเพื่อน้องชายข้าที่ถูกพิษ”

 

“ยาแก้พิษ?”ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนหัวเราะเย็นชา

 

“ขออภัยด้วย แต่พิษนั้นมาจากสัตว์อสูรนรกานต์เมฆาม่วง ข้าไม่มียาแก้พิษหรอก” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยที่เขากอดแขนขณะที่เขามอบรอยยิ้มเย็นชา

 

“อะไรนะ?! พิษของสัตว์อสูรนรกานต์เมฆาม่วง?!” หัวใจของฝางซุนต่ำลงขณะที่เขาพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถช่วยท่านหญิงใหญ่ตระกูลหยานสกัดพิษนั้นได้ ได้โปรดสกัดให้ลูกชายข้าด้วย ตระกูลฝางของข้าจะไม่ติดตามเอาเรื่องนี้เป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าคิดดีไหม?”

 

เซี่ยวหยุนเลิกคิ้วขณะที่มองไปยังท่านปู่ของเขา

 

“การโดนพิษนี่สามารถทำได้เพียงตำหนิการกระทำของลูกชายของเจ้าได้เท่านั่นและเจ้ายังต้องการให้หลานชายข้าสกัดมันอีก? เจ้าคิดว่าตระกูลเซี่ยวของพวกเราคืออะไรกัน? พูดถึงเรื่องนี้ ชายชราคนนี้ไม่เคยแม้แต่จะถามเด็กจากตระกูลฝางที่ต้องรับผิดชอบในการโจมตีหลานชายของข้า”

 

เอาแต่ใจ!

 

เอาแต่ใจอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

ได้ยินคำพูดของผู้นำคนก่อนของตระกูลเซี่ยว เซี่ยวหยุนสามารถช่วยได้แต่รู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นสะท้าน

 

เขาคิดว่าท่านปู่ของเขาจะขอให้เขาสกัดพิษ ใครจะไปคิดว่าเขาจะพูดเช่นนี้?

 

“ไม่น้อยกว่าที่คาดหวังจากผู้นำตระกูลของพวกเรา!” ผู้คนด้านนอกก็ตะลึงอย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกัน

 

เขาไม่สะทกสะท้านต่อศัตรูของเขาอย่างสมบูรณ์ – บุรุษที่แท้จริง

 

“ก็ได้ ตระกูลฝางของข้าจะจำเรื่องนี้เอาไว้” ฝางเฮ่ากล่าวขณะที่เขาลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ”

 

หลังจากพูดเขาก็หันกลับแล้วออกไป

 

ฝางซุนและคนอื่นๆติดตามเขาไปข้างหลัง

 

“ใช่ ข้าต้องการจะเตือนเจ้าว่าการแข่งขันการต่อสู้ของเขตเมฆาม่วงจะเริ่มขึ้นอีกใน 3 เดือน เมื่อเวลานั้นมาถึง  ข้าจะต้องได้ที่หนึ่งและเข้าสู่นิกายใหญ่ เมื่อนั้นพวกเจ้าทั้งจะเป็นแค่มด เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะสามารถทำลายตระกูลเซี่ยวของเจ้าได้ด้วยการคิดเพียงครั้งเดียว” ฝางเฮ่ากล่าวไว้ก่อนจะออกไป

 

“ถ้าเจ้าส่งเซี่ยวหยุนมายังที่พักอาศัยตระกูลฝางของข้า ข้าจะปล่อยตระกูลเซี่ยวของเจ้าไป มิฉะนั้นวันที่ข้าฝางเฮ่าได้เข้าสู่นิกายใหญ่จะเป็นวันแห่งการทำลายล้างตระกูลเซี่ยวของเจ้า” ฝางเฮ่าพูดอย่างสงบและเย็นชนะและได้คุกคามต่อตระกูลเซี่ยวอย่างเปิดเผย

 

“ไอ้เด็กสารเลว! ชายชราคนนี้จะทำลายเจ้าตอนนี้แหละ” ดวงตาของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนวูบวาบขณะที่เขากระโจนเข้าหาเขาเหมือนเสือที่ดุร้าย

 

“เจ้าสามารถทำลายข้าได้แต่ข้าถูกจับตามองอย่างชื่นชอบโดยผู้อาวุโสจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ตระกูลเซี่ยวจะถึงคราวเคราะห์แน่นอน” ฝางเฮ่าไม่ได้กลัวเลย แม้กระทั่งตอนเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน คนที่อยู่ในขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง ทุกคนที่เห็นว่าเขาสงบต้องประหลาดใจอย่างมาก

 

ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนที่กระโจนออกไปหยุดลงกะทันหัน เท้าของเขาเหยียบลงอย่างหนักหน่วงบนพื้นหินทำให้มันร้าว

 

“นิกายต้นกำเนิดสวรรค์!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนพึมพำกับตัวเขาเอง ร่องรอยแห่งความกลัวปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา

 

“ฮ่าฮ่า ไอ้แก่ ข้าจะไปแล้ว” ฝางเฮ่ากล่าวขณะที่เขาหัวเราะอย่างหยิ่งยโส

 

“จำไว้ส่งเซี่ยวหยุนมาภายใน 3 วัน มิฉะนั้นตระกูลเซี่ยวของเจ้าจะต้องแบกรับผลที่ตามมา” หลังจากหัวเราะมากขึ้น, ฝางเฮ่าเดินวางท่าออกไปกับคนตระกูลฝางบางส่วนที่ติดตามหลังจากเขาไป

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด