ตอนที่แล้วAST บทที่ 126 - สนามประลองท่ามกลางงานแต่งงาน (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 128 - ชื่อที่สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองร้อยไมล์

AST บทที่ 127 - สังหารสวะอย่างเรียบง่าย


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 127 - สังหารสวะอย่างเรียบง่าย

"เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนเซียนเทียน และเจ้าก็กำลังจะตาย!!!"

คำพูดของชิงสุ่ยทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับต้องจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ในสายตาชิงสุ่ยนั้นบ่งบอกเจตนารมณ์อย่างชัดเจน มันทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกอยากหลีกเลี่ยงการจ้องมองสายตาของชิงสุ่ย

แต่เขาก็พบว่าความคิดของเขานี่มันช่างน่าตลกเหลือเกิน ทุกย่างก้าวที่เขาได้เดินเข้าไปอัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน ชายวัยกลางคนค่อยๆเดินเข้าไปหาชิงสุ่ยและเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันเหี้ยมโหดที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

เพราะเขานั้นรู้ดีว่าชายหนุ่มรูปร่างสง่างามคนนี้คือเป้าหมายที่เขาได้รับ และหากเขาสามารถสังหารรุ่นเยาว์คนนี้ได้ มันก็ถือว่าเขาได้บรรลุในภารกิจ เพียงแค่คิด ริมฝีปากเขาก็ขยายกว้างขึ้น เผยเห็นฟันสีขาว

"ชิงสุ่ย อย่าวู่วามมม!!!"ชิงหลัวตะโกนเรียกเพื่อพยายามหยุดชิงสุ่ยที่กำลังก้าวเดินออกไปข้างหน้า ชิงหลัวเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอัดและอนาถใจอย่างช่วยไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้เห็นลูกชายของเขาเองพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วจนเกือบต้องตกสู่ห้วงแห่งความตาย

"ชิงสุ่ย ชายคนนี้อย่างน้อยพลังของเขาก็คงจะอยู่ในขั้นที่ 2 ของระดับเทวะเซียนเทียน เจ้ามั่นใจใช่ไหมว่าเจ้าจะเอาชนะชายคนนี้ได้"อวี้ตงห่าวขมวดคิ้วขณะที่มองไปทางชิงสุ่ย ตัวเขานั้นรู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นมีความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาด แต่ถึงยังไงซะ เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าชิงสุ่ยนั้นใช้วิธีใดในการสังหารเทวะเซียนเทียนอย่างไป๋จงลงได้

คำพูดของอวี้ต่งห่าวก่อให้เกิดเสียงซุบซิบไปทั่ว รวมถึงสมาชิกตระกูลชิงที่กำลังงุนงง ถ้าหากอวี้ต่งห่าวหาใช่ผู้ที่บรรลุระดับเทวะเซียนเทียน ทุกคนคงมองเขาเป็นเพียงคนบ้าเท่านั้น

ชิงอี้ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ เธอทำได้เพียงกุมมือของชิงสุ่ยเอาไว้โดยแน่น ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดภายในใจ พี่ชายของเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ถ้าหากลูกชายของเธอขึ้นไปจริงๆ มันจะไม่จบลงด้วยความตายหรอกหรือ?

"ท่านแม่ ได้โปรดเชื่อใจในตัวลูก ลูกไม่เคยคิดล้อเล่นกับชีวิต ชายคนนั้นจะต้องถูกลูกสังหารและเขาคงไม่อาจทำอะไรลูกได้"ชิงสุ่ยยิ้มให้กับชิงอี้ หลังจากนั้นก็พยักหน้าแสดงความมั่นใจต่ออวี้ต่งฮ่าว

ถ้าหากไร้ซึ่งกฎบนสังเวียนประลอง สมาชิกตระกูลชิงที่โกรธแค้นอยู่ในตอนนี้ ก็คงพยายามขึ้นไปสังหารศัตรู ชิงชานตะโกนด้วยความโกรธทั้งน้ำตา เขารู้สึกคับแค้นใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าบิดาของเขาได้รับความพ่ายแพ้และบาดเจ็บถึงขั้นรุนแรง

ชิงอี้เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนผ่านสายตา ขณะที่เธอกำลังจ้องมองชิงสุ่ย เธอตระหนักได้ว่าลูกชายของเธอนั้นมีความลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเธอคงไม่อาจเข้าถึงจิตใจของลูกชายของเธอได้อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ความรักที่แม่คนหนึ่งมีให้นั้นก็ยังคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

เธอค่อยๆปล่อยมือลูกชายของเธอ และชิงสุ่ยก็ยิ้มตอบรับการแสดงออกเหล่านั้น ก่อนที่จะพลิกตัวและเดินตรงไปยังสังเวียนประลอง

ทุกคนในฝูงชนยกเว้นเพียงพี่น้องเหวินเหรินจับจ้องชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ เขากำลังแสวงหาความตาย? พวกเขาไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่ชิงสุ่ยกำลังพยายามทำ  ในขณะที่ชิงสุ่ยเดินขึ้นสังเวียนประลอง  หลายๆคนก็ยังคิดว่ามันเป็นภาพที่ไม่อาจจะเชื่อได้

บรรยากาศเงียบลงในทันที ภายใต้ฝูงชนที่หวาดกลัว ไม่มีใครกล้าที่จะหายใจเสียงดังออกมา สายตาที่เป็นห่วงของชิงอี้ ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของชิงสุ่ย

ชิงอี้มองดูลูกชายของเธออย่างเงียบๆ เด็กน้อยที่อ่อนแอและไม่อาจฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้ตั้งแต่กำเนิด บัดนี้เขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และกลายเป็นเสาหลักของตระกูลชิง

ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังจ้องใบหน้าที่แสนจะธรรมดาของชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามบนเวทีประลอง "วันนี้ ไม่เพียงแต่เจ้ากำลังจะตาย ข้าจะตามหาคนที่สั่งการ และข้าจะให้พวกมันต้องชดใช้คืนเป็นร้อยพันเท่า "

"เจ้าหนู วันนี้ข้าว่าเจ้าควรหาวิธีเอาตัวรอดเสียก่อนเถิด?"

ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะเย้ยอย่างโหดเหี้ยม ขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะโจมตีเช่นเดียวกับที่โจมตีชิงเหอ ขณะที่เขาปล่อยพลังหมัดออกไปหาชิงสุ่ย สายตาของเขาบ่งบอกได้ถึงความหิวกระหายเลือดหน้า เห็นรอยยิ้มโค้งงอให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียน

ชิงสุ่ยกำหมัดหลวมๆ ตอนนี้ชิงสุ่ย ได้ก้าวข้ามคลื่นกระแสสวรรค์ขั้นที่ 4  พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเขานั้นได้เปลี่ยนแปลงกายหยาบมนุษย์ให้เข้าสู่ระดับที่สูงเหนือกว่า ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในจุดสูงสุดของคลื่นกระแสสวรรค์ขั้นที่ 3  ระดับพลังของเขานั้นเทียบเท่าได้กับคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับปราณโฮ่วเทียน ซึ่งหลังจากที่เขาบรรลุ เขาได้ค้นพบว่าพลังปัจจุบันของเขานั้นเทียบเท่าได้กับผู้บรรลุในขั้นเซียนเทียนระดับที่ 4 ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีพลังปราณเทวะเซียนเทียนขั้นที่ต่ำกว่าเขา พวกมันทั้งหมดย่อมไม่อยู่ในสายตาชิงสุ่ย

ขณะที่เขากำลังจ้องมองกำปั้นที่สามารถบดขยี้ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดระดับโฮ่วเทียนให้กลายเป็นเศษเนื้อได้อย่างง่าย แต่มันช่วยไม่ได้เลยที่มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่า พลังนี้ช่างเล็กและอ่อนแอยิ่งนัก ระดับพลังของชิงสุ่ยทั้งก่อนและหลังพัฒนา มันเปรียบดังความแตกต่างระหว่างแสงหิ่งห้อยกับแสงจันทรา

ในขั้นต้น พลังหมัดที่กำลังพุ่งเข้าหา ชิงสุ่ยเพียงใช้หมัดอสูรสันโดษก็สามารถอัดคู่ต่อสู้ให้ตกสู่ความตายได้ แต่คิดอีกทีหนึ่งเขาก็จะหนักได้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แสดงให้โลกนี้เห็นว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปตระกูลชิงก็มีผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนเช่นกัน

พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่ง และถ่ายเทพลังความแข็งแกร่งเข้าสู่แขนของเขา ชิงสุ่ยระเบิดพลังสูงสุดอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคนที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันน่าสะอิดสะเอียน ชิงสุ่ยต้องการให้ชายวัยกลางคนๆนั้น ตายอย่างคับแค้นใจ

ในชั่วพริบตา แรงกดดัน 25,000 จินเกิดขึ้นในทันที มันให้ความรู้สึกกดดันเหมือนเทือกเขาที่สูงตระหง่านพลันปรากฏขึ้นเหนือสนามประลอง

สายตาของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว ซึมเศร้า และไม่มั่นใจในทันที

"ปัง!!!!!" เสียงดังจากการกระแทก ทำให้สังเวียนประลองถึงกับแตกแยกออกจากกัน ตอนนี้ไม่มีร่องรอยการมีชีวิตของวัยกลางคนผู้ที่บรรลุเซียนเทียน ทุกคนต่างเห็นเขาลอยละลิ่วเหนืออากาศ ในขณะที่รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยหมอกโลหิต

ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ร่างกายของเขานั้นดูเหมือนกับรูปปั้นขนาดเท่าภูเขาใหญ่

บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเข็มที่ตกสู่พื้นดิน

"ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องถูกสังหารหรอกหรือ?"เสียงคำพูดดังออกมาจากที่ใครสักคน

เพียงชั่วครู่ ความวุ่นวายถ้าเกิดขึ้นภายใต้เวทีประลอง เยาวชนรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงรีบวิ่งขึ้นไปอ้อมล้อมชิงสุ่ยที่ยืนอยู่อย่างน่าเกรงขาม ทุกคนต่างเต็มไปด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเคารพ

"แข็งแกร่ง เจ้าช่างแข็งแกร่งจริงจริง!!!"อวี้ต่งห่าวกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ เรากับเขาเพิ่งตื่นจากห้วงภวังค์

"ชิงเหอเองก็ไม่เห็นแม้แต่หมัดของชิงสุ่ย แต่หลังจากการโจมตีของชิงสุ่ย ละอองโลหิตที่กระเด็นออกจากตัวของชายวัยกลางคนต่างปรากฎขึ้นในสายตาของฝูงชน ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยในตอนนี้อยู่ระดับใดกันแน่?"ตระกูลบางส่วนในเมืองร้อยไมล์พูดคุยไถ่ถามกันในเรื่องที่เหลือเชื่อนี้

สมาชิกตระกูลซือถูแสดงใบหน้าที่น่าเกลียดออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคำพูดที่ซือถูปาเคยกล่าวไปนั้น มันย้อนกลับมาทำให้เขาดูกลายเป็นตัวตลกในทันที?

ชิงอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก น้ำตาแห่งความสุขท่วมท้นใบหน้าของเธอ ในตอนนี้ความภาคภูมิใจถูกเติมเต็มอยู่ภายในหัวใจของเธอ

ผู้นำอาวุโสจากตระกูลสือก็ไร้คำพูดใดๆเช่นกัน เขาทำได้เพียงจ้องมองชิงสุ่ยยังไม่ละสายตา และเริ่มคิดในใจเกี่ยวกับข่าวลือของชิงสุ่ยกับหลานสาวของเธอ หรือเขาควรทำมันให้เป็นเรื่องที่ชัดเจน?

"ข้าต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปรากฏตัวมาก่อนหน้านี้ ตัวข้านั้นยุ่งอยู่กับการทำหน้าที่เตรียมงานแต่งงานให้กับพี่ชายจือของข้าที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์"ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเหลือบมองไปรอบๆ

"ทำไมพวกเจ้ายังไม่กลับขึ้นมาบนลานประลองสักที? ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้อ่อนแอที่บังอาจกล่าวหาตระกูลชิงของข้า ข้าจะได้แสดงให้พวกเจ้าเห็นว่าสวะที่แท้จริงมันเป็นเช่นใด!!!"ชิงสุ่ยจ้องมองด้วยสายตาที่น่าหวาดกลัว

หลังจากที่ตระกูลซือถูได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเขาก็ทำได้เพียงพยายามระงับความโกรธที่กำลังเดือดพล่านในจิตใจและยิ้มออกมาอย่างข่มขื่น

งานเลี้ยงยังคงดำเนินการต่อ แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นสู่ลานประลองอีกต่อไป ใครจะกล้าขึ้นไปต่อสู้  ในเมื่อผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนเองยังถูกอัดจนกระเด็นไปพร้อมกับละอองโลหิตภายในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ผู้หญิงมากมาย ทั้งหญิงวัยเยาว์ และเหล่าหญิงที่แต่งงานแล้ว ทุกคนต่างกระพริบตาคู่สวยของพวกเธอในขณะมองไปทางชิงสุ่ย ในสายตาพวกนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม ความอยากรู้อยากเห็น และความเคารพนับถือ

ชิงสุ่ยเลือกใช้การรักษาชิงเหอเป็นข้ออ้างในการหลบหลีกสายตาที่กำลังจ้องมอง แต่อย่างไรก็ตามงานแต่งงานยังต้องดำเนินต่อไป

ชิงสุ่ยจ้องมองเฟิงอู๋ซีโดยไม่ตั้งใจ ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้นั้นสะท้อนความงามราวกับแสงจันทร์ เที่ยวด้วยกับรัศมีแห่งแสงอาทิตย์ ทุกอย่างต่างปลุกอารมณ์เจ้าชู้ที่ชิงสุ่ยมีออกมา ขนตาที่กระพริบอย่างไม่หยุด และทันใดนั้นชิงสุ่ยก็พบว่าเฟิงอู๋ซีนั้นหันกลับมาที่เขาและหัวเราะออกมา ภาพที่ปรากฎทำให้ชิงสุ่ยเกือบเป็นใบ้ เสียงหัวเราะที่ดูเจ้าชู้ของเธอนั้นดังออกมากึกก่้อง ชิงสุ่่่ยมั่นใจได้เลยว่า แม้กระทั่งผู้ที่มีประสบการณ์มากมายก็คงไม่อาจทนต่อเสน่ห์ของเธอได้

เมื่อชิงสุ่ยคิดย้อนกลับไปถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้น เขาจึงเดินไปทางชายวัยกลางคนที่เขาคิดว่าชายคนนั้นอาจประมาณเกินไปจึงไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติพลังที่แท้จริงของเขา แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชีวิตของชายคนนั้นได้ เพราะตอนนี้ร่างของชายวัยกลางคน ได้กลายเป็นร่างที่ไร้ชีวิตไปเสียแล้ว

ชิงสุ่ยเหลือบมองฝามือสีขาวราวกับผิวหยกของเขาเอง สองมือนี้เคยช่วยผู้ฝึกตนเซียนเทียนมาแล้ว 2 คน ภายในเวลาเดียวกันเขากลับสังหารผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนไปแล้วอีก 2 คนเช่นกัน ผู้ที่มีจิตใจเป็นมนุษย์เท่านั้นที่ควรบรรลุในระดับเทวะเซียนเทียน

หลังจากที่ชิงสุ่ยออกไป บรรยากาศก็เริ่มกลับมาเป็นมิตรเช่นเดิม รอยยิ้มที่สุดแสนนิรันดร์ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายแก่อย่างชิงหลัว แม้แต่ซือถูหนานเทียนเองยังต้องพยายามที่จะดื่มสุราร่วมกับชิงหลัว

เฟิงอู๋ซีรู้สึกว่าการแต่งงานของเฟิงเย่เฟ่ยกับคนจากตระกูลชิงนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทุกคนต่างหลงใหลในตัวของชิงสุ่ย อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้ผูกมิตรกับตระกูลเฟิงแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหญิงสาวคนใดในตระกูลเฟิงสามารถจับคู่กับชิงสุ่ยได้ เพราะเขานั้นเป็นชายที่มีบุคลิกที่เย็นชาเกินไป

งานแต่งงานยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งช่วงค่ำ ก่อนที่ฝูงชนจะกระจัดกระจายไป ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเริ่มเดินทางเข้าสู่บ้านใหม่ รุ่นเยาว์และฝูงชนรอบรอบ ต่างรอคอยการเล่นพิเรนกับพวกเขาทั้งสอง ซึ่งมันก็คือวัฒนธรรมที่ถูกบัญญัติขึ้นมาอย่างช้านาน

ในบ้านใหม่หลังนั้น ชิงจือเองก็กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานในขณะที่เฟิงเย่เฟ่ยกำลังเรียกเขาว่าหมียักษ์จอมโง่เขลา มันทำให้รุ่นเยาว์ที่อยู่รอบรอบระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"พี่ใหญ่ชิงจือ คืนนี้ท่านต้องทำงานหนักหน่อยนะ ถ้าแน่ใจว่าท่านสามารถเอาสินสอดทองหมั้นราคาแพงนั้นกลับมาได้"ชิงหุยกล่าวล้อเลียน

ชิงสุ่ยเหลียวมองชิงหุย เด็กหนุ่มผู้ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิง ในขณะที่เขาก็ค่อยหัวเราะออกมา

"เจ้าเด็กแก่แดด อย่าพูดเรื่องไร้สาระเลย!!!"เฟิงเย่เฟ่ยตะโกนด้วยโกรธผสมกับความอาย

มีอาหารอร่อยมากมายวางอยู่บนโต๊ะภายในห้องนอน และที่นั่นต่างเต็มไปด้วยรุ่นเยาว์จากตระกูลชิง

"ฮ่าๆๆ พี่ใหญ่ นี่คือซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยปรุงให้ทันกิน เขากล่าวว่าหลังจากที่พี่ใหญ่ดื่มสิ่งนี้ลงไป พี่ใหญ่จะมีพละกำลังมากพอที่จะสามารถต่อสู้บนเตียงกับน้องสะใภ้ได้"ชิงหยูหัวเราะในใจ

"เวรเอ้ย!!! ไม่เกี่ยวข้องกับข้า!!!"ชิงสุ่ยรู้สึกเขินอายเมื่อเขาได้ยินชิงหยูกล่าวออกมาโดยใช้เขาเป็นเครื่องป้องกัน

"ชิงสุ่ย แม้แต่เจ้าก็คิดจะล้อเลียนข้าด้วย"เฟิงเย่เฟ่ยกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างงุ่มงาม ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไปเคาะศรีษะของชิงหยู ก่อนที่เขากล่าวต่อ "ข้ารับประกันได้ว่าคำที่ชิงหยูที่กล่าวมานั้นเป็นความจริง ซุปนี้ให้ผลที่มหัศจรรย์สำหรับผู้ชาย ค่ารับประกันได้เลยว่าหลังจากคืนนี้ พี่ใหญ่ชิงจือคงจะต้องดื่มซบเซานี้ทุกคืนอย่างแน่นอน"

เสียงหัวเราะยังคงดังต่อเนื่อง หลังจากนั้นชิงจือและภรรยาของเขาก็เริ่มแลกเปลี่ยนจอกสุรา ตามพิธีการ ก่อนที่ทุกคนจะออกจากที่แห่งนี้และปล่อยให้คู่สามีภรรยาได้มีความเป็นส่วนตัว

หลังจากที่พวกเขากลับไปยังร้านโอสถตระกูลชิง เขาก็ตระหนักได้ว่าชิงหลัวและสมาชิกอาวุโสรุ่นที่ 2 ในตระกูล กำลังนั่งสบายสบายพูดคุยติดน้ำชากันอยู่ในห้องรับรอง

"ทุกคนนั่งลงก่อน ในวันนี้ พวกเราทั้งสามรุ่นในตระกูลชิงมีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกัน"ชิงหลัวยิ้ม

ชิงสุ่ยคาดคิดแต่ว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร เขาจึงต้องการที่จะหลบหนีออกจากที่แห่งนี้

"พี่ชายสุ่ย มาที่นี่ก่อน!!!"ชิงเป่ยโบกมือขณะที่เธอตะโกนเรียก

ชิงสุ่ย ทำได้เพียงยิ้มและค่อยๆเดินไปนั่งลงข้างๆชิงอี้และชิงเป่ย

“ชิงสุ่ย เมื่อใดกันที่เจ้าบรรลุถึงระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียน?” ชิงหลัวเผยรอยยิ้มขณะที่เขามองไปยังหลานชายที่ประสบความสำเร็จ มันช่างทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ

 

0 0 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด