ตอนที่แล้วตอนที่ 29 -- คุณสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 -- ตอนเย็น

ตอนที่ 30 -- เงิน


แปลโดย Mikky

Edit โดย check2534

 

ตอนที่ 30 -- เงิน

 

“ว่าแต่ว่า โคล้ด เธออาศัยอยู่ที่ไหนกัน?”

 

ช่วงเย็น

 

หลังจากกลับมายังเมืองนานามิ พวกเราก็ไปดื่มน้ำผลไม้พร้อมกับพูดคุยกันเล็กน้อยในร้านขายสินค้าทั่วไปที่อยู่ในซอย

 

“ตอนนี้ผมอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ใช้สำหรับอำนวยความสะดวกให้นักผจญภัยอยู่ ถึงผมจะเจอมิลลี่ซังที่มีค่าพอจะรับใช้แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่โรงแรมนั่นก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาที่อื่นเช่าได้”

 

ตอนนี้โคล้ดได้ออกจากบ้านมาหลายเดือนแล้ว และดูเหมือนว่าหล่อนจะเดินทางมาตามลำพังตลอด

 

เธอออกล่าตามลำพังและขายไอเท็มที่ตัวเองได้มา ยิ่งกว่านั้นเธอยังบอกอีกว่าตัวเองเคยนอนข้างนอก หากเงินไม่พอสำหรับเช่าห้อง

 

ถึงนี่จะไม่ใช่เรื่องผิดปกติเท่าไหร่สำหรับนักผจญภัยส่ว่นใหญ่ แต่เมื่อมิลลี่ได้ยินเรื่องของโคล้ด หล่อนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

 

“จริงสิโคล้ด ถ้าเธอสนใจล่ะก็ มาอยู่ที่บ้านของชั้นไหมล่ะ?”

 

“เอ๋?.....แต่นั่นจะไม่เป็นการ….”

 

“เดี๋ยว! ความคิดนั้นไม่ค่อยจะดีซะเท่าไหร่”

 

บ้านของมิลลี่มีม้วนคัมภีร์สเกาท์สโคปนอนกลิ้งอยู่รอบๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเธอเริ่มอาศัยอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าหลายๆอย่าง มันจะทำให้การเฝ้าติดตามลำบากขึ้นหรอกหรอ?

 

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมิลลี่ มันอาจสายเกินไปก็ได้

 

“การที่โคล้ดพักอยู่ในโรงแรมน่าจะทำให้เธอมีอิสระมากกว่า ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีสำหรับเธอหรอกหรอ? แต่ถ้าเธอยังยืนกรานจะทำแบบนั้นล่ะก็ ผมมีห้องว่างที่บ้าน เดี๋ยวผมให้ยืมห้องนั้นเอง”

 

“ระ-เรื่องนั้นไม่อนุญาต!”

 

มิลลี่ปฏิเสธข้อเสนอของผมสุดกำลัง

 

“อืม ผมว่าการที่ผมพักอยู่ที่โรงแรมนั่นก็ไม่เป็นไรหรอก…..ขอบคุณมากสำหรับความตั้งใจอันดีของมิลลี่่ซัง”

 

“มิลลี่ แม้แต่โคล้ดเองก็ยังรู้สึกไม่ดีหากต้องอาศัยที่บ้านคนอื่น เห็นไหม?”

 

“อืม เข้าใจแล้ว”

 

ดูเหมือนมิลลี่จะคล้อยตามซะที

 

โคล้ดเองก็ดูออกจะโล่งใจเหมือนกัน

 

สุดท้ายแล้วโคล้ดก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองจะยังพักอยู่ที่โรงแรมนั้นอีกระยะหนึ่ง ขณะที่พวกเราก็จะช่วยเธอหาที่เช่าใหม่ให้

 

“โอ้ นั่นโคล้ดไม่ใช่หรอ?!”

 

บนถนนใจกลางเมือง ชายคนหนึ่งได้ดึงบังเหียนม้าไว้ เขาสวมชุดเกราะราคาแพงกับดาบในฝักหรูหรา ดูเป็นคนร่ำรวย

 

เขามีผมสั้นตรงมัดไว้ด้านหลัง กำลังใช้นิ้วลูบเคราแพะ

 

“ท่านพี่เคน! มาทำอะไรที่นี่คะ?”

 

โคล้ดวิ่งตรงไปหาคนที่ชื่อเคน

 

พวกเขาเป็นพี่น้องกันหรอ?

 

ดูไม่คล้ายกันเลยแฮะ

 

“มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”

 

“ฉันกำลังอยู่ระหว่างเดินทางสำรวจ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอโคล้ดที่นี่...หืม? นั่นเพื่อนของเธอรึเปล่า?”

 

เมื่อสังเกตุเห็นพวกเราที่อยู่กับโคล้ด เขาก็จ้องมองมาด้วยสายตาที่แหลมคม

 

ราวกับกำลังมองดูให้แน่ใจว่าพวกเราเป็นใคร

 

มันทำให้ผมรู้สึกรำคาญ เพราะงั้นผมจึงจ้องกลับไป

 

พร้อมกับที่ผมใช้สเกาท์สโคปใส่เคน

 

เคน เลออนฮาร์ท

 

เลเวล 45

 

พลังเวทย์ 39

 

ค่าพลังเวทย์ 39?

 

ถ้าต่ำขนาดนี้ ก็ไม่แตกต่างจาก 0 เท่าไหร่

 

เอาเถอะ ผมยอมรับความจริงที่ว่าเขามีเลเวลสูง

 

เขาน่าจะมีสกิลเหมือนกับโคล้ดด้วย

 

อย่างที่คาดไว้ เขามีสกรีนพ้อยต์เหมือนกัน

 

ผมเกรงว่านี่น่าจะเป็นสกิลติดตัวที่สืบทอดกันมาในตระกูลเลออนฮาร์ท

 

บ้าจริง นี่ชักจะทำให้ผมเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว

 

“เธอจะไม่แนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จักหน่อยหรอ?”

 

“อ่า ขอโทษค่ะ นั่นคือเซฟคุง ส่วนนั่นคือมิลลี่ ผมได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกิลด์ของพวกเขา”

 

“ฉันชื่อมิลลี่เรย์อาร์ด และกิลด์ของฉันชื่อ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’”

 

“อืม ช่างเป็นคุณหนูที่สุภาพมากจริงๆ ชื่อของฉันคือ เคน เลออนฮาร์ท ขอบคุณที่ดูแลน้องสาวของฉันอย่างดี”

 

มิลลี่แสดงท่าทีกุลสตรีสุดๆออกมา และเคนเองก็ตอบกลับอย่างมีมารยาทเช่นกัน

 

“พวก...พวกเธอเป็นนักเวทย์งั้นรึ? และดูเหมือนจะแข็งแกร่งพอสมควร โคล้ด เธอเจอกิลด์ที่ดีแล้วสินะ?”

 

“.....ค่ะ”

 

เขาดูออกว่าเราเป็นนักเวทย์งั้นหรอ?

 

ดูเหมือนจะไม่ใช่คนโง่สินะ

 

โคล้ดก้มหน้าลงเล็กน้อย

 

หรือว่าเธอจะไม่ถูกกับพี่ชายกัน?

 

“อย่างไรก็ตามฉันจำเป็นต้องกลับไปที่โรงแรมก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเธอกลับกันไปก่อนเลย”

 

หลังจากพูดแบบนั้น เคนก็เริ่มบังคับม้าให้หันไปทางโรงแรมที่หรูหราแห่งหนึ่งของเมืองนานามิ

 

เมื่อเห็นอย่างนี้ จู่ๆมิลลี่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับพูดตัดบท

 

“ใช่แล้วล่ะโคล้ด ถ้าเธอไปอยู่กับพี่ชายในโรงแรมก็คงจะไม่เป็นไรใช่ไหม?!”

 

มิลลี่พูดกับทั้งสองคนราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองคิดได้นั้นเป็นเรื่องที่ “ยอดเยี่ยมมาก”

 

“ถึงจะน่าอายแต่มันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้”

 

เคนปฏิเสธข้อเสนอเสียงแข็ง

 

“ตระกูลเลออนฮาร์ทเป็นตระกูลของอัศวินที่มีชื่อเสียงมหาศาล ต่อให้เธอจะเป็นน้องสาวของฉันก็ตาม….แต่ฉันคงไม่อาจลดตัวลงไปอยู่ในโรงแรมเดียวกับ ‘นักผจญภัย’ ใช่ไหม โคล้ด?”

 

“ค่ะ….”

 

ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างจากนักผจญภัยที่เคยเป็นอัศวินมาก่อนว่า ในหมู่อัศวินนั้นมีระบบตำแหน่งและลำดับขั้นที่เข้มงวดมาก

 

ตอนที่คนๆนั้นมีอายุพอๆกับโคล้ด ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับคนในตระกูล เขาบอกว่าตัวเองจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเมื่อมีอายุ 16 ปี

 

ตอนนี้โคล้ดก็อายุประมาณ 15 แล้วไม่ใช่หรอ? ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนหล่อนจะออกเดินทางตามลำพังมาหลายปีแล้วเหมือนกัน

 

โคล้ดเคยพูดว่าตระกูลเลออนฮาร์ทนั้นประสบปัญหาด้านการเงินมาก สภาวะการเงินที่มีดูเหมือนจะย่ำแย่ยิ่งกว่าการตกต่ำลงของตระกูลอัศวินซะอีก

 

แต่ว่าเคนก็ยังตั้งใจจะอาศัยอยู่ในโรงแรมหรูหรานั่นอีกหรอ?

 

ยังจะอวดรวยแบบนั้นอีก

 

“ถ้าไม่มีเงินขนาดนั้นทำไมถึงต้องพยายามอวดรวยแบบนี้ด้วย”

 

เคนกับโคล้ดต่างหยุดเดินทั้งคู่ พร้อมกับหันหน้ามามองผม

 

อา ปากของผมมันเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต…

 

หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง เคนก็หันไปจ้องโคล้ดพร้อมกับคว้าคอเสื้อของเธอขึ้น

 

“คะฮ่าา….?!”

 

โคล้ดกัดฟันทนความเจ็บปวดหลังจากได้หายใจ

 

นัยน์ตาของเคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มันมีดุดันมากพอจะเรียกว่าจิตสังหาร

 

“โคล้ด...เอาเรื่องสถานการณ์ในบ้านไปพูดให้คนอื่นฟังได้ยังไง….?!”

 

“...อึก! ขอโทษค่ะท่านพี่เคน….”

 

“เงียบซะ! ยัยคนทรยศ!”

 

เคนกำหมัดแล้วเหวี่ยงไปที่หล่อน

 

หมัดของเขามีจุดหมายอยู่ที่ใบหน้าของหล่อนด้วยพลังที่มากพอจะทำให้ฟันหักพร้อมกับส่งร่างเธอกระแทกลงกับพื้น

 

-ถึงแม้ว่าคนที่จะรับหมัดนั้นจริงๆก็คือผมก็ตาม

 

“อุ….เจ็บ”

 

ภายในปากของผมเป็นแผลจนรู้สึกได้ถึงรสชาติของเหล็กเต็มไปหมด

 

รู้สึกว่าฟันกรามของผมจะหักด้วยเหมือนกัน

 

พลังบ้าอะไรเนี่ย

 

ไม่ว่าจะยังไง หล่อนก็เป็นน้องสาวของเขาไม่ใช่หรอ?

 

“เซฟ!”

 

“เซฟคุง!?”

 

เด็กสาวทั้งสองร้องเสียงสูงอย่างกระวนกระวาย ส่วนเคนนั้นมองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 

ก่อนหน้าที่เคนจะต่อยโคล้ดเล็กน้อย ผมได้เทเลพอร์ตตัวเองเข้าไปอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองไว้

 

ไม่ว่ายังไง คนที่ทำให้เคนโกรธจริงๆก็คือผม

 

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เคนโดโนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะกระจายข่าวลือหรือพูดล้อเลียนตระกูลของคุณเช่นกัน ตราบใดที่คุณไม่ได้พยายามสร้างปัญหาให้พวกเรา…..”

 

คนมุงเริ่มทยอยเข้ามาล้อมเรามากขึ้นเรื่อยๆ

 

อัศวินที่ออกหมัดต่อยเด็กตัวเล็กๆ

 

จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของคนทั่วไป

 

“....ชิ”

 

เขาเดาะลิ้นแล้วหายเข้าไปในโรงแรม

 

ดูเหมือนผู้คนรอบข้างก็สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน

 

พับผ่าสิ! แม้ว่าจะมีประโยชน์ แต่มันก็ชักจะน่ารำคาญถ้าพวกเขายังเอาแต่จ้องมาที่เราแบบนี้

 

“อืม...ขอบคุณมากนะเซฟคุง”

 

“ไม่ต้องห่วง เป็นความผิดผมเอง ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เราสู้กัน ผมได้ข้อสรุปที่สร้างปัญหาให้กับเธออย่างมาก”

 

“ฉันลืมมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”

 

อะฮ่าฮ่า โคล้ดหัวเราะออกมา

 

“จริงๆนะ นายนี่มันบ้าจริงๆ….”

 

มิลลี่กำลังฮีลให้ผม

 

เอาเถอะ แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

ผมเงียบลงให้มิลลี่ฮีลต่อ

 

“ฉันขอโทษจริงๆ ที่จริงแล้วสมัยก่อนพี่เป็นคนอ่อนโยน….แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มกลายเป็นคนแบบนั้น อย่างที่คาด ความยากจนอาจทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็ได้”

 

โคล้ดหัวเราะออกมาอย่างหงอยเหงา

 

“ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งผมสามารถสร้างชื่อในฐานะนักผจญภัยได้แล้ว นายคิดว่ามันจะสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้ให้กลับไปเป็นสิ่งที่เคยเป็นได้ไหม…..?”

 

เงินสินะ…

 

บางทีเธออาจจะขโมยสเกาท์สโคปของมิลลี่ไปเพื่อหาเงินก็เป็นได้ ผมไม่อาจตัดประเด็นนี้ออกไปได้เช่นกัน

 

ดังนั้นแล้วสิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องทำคือช่วยโคล้ดแก้ปัญหาด้านการเงิน และทำให้เธอสามารถมีรายได้ที่มั่นคงได้

 

“โคล้ด หนทางที่เร็วที่สุดที่จะสามารถหาเงินได้คือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สามารถล่าบอสได้ เพียงแค่นั้นเธอก็จะสามารถหาเงินได้มากตามที่ต้องการเลย”

 

“สามารถล่าบอสได้ เรื่องแบบนั้นมันดูเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่อัศวินที่เก่งกาจอย่างพี่ ก็ยังบอกว่าการล่าให้ได้เรื่อยๆเป็นเรื่องที่ยากมาก แล้วคนอย่างผมจะ…”

 

“ฮุฮุ♪ แต่พวกเราเคยปราบบอสได้แล้ว รู้มั้ย〜”

 

มิลลี่หันมาหาผมแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ

 

เธอพยายามพูดโอ้อวดเรื่องนี้

 

“จริงหรอ!? มิลลี่ซัง คุณทำยังไงถึงสามารถทำเรื่องนั้นได้!?”

 

“เรื่องนั้น〜….”

 

โคล้ดรีบเข้ามาใกล้มิลลี่พร้อมกับสีหน้าไม่อยากเชื่อ มิลลี่เองก็โอ้อวดว่าตัวเองสามารถปราบบอสลงได้อย่างไร

 

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การล่าบอสด้วยวัยแค่นี้ยังไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในยุคนี้

 

ในตอนนั้น ตอนที่ผมพึ่งเริ่มออกเดินทางในฐานะนักผจญภัย ทันทีที่ผมได้เห็นหน้าบอส ผมก็รีบวิ่งหนีในทันที

 

นั่นเป็นเพราะตอนที่ผมไปลงทะเบียนนักผจญภัย ทุกๆคนได้พูดเตือนถึงอันตรายเมื่อเผชิญหน้ากับบอส จนหูของผมบวมเหมือนปลาหมึกแค่ได้ยินเรื่องของมัน

 

แม้แต่ในร้านแผงลอยริมถนนเอง ก็มีไอเท็มหายากที่ตกจากบอสไม่มากนัก

 

ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีการตั้งปาร์ตี้เพื่อล่าราชาแห่งความตาย….

 

บางทีการล่าบอสในช่วงเวลานี้อาจจะทำกำไรจำนวนมากให้พวกเราได้?

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด