ตอนที่ 250 : รู้งี้ขอเบอร์ติดต่อไว้ก็ดีสิ
ตอนที่ 250 : รู้งี้ขอเบอร์ติดต่อไว้ก็ดีสิ
เสียงทะเลาะวิวาทถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเปียโนเพียงไม่กี่โน้ต
เสียงเปียโนที่สูงต่ำสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ บรรยากาศอันมืดมนและน่าหวาดกลัวค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วห้องเรียน ราวกับกำลังพาทุกคนเข้าสู่ช่วงเวลายามค่ำคืน
พระจันทร์สีเลือดแขวนอยู่บนท้องฟ้า
แสงจันทร์ทอดเงาลงบนป้ายหลุมศพ
จากนั้น ป้ายหลุมศพเหล่านั้นก็ถูกแรงลึกลับจากใต้ดินโค่นล้มลง เผยให้เห็นโครงกระดูกสีขาวซีดที่ค่อยๆ คลานออกมาท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงฉาน พวกมันเริ่มเต้นรำอย่างช้าๆ ท่ามกลางรัตติกาล...
Dance of the Skeletons เป็นเรื่องราวของเหล่าโครงกระดูกที่กำลังจัดงานเลี้ยงฉลองกันในยามค่ำคืน
แต่ด้วยการเล่นที่เข้าขากันอย่างสมบูรณ์แบบของทั้งสองคน เพลงนี้กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกน่ากลัวหรืออาฆาตเลย กลับกัน มันกลับให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาและสนุกสนาน!
ตอนแรก นักศึกษาที่นั่งฟังอยู่แสดงท่าทีดูแคลน แต่เมื่อได้ยินเสียงเปียโน พวกเขาก็ค่อยๆ นั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว...
เสียงเปียโนที่ไพเราะและทรงพลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นเร้าใจ โครงกระดูกมากมายเต้นรำอยู่ใต้แสงจันทร์สีเลือด เล่าเรื่องราวแห่งความเดียวดายและความเจ็บปวดของพวกมันอย่างเงียบงัน!
ความสุขนั้นสั้นนัก แต่ความเจ็บปวดคือหัวใจหลักอันเป็นนิรันดร์ของบทเพลงนี้!
...
"แปะ! แปะ! แปะ!"
หลังจากเพลงจบลง อาจารย์สอนดนตรีเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นปรบมือด้วยสีหน้าตกตะลึง เธอมองเมลิสซาด้วยสายตาราวกับกำลังมองสมบัติล้ำค่า
“ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของเธอในฐานะอัจฉริยะด้านดนตรีมาก่อน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าการแสดงของเธอจะทรงพลังขนาดนี้ ในฐานะอาจารย์ ฉันเองควรต้องเรียนรู้จากเธอเสียด้วยซ้ำ!”
อาจารย์อาจจะมีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคและทฤษฎีดนตรีมากกว่าเมลิสซา แต่ในเรื่องของอารมณ์และพรสวรรค์ เด็กสาวคนนี้คือสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อน!
แต่แน่นอนว่า อาจารย์ก็ไม่ลืมฉู่เจียง!
เธอหันไปมองนักศึกษาลึกลับที่สวมหน้ากากด้วยความสับสนและถามขึ้นว่า "เธอมาจากคณะไหนของมหาวิทยาลัยเราเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน?"
นักศึกษาที่โดดเด่นขนาดนี้ไม่น่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก!
ฉู่เจียงส่ายหัว "ผมไม่ได้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ครับ"
"มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเป็นนักศึกษาของเราหรือไม่! พรสวรรค์ของเธอในด้านเปียโนไม่ได้น้อยไปกว่าเมลิสซาเลย เธอกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไหนเหรอ? เรียนสาขาอะไร? ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้เธอย้ายมาเรียนที่คณะดนตรีของเรา... มันจะน่าเสียดายมากนะหากพรสวรรค์แบบเธอต้องถูกฝังกลบ!"
"ผมแค่เล่นเปียโนเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นจริงๆ ครับแล้วผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนดนตรีเลย"
ฉู่เจียงตอบปฏิเสธอาจารย์อย่างตรงไปตรงมา
อาจารย์ดูผิดหวังเล็กน้อย "ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์แบบเธอนะ ฉันหวังว่าเธอจะลองคิดดูอีกที เอาล่ะ กลับไปนั่งที่ได้แล้ว เราจะเรียนต่อกัน"
แม้ว่าหลังจากนั้นอาจารย์จะพยายามสอนเพลงอื่นต่อ
แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นักศึกษาที่นั่งเรียนอยู่ก็แทบไม่มีสมาธิฟังอีกแล้ว
พวกเขาได้เห็นการแสดงของเมลิสซาและฉู่เจียงกับตาตัวเองและรับรู้ได้ทันทีถึงความแตกต่างระหว่าง "อัจฉริยะ" กับ "คนธรรมดา"
พวกเขาอาจจะไม่แพ้พวกอัจฉริยะในแง่ของเทคนิคและความรู้ด้านทฤษฎีดนตรี แต่ในแง่ของ "ความรู้สึกทางดนตรี" และ "พรสวรรค์" พวกเขาเทียบไม่ติดเลย!
ที่สำคัญที่สุด คำตอบของฉู่เจียงเมื่อครู่นี้เป็นเหมือนหมัดที่ชกพวกเขาเข้าเต็มๆ!
เขาเล่นได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น แต่กลับบอกว่าแค่เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น!?
"ว้าว! เมลิสซา คุณฉู่ พวกเธอสองคนสุดยอดมาก! พวกเธอเล่นเปียโนสี่มือด้วยกันบ่อยเหรอ? ทำไมถึงเล่นเข้ากันได้ขนาดนี้!"
"ฉันเริ่มเสียใจที่เลือกเรียนดนตรีแล้วนะ ถ้าจะทำมาหากินในสายนี้จริงๆ ต้องมีพรสวรรค์สูงมาก!"
"ใช่ๆ ตอนฉันอายุ 12 ฉันสอบผ่านเปียโนสมัครเล่นระดับ 10 แล้ว ทุกคนบอกว่าฉันมีแววด้านดนตรี ฉันก็คิดว่าฉันมีพรสวรรค์แล้วนะ แต่สุดท้ายฉันก็เป็นแค่ไก่อ่อนอยู่ดี!"
ราวกับค้นพบสมบัติล้ำค่า รูมเมทสองคนของเมลิสซารีบพูดคุยกับฉู่เจียงและเมลิสซาด้วยความตื่นเต้น
หลังเลิกเรียน อาจารย์เข้ามาหาฉู่เจียงอีกครั้งเพื่อชวนให้เขาศึกษาดนตรี แต่เขาก็ปฏิเสธอีกครั้ง จากนั้นก็ไปที่โรงอาหารพร้อมเมลิสซาและรูมเมทของเธอเพื่อรับประทานอาหาร
หลังจากกินเสร็จ ฉู่เจียงก็เตรียมตัวกลับจริงๆ "คืนนี้ฉันมีธุระ ต้องกลับก่อน ไว้วันหลังถ้ามีเวลา ฉันจะพาพวกเธอไปเลี้ยงข้าวนะ"
ทั้งสามคนเดินมาส่งเขาถึงประตูมหาวิทยาลัย
ฉู่เจียงขึ้น Lamborghini Veneno ของเขาแล้วขับออกไป
ขณะที่มองดูฉู่เจียงจากไป รูมเมทของเมลิสซาถึงกับอึ้ง!
"เฮ้ย! นั่นมัน Lamborghini Veneno!!"
"นี่มัน Lamborghini Veneno จริงๆ ด้วย!!"
เมลิสซามองพวกเธอด้วยความสงสัย "มันมีอะไรเหรอ?"
รูมเมททั้งสองรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกลุ่มแชทของมหาวิทยาลัย แล้วชี้ให้เมลิสซาดู "เธอยังไม่เห็นรูปนี้ในกลุ่มมหาวิทยาลัยเหรอ? ตอนที่รถคันนี้จอดอยู่หน้ามหาลัย มีคนถ่ายรูปลงกลุ่มกันเต็มไปหมดเลย ตอนนั้นฉันยังสงสัยเลยว่าเป็นลูกเศรษฐีคนไหนที่สามารถขับ Lamborghini Veneno ได้... แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคนๆ นั้นจะยืนอยู่ข้างๆ ฉันตลอดเวลา!!"
"โอ๊ย! รู้งี้ขอเบอร์ติดต่อไว้ก็ดีสิ!"
"เขาเป็นแฟนของเมลิสซานะ หรือว่าเธอแอบคิดอะไรกับแฟนของเพื่อนเหรอ?"
"ฉันจะไปคิดอะไรกับแฟนของคนอื่นได้ยังไง! แค่แค่อยากจะแลกเบอร์ติดต่อไว้แล้วลองดู Moments ของเขาหน่อยก็เท่านั้นเอง ก็ฉันแค่อยากรู้ไงว่าชีวิตประจำวันของคนที่ขับ Lamborghini Veneno เป็นยังไงบ้าง!"
เมลิสซาฟังบทสนทนาของรูมเมททั้งสองคน และเลือกที่จะกลืนคำพูดที่ว่า "เขาไม่ใช่แฟนฉัน" ลงไปเงียบๆ
ตอนเย็น ฉู่เจียงกลับไปที่วิลล่าเพื่อใช้เวลากับหลี่จื่อฮุ่ยและเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการไปมหาวิทยาลัย S ในวันนี้
จากนั้นเขาก็ได้รับข้อความจากคณบดีคณะของมหาวิทยาลัย
"คุณฉู่ มหาวิทยาลัยของเรากำลังจะมีงานฉลองครบรอบ 100 ปี เราจะเชิญศิษย์เก่ามาร่วมงานเฉลิมฉลอง คุณสนใจจะมาร่วมงานไหม?"
ถ้าเป็นคนอื่นชวน ฉู่เจียงคงปฏิเสธไปโดยไม่คิด
แต่คนที่ส่งข้อความมาคือหลิวช่าง คณบดีคณะที่เป็นอาจารย์ผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีความรู้มาก ฉู่เจียงเคยมีเรื่องชกต่อยกับนักศึกษาจากคณะอื่นและเดิมทีเขาควรจะถูกลงโทษ แต่ก็เป็นคณบดีคนนี้ที่พยายามช่วยให้เขารอดพ้นจากโทษหนักและได้รับเพียงคำตำหนิแทน
หลังจากนั้น หลิวช่างก็มักจะดูแลเขาเป็นพิเศษเสมอ ไม่ว่าจะมีโอกาสดีๆ ในมหาวิทยาลัย เธอก็จะนึกถึงเขาเสมอและยังให้สิทธิพิเศษเรื่องการลาอีกด้วย เรียกได้ว่าเธอช่วยเหลือเขามากกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเองเสียอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉู่เจียงเห็นว่าเธอเรียกเขาว่า "คุณฉู่" เขาก็อดรู้สึกขำไม่ได้
"คณบดีหลิว เรียกผมว่าฉู่เจียงก็พอครับ ไม่ว่าตอนนี้ผมจะมีสถานะยังไงแล้ว แต่มันก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าผมเคยเป็นลูกศิษย์ของคุณไม่ได้อยู่ดีนะครับ"
"เด็กอย่างเธอสมัยนี้เก่งกว่าอาจารย์อีก พวกเธอมีอนาคตไกลกว่าพวกอาจารย์อีกนะ"
ฉู่เจียงหัวเราะขณะพูดคุยกับหลิวช่าง ก่อนจะตอบตกลง
"คณบดีหลิว ช่วยจองที่นั่งให้ผมด้วยนะครับ ผมจะไปร่วมงานวันครบรอบของมหาวิทยาลัย"
"ได้เลย ถ้าเธอสะดวกมาร่วมงาน มันก็จะเป็นเกียรติของมหาวิทยาลัยของเรามากแล้ว ฉันจะจองที่นั่งให้เธอไว้นะ"