ตอนที่แล้วตอนที่ 30 -- เงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 -- ค่ำคืนใต้แสงจันทร์ ตอนต้น

ตอนที่ 31 -- ตอนเย็น


แปลโดย Mikky

Edit โดย check2534

 

ตอนที่ 31 -- ตอนเย็น

 

เซฟ ไอน์สไตน์

 

เลเวล 29

 

[เวทย์แดง] ค่าเวทย์มนต์ 29 ขีดจำกัดเวทย์มนต์ 62

 

[เวทย์น้ำเงิน] ค่าเวทย์มนต์ 21 ขีดจำกัดเวทย์มนต์ 87

 

[เวทย์เขียว] ค่าเวทย์มนต์ 20 ขีดจำกัดเวทย์มนต์ 99

 

[เวทย์ท้องฟ้า] ค่าเวทย์มนต์ 21 ขีดจำกัดเวทย์มนต์ 89

 

[เวทย์วิญญาณ] ค่าเวทย์มนต์ 20 ขีดจำกัดเวทย์มนต์ 97

 

พลังเวทย์ 934/956

 

มันก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ผมใช้สเกาท์สโคปกับตัวเอง

 

ผมใช้เวทย์แดงค่อนข้างบ่อยนิดหน่อย เพราะงั้นมันจึงจบลงด้วยการที่มันมีเลเวลสูงสุด อีกอย่างมันเป็นเวทย์ที่ผมใช้มากที่สุดในอดีต เพราะงั้นมันจึงเป็นเวทย์ที่ค่อนข้างใช้ง่ายจนผมมักเผลอใช้ออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

หากคิดที่จะทำให้เวทย์มีความสมดุลแล้วล่ะก็ ผมก็ควรจะใช้เวทย์สายอื่นด้วยใช่ไหมล่ะ?

 

ดังนั้น ตอนนี้ผมกับโคล้ดและมิลลี่จึงอยู่ที่ป่าโคโบลด์เพื่อเก็บค่าประสบการณ์

 

โคล้ดเป็นแนวหน้า ส่วนมิลลี่อยู่แนวหลัง

 

โคล้ดจะทำหน้าที่ล่อพวกโคโบลด์ ขณะที่มิลลี่จะยิงเวทย์ที่เหมาะกับคุณสมบัติของโคโบลด์ตัวนั้นเพื่อจัดการ

 

แม้ว่านี่จะไม่ใช่วิธีที่เก็บค่าประสบการณ์ได้ดีที่สุด แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็น นั่นเพราะผมต้องสอนหลักการพื้นฐานในการต่อสู้เป็นปาร์ตี้เข้าไปในหัวของทั้งสองคน

 

โคล้ดมักจะล้ำหน้าเข้าไปกำจัดศัตรูมากเกินไป จนมิลลี่ก็ทำตาม เธอเข้าไปสู้โดยไม่คิดแล้วยืนร่ายเวทย์ออกไปมั่วซั่ว

 

“มิลลี่ซัง! คุณเข้ามาใกล้เกินไปแล้วฮะ!”

 

“โคล้ด ถ้าชั้นอยู่ข้างหลังก็ยิงยากสิ”

 

ไม่ไหวไม่ไหว ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

 

ต่อให้ผมบอกกับพวกเธอไป ก็คงจะไม่เข้าใจอยู่ดี

 

ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเธอได้เรียนรู้ด้วยร่างกายของตัวเอง

 

ถัดไปจากสองคนนั้นเล็กน้อย ได้มีโคโบลด์ตัวหนึ่งที่พยายามจะเข้าไปโจมตี ได้เข้ามาในระยะสายตาของผมพอดี

 

ผมร่ายไทม์สแควร์ทันที ในตอนที่เวลาถูกหยุดอยู่นั้น ผมก็ร่างเรดแครชกับแบล็คสตอร์มออกไป

 

เมื่อเวลากลับมาเดินอีกครั้ง พายุเพลิงก็ได้พัดผ่านไปทางนั้นแล้วกลืนกินโคโบลด์ตัวนั้นไป เพียงทีเดียวมันก็ถูกเผาจนไหม้เกรียม

 

อย่างที่คาด การผสานเวทย์สีแดงกับเวทย์ท้องฟ้า เป็นเวทย์ที่ใช้ง่ายจริงๆ

 

“ผมว่าจะเรียกมันว่า ไพโรสตอร์ม (Pyro Storm - พายุเพลิง)”

 

แม้ว่าผมจะทดลองอยู่มากพอสมควร แต่ก็มีหลายครั้งที่การผสานเวทย์ล้มเหลว

 

ตัวอย่างเช่น ในตอนที่ผมร่ายเรดบอลกับแบล็คแครชออกไปผสานกัน มันก็สลายออกไปโดยไม่ทำงาน

 

หากเวทย์มนต์ที่ใช้ผสานไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลย

 

อีกอย่างยังมีเรื่องของความเข้ากันได้อยู่ด้วย ในตอนที่ผมร่ายบลูบอลกับเรดบอลผสานกัน มันก็ระเบิดออกทันทีจนฝากรอยไหม้ไว้ที่ผมด้วย

 

ไม่มีใครรู้ว่าการผสานเวทย์จะเป็นอย่างไรจนกว่าจะได้ลงมือทำจริงๆ ดังนั้นมันจะดีกว่าหากได้ทดลองก่อนจะทำไปใช้ในการต่อสู้จริงๆ

 

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้อยู่ ผมก็ทดลองการผสานเวทย์ไปเรื่อยๆ

 

“เซฟคุง!”

 

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของโคล้ด ผมก็หันไปมอง แล้วเห็นว่าโคล้ดกำลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มโคโบลด์อย่างยากลำบาก

 

มิลลี่เองที่กำลังถูกโคโบลด์สองตัวรุมอยู่ ก็พยายามหลบการโจมตีของมันสุดชีวิต

 

“มิลลี่ ใช้เรดวอล!”

 

“ถึงนายจะ….บอกแบบนั้น….ก็เถอะ…..!”

 

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถร่ายเวทย์ขณะที่กำลังหลบอย่างเอาเป็นเอาตายได้

 

ไม่ใช่แค่นั้น โคโบลด์อีกตัวได้ปรากฎตัวขึ้นแล้วเข้าไปร่วมกลุ่มที่โจมตีโคล้ด

 

ช่วยไม่ได้แฮะ

 

ผมใช้ยาฟื้นฟูพลังเวทย์สองเม็ด แล้วยิงเวทย์ผสานไปทางโคล้ด

 

“ไพโรสตอร์ม!”

 

เพลิงนรกได้โหมกระหน่ำขึ้นกลางวงศัตรู แล้วโคโบลด์เหล่านั้นก็ถูกกำจัดจนหมด

 

โคโบลด์ที่ยังเหลืออยู่….มีอีกห้าตัวเรอะ

 

โคล้ดน่าจะจัดการจำนวนนี้ได้ไม่ยาก

 

พูดได้ว่า โคล้ดน่ะมีทักษะเพียงพอที่จะทำงานนี้ได้

 

ส่วนทางมิลลี่ก็….

 

“ขอบคุณมากเลยฮะ เซฟคุง”

 

ช่างเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จริงๆ

 

แม้จะเทียบกับรอยยิ้มของผมไม่ได้ก็เถอะ

 

“ช่วยทางนี้ด้วยซี่!”

 

“มิลลี่ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง”

 

“เอางั้นหรอ!?”

 

การโจมตีของโคโบลด์ไม่ได้พิเศษอะไร แม้ว่ามันจะเข้ามาพร้อมกันสองตัว แต่ผมก็ต้องการให้หล่อนจัดการพวกมันด้วยตัวเอง

 

ในตอนที่มิลลี่เริ่มตั้งสมาธิเพื่อใช้เวทย์ โคโบลด์ตัวหนึ่งก็เริ่มโจมตีเพื่อขัดขวางไม่ให้เธอร่ายเวทย์สำเร็จ

 

กลุ่มโคโบลด์สองตัวโจมตีได้อย่างเข้าขา

 

จนทำให้มิลลี่เริ่มหายใจหอบถี่ ดูเหมือนว่าเธจะถึงขีดจำกัดของตัวเองซะแล้ว

 

เฮ้อ ให้ตายสิ หลังจากนี้คงต้องดูเธอมากเป็นพิเศษซะแล้ว

 

“แบล็ควอล”

 

บาเรียสายลมได้ปรากฎขึ้นกั้นระหว่างมิลลี่กับพวกโคโบลด์ โคโบลด์ที่เข้ามาชนกับกำแพงก็ถูกส่งลอยออกไป

 

“โอ้♪ ขอบคุณนะเซฟ!”

 

“ตอนนี้ก็จัดการสองตัวนี่ด้วยตัวเองล่ะกัน”

 

ตอนนี้เธอสร้างระยะห่างจากโคโบลด์ได้แล้ว จึงได้ใช้บลูเกลเข้าโจมตีจนกำจัดมันไปได้

 

...แม่นี่….ไม่ใช่ว่ารูปแบบการต่อสู้ของเธอมันออกจะหยาบไปหน่อยหรอ….

 

ฮ่าา อืม ช่างเถอะ ตราบใดที่เธอสามารถกำจัดศัตรูได้ จะทำยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

 

“หุหุ เซฟเซนเซย์นี่ใจดีจังน้า”

 

“อืมม ไม่ว่ายังไงผมก็ยังอยากให้เธอจัดการกับระดับนี้ให้ได้ด้วยตัวเองน่ะนะ”

 

“ความสามารถในการตั้งสมาธิของมิลลี่ซังยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ ทันทีที่เธอรีบร้อนก็จะเสียสมาธิทันที”

 

“เธอเข้าใจปัญหาได้ค่อนข้างดีเลยนี่นา”

 

อืม….ทั้งหมดที่เธอเคยทำมาจนถึงตอนนี้ ก็มีแต่การยิงไวท์บอลใส่พวกซอมบี้เท่านั้น

 

ว่ากันตามตรง นี่อาจเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เป็นกองหน้าออกล่าก็ได้

 

ผมล่ะสงสัยจริงๆว่า การปกป้องเธอแบบนี้จะเป็นการใจดีกับเธอเกินไปหรือเปล่า

 

“ดูเหมือนว่ามิลลี่จะรอจนเหนื่อยแล้ว งั้นเรารีบไปก่อนต่อเถอะ”

 

“หุหุ ใช่แล้ว”

 

พวกเราควรจะทำแบบนี้ต่อไปซักพัก จนกว่ามิลลี่จะคุ้นสินะ

 

ผมเข้าฌาณขณะที่เดินไปกับทั้งสองคน

 

หลังจากนั้น พวกเราก็ออกล่ากันอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง

 

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ผมต้องรีบกลับแล้ว….”

 

“เอ๋~? ไม่ใช่ว่านี่ยังไม่มืดหรอกหรอ”

 

“มิลลี่ อย่าพูดอะไรที่เห็นแก่ตัวสิ อีกอย่าง ดูที่ท้องฟ้าสิ มันเริ่มมืดแล้ว ผมว่าถึงเวลาที่พวกเราควรจะแยกย้ายกันกลับได้แล้ว”

 

โคล้ดมีธุระต่อจากนี้งั้นหรอ? ดูเหมือนว่าโคล้ดจะอยู่ล่าตอนดึกไม่ได้

 

แม้ว่าสภาพในตอนนี้จะยังไม่เป็นที่น่าพอใจซะเท่าไหร่ แต่ผมก็คาดไว้ว่ามันน่าจะดีขึ้น ในเมื่อพวกเรามีคนเพิ่มมากขึ้นนี่นา

 

ขณะที่กำลังปลอบมิลลี่ที่ยังไม่ค่อยยินยอมเท่าไหร่ พวกเราก็กำลังจะถึงทางออกจากป่าโคโบลด์ แต่จู่ๆ เรดโคโบลด์ก็ปรากฎตัวออกมา

 

นี่มันโคโบลด์ลีดเดอร์

 

ผมรีบใช้สเกาท์สโคปใส่โคโบลด์ลีดเดอร์ทันที

 

โคโบลด์ลีดเดอร์

 

เลเวล 42

 

พลังเวทย์ 24412/24412

 

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้เองก็เป็นบอสระดับกลาง แบบเดียวกับคิงนิปเปอร์ที่ถ้ำชายหาด

 

ในตอนที่มันสังเกตุเห็นพวกเรา มันก็คำรามเรียกเหล่าโคโบลด์ออกมา

 

“อุหวาา….ตรงหน้าทางออกเลยเนี่ยนะ….”

 

“ไม่ต้องห่วง เราแค่ต้องรีบจัดการมันให้เร็วก็พอ”

 

ว่าแต่พวกเราสามคนจะสามารถจัดการมันได้ง่ายๆหรือเปล่า

 

มิลลี่ร่ายบลูเกลใส่กลุ่มโคโบลด์ทันที แล้วพวกมันก็ถูกกำจัดไปอย่างรวดเร็ว พวกที่เหลืออีกไม่กี่ตัวก็ถูกกรีนสเฟียร์ของผมบดขยี้

 

โคโบลด์ลีดเดอร์ที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวก็หันมาทางผมแล้วเหวี่ยงดาบลงมา แต่โคล้ดที่ยืนอยู่ด้านหน้าผมรีบยกโล่ขึ้นรับการโจมตี

 

“วิญญาณแห่งผืนปฐพีผู้ยิ่งใหญ่ จงกลายเป็นเกราะกำบังคอยปกป้อง”

 

“เซฟโปรเทคชั่น!”

 

หลังจากที่ผมร่ายเซฟโปรเทคชั่นให้โคล้ดแล้ว หล่อนก็มองมาทางผมเป็นเชิงขอบคุณ

 

ตอนนี้ได้เวลาที่ผมจะเริ่มโจมตีแล้วเหมือนกัน ผมคิดว่าโคโบลด์ลีดเดอร์น่าจะมีคุณสมบัติของสีแดง

 

ดังนั้นการใช้เรดซีโร่จึงไม่น่าจะให้ผลเท่าไหร่

 

ถ้าเป็นแบบนั้น การใช้ไพโรแครชที่เคยใช้สู้กับคิงนิปเปอร์น่าจะเหมาะกว่า

 

เมื่อโคโบลด์ลีดเดอร์เข้ามาใกล้ผม ผมก็พยายามร่ายไทม์สแควร์ แต่ด้าบยาวของมันกลับฟาดลงมาขัดจังหวะผม

 

“ชิ….”

 

ไพโรแครชเป็นเวทย์ที่มีระยะร่ายสั้น เพราะงั้นหากไม่เข้าไปใกล้ก็คงจะยิงไม่โดน

 

ช่วยไม่ได้แฮะ ผมคงต้องใช้เวทย์อื่นแทน

 

ผมร่ายไทม์สแควร์ แล้วร่ายเรดช็อต (Red Shot - กระสุนแดง) กับแบล็คช็อต

 

กระสุนเวทย์มนต์ที่เกิดจากเพลิงกับพายุหมุน ได้พุ่งออกจากฝ่ามือของผม เข้าไปโจมตีโคโบลด์ลีดเดอร์จนหยุดเคลื่อนไหว

 

“คิย๊าาาก!!”

 

ตอนนั้นเองที่โคล้ดโจมตีมัน แม้ว่าเธอจะหวดดาบลงไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผลเท่าไหร่

 

นั่นเป็นเพราะดาบสั้นของโคล้ดยังไม่ได้รับการเอนชานต์

 

แม้ผมจะเคยพูดว่าไพโรช็อตใช้พลังเวทย์น้อย แต่พลังโจมตีของมันก็ต่ำเช่นกัน

 

ผมย่อตัวลงแล้วร่ายไพโรแครช…!

 

ในตอนที่พายุหมุนได้กลืนกินโคโบลด์ลีดเดอร์เข้าไป

 

มิลลี่เองก็ใช้โอกาสนี้ยิงบลูเกลออกมา

 

ดูเหมือนว่าเราจะมีคนบ้าอยู่หนึ่งหน่อแฮะ

 

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่บลูเกลของมิลลี่ก็อยู่ในระดับสูงมาก

 

ต่อให้มันจะไม่ใช่คุณสมบัติที่มอนสเตอร์แพ้ทาง แต่มันก็ค่อนข้างได้ผลทีเดียว

 

มิลลี่มีเวทย์ที่สามารถใช้ได้อยู่ไม่มาก ดังนั้นจึงไม่รู้เวทย์มนต์ที่เป็นประโยชน์ในกรณีนี้

 

ดังนั้นมันจึงเปล่าประโยชน์ที่จะตัดสิน

 

ช่างเถอะ พวกเราพึ่งจะตัดมันเป็นชิ้นๆเมื่อกี้

 

ผมยิงไพโรช็อตใส่โคโบลด์ลีดเดอร์ที่ยังอยู่ในพายุหมุน

 

…..

 

ผมเข้าฌาณขณะที่ร่ายไพโรช็อตสลับกับบลูเกลใส่โคโบลด์ลีดเดอร์อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็สามารถจัดการมันลงได้

 

ขณะที่พวกผมกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้กับโคโบลด์ลีดเดอร์ หากถูกโคโบลด์ตัวอื่นรบกวนถือเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาพอสมควร แต่ว่าโคล้ดก็สามารถจัดการพวกมันลงได้ทุกครั้ง

 

ดูเหมือนว่าพวกเราจะสามารถฝากแผ่นหลังไว้ที่โคล้ดได้

 

แต่กว่าจะจัดการจนจบมันก็มืดไปเรียบร้อยแล้ว

 

“อุหวาา~ พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว….ถ้าผมไม่รีบกลับล่ะก็…”

 

“จริงด้วย ต้องขอโทษจริงๆนะโคล้...ด?”

 

ใบหน้าของโคล้ดซีดลงราวกับไก่ต้ม

 

อีกทั้งมือของหล่อนก็สั่นเทาพร้อมกับมีเหงื่อผุดออกมา

 

“โคล้ด? เป็นอะไรไปหรอ?”

 

เสียงที่ฟังดูไร้กังวลของมิลลี่กับใบหน้าซีดเผือกของโคล้ดเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันอย่างแรง

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด