ตอนที่แล้วตอนที่ 86 นางพญากระหายเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 89 กรีดร้องสะท้านขวัญ

ตอนที่ 88 ฆ่าขุนพลปีศาจทันที


ร่างนั้นกะใช้ดาบปีศาจฟัน'เย่ว์หยาง'ให้ขาดเป็นสองท่อน  ขณะเดียวกันมันแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น

“เจ้าโง่!”

อย่างไรก็ตาม เขาชะงักตัวแข็งทันที เขาตัวแข็งเพราะร่างของเย่ว์หยางหายไปราวกับใช้เวทมนตร์ สิ่งที่เขาฟันขาดเป็นสองท่อนไม่ใช่ร่าง'เย่ว์หยาง'  แต่เป็นสิ่งที่คล้าย'เย่ว์หยาง' แล้ว'เย่ว์หยาง'ตัวจริงหายไปไหน?

“ข้าเห็นด้วย เจ้าน่ะโง่จริงๆ”

ดาบจันทร์เสี้ยวมีเปลวไฟลุกโชนปรากฏขึ้น  'เย่ว์หยาง'ใช้ดาบนั้นฟันลงไปที่ร่างที่ยังยืนถือดาบนั้น  ขณะที่ดาบจันทร์เสี้ยวตัดเกราะปีศาจ เท้าข้างหนึ่งได้เตะกวาดเข้าที่สะโพกของปีศาจนั้นอย่างแรง ร่างนั้นปลิวไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้จากแรงเตะและไถลไปกับพื้นเหมือนลูกธนูกระแทกซากศพปีศาจทุกซากที่ขวางทางก่อนจะกระแทกเข้ากับผนังภูเขาเสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า ผนังภูเขาสั่นสะเทือนขณะที่ฝุ่นกระจายอยู่ทั่วบริเวณ

บนพื้นดินปรากฏเป็นรอยทางยาวที่ร่างนั้นไถลผ่านทิ้งไว้เบื้องหลัง ใช้ประโยชน์จากการที่ศัตรูดูถูกเขาทำให้การลอบจู่โจมของ'เย่ว์หยาง'ประสบผล  ถ้าเขาใช้เงายักษ์ที่มีพลังเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า น่ากลัวว่าหม่าเหลียงผู้นี้คงตายไปแล้ว ตอนนี้ พลังของ'เย่ว์หยาง'ยังสูงไม่พอทำให้หม่าเหลียงบาดเจ็บสาหัส เสียงกระแทกผนังภูเขาดังบึ้ม  ขณะที่เงาดำนั้นกวัดแกว่งมีดวิเศษทันที  กลับเป็นอัศวินที่ขับขี่มังกรดำก่อนหน้านั้นเอง

เขาคือหนึ่งในสามแม่ทัพปีศาจ 'หม่าเหลียง' แม้ว่าเขาจะเจ็บตัวอย่างหนักจากการลอบโจมตีของ'เย่ว์หยาง' แต่หน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหยิ่งทรนง  เขารีบปัดเศษหินออกจากไหล่และมองไปที่'เย่ว์หยาง'อย่างดูถูก

“เจ้าหนอนน้อย!  เจ้าว่องไวดีนี่ แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังอ่อนเกินไป  เจ้าชื่ออะไร?”

“อย่าคุยกับเขา  เขามีอสูรประหลาดตัวหนึ่งเรียกว่ามังกรบินคำรามซึ่งเป็นวิญญาณมังกรบินที่มองไม่เห็น  เมื่อเจ้าเผลอคุยกับเขา อย่างนั้นเจ้าจะเงียบไปอย่างน้อย 5 นาที  เขาต้องการหยุดเจ้าไม่ให้ใช้คัมภีร์อัญเชิญของเจ้า  รีบฆ่าขุนพลปีศาจเร็วเข้า  เจ้านี่ปล่อยให้ข้ารับมือเอง”

ขณะที่เจ้าเมือง'โล่วฮัว'พูดจบ

'เย่ว์หยาง'สามารถเห็นผ่านทักษะญาณทิพย์ว่าเกราะของ'หม่าเหลียง'เป็นสีดำ  พลังของบอลสีดำกำลังออกมา  ค่อยๆ ก่อรูปร่างเป็นมังกรบิน  พุ่งเข้าใส่เจ้าเมือง'โล่วฮัว'  ขณะที่เจ้าเมือง'โล่วฮัว'  นางได้เตรียมตัวไว้แต่แรกแล้ว  นางยกมือแล้วเรียกคัมภีร์อัญเชิญสีทองออกมา  โล่แสงสีทองปรากฏขึ้นมาทันใด  ป้องกันพลังสีดำที่มีรูปร่างเหมือนมังกรได้ทันเวลา และกันมันไว้นอกโล่แสง

“เจ้าเมืองโล่วฮัว  ไม่เจอกันนานเลยนะ  สู้กับเจ้าไปก็ไม่มีความหมาย เราสู้กันมาเป็นสิบครั้งแล้ว  แต่ลงท้ายด้วยการเสมอกัน  ข้าเชื่อว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกัน  ข้าสงสัยจริงๆ  ว่าลูกน้องของเจ้าจะอยู่ได้นานกว่าหนึ่งนาทีหรือเปล่า  คิดจะสู้กับขุนพลปีศาจที่ร่วมกันต่อสู้เขาน่ะหรือ?”

'หม่าเหลียง'เรียกคัมภีร์สีทองออกมาบ้าง ขณะที่เขาพูด

ขุนพลปีศาจทั้งห้าก็เริ่มสั่นหัว  สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่เริ่มลุกขึ้นทีละคน พวกมันไม่สามารถทนต่อเสียงกรีดของนางพญากระหายเลือดไม่ว่าพวกมันจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม

เจ้าเมือง'โล่วฮัว'มองดู'เย่ว์หยาง'และเห็นว่าเจ้าเด็กตัวแสบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นางจึงเริ่มสงบใจได้  นางไม่รู้เหตุผล แต่แม้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กนี่มาเพียงไม่กี่ครั้ง  นางรู้สึกได้ด้วยสัมผัสที่หกซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้หญิงว่า เจ้าเด็กนี่เชื่อใจได้แน่นอน

ในใจนาง นางรู้สึกเชื่อมั่นเขาอย่างอธิบายไม่ถูก ถ้าเป็นคนอื่นๆ นางคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้าพาขโมยน้อยผู้ยังฝึกตัวอยู่ที่ชั้นแรกไปหอทงเทียนชั้นที่สาม ซึ่งเป็นระดับสูงปล่อยให้เขาฆ่านางพญากระหายเลือดตามลำพังแน่ ด้วยการคาดหวังทั้งหมด โดยที่นางไม่รู้เหตุผล นางแค่ชำเลืองมองเขาด้วยความมั่นใจ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อเป็นคู่หูร่วมมือด้วยกัน..

“ฆ่ามันให้ข้า”

'หม่าเหลียง'สังเกตดูสีหน้าของเจ้าเมือง'โล่วฮัว'อย่างตั้งใจ  แต่เขาพบว่านางไม่แสดงอาการกลัวแต่อย่างใด เขารู้สึกกังวลลึกๆ ขึ้นมาในใจทันที  อาจเป็นได้ว่านางมั่นใจว่าเจ้าโจรน้อยว่องไวพอหรือ? เผชิญหน้ากับขุนพลปีศาจห้าตนที่เขาเลือกมาเป็นผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือของเขาร่วมกับทหารชั้นยอดเกือบร้อยนายที่เขาเลือกเองโดยส่วนตัว  เจ้าโจรน้อยสามารถต้านทานพวกเขาได้หรือ? หรือเป็นไปได้ว่าเจ้าเมือง'โล่วฮัว'  แกล้งทำเป็นมั่นใจ?  ด้วยความสงบที่ชาญฉลาดของนาง  นางจะไม่แสดงความกลัว แม้ว่านางจะอยู่สถานะที่เสียเปรียบ  ดังนั้นเป็นไปได้ว่านางอาจเกทับบลัฟแหลกก็ได้

“ขอรับ ใต้เท้า”

ห้าขุนพลปีศาจรับคำเสียงดัง

ห้าขุนพลปีศาจยังไม่ร่วมกันจู่โจมทันที  เพราะพวกมันไม่ได้รู้สึกว่าโจรน้อยคนเดียวจะคู่ควรต่อสู้กับขุนพลปีศาจทั้งห้าตนพร้อมกัน ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของ'หม่าเหลียง'  พวกมันเกือบสั่งให้ปีศาจเขายาวจำนวนไม่กี่ตัวใช้กรงเล็บที่แหลมคมของพวกมันฉีกกระชากเจ้าโจรน้อยผู้นี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทนพวกมันไปแล้ว  ขุนพลปีศาจตนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่ม  เตรียมเริ่มจู่โจม

ขณะที่อีกตนหนึ่ง คอยคุมเชิงอยู่ด้านหลัง แค่ในกรณีที่เจ้าเมืองโล่วฮัวลอบโจมตี ขุนพลปีศาจอีก 3 ตนยังคงจับตาสมรภูมิรบต่อไป เพื่อเตรียมกำจัดนางปีศาจดาบสังหาร ภูตบินกรงเล็บรุ้งได้ดิ้นรนจนหลุดจากใยแมงมุมจนได้  แต่มันไม่ยอมสู้ต่อ กลับบินขึ้นไปในอากาศอย่างเสียขวัญแทน บางทีคงเป็นเพราะนางพญากระหายเลือดได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังจะตายในไม่ช้า  ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ต่อสู้ดูแล้วไม่ดีเลย

ภูตบินกรงเล็บรุ้งตัวนี้จึงได้ทอดทิ้งนางพญากระหายเลือดและดินแดนที่มันปกป้องหนีไปด้วยตนเอง ทางด้านนางปีศาจดาบสังหารเพิ่งจะฟื้นจากอาการมึนงง   อสูรที่ดูเหมือนยักษ์หัววัวอัปลักษณ์  ตัดสินใจไม่หนี แม้ว่าต้องเผชิญกับความตาย  มันลุยเข้าใส่ฝูงปีศาจอย่างเกรี้ยวกราด โจมตีทำลายล้างอย่างดุร้าย  มันไม่ยอมทิ้งสมรภูมิไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  มีมากกว่าครั้งหนึ่งที่มันพยายามเดินลุยหน้าเพื่อช่วยนางพญากระหายเลือดที่ได้รับบาดเจ็บ

แต่เนื่องจากมันมีปัญญาน้อย  มันโดนพิษของมดแดงคลั่งทำร้าย  จึงตกเป็นเป้าหมายให้ขุนพลปีศาจจู่โจมทำร้ายได้อย่างง่ายดาย  มันผูกใจเจ็บแค้นหนักจนลืมภารกิจช่วยนางพญากระหายเลือดไปชั่วขณะ และมุ่งไล่ล่าขุนพลปีศาจแทน หรือไม่ก็โจมตีทำร้ายปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงอย่างโหดเหี้ยม พอเห็นว่าเหล่ากองพลปีศาจไม่สามารถยืนหยัดต้านทางนางปีศาจดาบสังหาร อสูรทองแดงระดับ 7 ได้  และได้รับความเสียหายอย่างหนัก

'หม่าเหลียง'อัญเชิญมังกรบินเงินเข้าร่วมการต่อสู้  มันบินอยู่บนท้องฟ้าขณะที่โจมตี วัตถุประสงค์ของมันก็เพื่อยั่วให้นางปีศาจดาบสังหารอาละวาด อย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักของ'หม่าเหลียง'ยังคงพุ่งเป้าไปที่เจ้าเมือง'โล่วฮัว' สู้กับเจ้าเมือง'โล่วฮัว'มานับสิบๆ ครั้ง

เขารู้ว่าสัตว์อสูรของสตรีชาวมนุษย์ผู้นี้มีพลังสร้างความเสียหายได้น่ากลัว พวกมันสามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ในชั่วพริบตา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนางจำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมพลังในตอนแรก  เขาคาดว่านอกจากตัวเขาเองแล้วจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ  สามารถรอดพ้นจากการโจมตีของนางได้

“มังกรบินกัดกร่อน”

'หม่าเหลียง'เรียกมังกรบินออกมาอีกตัวหนึ่ง

'เย่ว์หยาง'ตระหนักได้ว่า  เจ้าผู้นี้เป็นบ้าคลั่งไคล้สะสมแต่มังกรบิน  เชี่ยวชาญในการทำสัญญากับมังกรบิน เขาขับขี่มังกรบินดำ  มีมังกรบินคำรามที่ลอบโจมตีศัตรูของเขาได้  มีมังกรบินเงินที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าทำร้ายนางปีศาจโคได้  และยังอัญเชิญมังกรกัดกร่อนออกมาโจมตีเจ้าเมือง'โล่วฮัว'  เจ้าผู้นี้ได้ทำสัญญากับมังกรบินไว้กี่ตัวกันแน่?

'เย่ว์หยาง'พูดไม่ออกเลยจริงๆ  แน่นอนว่ามังกรบินเป็นสัตว์อสูรชั้นดี  แต่จำเป็นต้องทำสัญญากับอสูรอย่างมังกรบินทั้งหมดด้วยหรือ? เจ้าเมือง'โล่วฮัว'ปล่อยให้จิ้งจอกหิมะ 3 หางเข้ามาอยู่ภายในโล่แสงใกล้เท้าของนาง  มังกรบินกัดกร่อนตัวนี้เป็นวิธีต่อสู้กับพลังจิ้งจอก 6 หางซึ่งเป็นร่างแปลงของของจิ้งจอกหิมะ 3 หางของนางนั่นเอง พลังวิญญาณจิ้งจอกหิมะ 6 หางเป็นพลังที่บริสุทธิ์มาก ดังนั้นมันจึงกลัวการแปดเปื้อน

ถ้าวิญญาณบริสุทธิ์ถูกทำให้แปดเปื้อน พลังในการรบของมันก็ลดลงอย่างมาก นางบริกรรมอย่างใจเย็นขณะเรียกภูตแสงออกมา  นางสั่งให้มันโฉบเข้ามาข้างใน ดูดกลืนและเก็บพลังแสงไว้อย่างรวดเร็ว

“ระวังให้ดี  ถ้าตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เจ้าจงเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาและอยู่ภายในโล่แสงไว้”

เจ้าเมือง'โล่วฮัว'เตือน'เย่ว์หยาง'ขณะที่นางหลับตาและรวบรวมสมาธิ เตรียมใช้วิธีเก็บรวบรวมพลังแสงให้เร็วที่สุดเพื่อใช้ฆ่ากองทัพปีศาจและขุนพลปีศาจทันที

“ฆ่า”

เห็นได้ชัดว่า'หม่าเหลียง'รู้ถึงพลังที่น่ากลัวรังสีอำมหิตของนางดี เขาผายมือไปที่'เย่ว์หยาง'และส่งสัญญาณให้ขุนพลปีศาจฆ่าเขา

“อะไรกันนักหนาล่ะนี่? เจ้านึกว่าข้าเป็นหมูที่จะยอมให้เจ้าเชือดตามใจชอบงั้นหรือ..?”

'เย่ว์หยาง'ไม่พอใจอย่างมาก

ถ้าเขาไม่ห่วงเรื่องใช้เงาปีศาจชิงร่างของนางพญากระหายเลือด เขาคงใช้ดาบวิเศษฮุยจินของเขาฆ่าขุนพลปีศาจไปแล้ว ใครจะปล่อยให้พวกมันใช้อำนาจของมันกร่างกับเขาได้เล่า? อย่างไรก็ตาม  อำนาจจิตของนางพญากระหายเลือดกล้าแข็งมาก

และ'เย่ว์หยาง'แอบใช้เงาปีศาจเพื่อไปชิงร่างของนาง  แต่ว่านางรู้ว่านางจะกลายเป็นหุ่นเชิดหลังจากถูกชิงร่างไปได้  ดังนั้นนางจึงใช้พลังจิตของนางรักษาวิญญาณของนางเอาไว้ แม้ว่านางเกือบจะตายแล้ว แต่นางก็ยังเป็นนางพญาอสูรทองระดับ 5 ไม่ว่า'เย่ว์หยาง'จะพยายามกี่ครั้ง เขาก็ทำไม่สำเร็จ

พอเห็นว่าพลังจิตของนางพญากระหายเลือดกล้าแข็งมาก  และว่านางยอมตายดีกว่ายอมรับ  'เย่ว์หยาง'จึงต้องปล่อย ไม่มีทางเลือก ได้แต่ยอมยกเลิกความตั้งใจครอบครองวิญญาณของนาง  เขาเตรียมใช้เงาปีศาจของเขาฆ่าขุนพลปีศาจที่กำลังควงมีดขณะเข้าจู่โจมเขา

เขาคิดว่าค่อยครอบครองวิญญาณของนางภายหลัง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากนางพญากระหายเลือดตาย แต่เขาครอบครองวิญญาณนางไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม  ดังนั้น'เย่ว์หยาง'ไม่ฝืนใจต่อไป การครอบครองวิญญาณมีข้อจำกัดในเรื่องความสำเร็จ  ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของเขายังเป็นนางพญาอสูรทองระดับ 5  ไม่ใช่เหมือนโคเงา อสูรทองแดงระดับ 5 ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เงาปีศาจจะล้มเหลวในการครองครองวิญญาณนาง

'เย่ว์หยาง'หันไปป้องกันการบุกโจมตีจากขุนพลปีศาจ เขากวาดดาบจันทร์เสี้ยวอย่างรวดเร็ว  จากนั้นใช้ดาบฮุยจินลงล่างหวังจะฆ่าขุนพลปีศาจทันที ทันใดนั้นมีแสงสีทองสว่างกระพริบจนทุกคนประหลาดใจ และให้ความสนใจมันพร้อมกัน สิ่งที่ทำให้เ'ย่ว์หยาง'ดีใจแทบคลั่งขณะเดียวกันมันทำให้เขาตะลึงจนพูดไม่ออกนั่นก็คือ

ทันทีที่เขาถอดใจที่จะชิงร่างนางพญากระหายเลือดอยู่แล้ว ทันใดนั้นเองนางพญาก็รวมร่างเข้ากับเงาปีศาจและทำสัญญาในฉับพลัน  ดูเหมือนว่านางกลัวตาย แต่ศักดิ์ศรีของนางพญาทำให้นางยอมตายดีกว่าปล่อยให้ร่างนางเป็นหุ่นเชิด  นั่นคือสาเหตุที่ทำให้นางต่อต้านการครอบงำต่อให้นางต้องตายก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อ'เย่ว์หยาง'ยกเลิกที่จะชิงร่างของนางและเตรียมเรียกเงาปีศาจมาเก็บ  ทันใดนั้นนางจับเงาปีศาจและโอบกอดไว้  ตลอดทั้งร่างของนางหลอมรวมเข้าด้วยกันกับเงาปีศาจอย่างราบรื่นและง่ายดาย และทำสัญญากับเย่ว์หยางในช่วงเวลาสั้นๆ เดิมทีเงาปีศาจเป็นอสูรพิทักษ์ของ'เย่ว์หยาง' แต่เมื่อรวมร่างด้วยกันกับนางพญากระหายเลือด  นางยังต้องทำสัญญาอีกครั้ง นี่ทำให้'เย่ว์หยาง'งงงันจริงๆ

ตอนนี้ จะนับนางว่าเป็นอสูรพิทักษ์หรือว่าเป็นอสูรอัญเชิญกันแน่? สิ่งที่ทำให้'เย่ว์หยาง'งงมากที่สุดก็คือสามารถควบคุมร่างของนางพญากระหายเลือดได้และเขารู้ว่านางมีจุดอ่อนอย่างไรบ้าง แต่เขาไม่รู้ถึงความคิดของนางเลย  นี่คือคำถามที่เขายังหาคำตอบไม่ได้

“ฆ่ามัน เร็วเข้า!”

'หม่าเหลียง'แผดเสียงลั่นทันที

ถ้านางพญากระหายเลือดไม่ตาย นางจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรได้ยากที่สุด ทันทีที่นางฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมันลอบทำร้ายสำเร็จ โดยใช้ใช้มีดทองฆ่ามังกร อาวุธระดับทองปักเข้าที่อกของนาง

'หม่าเหลียง'คิดว่าสถานการณ์สู้รบในตอนนี้อาจกลับกลายเป็นอย่างอื่น ในตอนนี้พอเมื่อแววตาของขุนพลปีศาจทั้ง 5 เปลี่ยนไปแล้ว พวกมันบุกเข้าใส่เย่ว์หยางพร้อมกัน  'เย่ว์หยาง'เอื้อมมือดึงมีดทองฆ่ามังกรที่ปักอยู่ตรงหัวใจของนางพญากระหายเลือดออกมา

ขณะเดียวกัน เขาบดหินบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง ความจริงแม้ไม่ต้องใช้หินบำบัด  อสูรทองอย่างนางพญากระหายเลือดจะไม่ตายง่ายๆ สิ่งที่อันตรายต่อชีวิตนางมากที่สุดก็คือมีดทองฆ่ามังกรที่แม้แต่มังกรยักษ์ก็ยังกลัว  ตอนนี้มีดฆ่ามังกรถูกดึงออกไปแล้ว  อาการบาดเจ็บของนางพญากระหายเลือดได้สมานตัวอย่างรวดเร็ว  ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้แสงพลังหินบำบัด  นางยิ่งฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

แม้ว่าร่างของนางยังอ่อนแออยู่มาก  แต่ชีวิตของนางไม่เป็นอันตรายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางคาดว่า นางนับได้ว่าเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาไปแล้ว  อาจเป็นไปได้ว่า จากนี้ไปนางจะไม่ตายจริงๆ แล้ว ขณะที่ 5 ขุนพลปีศาจร่วมมือกันโจมตี

'เย่ว์หยาง'รู้สึกถึงพลังอัญเชิญที่อยู่ในตัวเขามีเป็นจำนวนมหาศาล  เขาเรียก'โคเงา' อสูรทองแดงระดับ 5 ออกมาในขณะเดียวกัน  อาจเป็นได้ว่าหลังจากเข้าถึงหัวใจธรรมชาติและ 5 ประสาทรวมเป็นหนึ่ง ทักษะอัญเชิญของเขาได้มีความก้าวหน้ากระมัง? 'โคเงา'ปรากฏออกมาในเวลาที่เหมาะสม  ไฟห้าแฉกแล่บออกจากปากและจมูกของนางขณะที่นัยตาแดงโร่เหมือนมีไฟเผาผลาญ

ขุนพลปีศาจที่ถูกนางจ้องมองร้องอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่ร่างล้มลงกับพื้นทั้งยืน  มันนอนแข็งทื่อกับพื้นขณะที่ขาของมันเหมือนกับแมลงสาบที่ถูกย่ำจนแบน แม้ว่ามันยังไม่ตายทันที  แต่ไม่มีหวังที่จะรอดชีวิตอีกต่อไป ฆ่าขุนพลปีศาจได้ทันทีหรือ? 'หม่าเหลียง'ตะลึงค้างไปแล้ว  เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?

ขุนพลปีศาจสี่ตนที่เหลือ พากันฟาดฟันอาวุธใส่โล่แสงของคัมภีร์อัญเชิญทองแดง แต่มันสะท้อนจนกระแทกพวกมันถอยไป 2-3 เมตร พอมองดูร่างของสหายถูกเหยียบย่ำจนค่อยๆ แบนอย่างน่ากลัว  พวกมันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก  ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าศัตรูของพวกมันแข็งแกร่ง  แต่ต้องให้ศัตรู้นั้นได้สู้กับพวกมัน  แต่พวกมันจะสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่สามารถฆ่าพวกมันทันทีได้อย่างไร?

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=88

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด