ตอนที่แล้วAST บทที่ 125 - สนามประลองท่ามกลางงานแต่งงาน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 127 - สังหารสวะอย่างเรียบง่าย

AST บทที่ 126 - สนามประลองท่ามกลางงานแต่งงาน (3)


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 126 - สนามประลองท่ามกลางงานแต่งงาน (3)

คนแรกที่ออกมาท้าทายคือเด็กหนุ่มจากตระกูลเฟิง ซึ่งตามขนบธรรมเนียมคู่ต่อสู้ในสนามคนแรกจะต้องเป็นคนที่มาจากตระกูลเจ้าสาว หลังจากไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาก็พ่ายแพ้ให้กับตระกูลของเจ้าบ่าว นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าตระกูลของเจ้าบ่าวไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องผู้หญิงจากตระกูลเจ้าสาวได้ ดังนั้น จึงมีไม่กี่ครั้ง ที่ลานประลองนี้ถูกนำมาเพื่อใช้การแสดงเท่านั้น

เด็กหนุ่มคนที่ขึ้นไปประลอง เป็นคนที่ไม่สำคัญในตระกูลเฟิง ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้ให้กับชิงฮูอย่างง่ายดาย ซึ่งแน่นอนการกระทำเหล่านี้สร้างบรรยากาศที่ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสามัคคีกัน

งานจัดเลี้ยงถูกจัดอยู่ใกล้เวทีประลอง ดังนั้นทุกคนจึงสามารถมองเห็นเวทีต่อสู้ได้ ซึ่งแน่นอนเสียงของผู้ชมร้องตะโกนและบรรยากาศรื่นเริงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

คนมากมายกำลังมองดูการต่อสู้ที่ไม่ค่อยลำบาก แต่มันกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้คนทั้งหลายต่างรู้สึกร้อนรนเพราะพวกเขานั้นคือรุ่นเยาว์ทั้งหมด

ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น พวกเขาตั้งใจขึ้นไปเพื่อแลกเปลี่ยนกลยุทธ์และความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสังเวียนเดือด เมื่อเริ่มมีคนตั้งใจที่จะเอาชนะผู้อื่น ดังนั้นชิงฮูจึงจำเป็นต้องพ่ายแพ้และลงกลับมา

ชิงเป่ยเองก็ต้องการที่จะขึ้นไป แต่เธอนั้นถูกหยุดโดยชิงฮู ตระกูลของเจ้าบ่าวนั้นมีกฎสำคัญคือห้ามมิให้ผู้หญิงขึ้นไปบนสังเวียน เพราะมันจะทำให้ดูเหมือนว่าตระกูลเจ้าบ่าวไม่มีชายชาตรีหลงเหลือ

ชิงหยูยิ้มและเดินขึ้นไปข้างบน สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับกลยุทธ์เด็กหนุ่มจากตระกูลเฟิงผู้ที่เอาชนะชิงฮู และบนสังเวียนนั้นดูเหมือนเหตุการณ์จะเริ่มบานปลายขึ้นไปเรื่อยๆ

ชิงสุ่ยจ้องมองชิงเหอ เขานั้นต้องการไปหาพี่น้องเหวินเหริน เฉกเช่นเดียวกับอวี้เหอ แต่เขาก็ยังไม่ไปเจอพวกเธอเลยจนกระทั้งตอนนี้

หญิงสาวลึกลับอย่างห่าวหยุนลิ่วลี่ ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเมืองร้อยไมล์ ซึ่งเธอก็ไม่ได้มาปรากฏตัวที่งานนี้ ส่วนโต๊ะของเหวินเหรินอูซวงนั้นสามารถหาได้ง่าย เพราะบริเวณโต๊ะของเธอนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังมองดู สองพี่น้องที่แสนงดงามราวกับดวงจันทร์

ในบางครั้งสายตาของชิงสุ่ยก็พยายามมองหาโต๊ะของตระกูลสือ แต่ก็ไม่ปรากฏคนที่ชิงสุ่ยหวังว่าจะได้พบ มันจึงทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกผิดหวังอยากช่วยไม่ได้

ในขณะที่อวี้เหอก็อยู่ที่โต๊ะของตระกูลอวี้ แต่ชิงสุ่ยก็ละทิ้งความคิดที่จะไปหาเธอ

และละทิ้งความคิดที่จะมองหาสือฉิงจวง ก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังโต๊ะของพี่น้องเหวินเหริน เมื่อเขาจำเป็นต้องเดินผ่านผู้คนมากมาย เขาจึงทำได้เพียงยิ้มเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่รู้จัก

ผู้สืบเชื้อสายตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองร้อยไมล์ ต่างจับจ้องมายังเหวินเหรินอูกั่วและเหวินเหรินอูซวงราวกับเป็นหมาป่าที่หิวโหย แต่อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสของพวกเขาก็ได้กล่าวตักเตือนเหล่าบุตรชายของพวกเขาเองเพื่อไม่ให้คิดทำสิ่งที่ผิดพลาด

"ชายเหล่านั้นได้ทำอะไรเจ้าหรือเปล่า ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ข้าไม่ได้มีเวลามาหาพวกเจ้าเลย"ชิงสุ่ยเดินเข้ามาที่โต๊ะของเหวินเหรินอูซวง และกล่าวขอโทษที่ทำให้อึดอัดใจ

"ข้ารู้สึกได้ถึงสายตาที่น่าขยะแขยง แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อูซวง และข้าได้ออกไปร่วมงานสังสรรค์ ลองดูพวกเขาสิ ดูเหมือนพวกเขาจะมีความสุขมาก!!!"เหวินเหรินอูกั่วยิ้มขณะที่เธอชี้ไปยังโต๊ะตรงกลาง ซึ่งเป็นที่ๆชิงจือและเฟ่ยเยียนนั่งอยู่

"ความจริง การที่พวกเขาจ้องมองเจ้า มันเป็นหลักฐานที่แสดงว่าพวกเจ้านั้นเป็นผู้หญิงที่ทรงเสน่ห์ที่สุด ถ้าหากวันใดไร้ซึ่งผู้คนมองเจ้า ระวังพวกเจ้าจะต้องเสียใจ!!!"ชิงสุ่ยหัวเราะ

"ก็ดี ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าคงหมายความว่า ข้าคงจะต้องขอบคุณพวกเขาสำหรับการจ้องมองด้วยสายตาอันน่าขยะแขยงนั้น เพียงเพื่อให้มันเป็นเครื่องแสดงว่าพวกข้านั้นยังหลงเหลือความงดงามอยู่?"เหวินเหรินอูกวงหัวเราะเยาะ

"มันไม่สำคัญหรอก เพียงแค่พวกเจ้าคิดซะว่าพวกมันเป็นเพียงสุนัขจรจัด เจ้าคงไม่รังเกียจสุนัขจรจัดที่กำลังจ้องมองเจ้าหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ที่เจ้ามีนั้นสามารถสะกดให้สุนัขจรจัดเหล่านั้นคอยเชื่อฟังเจ้าได้"ชิงสุ่ยเติมสุราลงในถ้วยและกล่าวออกมา

"งาช้างคงไม่โง่ออกจากปากสุนัข เจ้านี่ช่างมีความคิดที่แปลกนัก แต่ละอย่างของเจ้านั้นช่างลึกซึ้ง เชิญดื่ม แล้วรีบกลับไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียเถิดและเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกข้า" เหวินเหรินอูกั่วหัวเราะพร้อมทั้งยกจอกสุราขึ้น รอยยิ้มที่งดงาม ฟันสีขาวดุจหิมะ ดวงตาโค้งงอน และความมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ทั้งหมดทำให้คนรอบข้างถึงกับกลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่อง

ชิงสุ่ยดื่มสุรากับพวกนางทั้งสองเสร็จสิ้น เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังโต๊ะของผู้นำอาวุโสอวี้ภายใต้ความอิจฉาของบรรดาบุตรหลานของพวกเขา และผู้นำอาวุโสสือจากตระกูลสือ และซือตูหน่านเทียน

"มาเถอะ  มาเถอะ  ก่อนอื่นเจ้าจะต้องดื่มสุราทั้ง 3 ถ้วยเป็นการลงโทษ เพราะเจ้าไม่ได้ทักทายกับชายชราคนนี้ก่อน แต่เจ้ากลับไปทักทายหญิงสาวรูปงาม" มันเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถทำให้อวี้ตงห่าวกล่าวมาด้วยอารมณ์ที่มีความสุข

"ข้าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ยุติธรรมเลย แค่เพียงเดินผ่านที่นั่น แต่ข้าก็รีบเร่งมาหาท่านในทันที"ชิงสุ่ยดื่มสุราทั้งถ้วย  และเริ่มยกถ้วยสุราคารวะกับอีกไม่กี่คนที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสอวี้ก่อนที่เขาจะเดินออกไป

บนเวทีประลอง ตระกูลเฟิงถูกปราบลงแล้ว ตอนนี้มีรุ่นเยาว์จากตระกูลอื่นในเมืองร้อยไมล์เตรียมตัวขึ้นไปท้าประลองกับคนจากตระกูลชิง เพื่อหวังที่จะขึ้นมาเป็นตระกูลใหญ่แทน

หลังจากพวกเขาขึ้นไปจนหมด บุคคลผู้ซึ่งบรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์จากตระกูลซือถู ก็ได้ขึ้นไปสร้างความพ่ายแพ้ให้กับชิงหยูอย่างง่ายดาย หลังจากที่ชิงหยูพ่ายแพ้ ชิงเหอก็มั่นใจว่าเขานั้นคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และตัวเขาเองก็ไม่มีทางเลือก เนื่องจากในรุ่นที่ 3 นั้นไม่มีผู้ใดเลยที่มีพลังเหนือกว่าระดับปราณปราบฟ้า และคงมีเขาเพียงคนเดียวที่อาจต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์ได้ ส่วนความสามารถชิงสุ่ยนั้น ไม่มีใครแน่ใจ พวกเขารู้เพียงว่าชิงสุ่ยนั้นกำลังมีพัฒนาการที่ดีขึ้น อย่างน้อยเขาก็มีทักษะการแพทย์ที่ดีเยี่ยม และเขาต่างได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่น่านับถือ แต่ถึงอย่างนั้น ตัวตนของเขายังคงเป็นปริศนานั่นคือเหตุผลว่าทำไมชิงเหอจึงตัดสินใจขึ้นไปประลองด้วยตัวเอง

มีคนมากมายอยู่เบื้องล่างของเวทีประลอง ไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตนชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องล่างของเวที  เขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีใครจำใบหน้าได้ แต่ดวงตาของเขานั้นสดใส ส่องแสงราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า ซึ่งชายคนนี้กำลังจ้องมองทั้งสองฝ่ายที่กำลังเตรียมต่อสู้อยู่บนเวที

เมื่อชิงเหอก้าวขึ้นสู่ลานประลอง สถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป หลังจากที่รุ่นเยาว์เริ่มพ่ายแพ้ ผู้อาวุโสก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งชิงเหอเองก็ถูกยกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่รุ่นที่ 2 แต่เขานั้นก็ยังไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด

เมื่อชิงเหอเอาชนะกับชายร่างเล็กจากตระกูลซือถู ซือถูปา ที่นั่งอยู่ท่ามกลางงานจัดเลี้ยง ก็ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังเวทีประลอง

แต่เดิมซือถูปายอมแพ้กับความคิดที่จะแก้แค้นตระกูลชิง แต่มันก็เกินความคาดหวัง เรื่องที่ว่าตระกูลชิงได้จัดงานแต่งงาน และที่สำคัญซือถูปา คิดที่จะใช้เวทีประลองในงานแต่งครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์

ในบรรดารุ่นที่ 3 ที่มีลูกชายของเขา ซือถูหลวน ท่ามกลางรุ่นที่ 2 เขานั้นคือคนหนึ่งที่ได้บรรลุในระดับโฮ่วเทียน แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะต้องปะทะกัน และโอกาสเอาชนะของชิงหลัวนั้นก็มีเพียงแค่ 50%เท่านั้น ซึ่งถ้าหากพวกเขาให้รุ่นที่ 1 ลงประลอง ไม่มีทางเลยที่ตระกูลชิงจะสามารถต่อกรกับตระกูลซือถูได้

ดังนั้นตอนนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา เขาจึงตัดสินใจก้าวขึ้นไปสู่เวทีประลองในฐานะ หัวหน้ากลุ่มตระกูลซือถู เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่เวทีประลอง บรรยากาศทุกอย่างถูกกดดันขึ้นในทันที

สิ่งเหล่านี้อาจหมายถึงการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชิงและตะกูลซือถูต้องสั่นคลอน และอาจกลายเป็นศัตรูกัน ซือถูปาคิดถึงผลที่ตามมา แต่เขาก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดได้

เมื่อซือถูปา เดินขึ้นไปบนเวที ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขา และเมื่อเขายืนอยู่บนเวทีต่อหน้าชิงเหอ ใบหน้าของชิงหลัวแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้า ซือถูหนานเทียนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวเขาหัวเราะออกมาเสียงดัง "รุ่นเยาว์ทุกท่าน ปล่อยให้พวกเขาขึ้นไปสร้างความสนุกเถิด ให้พวกเขาได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน!!!"

"ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน? ซือถูหนานเทียน เจ้าคิดว่าข้าแก่เกินที่ดวงตาของข้าจะไร้แววแล้วเช่นนั้นรึ?" เสียงดังขึ้นโดยไม่มีที่มา ซึ่งเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของชิงหลัวแต่มีความคล้ายคลึงกัน บ่งบอกได้ชัดว่าเขากำลังโกรธมาก

ซือถูหนานเทียน ยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่เขามองหน้าของชิงหลัว และผู้นำอาวุโสสือ และผู้นำอาวุโสอวี้ โดยเฉพาะสายตาที่มองกลับมาของอวี้ต่งห่าว

"หรือว่าเจ้าคิดจะทำลายงานแต่งงานของคนในตระกูลพี่ชายหลัวล่ะ?" เสียงของอวี้ตงห่าว บอกให้เห็นถึงความไม่พอใจ และเห็นได้ชัดถึงการเลือกข้าง

"ลูกชายข้า เพียงแค่ต้องการขึ้นไปแลกเปลี่ยนวรยุทธกัน หาใช่การต่อสู้ที่จริงจังไม่!!!"ซือถูหนานเทียน แอบกล่าวคำตำหนิอวี้ต่งห่าวที่เอื้อมมือเข้ามายุ่งเรื่องของซือถูปา ซึ่งทุกคนต่างได้ยินคำกล่าวที่เขาพูดออกมา คนฉลาดพอเท่านั้นที่จะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใน และมันยิ่งทำให้ตระกูลชิงรู้สึกอึดอัดใจ

ซือถูปาหัวเราะออกมาเสียงดัง "ช่างมันเถอะ ข้าไม่ต้องการต่อสู้แล้ว เดี๋ยวจะหาว่าคนจากตระกูลซือถูของข้าเป็นคนรังแกคนที่อ่อนแอกว่า !!"หลังจากกล่าวจบเขาก็กระโดดออกจากเวทีประลองในทันทีและกลับไปยังโต๊ะงานเลี้ยง

ทุกคนในตระกูลชิงรวมทั้งชิงหลัว ต่างรู้สึกโกรธอย่างมาก โดยเฉพาะเสียงกระซิบจากผู้คนรอบๆมันยิ่งทำให้ตระกูลชิงของเขาเสียหน้า

"เพียงแค่ซือถูปา คนจากตระกูลชิงก็ไม่อาจต่อกรได้แล้ว"เสียงเด็กหนุ่มพูดออกมา

"พวกเขามาจากหมู่บ้านชิง มันคงดีที่พวกเขาจะอยู่แต่ในสถานที่เล็ก พวกเขาอาจจะไม่เหมาะสมกับเมืองใหญ่อย่างเมืองร้อยไมล์นี้หรอก และยิ่งไปกว่านั้นในเมืองใหญ่แห่งนี้ก็มีตระกูลที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้วอย่างซือถู"

"ลูกสาวของข้าจะต้องแต่งงานกับคนในตระกูลซือถูเท่านั้น ถ้าพวกเราไม่อยากเสียหน้า!!"หญิงสาวพูดวาจาน่าเกลียดออกมา

"ลูกสาวของเจ้า? เห้อ เจ้าลืมเรื่องนี้ไปเถอะ แม้ว่าเจ้าจะจ่ายเงินมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็คงไม่เต็มใจยอมรับลูกเจ้าหรอก!!"

"ใคร? ใครกันที่กล้าพูดเช่นนี้? ลูกข้านั้นมีความงดงามมาก เจ้าคงจะเข้าใจอะไรผิดๆในลูกของข้า?"

……………………..

 

สมาชิกภายในตระกูลชิงทำได้เพียงแค่กัดฟันอดทนต่อคำดูถูกเหล่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับที่จะทำให้ตระกูลสามารถอยู่รอดใด เมื่อมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ ย่อมมีเวลาที่เศร้าโศกเช่นกัน

เฟิงอู๋ซียังคงยิ้ม และไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าใดๆ ท่ามกลางคำเสียดสีภายในกลุ่มตระกูลเฟิง

ชิงสุ่ยกำลังรู้สึกโกรธแค้น และต้องการที่จะก้าวขึ้นไปข้างบนเวทีประลอง แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดลงเนื่องจากซือถูปาได้ลงจากเวทีประลองแล้ว เขาจึงไม่อาจอาศัยช่องทางนี้ทุบตีซือถูปาได้อีก

"ถ้าไม่มีผู้ใดต้องการต่อสู้แล้ว งั้นข้าเอง"เพียงชั่วขณะ คลื่นเสียงที่ฟาดฟันราวกับโลหะดังขึ้นจากชายวัยกลางคนธรรมดา ที่ค่อยๆก้าวขึ้นสู่เวทีประลอง

ชิงสุ่ยมองดูทุกย่างก้าวที่เขาเดิน แต่ละก้าวนั้นเบาและไร้ซึงเสียง แม้ว่าท่าทางการเดินของเขานั้นจะเป็นท่าทางที่ประหลาด แต่ความเร็วของเขานั้นกลับเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ชายวัยกลางคนที่ดูสงบ มาพร้อมกับกลิ่นอายที่แสนธรรมดา แต่แฝงไปด้วยคมจากกระบี่นับหมื่น

"โปรดชี้แนะข้าด้วย"ชิงเหอยิ้มและประสานมือแสดงความนับถือ

ชายวัยกลางคนประสานมือและกล่าว "กรุณาด้วย"

ชิงเหอที่บรรลุขั้นที่ 9 ของระดับพลังปราณปราบฟ้า และเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในเขตวิชาดอกบัวปราณฟ้าประจำตระกูล เขาสามารถฝึกฝนดอกบัวลมปราณได้เพียง 2 กลีบเท่านั้น คือหนึ่งกลีบสำหรับป้องกัน และหนึ่งกลีบสำหรับโจมตี

ตอนนี้คลื่นดอกบัวทั้งสองกลีบนั้น มีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า คลื่นพลังเต็มไปด้วยสีขาวหยกประกายส่องแสง สะท้อนถึงความเยือกเย็น

ดวงตาของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเมื่อเห็นกลีบดอกบัวทั้งสอง สายตานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นว่าชิงเหอพร้อมแล้ว ชายวัยกลางคนก็พุ่งเข้าหาชิงเหอ ดุจสายลม

"นี่มันไม่ดีแล้ว!!"จากความเร็วที่ปรากฏ ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีถึงอันตรายที่กำลังก้าวเข้าไปหาชิงเหอ

ชิงสุ่ยกำลังสาปแช่งตัวเอง เหตุใดกันถึงมีผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนมากมายถึงขนาดนี้? ในอดีตตอนที่เขายังอยู่ในหมู่บ้านชิง พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนจะมีมากมาย แม้แต่ในเมืองร้อยไมล์เอง ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนเลย และไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะยอมซ่อนตัวอยู่ในความมืด  ได้หลังจากที่เขามาถึงเมืองร้อยไมล์ มันกลับปรากฏผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็นเหวินเหรินอูซวง อวี้ต่งห่าว กงหยางเสวียตง ไป๋ลี่จิงเว่ย อีเย่เจี้ยนเก้อ และตอนนี้ก็ปรากฏชายแปลกหน้าวัยกลางคนที่ดูเหมือนปุถุชนคนทั่วไป

เสียงระเบิดกำปั้นของชายวัยกลางคน ทำให้กลีบดอกบัวนั้นถึงกับแตกออกในทันที แม้แต่ชิงเหอถึงกับพ่นเลือดสดๆคำโตออกมากระจายไปทั่วเวทีประลอง

"ฮ่าๆๆๆ ตั้งแต่ตระกูลที่มีพลังเพียงระดับโฮ่วเทียน กล้าจัดตั้งเวทีประลอง นั่นก็เท่ากับพวกเขายอมรับในความตายเสียแล้ว!!!"ชายวัยกลางคนปลดปล่อยกลิ่นอายที่แสนอันตรายออกมา

"ข้าจะสังหารพวกเจ้าจนหมด หลังจากนั้นข้าจะมุ่งหน้าไปยังตระกูลกงหยางเพื่อรับเอาอีกครึ่งหนึ่งของ ยาเม็ดเกื้อกูลชีพจร และข้าก็จะหลบหนีออกจากอาณาจักรชางหลาง และพวกนิกายกระบี่นภาก็จะไม่อาจตามหาตัวข้าได้อีก"ชายวัยกลางคนกล่าวมาในขณะที่เขาส่งชิงเหอลอยไปบนอากาศ

ชิงสุ่ยมองเห็นได้ชัดเจนมากถึงกลิ่นอายแห่งความกระหายเลือด จากชายคนนั้น มันเป็นกลิ่นอายที่ได้จากการสังหารคนจำนวนมาก ชิงสุ่ยโกรธแค้นและคิดถึงคนที่กล้ามีส่วนร่วมกับบุคคลเช่นนี้ "เขาควรจะเป็นผู้หลบหนี หรือเป็นมือสังหาร"

ตระกูลชิงและคนอื่นๆที่อยู่ในงานเลี้ยง รีบวิ่งไปดูชิงเหอที่กระเด็นลอยไปไกล ซึ่งชิงสุ่ยเองก็เป็นคนแรกที่ไปถึงตัวของชิงเหอ กระดูกข้างซ้ายบริเวณหน้าอกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่งผลให้หน้าอกด้านซ้ายเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ถ้าหากไร้ซึ่งการป้องกันจากกลีบดอกบัวปราณ เขาก็คงตายไปแล้ว

"ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!"ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงอํามหิต

ชิงสุ่ยเปิดใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขาในทันที หัวใจของเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาเพราะเขารู้ว่า ชิงเหอนั้นเป็นคนผิดปกติที่มีหัวใจอยู่ข้างขวา เขารีบหยิบเข็มสีทองขึ้นมา และฝังลงบนทรวงอกและช่องท้องเพื่อป้องกันหัวใจของชิงเหอและเส้นลมปราณ ในชั่วพริบตา เข็มทั้งเก้าก็ถูกฝั่งลงบนร่างกาย

"ได้โปรดนำท่านลุงสอง  ไปรักษาต่อที่ห้องพักเถอะ เขาจะไม่เป็นไร!!!"

สมาชิกตระกูลชิงค่อยๆถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ชิงหยู ชิงฮูและคนอื่นๆค่อยๆพาร่างของชิงเหอออกไปด้วยความระมัดระวัง

ชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นและจ้องเขม็งไปทางชายกลางคนที่อยู่บนเวทีประลอง ถึงแม้เสียงจะสงบ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นที่อยู่ในคำพูด

"เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนเซียนเทียน และเจ้าก็กำลังจะตาย!!!"

 

Clean by : Osoulstelo

******ตอนต่อไปจะมาประมาณ 10.00 น. นะครับบบบบ 555****

 

0 0 โหวต
Article Rating
15 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด