ตอนที่แล้วบทที่ 121 หัวหน้าห้องจอมแสบ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 123 ใครคือแฟนของฉัน

บทที่ 122 เลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน


บทที่ 122 เลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

"อะไรนะ นายเรียกพวกคณะกีฬามารุมทำร้ายเฉินหยาง!"

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหนานจวิ้นเว่ย หลินโหรวก็สะดุ้งตกใจ สีหน้าตื่นตระหนกด้วยความกังวลอย่างมาก

แต่ไม่นาน เธอก็นึกถึงตอนที่ตัวเองทำงานพาร์ทไทม์ในบาร์ และได้เห็นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเฉินหยางกับพวกนักเลง ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาในทันที

ก็แค่พวกนักศึกษาคณะกีฬากลุ่มหนึ่ง คงสู้พวกนักเลงตัวจริงไม่ได้แน่ เฉินหยางรับมือพวกนั้นได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

เมื่อเห็นหลินโหรวถอนหายใจอย่างโล่งอก หนานจวิ้นเว่ยก็รู้สึกแปลกใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หลินโหรว ฉันเรียกพวกนักศึกษาคณะกีฬามากกว่า 30 คน แถมยังเป็นพวกเลวที่สุดในคณะ พวกนั้นเคยทำร้ายคนจนพิการมาแล้ว เฉินหยางร่างผอมแค่นั้น ต้องถูกพวกนั้นซ้อมจนเหมือนหมาตายแน่นอน!"

"หนานจวิ้นเว่ย ฉันไม่ยอมให้นายดูถูกเฉินหยาง!" หลินโหรวตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด

การที่เธอปกป้องเฉินหยางเช่นนี้ ยิ่งทำให้หนานจวิ้นเว่ยโมโหมากขึ้นไปอีก เขาถึงกับด่าหลินโหรวว่า "หลินโหรว เธอมันผู้หญิงไร้ยางอาย กล้าปกป้องหมอนั่นแบบนี้เหรอ ฉันจะบอกให้นะ เดี๋ยวฉันจะซ้อมมันต่อหน้าเธอ ให้เธอได้รู้ว่ามันก็แค่ขยะไร้ค่า!"

คำพูดของหนานจวิ้นเว่ยทำให้หลินโหรวโกรธจนตัวสั่น นี่เป็นคำพูดที่แย่ที่สุดที่เธอเคยได้ยินในชีวิต

แต่หลินโหรวเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน เธอจ้องหนานจวิ้นเว่ยด้วยสายตาแข็งกร้าวและพูดอย่างไม่เกรงกลัว "เฉินหยางไม่ใช่ขยะ หนานจวิ้นเว่ย ถ้านายเก่งจริงก็ไปท้าสู้กับเขาตัวต่อตัวสิ ใช้แต่เงินพ่อแม่กับพึ่งคนอื่นแบบนี้ นายคิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง?"

"เธอกล้าสั่งสอนฉันเหรอ?!"

"หนานจวิ้นเว่ย นายมันเลว! นาย...นายมันคนเลวที่สุด!"

หลินโหรวพูดด้วยความโกรธจนหอบหายใจหนัก น้ำตาแทบจะไหลออกมา เธออยากจะด่าหนานจวิ้นเว่ยแรง ๆ แต่กลับพูดไม่ออก สุดท้ายทำได้แค่ด่าไปว่า "คนเลว!"

การเห็นหลินโหรวโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำให้หนานจวิ้นเว่ยรู้สึกสะใจอย่างบิดเบี้ยว

น้ำเสียงของหลินโหรวสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าใจ น่าปกป้อง แต่หนานจวิ้นเว่ยกลับยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เขาหัวเราะเยาะและพูดว่า "ฮึ ฮึ เดี๋ยวเฉินหยางนั่นจะถูกลากมาที่นี่ แล้วเรามาดูกันสิว่าเขาจะเป็นยังไง ฮ่า ๆ ๆ!"

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหลินโหรวก็ซีดเผือดเหมือนกวางน้อยที่ตกใจกลัว

เธอมองหนานจวิ้นเว่ยด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นจะเลวได้ขนาดนี้ เขาไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์เดรัจฉานที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก

สีหน้าตื่นตระหนกของหลินโหรวยิ่งทำให้หนานจวิ้นเว่ยรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เขาจับข้อมือหลินโหรวแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน จากนั้นพยายามจูบไปที่ลำคอของเธอ

"นาย...ปล่อยฉันนะ!"

หลินโหรวดิ้นสุดแรง แต่แรงของเธอไม่อาจสู้หนานจวิ้นเว่ยได้เลย

น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงจากหางตา เธอหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเธอให้พ้นจากน้ำมือนี้ แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ กลับไม่มีใครอยู่เลย สถานที่เงียบสงัดจนใจแทบขาด

"หรือวันนี้ฉันจะต้องถูกสัตว์เลวแบบนี้ทำร้ายจริง ๆ นะ?" หลินโหรวกัดริมฝีปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เธอหันไปมองผืนน้ำสงบที่อยู่นอกศาลากลางน้ำ ถ้าหนานจวิ้นเว่ยทำร้ายเธอได้จริง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะกระโดดลงไปจมน้ำตาย เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสมหวัง

"ฮ่า ๆ ๆ..."

หนานจวิ้นเว่ยหัวเราะเยาะพร้อมกลืนน้ำลาย

แต่ในจังหวะคับขันนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกันอย่างเป็นจังหวะ

หนานจวิ้นเว่ยและหลินโหรวชะงัก หันไปมองที่ปลายสะพานที่เชื่อมกับศาลากลางน้ำ เห็นกลุ่มนักศึกษาร่างกำยำวิ่งออกมาจากป่าด้วยฝีเท้าที่สอดประสานกันอย่างลงตัว ทำให้สะพานและศาลากลางน้ำสั่นไหวเหมือนจะถล่มลงมา

เมื่อหนานจวิ้นเว่ยเผลอหลุดสมาธิ หลินโหรวก็รีบพยายามสะบัดข้อมือออก แต่หนานจวิ้นเว่ยกลับดึงมือเธอไว้แน่นกว่าเดิมจนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอจึงคว้าหนังสือข้างตัวขึ้นมาตีใส่เขาสุดแรง

“อยู่ให้เรียบร้อยหน่อย!”

หนานจวิ้นเว่ยหลบหนังสือพลางจ้องหลินโหรวอย่างดุดัน ก่อนจะหันไปมองกลุ่มคนที่วิ่งตรงมา

สะพานยาวประมาณหกถึงเจ็ดสิบเมตร ตอนแรกที่อยู่ไกล หนานจวิ้นเว่ยยังมองไม่ชัดเจน แต่พอพวกนั้นเข้ามาใกล้ เขาจับจ้องดูให้แน่ใจ แล้วก็พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือกลุ่มนักกีฬาที่เขาจ้างไปเล่นงานเฉินหยางนั่นเอง

เมื่อเห็นพวกนั้นเดินมาอย่างเป็นระเบียบ หนานจวิ้นเว่ยก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจริง ๆ นี่แหละคือคุณภาพ นี่แหละคือความเป็นมืออาชีพ

แต่พอเพ่งมองอีกครั้ง เขากลับพบว่านักกีฬาทุกคนมีแผลเต็มใบหน้า ทำเอาเขารู้สึกขนลุกวาบในใจ พลางคิดในใจว่า “โชคดีที่ไม่ได้ไปท้าเฉินหยางตัวต่อตัว ดูท่าเจ้านั่นจะเก่งไม่ธรรมดา แต่ถึงจะเก่งแค่ไหน เจอพวกเรากว่า 30 คนรุม ยังไงก็ไม่รอดแน่”

ไม่นานนัก กลุ่มนักกีฬากว่า 30 คนก็วิ่งมาถึงศาลากลางน้ำ พวกเขาแบ่งเป็นสองแถว เข้าไปในศาลาจากทั้งสองข้าง ล้อมรอบศาลาไว้ทั้งหมด เหลือเพียงทางเข้าเดียวตรงที่พวกเขาวิ่งมา จากนั้นก็ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบไม่ขยับเขยื้อน

“โห นี่มันมืออาชีพจริง ๆ”

หนานจวิ้นเว่ยอุทานในใจอย่างประทับใจ ก่อนจะหันไปมองหลินโหรวด้วยสายตาภูมิใจ แล้วกล่าวว่า “เห็นไหม นี่แหละคือพลังของเงิน เฉินหยางจะไปหาคนมาช่วยได้เยอะขนาดนี้เหรอ”

หลินโหรวจ้องมองหาภาพของเฉินหยางแต่ไม่พบ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกกังวลในใจ คิดว่า หรือว่าเฉินหยางจะถูกเล่นงานจนยับจริง ๆ

หนานจวิ้นเว่ยเห็นหลินโหรวมีท่าทางเป็นห่วง จึงยิ้มอย่างภูมิใจแล้วหันไปมองหนุ่มหน้าดำที่ยืนเป็นผู้นำอยู่ ก่อนจะตกใจตะโกนว่า “เฮ้ย! พี่หมิง จมูกพี่ไปโดนอะไรมาเนี่ย ทำไมบี้ขนาดนั้น?”

พี่หมิง หนุ่มหน้าดำ ยืนตัวตรงเหมือนเสา มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ตอบอะไร

หนานจวิ้นเว่ยอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจว่า “ฉันให้เงินพวกนายตั้งแสนหนึ่ง ให้ลากเฉินหยางตัวเหม็นนั่นมาที่นี่ แล้วนี่อะไร? ทำงานแบบนี้เหรอ? คนอยู่ไหน?”

ครั้งนี้ พี่หมิงตอบหนานจวิ้นเว่ยด้วยการกระทำ เขาฟาดฝ่ามือลงไปที่มือของหนานจวิ้นเว่ยที่กำลังจับแขนหลินโหรวอยู่

ด้วยความเจ็บปวด หนานจวิ้นเว่ยจึงปล่อยมืออย่างไม่ตั้งใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จ้องพี่หมิงเขม็งพร้อมจะด่ากลับ

แต่ในจังหวะนั้นเอง ร่างอ้วนกับร่างผอมสองคน ปรากฏตัวที่ปลายสะพาน พวกเขาเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ มุ่งตรงไปยังศาลากลางน้ำ ดึงดูดสายตาของทุกคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด