ตอนที่แล้วตอนที่ 26 ชีวิตคนย่อมสำคัญกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 เผชิญหน้า

ตอนที่ 27 ช่วยชีวิตเว่ยจิ่นอี้


ตอนที่ 27 ช่วยชีวิตเว่ยจิ่นอี้

“ได้ขอรับ ได้ ได้” เสี่ยวเป่ยรีบทำตามคำสั่ง

  

เขาดึงผ้าห่มที่คลุมกายเว่ยจิ่นอี้ออก จากนั้นจึงปลดกระดุมเสื้อจนเผยให้เห็นแผงอกของเว่ยจิ่นอี้

  

สิ่งที่แตกต่างจากจินตนาการของเว่ยรั่วคือ เว่ยจิ่นอี้ไม่ได้เปราะบางเหมือนที่เห็นภายนอก เขามีกล้ามเนื้อที่ไม่ดูแข็งแกร่งจนเกินไป แต่กำลังพอดี ถึงจะมองว่าผอมแต่ความจริงไม่อ่อนแอเลย

  

ในเวลานี้ซิ่วเหมยกลับมาพร้อม ‘กล่องเครื่องมือแพทย์’ ของเว่ยรั่ว

  

“หยิบขวดที่มีฉลากสีแดงออกมาหนึ่งขวด ละลายยาหนึ่งเม็ดกับน้ำหนึ่งชาม คนให้เข้ากันแล้วป้อนให้เขาดื่ม” เว่ยรั่วสั่งงานทันที

  

ซิ่วเหมยอยู่กับเว่ยรั่วมาหลายปีแล้ว จึงมีทักษะในการเป็นผู้ช่วยของเว่ยรั่ว นางรีบละลายยาแล้วยื่นชามให้เสี่ยวเป่ย

  

“เจ้ามัวยืนทำอันใด? รีบป้อนให้คุณชายของเจ้าสิ!” เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่ยไม่ขยับ ซิ่วเหมยจึงเร่งเร้า

  

“แต่...ยานี้มาจากที่ใดขอรับคุณหนูใหญ่?” เสี่ยวเป่ยสงสัย

  

“เจ้าไม่ต้องสนใจที่มาของมันหรอก แค่รู้ว่ามันสามารถช่วยชีวิตคุณชายของเจ้าได้ก็พอ! ข้าคุณหนูผู้นี้จะทำร้ายคุณชายของเจ้าเพื่อเหตุใด? คุณชายของเจ้าเป็นหนักขนาดนี้แล้ว เจ้ายังระแวงอีกหรือ?”

  

“ได้...ได้ขอรับ...”

  

เสี่ยวเป่ยไม่สามารถคิดมากได้จริงๆ เขาถือชามยาแล้วเดินไปที่เตียง

  

จากนั้นค่อยๆ ใช้ช้อนตักยาป้อนเข้าปากของเว่ยจิ่นอี้

  

เว่ยรั่วชุบผ้าเช็ดตัวในน้ำเย็นแล้วบิดให้หมาด จากนั้นนางก็ช่วยเช็ดร่างกายท่อนบนให้เว่ยจิ่นอี้

  

หลังจากนั้นนางเปิดถุงเข็มและหยิบเข็มเงินเรียวยาวออกมา

  

เมื่อเห็นเข็มเงินแล้ว ใบหน้าของเสี่ยวเป่ยพลันซีดลงและมือของเขาก็สั่นจนทำให้น้ำยาหกออกจากช้อน

  

ซิ่วเหมยที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วรู้สึกเป็นทุกข์ “เจ้าระวังหน่อยสิ คุณหนูของข้าต้องทุ่มเทหนักมากกับการปรุงยาตัวนี้!”

“เจ้าอย่าฟุ้งซ่านและทำหน้าที่ของตนให้ดี ในจุดนี้เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเชื่อใจข้าเท่านั้น” เว่ยรั่วมีสีหน้าท่าทางจริงจังมาก

  

“ขอรับ...ขอรับ...” เสี่ยวเป่ยตอบกลับด้วยคำซ้ำๆ จากนั้นบังคับตัวเองให้มุ่งความสนใจไปที่เรื่องตรงหน้า

  

มือของเว่ยรั่วยกเข็มเงินขึ้น จากนั้นแทงลงไปตามจุดฝังเข็มด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ หลังจากนั้นไม่นาน เข็มเงินมากกว่าสิบสองเล่มก็ถูกฝังตามร่างกายของเว่ยจิ่นอี้

  

ขณะนี้ด้านนอกประตูมีเสียงดังมากๆ เกิดขึ้น จากนั้นมีคนเดินเข้ามา

  

“คุณหนู...” ซิ่วเหมยมองเว่ยรั่วด้วยความกังวล

  

“เจ้าไปเฝ้าประตูไว้ก่อน ข้าใกล้จะเสร็จงานแล้ว” เว่ยรั่วกล่าว

  

“เจ้าค่ะ”

  

ซิ่วเหมยเดินไปเฝ้านอกประตูตามคำสั่ง

  

ผู้มาเยือนคือจางหมัวมัวและชุ่ยผิงสาวใช้ข้างกายอวิ๋นซื่อ

  

“คุณหนูใหญ่อยู่ข้างในหรือไม่?” จางหมัวมัวถามซิ่วเหมยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

  

“อยู่” ซิ่วเหมยตอบตามตรง

  

“เช่นนั้นเจ้าช่วยไปเรียกคุณหนูใหญ่ออกมา ตอนนี้ฮูหยินกำลังรอนางอยู่ที่เรือนวั่งเหมย” จางหมัวมัวกล่าว

  

“หมัวมัวกรุณารอสักครู่ ตอนนี้คุณหนูกำลังทำงานอยู่ หากทำเสร็จแล้วจะออกมา” ซิ่วเหมยไม่ขยับโดยใช้ตัวเองขวางประตูไว้

  

“กำลังรออันใดอยู่? การหลีกเลี่ยงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรอกนะ ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็ควรยับยั้งตัวเองตั้งแต่แรก”

  

จางหมัวมัวเข้าใจว่าเว่ยรั่วทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ

  

“คุณหนูของข้าไม่คิดจะหลบหนี”

  

“ไม่หนีหรือ? แล้วตอนนี้นางกำลังทำสิ่งใดอยู่?”

  

“คุณหนูของข้าแค่ต้องการเวลาเท่านั้น หมัวมัวกรุณารอสักครู่” ซิ่วเหมยยังคงพูดตามเดิม

  

เมื่อเห็นเช่นนี้ จางหมัวมัวก็ถอนหายใจพลางเอ่ย “การปกป้องเจ้านั้นย่อมเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ฮูหยินต้องการพบคุณหนูใหญ่ ถ้าเจ้ามาขวางไว้แบบนี้แล้วถูกฮูหยินตำหนิ แม้แต่คุณหนูใหญ่ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้นะ เจ้าและข้าเป็นบ่าวรับใช้ทั้งคู่ จงตระหนักในหน้าที่ของตนเถอะ อย่าทำให้เจ้านายขุ่นเคืองดีกว่า”

  

จางหมัวมัวคิดว่าซิ่วเหมยเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบสามสิบสี่ปี นางจึงให้โอวาทสั้นๆ

  

“หากฮูหยินจะลงโทษข้าก็ยอมรับ แต่ตอนนี้หมัวมัวและพี่ชุ่ยผิงโปรดรอสักครู่ เพราะคุณหนูของข้าจะไม่ออกมาข้างนอกสักพัก”

  

ซิ่วเหมยเป็นคนดื้อดึง นางจะทำตามคำสั่งของเว่ยรั่วเท่านั้น

  

“เจ้ายังไม่เก็บคำแนะนำมาใส่ใจอีกหรือ! หากเจ้าดื้อรั้นในการทำสิ่งต่างๆ เจ้าจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่! เอาล่ะ ข้าจะไม่เสียเวลาพูดกับเจ้าอีกต่อไป”

  

เมื่อเห็นว่าพูดไปก็ไร้ผล จางหมัวมัวและชุ่ยผิงจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันโดยวางแผนที่จะบังคับเปิดประตู

  

ซิ่วเหมยดันแผ่นหลังของตนแนบกับประตูไว้โดยแน่นหนา นางไม่ขัดขืนการกระทำของจางหมัวมัวและชุ่ยผิง แต่นางไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว นางแค่ขวางประตูเอาไว้

  

ภายในห้อง เว่ยรั่วได้ยินเสียงทะเลาะกันข้างนอก แต่นางยังคงมุ่งความสนใจไปที่การดึงเข็มออกจากกายของเว่ยจิ่นอี้

  

เมื่อเสร็จแล้วเว่ยรั่วรีบเก็บถุงเข็มออกไปโดยหลีกเลี่ยงการถูกคนเข้ามาเห็น

  

“เขาจะยังหมดสติไปอีกสักพัก ถ้าทุกสิ่งผ่านไปด้วยดี พรุ่งนี้เช้าเขาจะฟื้น”

  

“จริง...จริงหรือขอรับ?” เสี่ยวเป่ยมองไปที่เว่ยรั่วด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

  

“ไม่ต้องสงสัยแล้ว ข้าไม่ได้เอาชีวิตมนุษย์มาล้อเล่นหรอกนะ ยังมียาอีกสองเม็ดในขวดนี้ เจ้าสามารถละลายยาหนึ่งเม็ดในน้ำหนึ่งชามเหมือนที่ข้าเพิ่งทำเมื่อครู่ หลังจากที่เขาตื่นให้ป้อนเขาหนึ่งชาม และป้อนอีกชามในคืนวันพรุ่งนี้” เว่ยรั่วยังอธิบายต่อไป

  

“ขอรับ ขอรับ บ่าวจะจำให้ขึ้นใจขอรับ!” เสี่ยวเป่ยรีบตอบรับ

  

เว่ยรั่วพูดกับเสี่ยวเป่ยด้วยสีหน้ามืดครึ้มและสายตาเย็นชา “ห้ามบอกเรื่องที่ข้ารักษาคุณชายของเจ้าวันนี้ให้ใครทราบเด็ดขาด เจ้าทำได้หรือไม่?”

  

เสี่ยวเป่ยผงะ จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยอาการเหม่อลอย

  

เว่ยรั่วไม่รู้ว่าเขาได้ยินหรือเปล่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน แต่นางก็ทำอันใดไม่ได้แล้ว เพราะในเมื่อนางเลือกที่จะช่วยชีวิตคน ดังนั้นนางต้องรับผลที่ตามมาเอง

  

เว่ยรั่วเหลือบมองไปทางประตู นางสามารถเดาได้ว่าเหตุใดอวิ๋นซื่อจึงส่งคนมาเรียกนางไปพบ

  

“เจ้าอยู่ดูแลคุณชายที่นี่ให้ดี ส่วนข้ายังมีปัญหาอื่นที่ต้องจัดการ”

  

หลังจากอธิบายให้เสี่ยวเป่ยฟังแล้ว เว่ยรั่วก็เดินไปที่ประตูและเปิดประตูออก

  

ด้านนอกประตู ทั้งจางหมัวมัวและชุ่ยผิงอยู่ในสภาพทุลักทุเล

  

พวกนางเอาชนะซิ่วเหมยไม่ได้เลย ทั้งสองหายใจหอบเหนื่อย หลังจากออกแรงดึงเป็นเวลานาน กระนั้นก็ยังไม่สามารถดึงซิ่วเหมยที่ขวางประตูให้ขยับออกไปได้

  

เว่ยรั่วมองสำรวจซิ่วเหมยด้วยความรอบคอบก่อน หลังจากยืนยันว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บจากข้อพิพาทดังกล่าว เว่ยรั่วจึงพูดกับจางหมัวมัวและชุ่ยผิงว่า

  

“อย่าทำให้สาวใช้ของข้าต้องลำบากใจ ข้าจะไปด้วยตอนนี้”

  

“คุณหนู...” ซิ่วเหมยมองเว่ยรั่วด้วยความกังวล

  

“ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับเรือนทิงซงก่อนเถอะ” เว่ยรั่วเอ่ย

  

ซิ่วเหมยไม่คลายกังวล แต่ก็ยังเลือกที่จะเชื่อฟังเว่ยรั่ว

  

จางหมัวมัวจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย นางทั้งรู้สึกหงุดหงิดและขายหน้า “ถ้าคุณหนูใหญ่ออกมาเร็วกว่านี้ ทุกสิ่งคงจะราบรื่น เหตุใดท่านต้องทำให้ทุกคนลำบากขนาดนี้เจ้าคะ หากเจอฮูหยินแล้วคุณหนูใหญ่โปรดอย่าทำเช่นนี้อีกเลย”

  

“ไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอกหรือ?”

  

พูดจบแล้วนางก็เดินนำหน้าจางหมัวมัวออกไปทันที

  

เมื่อเห็นเช่นนี้จางหมัวมัวและชุ่ยผิงก็รีบติดตามไป ราวกับกลัวว่าเว่ยรั่วจะวิ่งหนี

  

แต่เว่ยรั่วไม่มีความตั้งใจที่จะวิ่งหนี เพราะนางจะหนีไปที่ใดในจวนเซี่ยวเว่ยแห่งนี้ได้?

  

เว่ยรั่วถูกจางหมัวมัวและชุ่ยผิงพาไปที่เรือนวั่งเหมย ซึ่งในขณะนี้เรือนวั่งเหมยสว่างไสวท่ามกลางราตรีกาล

  

อวิ๋นซื่อที่เข้านอนไปแล้ว บัดนี้แต่งกายเต็มยศและนั่งอยู่ในห้องหลักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

  

หลี่หมัวมัวคุกเข่าตรงเบื้องหน้าของนาง

  

เว่ยรั่วเดินไปหยุดที่ด้านข้างของหลี่หมัวมัว และเผชิญหน้ากับอวิ๋นซื่อด้วยท่าทางสงบ

  

อวิ๋นซื่อมองเว่ยรั่วและถามด้วยความโกรธ “รั่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป? เหตุใดเจ้าถึงมาก่อปัญหาที่เรือนวั่งเหมยตอนกลางดึก? มิหนำซ้ำเจ้ายังผลักหวันหวั่นจนได้รับบาดเจ็บ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเท้าของหวันหวั่นอาบไปด้วยเลือด!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด