ตอนที่แล้วตอนที่ 067 – กลไกกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 069 – ร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ย

ตอนที่ 068 – ต่อสู้


ตอนที่ 068 – ต่อสู้

 

อวี้เป่าจดจำเด็กน้อยเหล่านี้ได้

ทั่วดินแดนจิตวิญญาณนี้ เมืองไตรวิญญาณมิถือว่าเป็นเมืองใหญ่ และเนื่องจากเหล่าเด็กน้อยต่างเป็นอาคันตุกะขาประจำ เป็นธรรมดาที่อวี้เป่าจะจดจำพวกเขาได้ เด็กเหล่านี้มีภูมิหลังที่มีอำนาจอย่างมาก มาจากตระกูลต่างกันไป และยามเมื่อพวกนายน้อยนี้รวมกลุ่มกันก็มิมีผู้ใดในเมืองที่จะกล้าล่วงเกินพวกเขา

“มันเป็นกลไกกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์จริงๆ!” เด็กชายเสื้อขาวจ้องมองไปยังนกกระจอกเทศด้วยความสนใจและอัศจรรย์ใจ “ข้าเคยอ่านในตำรามาก่อนว่ากลไกกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์เป็นหนึ่งในพาหนะที่มีชื่อเสียงของกองทัพกางเขนใต้ ข้ามิอยากจะเชื่อเลยว่าข้ามาพบเห็นนกกระจอกเทศของจริงตัวนี้”

จากนั้นเด็กสาวที่สวมเสื้อสีม่วงด้านข้างของเด็กชายเสื้อขาว ก็วิ่งไปยังด้านข้างอย่างขมักเขม้น “พี่เว่ย ข้าอยากได้นกตัวใหญ่นี้! ข้าอยากได้นกตัวใหญ่นี้!”

ท่าทางของอวี้เป่าเปลี่ยนไป แต่ก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทางที่ประหลาดในทันที

เด็กคนอื่นๆก็มีท่าทางที่แปลกเช่นเดียวกันและอดกลั้นเสียงหัวร่อของพวกเขา

หลินเว่ยหันไปหาถังเทียนอย่างทำอันใดไม่ถูก “พี่ชาย เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะมอบนกกระจอกเทศตัวนี้ให้ข้า?”

ถังเทียนส่ายหัวของเขา “ไม่”

“นี่ เด็กน้อย คิดให้ดี!” หลั๋วอี้ที่อยู่ด้านข้าง แรกเริ่มเขาต้องการที่จะเห็นหลินเว่ยทำตัวเองขายหน้า แต่เมื่อได้ยินถังเทียน เขาก็อดมิได้ที่จะแส่เข้ามา “บอกมา บอกราคาของเจ้ามา เจ้าควรจะรู้ดีกว่าอะไรคู่ควรกับเจ้า!”

รอยยิ้มของถังเทียนสลายหายไป แม้กระทั่งคนโง่เขาก็ยังฟังน้ำเสียงอันไม่เป็นมิตรของเขาออก บุรุษหนุ่มเทพผู้คุ้นเคยกับการรังแกกันภายในสถาบัน และถังเทียนเขาก็มิค่อยโปรดปรานเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ดวงตาของเขาหรี่ลง “ช่างโอหังนัก!”

“โอ้ ดูเหมือนพวกเราจะปะทะเข้ากับปราการเหล็กแล้ว!” ท่าทางของหลั๋วอี้กลายเป็นเย็นชา

ถังเทียนผู้ที่อยู่ข้างบน เขาพลันแสยะยิ้มออกและนกกระจอกเทศใต้ร่างเขาก็ตั้งท่า พุ่งไปยังหลั๋วอี้

“ระวัง!” ท่าทางหลินเว่ยเปลี่ยนไป

นกกระจอกเทศสูงกว่าถังเทียน มันสูงประมาณสองเมตร และมันก็หนักมากเนื่องจากถูกสร้างขึ้นจากทองแดง มันอาจจะเป็นมาตรฐานของกองทัพกางเขนใต้ที่เหมาะสมกับความสามารถที่โดดเด่น เนื่องจากมันสามารถที่จะเป็นมาตรฐานโดยเฉลี่ยของวิชาตัวเบาระดับห้าของพวกนักสู้ในระหว่างเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของมันคือมันสามารถทำได้ทุกอย่าง

ทหารมองเห็นถังเทียนพุ่งไปกับนกกระจอกเทศ และเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นกังวลในทันที เมื่อกาลก่อน การจู่โจมของนกกระจอกเทศมีกิตติศัพท์อย่างมากภายในค่ายทหารเกณฑ์ของกองทัพกางเขนใต้

พลังหลายตัน การโจมตีกับพลังที่มันระเบิดเมื่อยามพุ่งไป และแรงกระแทกของมัน ก็มิมีใครเทียบได้

หลั๋วอี้พลันรู้สึกภาพในดวงตาของเขาเลือนลาง ราวกับภูเขาพังทลายใส่เขาในขณะนั้นเขาก็รู้สึกอึดอัด

จิตวิญญาณขุนพลรวดเร็วและมีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม เร้นกายไปปรากฏตัวอยู่ข้างถังเทียน

มันช่างน่าเศร้านัก มันราวกับถังเทียนคาดการณ์ไว้ และเขาก็ใช้ออกหมัดของเขา!

ปัง!

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน และจิตวิญญาณขุนพลก็ถูกส่งปลิวออกไปในอากาศ

ความเร็วของนกกระจอกเทศน่าทึ่งอยู่แล้ว ควบคู่กับความเร็วของการโจมตีของจิตวิญญาณขุนพล แม้ว่าถังเทียนจะเพียงใช้ออกหมัดจุลวินาศระดับสาม จิตวิญญาณขุนพลก็กระเด็นไปไกลราวกับมันถูกทุบตีด้วยค้อนใหญ่มหึมา

ทหารได้เห็นฉากนี้และเขาก็กลายเป็นร่าเริง การเคลื่อนไหวของถังเทียนดูคล้ายไม่ติดขัดเลยและมันก็ใช้ออกได้อย่างถูกต้อง

นี่คือหน่วยก้านที่ดีของทหารเกณฑ์กองทัพกางเขนใต้!

ทหารรำพึงรำพัน

ถังเทียนดูเหมือนจะไม่ปรารถนาจะลดความเร็วของเขา เขาก้มตัวของเขาลงต่ำลง และดวงตาของนกกระจอกเทศก็พลันสว่างวาบ กรงเล็บทั้งสองพลันก่อตัวขึ้นและหัวแบนราบราวกับหอกก็รวมกันโจมตี

มันเป็นการกำจัดให้สิ้น นกโบราณทองแดงมันก็พุ่งเข้าไปอีกครา!

เป้าหมายคือ หลั๋วอี้!

บรรยากาศที่น่าอึดอัดปกคลุมหลั๋วอี้

ท่าทางของหลินเว่ยแปรเปลี่ยนเป็นปลงตก และรู้สึกหัวใจเขาหล่นวูบ หลั๋วอี้แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขาตกตะลึงกับการกระทำของฝ่ายตรงข้ามและทำให้ไม่แม้แต่จะคิดหลบหลีก

ในช่วงเวลานั้น ก็มีมือสีขาวราวหิมะปรากฏเบื้องหลังหลั๋วอี้ปราศจากร่องรอยและดึงเข้าออกไปด้านข้างอย่างรีบเร่ง

เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้กำลังจะหลบผ่านนกกระจอกเทศไปแล้ว ถังเทียนก็แค่นเสียงเย็นชาและชี้ขาขวาของเขาราวกับอสรพิษเงียบๆ

ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้อย่างรวดเร็วและปัดป้องขาของถังเทียนด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นางประเมินพลังของขาของถังเทียนต่ำไป ปราณกายากระเรียนควบคู่กับพลังการจู่โจมของนกกระจอกเทศ ด้วยเสียงร้องโอดโอยนางก็ถูกส่งปลิวไปพร้อมกับหลั๋วอี้

“เจ้าก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง!”

ดวงตาของถังเทียนปรากฏความตื่นเต้น และนกกระจอกเทศก็ร้องพลางวกกลับมากรีดร่องลึกสองแนวภายในพื้นดินด้วยประกายแวววาว จนเปลี่ยนทิศทางของมันได้สำเร็จ ขณะที่เด็กสาวที่แบกหลั๋วอี้อยู่พวกเขายังคงลงไม่ถึงพื้น

“ว้าว ว้าว ว้าว! พวกเจ้ามิสามารถที่จะหลบหนีพ้นหรอก!”

ถังเทียนยังไม่กล่าวประโยคจบ แต่นกกระจอกเทศก็ได้กระโจนตรงไปยังเด็กสาวและหลั๋วอี้ที่อยู่กลางอากาศ

หลินเว่ยกลับคืนสติของเขาและใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ “ปาฟาน สังหารเขาซะ!”

จิตวิญญาณขุนพลที่น่ากลัวและแข็งแกร่งที่ลอยอยู่ด้านข้างหลินเว่ยก็พลันเปิดดวงตาของมันในทันที งอเข่าของมันเล็กน้อย และพุ่งไปหาถังเทียนราวกับปืนใหญ่

วูบ!

เงาสีน้ำเงินปรากฏเบื้องหน้าของปาฟาน

ผีกรงเล็บสายตาจดจ่ออย่างเย็นเยียบไปยังปาฟาน

ปาฟานแข็งแกร่งมั่นคงราวกับภูเขาและมันก็มีความแข็งแกร่งที่อันตรายภายใต้ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของมัน ในทางตรงข้ามผีกรงเล็บกลับซีดเผือดและรูปร่างผอมแห้งราวกับไม้ขีดไฟและดูเหมือนขี้โรค ท่าทางของมันเทียบได้กับชายชราที่กำลังตายด้วยความหิวโหย

อย่างไรก็ตามปาฟานถดถอยเล็กน้อยอย่างไม่คาดคิด

หื้อ? หลินเว่ยรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เดือดดาลในทันที “ปาฟาน เจ้าจะหยุดเพื่ออันใดกัน?”

เด็กสาวผู้ที่โวยวายในก่อนหน้านี้ที่อยากจะได้นกตัวใหญ่มีนามว่าฮว่าหลิง และมีอายุน้อยที่สุดของกลุ่ม เมื่อเห็นสถานการณ์เลยเถิดไป ก็กลับกลายเป็นหวาดกลัวพลางรีบเร่งออกคำสั่งจิตวิญญาณขุนพลด้านข้างตัวนาง “เฟินอวี่ เฟินอวี่ เร็วเข้าช่วยพี่สาวอวี่ซีเร็ว”

จิตวิญญขุนพลด้านข้างนางเป็นจิตวิญญาณขุนพลสตรีมีอาวุธครบครันตั้งแต่หัวจรดเท้า นางเปิดตาขึ้น วาดกระบี่ของนางและพุ่งไปยังถังเทียนราวกับร่างเป็นกระบี่

ในช่วงเวลานั้น ทหารก็สร้างหอกยาวขึ้นมาและชี้ไปยังจิตวิญญาณขุนพลสตรี

จิตวิญญาณขุนพลสตรีก็แข็งค้างในทันที

อวี่ซีเห็นถังเทียนพุ่งมาด้วยความเกรี้ยวกราดตรงมายังนางภายในอากาศ ก็ตะโกนด้วยความสงบ “หวังเต้า!”

วูบ ลำแสงของดาบตรงไปยังเหนือหัวของถังเทียน!

ถังเทียนรู้สึกเย็นวาบบนหัวของเขา ผมเผ้าลุกชันทั้งหมด และปราศจากความลังเลเขาก็หดหัวของเขา

ลำแสงของดาบพาดผ่านหัวของถังเทียน

ถังเทียนรีบเร่งผละออกจากนกกระจอกเทศและกระโดดออกไปทางที่จิตวิญญาณขุนพลกวัดแกว่งกระบี่ภายในอากาศ ผู้ที่ซึ่งมีกลิ่นอายอันตราย

เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณขุนพลไม่น่าจะพ่ายแพ้ได้...

“ปาฟาน!” ในตอนนี้หลินเว่ยกราดเกรี้ยว ขณะที่ปาฟานมิกล้าที่จะโจมตีศัตรูและภายใต้การพิจารณาอื่นๆแล้ว หลินเว่ยรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมากและมันก็เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากเพียงใด

ขณะที่อวี่ซีแบกหลั๋วอี้และผละไปยังด้านข้างของหลินเว่ย นางก็กล่าวเสียงต่ำ “สั่งให้ปาฟานกลับมา”

“สั่งให้เขากลับมา?” หลินเว่ยตกตะลึงและท่าทางของเขาก็หวาดหวั่น

“มันไม่ใช่คู่มือของพวกเขา!” อวี่ซีแสดงให้เห็นถึงความกลัวแต่ก็กลับมาสงบนิ่ง

“ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา?” หลินเว่ยไม่อยากจะเชื่อ “ไม่มีทาง! ปาฟานอยู่ขั้นที่ห้าเลยนะ!”

“ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในขั้นที่หก และมันดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ขั้นหกธรรมดาเสียด้วย” อวี่ซีกล่าวเสียงเบา “ข้าเกรงว่าพวกเราจะตอแยผิดคนกันแล้วในครานี้”

ไม่ใช่ขั้นหกธรมดา...

หลินเว่ยอยู่ในอาการงุนงงพลางอุทาน “ไม่มีทาง!”

“หวังเต้าบอกข้า” อวี่ซีกล่าวอย่างเงียบๆ

ครานี้หลินเว่ยหุบปากลง ในบรรดาจิตวิญญาณขุนพลของพวกเขา หวังเต้าของอวี่ซีแข็งแกร่งที่สุดและเก่งกาจที่สุดในระดับจิตวิญญาณขุนพลขั้นหก

ความสนใจของผีกรงเล็บแปรเปลี่ยนไปที่หวังเต้าที่อยู่ในใกล้ๆ และหวังเต้าก็มิสามารถจะอดกลั้นท่าทางสงบของเขาได้อีก เขาพลางจับดาบของเขาแน่น ราวกับเผชิญกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่

ผีกรงเล็บเติมทีอยู่ในระดับปราณแท้จริงขั้นที่เจ็ด ดังนั้นแม้ว่าเขาสามารถที่จะใช้ออกเพียงวิชาระดับหกตามจากผลของแก่นจิตวิญญาณ วิชากรงเล็บระดับเชี่ยวชาญของเขาทำให้ความสามารถของเขาเหนือกว่าจิตวิญญาณขุนพลขั้นหกทั่วไป จิตวิญญาณขุนพลมีสัมผัสที่ว่องไวในหมู่ของพวกเขาเอง ดังนั้นปาฟานจึงผงะเบื้องหน้าผีกรงเล็บ

จิตวิญญาณขุนพลของฮว่าหลิง เฟินอวี่ภายใต้แรงกดดันของทหาร นางมิกล้าจะขยับเขยื้อนสักหุน

ถังเทียนคอตกขณะที่เขาจ้องมองไปยังหวังเจ้าผู้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ เนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่นี้มันเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับเขา ที่ได้โจมตีถังเทียนนั้น เพราะเขาอ่อนแอที่สุดในที่แห่งนี้ ทำให้เขาตกอยู่ในอารมณ์ที่บูดบึ้ง เนื่องจากเขาเกลียดชังความรู้สึกที่อ่อนแอและปราศจากพลัง

ถังเทียนผู้สลดใจก็มีท่าทางหมองคล้ำ

“สหายของข้าได้ล่วงเกินนายน้อยโดยไม่เจตนา ได้โปรดอภัยให้นางที่ไม่ยั้งคิดในครานี้ เพราะนางยังเยาว์นัก” อวี่ซีดึงตัวนางมารวมกันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

“พวกเจ้าที่ช่างเต็มไปด้วยความโอหังก่อนหน้านี้ ทำไมถึงกลายเป็นคนไม่ยั้งคิดไปได้ในตอนนี้?” ถังเทียนหัวเราะเยาะ ไม่ยอมหลงกล

หลินเว่ยกำลังโมโหพลางกล่าว “นายน้อย อภัยและลืมมันไปซะ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะรังแกพวกเราได้ง่ายดายขนาดนั้น?”

ถังเทียนก็หัวร่อลั่น “ดูคล้ายว่าสหายทุกคนที่ถูกข้าทุบตีจะกล่าวคล้ายกันหมด!”

หลินเว่ยเกรี้ยวกราด “เจ้า…”

อวี่ซีรั้งหลินเว่ยกลับมาและหันมาเผชิญหน้ากับถังเทียนเอง “นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ไม่ราบรื่นในครานี้ พวกเราต้องการที่จะจบเรื่องนี้ มิว่าอันใดก็ตาม ที่นายน้อยต้องการภายในใจ พวกเราจะเห็นดีเห็นงามด้วย!”

สตรีผู้นี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา และใบหน้าของถังเทียนก็อ่อนลง อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขามิเคยมีประสบการณ์มาก่อน เขามิรู้ว่าจะทำเยี่ยงไรดี ดังนั้นเขากล่าวถามเสียงเบากับทหาร “ลุงทหาร ท่านจัดการกับปัญหาพวกนี้เยี่ยงไรภายในอดีต?”

“กลายเป็นทาสของพวกเรา หรือจะไถ่ถอนตัวเอง” ทหารให้ความเห็น

เป็นทาสงั้นหรือ? ถังเทียนส่ายหัว สหายนี้คุ้นเคยกับชีวิตที่หรูหราและฟุ่มเฟื่อยมาก่อน ร้องขอให้พวกเขาเป็นทาสมันมีแต่จะนำอันตรายมาสู่ตัวเขาเอง การไถ่ถอนพวกเขาเองดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี ดังนั้นถังเทียนจึงเงยหน้าของเขาขึ้นและกล่าว “นับตั้งแต่ที่พวกเจ้าได้ยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ต้องไถ่ถอนตัวเอง พวกเจ้าทั้งหมดมีฐานะที่มีชื่อเสียง ใครก็ตามที่ให้ราคาที่ไม่คู่ควร ฮี่ฮี่ อย่ากล่าวโทษข้าสำหรับการทำลายศักดิ์ศรีของพวกเจ้า”

อวี่ซี พยักหน้า “ตกลง!”

นางหยิบเอากระเป๋าเล็กๆประณีตและโยนไปให้ถังเทียน “สิบแก่นจิตวิญญาณขั้นห้า ข้าเชื่อว่าจำนวนนี้เป็นที่เหมาะสมแล้ว”

หัวใจของถังเทียนสั่นระริก สิบแก่นจิตวิญญาณขั้นห้า แสดงว่าสตรีผู้นี้จะต้องร่ำรวยเป็นอย่างแน่แท้!

หลั๋วอี้และหลินเว่ยโยนกระเป๋าเงินของเขาเช่นเดียวกัน ในชั่วพริบตา ถังเทียนก็ได้รับสามสิบแก่นจิตวิญญาณขั้นห้า อวี่เป้าผู้ที่อยู่มุมร้าน เพียงมองดูอย่างอิจฉา สำหรับราคาของแก่นจิตวิญญาณขั้นห้ามันสูงมากกว่าแก่นจิตวิญญาณขั้นสี่อย่างยิ่ง และด้วยสามสิบแก่นจิตวิญญาณขั้นห้าทั้งหมด มันก็ถึงกับยกระดับความหรูหราได้เลย

ดวงตาของฮว่าหลิงแดงก่ำและกำลังจะร้องไห้ “ข้ามิได้นำแก่นจิตวิญญาณของข้ามาด้วย”

ที่เหลือทั้งสามต่างตกใจ สำหรับพวกเขาแล้วมิได้มีแก่นจิตวิญญาณมากมายเป็นพิเศษ

“งั้นก็ใช้สิ่งของอย่างอื่นเพื่อไถ่ถอนตัวเอง” ถังเทียนเหลือบมองไปยังกระบี่ด้านข้างนาง “นั่น กระบี่นั่นดูดีข้าจะเอามัน”

ใบหน้าของฮว่าหลิงบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่นางก็ขบฟันของนางไว้ ดึงกระบี่อันล้ำค่าของหน้าและโยนด้วยกำลังทั้งหมดของนางไปยังถังเทียน

ทหารพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าถังเทียน คว้าจับกระบี่อันล้ำค่าและกล่าวถามอย่างเย็นชา “ข้ามิชอบเชลยผู้ที่ซึ่งไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่เหมาะสม เจ้ามิรู้หรือว่าตามธรรมเนียมที่เหมาะสมก็สามารถเสนอกระบี่ได้?”

เขาหันและเดินไปยังด้านข้างของนกกระจอกเทศและห้อยกระบี่อันล้ำค่าไว้ด้านข้างของอาน

ฮว่าหลิงร้องไห้ออกมาดังและคนอื่นก็ต่างงุนงง

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของอวี่ซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด