ตอนที่แล้วเล่มที่ 2 : บทที่ 1-2 (Alien)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 2 : บทที่ 2-3 ( Alien )

เล่มที่ 2 : บทที่ 2-2 ( Alien )


เล่มที่ 2 :  บทที่ 2-2  แปลโดยกิลด์เทพอสูร

ดวงตาของเจิ้งเป็นสีแดงก่ำ ไม่ว่าจะเป็นเพราะด้วยความรู้สึกโกรธ หรือ เป็นเพราะเลือดของหลานกันแน่ เมื่อหลานได้หายจากมุมทางเดิน เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างเร็ว แต่เพราะแรงมากเกินไปทำให้เขานั้นพุ่งตรงไปยังผนัง

ความเร็วปฏิกิริยาตอบสนองที่เพิ่มขึ้นของเขา มันได้ช่วยเขาเอาไว้ สรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวของเขาในตอนนี้มันชะลอช้าลง เขารู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวอย่างเต็มพลังนั้น ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพมากก็จริงแต่ผลของมันกลับทำให้ร่างกายของเขาเหมือนกำลังจะฉีกขาด ไม่ว่าจะเป็นพื้น ,อากาศ, หรือแม้แต่ผนัง ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูดบางอย่างจากทุกสรรพสิ่งทีารอบตัวของเขา คอยป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนที่เร็วมากเกินไป เขาไม่เคยมีประสบกับปรากฏการณ์เเบบนี้มาก่อน

ทันใดนั้นเมื่อเขาเข้าใกล้กับผนัง ราวกับว่าอากาศโดยรอกลายเป็นของเหลวแล้วเกิดปฎิกินิยาควบแน่น ทำให้เขาสามารถเหยียบบนอากาศได้ แล้วกระโดดหมุนตัวกลับก่อนที่จะพุ่งชนเข้ากับผนัง เขาถีบไปที่ผนังเพื่อเปิดทางออก สิ่งแรกที่เห็นคือ หลานกำลังถูกเอเลี่ยนลากอยู่ เอเลี่ยนตัวนี้ มีขนาดเล็กกว่าตัวก่อนหน้า แต่มันก็ยังมีความสูงมากกว่า 2 เมตร และยาวกว่า 3 เมตร มันลากหลานไปสุดของห้องโถง ไหล่ซ้ายของเธอถูกบดขยี้อย่างไม่มีชิ้นดี ร่างกายของเธอถูกอาบโชกไปด้วยเลือด มีเพียงความสิ้นหวัง และ ความปรารถนาบางอย่างที่อยู่ในแววตาของเธอเท่านั้น

เจิ้งเข้าใจความปรารถนานั้นเป็นอย่างดี มันเป็นความหวัง ความต้องการที่จะชีวิตรอด และ ต้องการอนาคต แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นสายตาของตัวเองก็ตาม แต่เขารู้ถึงรสชาติของสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นเขาก็คงมีแววตาแบบนี้เช่นเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่เขาแน่ใจ!

ในสายตาของเจิ้งตอนนี้ภาพหลานนั้นถูกแทนที่ด้วยภาพเสี่ยวอี้ ที่กำลังถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ และ เหลือเเค่เศษกองเนื้อในพริบตา ถ้าตัวเขาถูกเอเลี่ยนลากไปแบบนี้ เขาคงจะสิ้นหวัง และ ไม่อยากถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ  ... เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก! ไม่ว่าจะยังไงเขาจะต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ให้ได้!

“อ๊ากกกกกกก !” เจิ้งกรีดร้องราวกับเสียสติ เขาเห็นเอเลี่ยนแทบจะเกือบทุกการเคลื่อนไหวของมัน การเคลื่อนไหวของมันดูช้าลง เขากระโดดออกมาจากผนังพุ่งตัวตรงไปที่เอเลี่ยน

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่หลานเห็นคือเจิ้งเพียงดีดตัวออกมาจากผนัง ด้วยท่าที่แปลกประหลาดเท่านั้น ด้วยแรงดีดตัวทำให้เกิดเสียงดังปัง และทิ้้งไว้เพียงสองรอยเท้าที่ถูกฝังไว้บนผนังเหล็ก จากนั้นเขาก็หายไปจากสายตาของเธอ ใรตอนนี้เธอ ไม่สามารถมองตามความเร็วของเขาได้ทัน

เจิ้งถึงตัวของเอเลี่ยน เขาเห็นน้ำลายหยดไหลออกจากปาก และ ลิ้นที่ยื่นยาวของมัน เขาฟาดท่อนเหล็กลงไปที่ลิ้นด้วยความแม่นยำ ส่งผลให้หลานนั้นล่วงลงสู่พื้นจนเกิดเสียงดัง ตุ้บ! เอเลี่ยนส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน เลือดกรดพ่นออกมาจากลิ้นที่ถูกฟาดจนขาดครึ่งของมัน

“ย๊ากกกกก!”

มันยังไม่จบ เจิ้งกรีดร้องพร้อมกับเอเลี่ยน เขาสูญเสียสติไปแล้วตอนนี้ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนเลือดดูราวกับคนบ้าคลั่ง มันอาจจะเป็นเลือดของหลาน หรือที่มันได้เปลี่ยนเป็นสีแดงอาจเพราะตัวเขาเอง

ขณะที่เจิ้งกระโดดไปที่ด้านหลังของเอเลี่ยน เขาฟาดท่อนเหล็กลงไปที่หลังของมัน เสียงโลหะกระทบกับเกราะของเอเลี่ยนส่งเสียงดัง ปัง! ท่อนเหล็กคดงอในทันที แต่สภาพของเอเลี่ยนก็ดูไม่ดีเช่นกัน กระดูกหลังของมันแตกออก มีกรดไหลออกมาจากบาดแผล ในเวลานี้บนพื้นเต็มไปด้วยหลุมที่เกิดจากกรดของมัน

เอเลี่ยนเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เจิ้งอยู่ในสภาวะสรรพสิ่งชะลอตัวลง ความเร็วของเขายังแค่เสมอกับเอเลี่ยนเท่านั้น มันฟาดกรงเล็บเข้าใส่เจิ้ง เขายกแขนขึ้นมาป้องกันได้อย่างเฉียดฉิวจนเกิดเสียงดังสนั่น ด้วยแรงปะทะส่งกระทบให้เจิ้งกระแทกลงสู่พื้นอย่างแรง จนทำให้ห้องโถงถึงกับสั่นสะ เทือน เลือดสีแดงสดไหลหยดลงมาจากศีรษะของเจิ้งซึ่งเกิดจากแรงกระแทก

ในตอนนี้เจิ้งต่อสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลก เขาไม่มีเกราะแข็งแกร่งห่อหุ้มร่างกายเหมือนกับเอเลี่ยน จังหวะที่เขายกแขนขึ้นมาป้องกัน กรงเล็บของมันสร้างรอยแผลลึกขึ้นบนแขนของเขา  ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยแรงที่มหาศาลของมันทำให้ศรีษะของเจิ้ง กระแทกลงพื้นอย่างแรงจนทำให้เขาเกือบหมดสติ ในตอนนั้นเขาจึงเรียกสติของตนเองด้วยการกัดลิ้น เพื่อสร้างความเจ็บปวด

แล้วไม่คิดจะลุกขึ้นในตอนนี้ เขาดึงเหล็กอีกท่อนขึ้นมา และ ฟาดด้วยพลังทั้งหมดที่มีของเขาอย่างสุดแรง ลงไปที่เท้าของเอเลี่ยน ด้วยความแข็งแรงทางร่างกายของเขาบวกกับพลังลมปราณ ด้วยความรุนแรงของพลัง ทำให้เอเลี่ยนถึงกลับทรุดตัวลง มันตอบโต้อย่างฉับไวด้วยการยกหางที่แหลมคมของมันขึ้นมา แล้วพุ่งแทงเข้าไปที่ขาของเจิ้ง สัญชาตญาณในการต่อสู้ของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากสมกับเป็นสายพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการเกิดมาเพื่อฆ่า และ เพื่อการอยู่รอด

จิตใจของเจิ้งว่างเปล่า เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขามันกำลังเคลื่อนอย่างอิสระด้วยตัวมันเอง สัญชาตญาณของการต่อสู้มากมายผุดขึ้นมาในสมอง เขาเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างแล้วพลิกตัวกลับ กระชากขาของตนเองให้หลุดออกจากหางของเอเลี่ยน เขาเอาเท้าดีดลงไปที่พื้นเพื่อสปริงตัวเพื่อเป็นแรงส่ง แล้วพุ่งกระโดดเข้าใส่เอเลี่ยนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาก็กระแทกท่อนเหล็กแทงเข้าไปที่ปากของมัน

เขาปล่อยมือออกท่อนเหล็ก และปล่อยมันไว้ในปากของเอเลี่ยนเขาดึงท่อนเหล็กอีกอัน ออกมาจากด้านหลัง และจ้วงแทงเข้าไปที่หัวของเอเลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ร่างกายของเขาในตอนนี้จะถูกชะโลมไปด้วยเลือดกรดของเอเลี่ยนที่พุ่งกระฉูดออกมาก็ตาม แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ราวกับคนเสียสติิ กระหายอยากฉีกกระชากร่างเอเลี่ยนออกเป็นชิ้น ๆ โชคยังดีที่การตอบสนองของหลานทันเวลา เธอไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง และ รีบกระ โดดเข้าใส่เจิ้ง ด้วยแรงกระแทกของเธอ ทำให้ทั้งสองล้มลงไปที่พื้น และ กระเด็นห่างออกไปไม่กี่เมตร อีกทั้งมันยังช่วยเรียกสติของเจิ้งค่อย ๆ กลับคืนมา

ร่างกายส่วนหน้าของเขารู้สึกเจ็บปวด และ รู้สึกแสบร้อนราวกับถูกเผา เขารีบถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก แล้วพยายามที่จะเช็ดเลือดกรดของเอเลี่ยนออกจากร่างกายตนเอง เลือดกรดขอฝเอเลี่ยนที่กระเด็นลงพื้นเกิดเสียงดัง แซ่! แซ่! ฤทธิ์กัดกร่อนของกรดทำให้เกิดเป็นไอความร้อนลอยมาจากพื้น เมื่อเลือดกรดกระเด็นโดนเหล็กๆ ตำแหน่งที่โดนก็ละลายราวกับเป็นน้ำแข็งในทันที แต่บนผิวของเจิ้งกลับมีแค่รอยคล้ำเพียงเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยของการกัดกร่อนซึ่งทำให้หลานรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

ในขณะที่หลานหยุดเลือดของเจิ้งด้วยสเปรย์ห้ามเลือด เธอพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “มันดีมากเลย ที่ยังมีชีวิตรอด ขอบคุณนะ ... แต่ทำไมบนผิวของนาย ถึงไม่มีวี่แววของรอยบาด แผลเลยล่ะ? ก็เลือดของเอเลี่ยนมันเป็นกรดสูงนี่นา.”

เจิ้งเช็ดคราบกรดทั้งหมดที่ติดอยู่บนร่างกายของเขา จิตใจของเขาก็ยังคงว่างเปล่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนเป็นแค่ฝันร้าย เขาต่อสู้โดยเพียงใช้สัญชาตญาณ ยิ่งจังหวะที่เขาถูกเอเลี่ยนแทงเข้ามาขา มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าห่วงโซ่ที่เคยพันธนาการร่างกายเขาไว้มันได้ถูกกระชากออก

“บางทีอาจจะเป็นเพราะค่าสถานะของการกระตุ้นเซลล์ที่ค่อนข้างสูง หรือไม่ก็การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน แต่อย่างน้อยผิวหนังของเราก็ควรถูกกรดกัดมั่งสิ.”

ในขณะที่เขาพยายามที่จะดึงสเปรย์ห้ามเลือดออกจากแหวนมิติ จู่ๆ ร่างกายทุกส่วนของเขาก็หยุดชะงักราวกับเป็นอัมพาต ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มเข้าครอบงำ เริ่มต้นจากอวัยวะภายในของเขาในตอนนี้เหมือนมีฝูงมดนับไม่ถ้วนกำลังไต่อยู่ภายในร่างกาย จากนั้นความเจ็บปวดเริ่มแผ่กระจายไปยังกระดูก และ ไขกระดูกของเขา แล้วย้ายจากเส้นเลือดไปที่ผิวหนัง เขามองเห็นทุกๆอย่าง ค่อยๆ กลายเป็นสีขาวโพลน เเละ รู้สึกราวกับว่ากำลังจะตาย

“นึกถึงลิงที่สามารถข้ามขีดจำกัด และ วิวัฒนาการกลายมาเป็นมนุษย์ แล้วมนุษย์ล่ะถ้าสามารถข้ามขีดจำกัดได้จะกลายเป็นอะไร?”

“มันคงคล้ายกับสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตได้เฉพาะในร่างกายของมนุษย์เท่านั้น ประเด็นคือ ... มันเป็นยาพิษ คุณอาจเคยได้ยินเรื่องแม่สามารถยกรถเพื่อช่วยลูกชายของเธอมาบ้าง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่นานนักผู้หญิงคนนั้นก็เสียชีวิตลง หลังจากเหตุการณ์นั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบสารนี้ในเลือดของเธอ.

‘... ขีดจำกัดทางพันธุกรรม …’

'เจิ้งจำคำที่ซวนเคยพูดได้เกี่ยวกับขีดจำกัดทางพันธุกรรม เขาไม่แน่ใจว่าเขาบังเอิญไปปลดล็อคมันเข้ารึเปล่า แต่เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังดิ้นรนอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย ความเจ็บปวดที่ครอบงำอวัยวะภายในของเขามันกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เลือดไหลออกมาจากปาก และ จมูกของเขา จากนั้นมันเริ่มลามไปที่ปอด เขาเริ่มมีอาการชักเพราะไม่สามารถหายใจเอาอากาศเข้าไปได้ เขาดิ้นรนด้วยการอ้าปากของตัวเองให้กว้างเพื่อหายใจ

หลานมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เธอช้อนร่างกายของเจิ้ง และประกบริมฝีปากของเธอไปบนริมฝีปากของเขาทันทีพยายามที่จะส่งอากาศเข้าไป ใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีอวัยวะภายในของเจิ้งเริ่มสงบลงอย่างช้าๆ ปอดของเขาก็เริ่มมีอากาศเข้าไป ความเจ็บปวดบนผิวของเขาก็เริ่มจางหายไป แต่ว่าหลานนั้นยังไม่ทราบ และ ยังคงพยายามส่งอากาศให้เขาต่อ ในขณะเดียว กันเธอก็ร้องไห้ และ พึมพำ “อย่าตายนะ ได้โปรด. อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว ได้โปรดอยู่กับฉันเถอะ ...”

 

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารนิยายเรื่องนี้ได้ก่อนใครที่ FB: www.facebook.com/IDTR8  หรือพิมพ์ค้นหา นิยายแปล: เกมส์สยองต้องไม่ตาย  Blog: www.idtr8.wordpress.com 

จากตอนปัจจุบันในเพจตอนนี้กลุ่มลับนำไปแล้ว 150+ ตอนน้ะค้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด