ตอนที่แล้วAST บทที่ 117 - ระดับเทวะเซียนเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 119 - ความลึกลับของเจ้าอ้วนน้อย

AST บทที่ 118 - กวางย่างก้าวจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/

บทที่ 118 - กวางย่างก้าวจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร

"เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร?"

เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรเป็นเคล็ดวิชาที่ใช้เลียนแบบการโคจรพลังปราณของสิ่งมีชีวิตโบราณ 9 ชนิด

"มังกร นกหงส์เพลิง รุค(นกยักษ์ตำนานอาหรับ) นกกระเรียน ช้าง หมี เสือ วานร กวาง!!"

"ดูเหมือนว่าสัตว์ทั้ง 5  ที่อยู่ในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิดจะมีลักษณะเหมือนกับสัตว์เหล่านี้" ชิงสุ่ยมองดูสัตว์ 5 ตัวที่เขาเคยเห็นในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิด

หรือว่าเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิดจะมาจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร  และสัตว์อสูรที่เหลืออีก 4 ตัวจะมีความยากเกินที่จะเลียนแบบได้"

แต่สำหรับช้างเหตุใดกลับไม่ได้อยู่ในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิด ชิงสุ่ยค่อนข้างงง และตัดสินใจอ่านทุกตัวอักษรให้เสร็จสิ้น

ในอดีตกาล และพลังในตำนานผู้สรรค์สร้าง เฉกเช่นมังกรและนกหงส์เพลิงเงินส่งมีพลังชีวิตที่เป็นอมตะ ดังนั้นเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร ก็ควรจะเป็นเคล็ดวิชาที่ใช้สำหรับฟื้นฟูรักษาเช่นกัน

เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9  อสูร เป็นที่รู้จักกันดีในนามเคล็ดวิชา เลียนแบบสัตว์ 9 อสูรชี่กง ซึ่งเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ 9 ชนิดเพื่อใช้ในการป้องกัน จู่โจม และหลบหนี

เนื้อหาตั้งแต่มังกร ถึงกวาง ต่างมีความคล้ายคลึงกันอย่างมากเช่น การเลียนแบบของช้าง และหมี เน้นไปในทางเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแกร่ง คนโบราณคิดว่าช้างนั้นแข็งแกร่งกว่าหมี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยากที่จะเปรียบเทียบ หากคิดถึงปัจจัยอย่างอื่นจะพบว่าการเคลื่อนไหวในป่ายังไง หมีก็ย่อมเป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด

เสือน้นไปทางสร้างแรงกดดัน กลิ่นอายที่มันปล่อยออกมานั้นคล้ายคลึงกับภูผาที่กดทับ

วานรมุ่งเน้นไปในทางการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่น ทั้งแขนและขาต่างสัมพันธ์กัน

กวางเน้นทางด้านความเร็วและความว่องไวและสร้างความตื่นตัว

สำหรับมังกร นกหงส์เพลิง รุค และนกกะเรียน สิ่งเหล่านี้มีความลึกซึ้งอย่างมากและต้องใช้การแยกแยะและความเข้าใจ ทักษะทั้งหมดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเข้าใจและสำเร็จภายใน 1 ถึง 2 วัน  แต่สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกดีที่สุดนั่นก็คือการใช้เคล็ดวิชากายาบรรพกาลจะยิ่งช่วยให้สามารถควบคุมพลังปราณและเลียนแบบสัตว์ทั้ง 9 ได้ดียิ่งขึ้น

"ดูเหมือนว่า ทักษะทั้งหมดจะถูกบันทึกอยู่ในเคล็ดวิชากายาบรรพกาล แม้กระทั่งศิลปะการทำอาหาร"

"สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ?"ชิงสุ่ยยังคงครบสูตรอาหารมีมากมาย

สูตรสำหรับทำอาหารจากสมุนไพรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย

สูตรสำหรับทำอาหารจากสมุนไพรเพื่อช่วยเสริมสร้างความนุ่มนวลของผิว

สูตรสำหรับทำอาหารจากสมุนไพรเพื่อช่วยสมานแผล

สูตรสำหรับทำอาหารจากสมุนไพรเพื่อช่วยเสริมสร้างอารมณ์ทางเพศ

"นี่คงเป็นวิธีทางการดูแลรักษาสุขภาพอย่างแท้จริง"ชิงสุ่ยพยายามจดจำข้อมูลต่างๆ

หลังจากได้อ่านข้อมูลทั้งหมด ชิงสุ่ยก็รู้สึกเบื่อ และได้พยายามเลือกเคล็ดวิชาก่อนหน้านี้ขึ้นมา บางทีเขาควรจะพยายามฝึกเลียนแบบสัตว์สัก 1 ตัว ที่อยู่ในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร

จากประสบการณ์ที่เขาได้ต่อสู้กับผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียน โดยเฉพาะเมื่อเขาจะต้องเผชิญหน้ากับหมู่ป่าอสูรโลหะทองคำ ชิงสุ่ยก็รู้ซึ้งถึงความสำคัญของความเร็ว เคล็ดวิชาการต่อสู้บนโลกทั้งหมดย่อมเกี่ยวข้องกับว่องไว ซึ่งนี่คือความจริง

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะลอกเลียนแบบสัตว์จำพวกกวาง เพื่อที่จะยกระดับความรวดเร็วในร่างกายของเรา

เพียงแค่ 20% ของความเร็วจากคลื่นพลังขั้นที่ 4  ก็มีความเร็วมากกว่าครึ่งหนึ่งก่อนที่เขาจะก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ และหากความเร็วของเขาสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก มันยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น

กวางนั้นมีการโคจรพลังปราณที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กวางเป็นสัตว์ที่กระฉับกระเฉงและสามารถเพิ่มความว่องไว  โดยที่ไม่ต้องใช้พลังปราณมากนัก ชิงสุ่ยพยายามทำตามวิถีโคจรพลังปราณที่ถูกบันทึกไว้ เขาเริ่มโคจรพลังพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล มาไว้ที่ขาทั้งสองข้าง ผ่านเส้นลมปราณจู้หยางหมิง จู้ไท่หยิง และจู้ไท่หยาง

ชิงสุ่ยปรับเปลี่ยนท่าทางและปิดตาเพื่อรับรู้ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อพลังปราณผ่านเส้นลมปราณจู่เฉาหยิงมาถึงจุดชีพจรหย่งเฉวียน เขาก็รู้สึกได้ถึงขุมพลังที่เพิ่มขึ้น ทันใดนั้นร่างของเขาก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมา

เขาพยายามหลายครั้งรวมถึงการเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าร่างกายของเขานั้นไม่อาจควบคุมได้ ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เขาจะรู้สึกซุ่มซ่ามและอึดอัด เขาจึงเริ่มหยุดและปิดตาของเขาลง และพยายามที่จะก้าวสลับซ้ายขวา

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว แต่ชิงสุ่ยก็ยังหมั่นฝึกฝนจนกระทั่งเขาเริ่มหยุดลง รอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

"ถึงแม้ว่าการฝึกมันจะยาก แต่ในที่สุดข้าการเข้าถึงมัน"ชิงสุ่ยร้องตะโกน และพรุ่งตัวไปคว้าเต่าออกมาจากทะเลสาบคริสตัล เพื่อเตรียมทำซุป

ทุกครั้งที่เขาได้เห็นซุปเต่า มันทำให้เขาคิดถึงสือฉิงจวง เธอเคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากเธอต้องการที่จะดื่มซุปเต่าเธอจะนึกถึงเขาเป็นคนแรก และนี่ก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอเธอเลย

แต่หลังจากที่เขาเริ่มเข้าใจถึงกระบวนท่ากวางย่างก้าว แต่เพื่อให้เขาสามารถเพิ่มพูนความเร็วเขาจำเป็นที่ต้องฝึกฝนอีกมากมาย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่ได้รีบนอน เขานั้นมีทั้งเคล็ดวิชา มีทั้งเวลา และเขาจะต้องกลัวสิ่งใด?

และแล้วชิงสุ่ยก็ถูกบีบออกจากดินแดนห้วงมิติ ตอนนี้เป็นยามราตรี ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัดและอากาศที่หนาวเหน็บ ชิงสุ่ยที่ยังไม่ง่วง ก็ลุกขึ้นแล้วออกจากที่พัก

เมื่อมองไปยังจันทราที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้า ภาพในโลกไปก่อนพลันปรากฏขึ้น เขาเป็นลูกคนสุดท้องที่อยู่ในบ้าน และมีพี่ชาย 2 คน ครอบครองเขาเป็นครอบครัวที่อยู่ในชนบทและพอมีพอกิน พ่อและแม่ของเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พี่พี่น้องๆทั้งหมดในครอบครัวสามารถตั้งตัวได้ พี่ชายคนโตนั้นประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพ

แต่ตัวเขานั้นเป็นความผิดหวังเดียวในครอบครัว เขาถูกครอบงำด้วยเกมคอมพิวเตอร์ แม้ตัวเขานั้นจะมีคนรัก แต่ก็ต้องเลิกกันด้วยเวลาไม่ถึงเดือน เพราะเขาเลือกที่จะใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่หน้าจอมากกว่าอยู่กับเธอ

เขาไม่เคยคาดหวังในว่าเขาจะได้ปรากฏบนโลกใบนี้ "อย่างน้อยก็ขอขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ครอบครัวของข้านั้นเป็นครอบครัวใหญ่ แม้ว่าพ่อแม่ของข้าจะต้องเสียใจ แต่อย่างน้อยพวกเขายังมีพี่ชาย 2 คน ที่สามารถเติมเต็มครอบครัวของข้าได้"ชิงสุ่ยถอนหายใจ เขาทำได้เพียงภาวนาอย่าเงียบๆให้ครอบครัวของเขานั้นมีความสุข

ในชีวิตใหม่นี้ ชิงสุ่ยยังคงเหลือแม่ของเขาเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน หากใครมีบุญคุณต่อแม่ของเขา เขาจะชดใช้คืน 100 เท่า แต่หากใครกล้ากันทำร้ายแม่ของเขา มันผู้นั้นจะต้องชดใช้คืน 1000 เท่า

"ท่านแม่ รอข้าหน่อย ลูกชายของท่านใกล้จะเตรียมพร้อมแล้ว"ชิงสุ่ยสูดหายใจลึกๆ

วันต่อมา อาหารเช้าถูกปรุงแต่งขึ้นมาอย่างง่ายๆ แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง บรรยากาศคึกคักก็กลับมาเหมือนเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งชิงเป๋ยที่ยังคงพูดเรื่องราวต่างๆอย่างไม่หยุดหย่อน

ชิงเป่ยในตอนนี้อยู่ในจุดสูงสุดของระดับปราณนักรบขั้นที่ 8  และถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะตัวน้อยในตระกูลชิง และยังได้รับผลไม้เสริมความแข็งแกร่งจากชิงหลัวอีก 2 ผล มันจึงทำให้เธอเป็นรุ่นเยาว์ที่หาตัวจับได้ยาก

"พี่ชายสุ่ย ระดับพลังของท่านนั้นอยู่ในระดับใดกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถสังหารผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนไป๋จง มันเป็นความจริงหรือไม่?"ความอยากรู้อยากเห็นของชิงเป๋ยเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

"เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ถ้าอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียน?"ชิงสุ่ยหัวเราะเบา

"ข้าไม่เชื่อหรอก!!"ชิงเป่ยส่ายหน้า

"ฮ่าๆๆ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร"ชิงสุ่ยยิ้มกว้างออกมา

"พี่ชายสุ่ย ท่านนี้น่ารำคาญจริงๆ ข้าถามท่านว่าท่านเป็นคนฆ่าไป๋จงใช่หรือไม่?"ชิงเป๋ยกัดริมฝีปากขณะถาม

"เจ้าจะเชื่อจริงๆหรือ ถ้าหากข้าบอกว่า ข้าเป็นคนฆ่าเขา?"

"ข้าไม่รู้"

"และเจ้าเชื่อไหมล่ะ?"

"ข้าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อนะ!!"ชิงเป่ยทำหน้ามุ่ย

5 วันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงเทือกเขาทางตอนใต้

อากาศของที่นี่สะอาดและสดชื่นกว่าที่อื่น มันให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ คงมีเพียงที่แห่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้รู้สึกถึงพลังปราณจากสวรรค์และโลกอย่างชัดเจน ไม่น่าแปลกใจเลยที่พื้นที่แห่งนี้จะสามารถผลิตสมุนไพรได้มากมาย

ภูเขาที่สูงเสียดฟ้าและมีเมฆปกคลุม บนเส้นทางปรากฏเป็นทางเดินคดเคี้ยวและมีบ้านตั้งขนาบอยู่ทั้งสองข้างของเส้นทางบนภูเขาที่มีมากมาย

คนส่วนใหญ่บนพื้นที่แห่งนี้ ใช้ชีวิตด้วยการล่าสัตว์และรูปรวมสมุนไพร รถขนสัมภาระที่ถูกลากโดยกระทิงเหล็กกำลังเดินตรงไปตามเส้นทางที่คดเคียว และเดินภูเขาที่สูงชัน

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่พลุกพล่าน และเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ชิงสุ่ยและไม่รู้จัก แต่มีสมุนไพรจำนวนมากที่เขาเคยเห็นในหนังสือมาก่อน

ถ้าพวกเขาเจอสมุนไพรที่ใช้ในครัวเรือนหรือสมุนไพรที่จำเป็น พวกเขาก็จะเริ่มต้นเจรจาซื้อขายมันและสามารถจัดเก็บพวกมันเข้าสู่รถได้โดยตรง

และขณะที่พวกเขาเดินทางขึ้นไปถึงครึ่งทางของภูเขาลูกนี้ พวกเขาเริ่มต้นที่จะเดินกลับเนื่องจากมันสูงเกินไป และไม่เหมาะที่จะขึ้นไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไปภูเขาลูกอื่นๆต่อ

เมื่อมาถึงภูเขาอีกลูก ชิงสุ่ยก็ไม่เห็นความแตกต่างจากภูเขาก่อนหน้านี้ และแล้วพวกเขามีหมู่บ้านเฉลี่ยประมาณ 2000 ครัวเรือน สำหรับครัวเรือนขนาดใหญ่จะมีสมาชิกเราราว 10 คน และสำหรับครัวเรือนขนาดเล็กจะมีสมาชิกอย่างน้อย 5-6 คน บริเวณต่างๆบนเทือกเขาถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับการสร้างถิ่นที่อยู่อาศัย และที่ทางเข้าปรากฏเป็นประตูหิน เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายและสัตว์ป่าบุกรุกล้ำเข้ามาในยามวิกาล

ไม่นานหลังจากที่ชิงสุ่ยและคนอื่นๆเดินทางเข้ามาสู่ภูเขาลูกนี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนถกเถียงกันด้านหน้าของพวกเขา เส้นทางถูกขวางกั้น

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของชิงสุ่ย เขาจึงลงจากรถและเดินผ่านกลุ่มรุ่นเยาว์ร่างกายอ้วนท่วมด้านหน้า พวกเขามารวมกลุ่มและเริ่มสนทนาบางอย่าง

"นี่มันเป็นบาปจริงๆ ช่างบากจริงๆ"

"สวรรค์หามีตา พ่างน้อย เจ้าช่างน่าสงสารจริงๆ"ชายชราไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่พูดออกมา

"ไม่มีอะไรที่เขาสมควรได้รับความสงสาร ทำไมคนที่เกิดมาเป็นตัวซวยคอยสร้างหายนะแก่บิดามารดาและพี่น้องของตัวเองถึงได้ไหมคนน่าสงสาร?เขาควรจะตายได้นานแล้ว!!!"หญิงสาวที่แต่งงานแล้วอายุประมาณ 30 ปี จ้องหน้าชายชราและกล่าวอย่างรุนแรง

"เฮ้อ"ชราทำได้เพียงถอนหายใจ

…………………………………………..

"มันยังมีโอกาสที่จะช่วยเขาได้" เสียงของชิงสุ่ยก็ดังขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
10 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด