ตอนที่แล้วตอนที่ 068 – ต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 070 – เครื่องกลทดสอบไซ่เหล่ย

ตอนที่ 069 – ร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ย


ตอนที่ 069 – ร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ย

 

หลินเว่ยและที่เหลือต่างถูกกำราบลง พวกเขาอยู่ภายในเมืองไตรวิญญาณมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขามิเคยจะประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน

หลั๋วอี้พลันเงยหน้าของเขา “สหายผู้นั้นเพียงอยู่ขั้นที่สาม แล้วเขาสามารถที่จะครอบครองจิตวิญญาณขุนพลระดับหกได้เยี่ยงไร?”

คำถามนี้ดึงดูดความสนใจของพวกที่เหลือ ถูกต้องแล้ว ถังเทียนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเพิ่งจะอยู่ในขั้นสาม เขาจะเป็นไปได้เยี่ยงไรที่จะครอบครองจิตวิญญาณขุนพลขั้นหก? ตามตระกูลใหญ่ที่อยู่มาเป็นเวลานาน การได้รับจิตวิญญาณขุนพลมันทำได้ง่ายกว่าฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความรู้มากกว่าผู้คนสามัญภายในการศึกษาจิตวิญญาณขุนพล พวกเขาค้นพบมานานแล้วว่าเหล่านักสู้นั้น พวกเขาสามารถเพียงที่จะครอบครอบจิตวิญญาณขุนพลซึ่งมีระดับมากกว่าขั้นเดียวของพวกเขาเท่านั้น

ถ้าหากความเท่าเทียมระหว่างจิตวิญญาณขุนพลและเหล่านักสู้ไม่เท่ากันมากเกินกว่าสองขั้น มันจะเป็นเรื่องง่ายดายที่จะเกิดสถานการณ์อันตรายขึ้น

อวี่ซีขบคิดอยู่ชั่วครู่ “บางทีมันอาจจะเป็นจิตวิญญาณขุนพลอีกตนที่อยู่ด้านข้างเขา และมันแปลกประหลาดยิ่งที่จิตวิญญาณขุนพลนั้นไม่มีใบหน้า ข้ามิสามารถคาดเดาระดับปราณแท้จริงของเขาได้ และข้าเกรงกลัวว่าเขาจะมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา”

ฮว่าหลิงเบะริมฝีปากของเขาและดวงตานางก็แดงก่ำ “เขาตำหนิข้าว่าไม่รู้จักธรรมเนียมที่เหมาะสม! เขาช่างน่าชิงชังนัก!”

อวี่ซีสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่กล่าวต่อ “นี่เป็นหนึ่งเหตุผลเช่นเดียวกันทำไมข้าถึงได้สงสัยความเป็นมาของเขา การปลดและเสนอกระบี่ ข้าได้อ่านมันจากในตำรามาก่อน นี่มันเป็นธรรมเนียมโบราณที่ซึ่งเชลยจะยอมแพ้และเสนอศาสตราวุธของพวกเขา ในปัจจุบันนี้มิมีผู้ใดทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่เขายังคงกระทำตามธรรมเนียมโบราณนี้…”

การแสดงออกพวกที่เหลือกลายเป็นหมองคล้ำ เนื่องจากตระกูลเช่นพวกเขา ธรรมเนียมเป็นตัวบ่งบอกฐานะของพวกเขา พวกเขามักจะมีเกียรติเสมอและประวัติอันยาวนานของธรรมเนียมโบราณ ทุกตระกูลและครอบครัวทั้งหมดจะพยายามยึดถือในยศศักดิ์มาเป็นประวัติอันยาวนาน สำหรับธรรมเนียมเช่นนี้มันสามารถที่จะทำให้พวกเขาดูมีเกียรติและน่าภูมิใจ และนั่นทำให้พวกเขาสามารถที่จะตั้งตนเป็นตระกูลที่มีอำนาจ

ถ้าหากถังเทียนได้ยินทั้งหมดนี้ เขาก็คงจะกระทำมันอย่างเหลวไหล

แต่สำหรับหลินเว่ยและพรรคพวกแล้ว พวกเขากลายเป็นจริงจังขึ้น เนื่องเพราะพวกเขารู้ว่าดีว่าเหล่าตระกูลใหญ่ยึดมั่นในธรรมเนียมโบราณเยี่ยงไร

“การปลดและเสนอกระบี่? ข้ามิเคยได้ยินธรรมเนียมเช่นนี้มาก่อน” หลินเว่ยส่ายหัวของเขา “มีความเป็นมาช่วงยุคใดกัน?”

“ยุคสามกองทัพที่ยิ่งใหญ่” อวี่ซีตอบ

คนอื่นๆอ้าปากค้างและหลั๋วอี้ก็ตะกุกตะกัก “ข้าไม่คิดว่ายังจะมีตระกูลใดเหลืออยู่จากประวัติอันยาวนานเช่นนั้น!”

“แน่นอนว่าไม่!” หลินเว่ยกล่าวด้วยความแน่วแน่ “แต่มันอาจจะเป็นตระกูลสาขา เป็นบรรพบุรุษย้อนกลับไปยังยุคนั้น”

อวี่ซีพลันกล่าวถาม “พวกเจ้าได้สังเกตเห็นที่เขาห้อยกระบี่ไว้ตอนท้ายหรือไม่?”

“ดูเหมือนว่าจะห้อยไว้บนตัวนกกระจอกเทศ” หลินเว่ยนึกขึ้น

“ใช่ มันถูกห้อยไว้อยู่ด้านข้างอาน ข้ามิรู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ข้าได้เคยเห็นภาพวาดโบราณมาสองสามภาพของกองทัพกางเขนใต้ ว่าพวกเขาห้อยรางวัลของพวกเขาในตำแหน่งเดียวกัน” อวี่ซีกล่าวต่อ “นอกเหนือจากนี้ การปลดและเสนอกระบี่มันเป็นธรรมเนียมการยอมจำนนเมื่อยุคสมัยนั้น”

ทุกคนต่างตกตะลึง

อวี่ซีใส่ใจในลายละเอียดอย่างมาก และตระกูลของนางก็มีภูมิหลังที่โดดเด่นมากที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คน ดังนั้น นางมีความรู้ที่กว้างขวางมากกว่าพวกเขา นอกจากนี้ นี่เป็นลายละเอียดที่ไม่เด่นชัด และเนื่องจากเพราะมันไม่เด่นชัดนี้เอง มันทำให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

หนุ่มน้อยผู้นั้น… แท้จริงแล้วเขามีภูมิหลังเยี่ยงไรกัน?

พวกเขาทุกคนต่างคอตก เนื่องจากตระกูลของพวกเขามิได้ใส่ใจในตัวพวกเขา มิว่าเรื่องอันใดที่พวกเขาได้กระทำผิด อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาทำให้เสียชื่อเสียงของตระกูล ตระกูลของพวกเขาก็จะเสื่อมเสียเช่นเดียวกัน ฮว่าหลิงเริ่มที่จะโอดครวญและร้องไห้

อวี่ซีพยายามที่จะปลอบใจพวกที่เหลือ “อย่าได้กังวล ถ้าหากเขาเป็นบุคคลที่พวกเราคิดจริง ตั้งแต่ที่เขายอมรับที่ให้พวกเราไถ่ถอนตัวเองแล้ว มันก็หมายความว่าข้อพิพาทภายในอดีตของเราได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว”

ทุกคนก็ยังคงหมองคล้ำเช่นเดิม

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ถังเทียนได้ลืมเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นานแล้ว

เขาขับขี่นกกระจอกเทศและวิ่งไปตามบนถนน ดึงดูดความสนใจมากมายจากผู้ที่ผ่านไปมา นกกระจอกเทศแม้จะไม่ดูสง่างาม แต่มันก็แข็งแกร่งบึกบึน ควบคู่กับความปราดเปรียวและความเร็วของมัน มันก็ทำทุกคนประหลาดใจ

“ว้าว ว้าว ว้าว ลุงทหาร แสดงว่าพวกท่านต่างมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมนี้ สามารถที่จะขี่นกตัวนี้ได้ทุกวัน!” ถังเทียนกอดไปยังคอของนกกระจอกเทศและกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น เขามิเคยเดินทางอย่างรวดเร็วมาก่อน มันราวกับว่าเขากำลังเหินบินอยู่

“มีเพียงทหารเกณฑ์เท่านั้นที่จะขี่นก!” ทหารผู้ซึ่งลอยอยู่ด้านข้างของถังเทียนกล่าวตอบอย่างลวกๆ

“งั้นท่านขี่สิ่งใดกัน?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้

“ข้าก็ขี่นกเช่นเดียวกัน...” ทหารดูประหม่าแต่ก็กล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “ในฐานะผู้ฝึกสอนข้าจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี! มันแน่นอนไม่ใช่ว่าข้าอ่อนแอ…”

“ย้อนกลับตอนนั้น มันจะต้องน่าตื่นเต้นอย่างแน่นอนที่จะสามารถขับขี่นกกระจอกเทศและทะยานไปพร้อมกับพวกมันทุกวัน!” ถังเทียนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกสนานอย่างมากที่จะสามารถเดินทางอย่างรวดเร็วทุกวัน

“แท้จริงแล้วมันน่าเบื่อหน่ายยิ่ง” ทหารเปิดเผยตามจริง “เจ้าจะรู้สึกอยากอาเจียนหลังจากที่เจ้าขี่มันเป็นเวลานาน”

“โอ้ จริงหรือ? แต่มันเป็นก็เรื่องที่น่าสนุก ทำไมท่านถึงรู้สึกอยากอาเจียนได้กัน?” ถังเทียนมิสามารถจินตนาการได้ว่าเหตุใด

“กลยุทธ์ของนกกระจอกเทศประกอบด้วยหกสาขาหลักและสิบสามสาขาย่อย และเจ้าสามารถเพียงผ่านแค่เจ็ดส่วนของคะแนนทั้งหมด” ทหารอธิบาย

“ว้าว มันดูน่าสนุกนักจากที่ได้ฟัง!” ถังเทียนเบิกตากว้าง

“น่าสนุก?” ทหารหัวเราะเยาะ “ส่วนที่ง่ายที่สุดคือการหลบหลีกเสากั้นแบบสุ่มสิบสองอันภายในเวลาสองวินาที”

ถังเทียนตกตะลึง “มันเป็นไปไม่ได้!”

เพื่อที่จะหลบหลีกเสาไม้กั้นแบบสุ่มทั้งสิบสองอันภายในเวลาสองวินาทีมันแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้! แม้ว่านกกระจอกเทศมันจะมีการระเบิดพลังที่น่าอัศจรรย์ แต่มันก็สามารถทำได้ดีที่สุดแค่มาตรฐานขั้นที่หก แต่เนื่องจากรูปร่างที่บึกบึนและน้ำหนักของมันแล้ว จึงมีความเชื่องช้าสูง ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถกระทำเช่นนั้นภายในช่วงเวลาสั้นๆ

“เป็นไปไม่ได้?” น้ำเสียงแข็งๆของทหารดังขึ้นดั่งเช่นปกติ “มันง่ายดายมาก”

ง่ายดาย?

ถังเทียนตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่จะอุทาน “ลุงทหาร ข้ามิรู้เลยว่าท่านช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวมากภายในอดีต! งั้นทำไมไม่สอนกลยุทธ์นกกระจอกเทศให้ข้าเล่า!”

“กลยุทธ์มันล้าสมัยไปแล้ว” น้ำเสียงของทหารมีความเศร้าเจือจาง “สิ่งต่างๆที่ถูกกำหนดมาให้ล้มเหลวยังไงก็ไร้ค่า”

“ทำไมกัน?” ถังเทียนส่ายหัว “มันยอดเยี่ยมมากในความคิดของข้า เหล่าสิ่งที่ง่ายดายที่ลุงทหารกล่าว ข้ามิคิดว่าหลายคนจะสามารถสำเร็จมันได้”

“เวลาเป็นตัวตัดสินใจทุกอย่าง” น้ำเสียงของทหารกลับมาเป็นปกติ “การทำลายล้าง มันหมายความว่ายุคสมัยมันผ่านพ้นไปแล้ว”

ถังเทียนต้องการที่จะโต้เถียง แต่ป้ายบอกทางที่สุดถนนไกลๆที่เขาพบเห็นจากหางตาของเขาได้ดึงดูดความสนใจของเขา “ร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ย! มันอยู่นั่น! กระจอกเทศน้อยลุย!”

นกกระจอกเทศใช้ขวาหนึ่งข้างของมัน เอียงร่างของมันและหันเลี้ยวไปทางขวา พุ่งไปยังร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ยอย่างครึกโครม

ภายในดวงตาของทหารผู้ที่ซึ่งลอยอยู่ด้านหลังถังเทียน มันราวกับว่าเขาได้พบเห็นทหารเกณฑ์จากอดีต

เมื่อมาถึงทางเข้าร้าน ถังเทียนก็ใช้คันเบรกฉุกเฉินและนกกระจอกเทศก็ค่อยๆหยุดลง

ถังเทียนกระโดดลงจากหลังของนกกระจอกเทศ

“เอ๊ะ! กลไกกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์!” นงคราญผมสีแดงรีบเร่งออกมาเมื่อเห็นนกกระจอกเทศและดวงตาของนางก็สว่างขึ้น นางเดินวนรอบนกกระจอกเทศ สัมผัสตรงนี้ทีและตรงนั้นที ด้วยอาการหอบหายใจเป็นครั้งคราว

“ท่านคือไซ่เหล่ย?” ถังเทียนมองไปยังนงคราญผมสีแดงเบื้องหน้าเขา

ผมสีแดงอันเร่าร้อนราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชติ กับกระโปรงสั้นหนังสีดำกระชับส่วนเว้าโค้งของนางอย่างสมบูรณ์แบบ ถุงน่องสีดำเช่นเดียวกับรองเท้าส้นสูง หน้าอกอันเย้ายวน ริมฝีปากที่มีเสน่ห์ชวนมอง ดวงตาคู่สีน้ำเงินราวกับมหาสมุทรใต้ขนตางอนยาว และไฝรูปน้ำตาเล็กๆสามจุดอยู่ใต้ตาซ้าย

“น้องชายตัวน้อย เจ้าจะมอบนกกระจอกเทศให้พี่สาวคนนี้หรือ?” นงคราญผมสีแดงเงยหน้าของนางขึ้นและปรากฏรอยยิ้มที่ยั่วยวน และด้วยสายตาที่พุ่งออกมาเป็นรูปหัวใจและหน้าอกของนางก็พองโต

ถังเทียนส่ายหัวของเขา “ไม่มีทาง!”

รอยยิ้มนงคราญผมสีแดงแข็งค้าง บ่นพึมพำภายใต้การถอนหายใจของนาง “เขายังเด็กไปงั้นหรือ? ทำไมกลยุทธ์นี้ถึงไม่ได้ผลอีก?”

ถังเทียนมิได้สนใจสักนิด เขากล่าวถามอย่างซอกแซก “ท่านคือไซ่เหล่ยใช่หรือไม่?”

นงคราญผมสีแดงยืนขึ้น สะบัดผมสีแดงอันเร่าร้อนของนางและกล่าวตอบอย่างยั่วยวนว่า “ข้าคือไซ่เหล่ย! น้องชายถ้าเจ้าต้องการจะจีบข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะยอมรับก็ต่อเมื่อเจ้ามอบนกกระจอกเทศตัวนี้ให้ข้า”

นางกระพริบตาให้ถังเทียน และคลื่นพลังอันยั่วยวนก็ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาใกล้ๆหลงใหล ที่ซึ่งเขาได้เดินผ่านมาพอดี

นางเอนร่างของนางสะบัดความเย้ายวนของนาง และกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยวนและมีเสน่ห์ของนาง “ถ้างั้น ข้าจะยอมกระทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”

ถังเทียนส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ข้าชื่นชอบเพียงเชียนฮุ่ย”

การแสงออกของไซ่เหล่ยแข็งขึ้น นางยืดตัวขึ้นและรูปลักษณ์อันยั่วยวนของนางก็ต่างสลายหายไป นางพลันกล่าว “กล่าวมา มีธุระอันใดที่ต้องการสนทนากับข้า?”

“ข้ามาที่นี่เพราะต้องการซื้อยันต์จิตวิญญาณ” ถังเทียนเปิดเผยเหตุผลที่เขามาที่นี้

“เข้ามา” ไซ่เหล่ยกล่าวอย่างเย็นชาและเดินเข้าร้านไป

ถังเทียนติดตามไปอย่างอยากรู้ เมื่อเข้าไปภายใน เขาก็พบเห็นกำแพงที่เต็มไปด้วยยันต์จิตวิญญาณ อวี้เป่ากล่าวถูกแล้ว ร้านค้ายันต์ไซ่เหล่ยมีแต่ยันต์ระดับต่ำ และที่สูงสุดที่ถังเทียนเห็นก็เป็นเพียงยันต์ระดับห้า แต่มันก็มียันต์หายากและแปลกประหลาดมากมาย

“ผู้ใดแนะนำเจ้ามาที่นี่กัน?” ไซ่เหล่ยจุดยาสูบของนางและพ่นเป็นวงกลม หรี่ดวงตาคู่งามของนางและเอ่ยด้วยท่าทางที่เกียจคร้าน “อย่าได้บอกข้าว่าเจ้าพบมันด้วยตัวเจ้าเอง ร้านของข้ามิได้มีชื่อเสียงนัก”

“อวี้เป่า” ถังเทียนตอบ

ไซ่เหล่นตกใจ คำตอบของเขามิใช่ที่นางคาดหวังไว้ ทันใดนั้น นางก็กล่าวตอบ “อย่าบอกนะว่านกกระจอกเทศนั่นก็มาจากร้านของเขาเช่นเดียวกัน?”

“คาดเดาได้ถูกต้อง!” ถังเทียนตอบ “พวกเราซื้อกองขยะและประกอบมันขึ้นมาด้วยตัวพวกเราเอง”

“เจ้าประกอบด้วยตัวเอง?” ไซ่เหล่ยยืดตัวตรงและวางยาสูบของนาง

“ใช่ ลุงทหารเป็นคนประกอบมัน” ถังเทียนชี้ไปยังทหารที่ลอยอยู่

ไซ่เหล่ยได้สังเกตเห็นจิตวิญญาณขุนพลสองตนเบื้องหลังถังเทียนมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหาร ใบหน้าของทหารเป็นกระดานสีขาว และมันก็เป็นที่สะดุดตามากเกินไป เมื่อได้ยินว่านกกระจอกเทศถูกประกอบโดยทหาร ดวงตาของนางก็ปรากฏความแปลกประหลาด

นางพ่นควันออกพลางกล่าวค่อนข้างจริงจัง “ด้วยความชำนาญภายในกลไกโบราณเช่นนี้ เขาจะต้องบุคคลที่น่ากลัวอย่างมาก”

“ถูกต้องแล้ว!” ถังเทียนพยักหน้ายอมรับ “ลุงทหารน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!”

'เอาล่ะ… สิ่งใดกันที่เจ้าจะคาดหวังเอาจากเด็กคนนี้… ช่างไร้เดียงสานัก...'

ไซ่เหล่ยวางข้อศอกของนางไปยังบนโต๊ะและนางก็เท้าคาง ภายในแสงไฟสลัวภายในร้าน ปรากฏว่านางเป็นราวกับรูปสลักที่มีเสน่ห์ “เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องยันต์กัน ยันต์อันใดที่เจ้าต้องการจะซื้อ หนุ่มน้อย?”

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด