ตอนที่แล้วบทที่ 39 ลังเล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 ฟื้นคืนร่าง

บทที่ 40 การแลกเปลี่ยน


แม้ว่าจะโกรธมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเอาแครอทมาตุ๋นพวกมันหรือเอามาย่างเป็นเนื้อย่างหรอก เพราะอังเกอร์ยังต้องใช้พวกมันตักน้ำไปรดเห็ดศักดิ์สิทธิ์ที่วิหาร สุดท้ายก็ได้แต่เอาไม้ตีพวกมันทีละตัวซะงั้น

แต่เรื่องนี้ก็ทำให้อังเกอร์นึกขึ้นมาได้ "ทำไมถึงกินใบล่ะ?"

ส่วนที่มีค่าที่สุดของบีทรูทคือหัว ส่วนใบด้านบนมักจะโยนทิ้งเป็นขยะหรือนำไปทำปุ๋ยหมัก แต่ครอบครัวมิโนทอร์กลับเอาแต่แทะใบเท่านั้น

"อร่อยดี" ป้าวัวพูดพร้อมตาที่เบิกกว่าง

"หวาน" ลูกวัวตัวโตขานรับ

"กรอบ" ลูกวัวตัวที่สองเสริมขึ้นมา

"เอาธัญพืชไปแลกอันนี้ได้ไหม?" ป้ามิโนทอร์ถามอย่างลองเชิง

ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้อีกเหรอ? อังเกอร์จ้างครอบครัวมิโนทอร์ทำงานโดยจ่ายค่าจ้าง ให้ที่พักและอาหาร รวมถึงให้ธัญพืชนิดหน่อยทุกเดือนด้วย

แต่พวกมันทั้งครอบครัวกินเก่งมาก โชคดีที่ปลูกเห็ดศักดิ์สิทธิ์ หากปลูกแต่ธัญพืช ผลผลิตคงไม่พอให้พวกมันกินด้วยซ้ำ

ถ้าพวกมันขอแลกธัญพืชเป็นใบบีทรูทเอง ก็เท่ากับช่วยประหยัดธัญพืชจำนวนมากให้อังเกอร์ และดูเหมือนใบบีทรูทที่ถูกเด็ดไปยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก เก็บเกี่ยวได้หลายครั้งต่อปี นี่มันก็เหมือนกับแก้ปัญหาเรื่องอาหารให้ครอบครัวมิโนทอร์ได้เลยนะ

ถ้าขยายพื้นที่เพาะปลูกออกไปอีกหน่อย มิโนทอร์ในเมืองใต้ดินก็จะได้กินใบบีทรูทไปทั้งชีวิต ส่วนหัวบีทรูทก็จะเหลือให้มนุษย์ เป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายเลย

อังเกอร์ตกลงตามคำขอให้เปลี่ยนอาหารเป็นใบบีทรูท และเขายังเด็ดใบเพิ่มอีกหลายมัดโยนให้ป้ามิโนทอร์พร้อมบอกว่า "เอาไปขาย"

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ยินบี๋ก็รู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย โครงกระดูกปลูกผักขายผักอย่างนี้จะเชื่อถือได้หรือไง?

สิ่งที่เขากำลังจะทำตอนนี้ถือเป็นการทรยศต่อศาสนาจักรแห่งแสงสว่าง ถ้าอังเกอร์ไม่มีอำนาจพอที่จะปกป้องเขา ยังจะดีกว่าหากจะแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น กินยาไปให้หมดชีวิตในช่วงครึ่งหลังซะ อย่างไรเขาก็อายุเกือบเก้าสิบแล้ว

"ท่านเจ้าข้า ช่วยรักษาท่านประธานยินบี๋หน่อยได้ไหมขอรับ พลังของข้าน้อยไม่พอ ไม่สามารถกำจัดพิษได้หมดในครั้งเดียว" ลิซ่ากราบทูล

ตามธรรมชาติแล้ว รอยเน่าเปื่อยเป็นพิษชนิดหนึ่ง หากกำจัดไม่หมดในครั้งเดียว พิษที่ตกค้างในร่างกายจะค่อยๆ กลับมาอยู่ในระดับเดิมหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง

อังเกอร์พยักหน้า ยื่นมือไปยินบี๋ เขาชินชากับหลักการของการแลกเปลี่ยนที่เสมอภาคแล้ว ทันทีที่ลิซ่าเข้ามาใกล้ เปลวแห่งวิญญาณจากตัวเธอจะถ่ายเทให้เขาไม่หยุด ดังนั้นคำขอเล็กๆ น้อยๆ เขาจึงไม่ปฏิเสธเป็นธรรมดา

เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นจากฝ่ามือของอังเกอร์ ยินบี๋อดไม่ได้ที่จะขาอ่อนลง สถานการณ์นี้ช่างเหลือเชื่อ แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปล่อยออกมาจากโครงกระดูก นี่มันศักดิ์สิทธิ์หรือหมิ่นเหม่กันแน่?

อังเกอร์ระดมพลังเวทย์ชำระล้างพิษกว่าหกสิบครั้งใส่ตัวยินบี๋ ชนิดว่าพิษในกระดูกยังถูกขจัดจนหมด แม้ว่าเวทชำระล้างจากอังเกอร์จะไม่มีผลทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเหมือนของลิซ่า

สำหรับสิ่งที่ลิซ่าทำได้ยากลำบากในครั้งเดียว แต่กลับเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับอังเกอร์ เพราะตอนที่เขารักษาโครงกระดูกเทวทูต เขาต้องใช้เวทย์ชำระล้างเจ็ดถึงแปดพันครั้งแบบไม่อั้น เพียงหกสิบกว่าครั้งนี่ง่ายเหลือเกิน

เมื่อรักษาเสร็จแล้ว อังเกอร์ก็หันหลังกลับ ตั้งท่าจะกลับไปตัดหญ้าต่อ เคียวที่ชักออกมานั้นส่องประกายคมกริบ ซึ่งทำให้ยินบี๋ผู้ชำนาญสินค้าหน้าเครียด ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวสองสามก้าว นี่มัน...เคียวมัจจุราช? เคียวเก็บวิญญาณของเทพแห่งความตาย? แล้วเอาไปตัดหญ้าเนี่ยนะ?

"ท่านเจ้าข้า รอสักครู่" ลิซ่ารั้งตัวอังเกอร์ไว้ "ท่านประธานยินบี๋ยังนำสินค้าพิเศษมาอีก เป็นของหายากจากต่างมิติ ท่านช่วยเลือกด้วยกันสักหน่อยเถอะเจ้าข้า"

อังเกอร์ยังไม่ทันได้ตอบรับ แต่เนเกริสในวิญญาณกลับตื่นเต้นเสียแล้ว "โอ้ ของหายากงั้นเหรอ? ร้านเบ็ดเตล็ดของพวกโนม? ต้องดูให้ดีๆ ซะแล้ว พวกนั้นมักจะหาของแปลกประหลาดมาได้เสมอเลย"

เนเกริสสนใจ แต่อังเกอร์ไม่สนใจอะไร จึงนั่งยองๆ ลงบนคันนา ซอมบี้น้อยไม่รู้โผล่มาจากไหน แล้วทำท่านั่งยองๆ เหมือนอังเกอร์บนคันนา โครงกระดูกเทวทูตก็บินมาเกาะอีกข้างของอังเกอร์พร้อมเสียงกระพือปีก

ลิซ่า แอนนา และหลานต่างก็มารุมล้อมกัน ดูเหมือนพวกนางจะสนใจสินค้าพิเศษที่ยินบี๋นำมาเป็นพิเศษ

ข้ออ้างในการเดินทางมาของยินบี๋ก็คือ เขานำสินค้าพิเศษมามากมาย เพื่อจะมาตั้งร้านค้าในโลกนี้ เขากล้าพูดเช่นนั้นได้เพราะชื่อเสียงของพ่อค้าพวกโนมนั้นโด่งดังไกล

พอพูดถึงพวกโนม ทุกคนก็นึกถึงความเจ้าเล่ห์และร้านเบ็ดเตล็ด เพราะพวกเขามีพ่อค้าเยอะเกินไป จนคุณภาพสินค้าไม่สม่ำเสมอ

แน่นอนว่านอกจากนั้น ยังมีชื่อเสียงในฐานะวิศวกรอีกด้วย

ยินบี๋ปลดกล่องหิ้วติดตัวที่ไม่เคยห่างกายออก มันเป็นกล่องไม้ทรงแบน มีลวดลายแกะสลักอย่างประณีต แต่กลับมีผ้าห่อหุ้มเอาไว้ เผยให้เห็นมุมนิดหน่อย

ยินบี๋หาพื้นที่ราบโล่งใหญ่หน่อยอย่างจงใจ ปูผ้าห่อที่ใช้ห่อหุ้มกล่องไว้บนพื้น แล้ววางกล่องไม้ลงบนผืนผ้า เขาเช็ดถูกล่องอย่างระมัดระวัง จากนั้นปล่อยพลังเวทเข้าที่ฝ่ามือ แล้วค่อยๆ แตะลงบนกล่องไม้

กล่องไม้นี้ถูกล็อคด้วยรูนเวทอย่างชัดเจน มีแค่ผู้ที่มีพลังเวทคลื่นความถี่เดียวกันเท่านั้นที่เปิดได้ คลื่นพลังเวทของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทฤษฎีแล้ว ของที่ใช้การล็อครูนเวทจะเปิดได้โดยเจ้าของเดิมเท่านั้น

หลานเบ้ปากน้อยๆ กล่องไม้กล่องเดียวยังจะล็อครูนเวทด้วย นี่มันฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว

เสียงกึกก้องดังขึ้น กล่องไม้เปิดออก โดยฝากล่องบนและล่างกางราบลงบนผืนผ้า แต่ยังไม่หยุดแค่นั้น ฝากล่องบนและล่างยังคงพับกางต่อไปอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงสามครั้ง พื้นที่ที่กางราบบนพื้นพลันเพิ่มมากขึ้นถึงหกเท่า จากขนาดกล่องเดิมๆ กลายเป็นพื้นที่เท่ากับเตียงหนึ่งหลัง

แต่ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือความหนาของฝากล่องที่พับกางออกมารวมกัน แน่นอนว่าต้องหนากว่ากล่องไม้เดิมอย่างแน่นอน

"อาร์ติแฟคต์มิติพิเศษ!" ลิซ่ากับสาวๆ ต่างตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนนาที่ไม่รู้ตัวเอื้อมมือไปลูบแหวนบนมือตัวเอง

แอนนามีอาร์ติแฟคต์มิติพิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่มันเป็นเครื่องหมายของนายกเมืองน้ำแข็ง เดิมทีเป็นของพี่ชายนาง แต่พี่ชายผู้ไม่สนใจงานการได้ยัดแหวนใส่มือนาง แล้วก็ไม่รู้หนีไปไหน

ทั้งฟิลินและลิซ่าต่างมีแหวนมิติพิเศษคนละวง แต่เป็นแบบเล็กๆ ในโลกใบนี้ มีอาร์ติแฟคต์มิติพิเศษที่รู้จักกันแค่สามชิ้น และในฝั่งหุบเขาปีศาจไม่มีเลยสักชิ้น คิดดูสิ สิ่งนี้หายากขนาดไหน

แล้วยินบี๋ พ่อค้าโนมธรรมดาๆ ยังมีอาร์ติแฟคต์มิติพิเศษงั้นเหรอ? โลกนี้ยากจนไปหรือพ่อค้าโนมชื่อไม่เกินจริง?

ตู้ไม้ที่กางออกมาใหญ่เท่ากับเตียง แถมยังดึงขึ้นไปสูงถึงสองเมตร กลายเป็นตู้ใหญ่ ข้างในมีราวเจ็ดชั้น แต่ละชั้นเต็มไปด้วยของแปลกประหลาดมากมาย

เนเกริสเห็นเกล็ดสีทองชิ้นหนึ่งตั้งแต่แรก มันใหญ่เท่าฝ่ามือ หนาราวนิ้วมือ พอหยิบขึ้นมาถือก็หนักอึ้งราวกับโลหะ "ของข้า...ข้า...เกล็ดของข้า เกล็ดของข้า!!"

เมื่อเห็นว่าอังเกอร์สนใจเกล็ด ยินบี๋ก็ยิ้มด้วยสัญชาตญาณของนักค้าโดยไม่รู้ตัว "ท่าน ท่านช่างมีสายตาที่ดีจริงๆ นี่คือเกล็ดของมังกรทองสัมฤทธิ์ในตำนาน ว่ากันว่ามังกรทองสัมฤทธิ์ยาวถึงห้าสิบเมตร รูปร่างใหญ่โต พลังการต่อสู้น่าทึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังรอบรู้มาก ไม่มีสิ่งใดในโลกที่พวกมันไม่รู้ ตำนานเล่าว่า หากได้รับความโปรดปรานจากมังกรทองสัมฤทธิ์ รู้นามศักดิ์สิทธิ์ของมัน ก็จะได้ครอบครองความรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด"

อังเกอร์เอียงศีรษะสงสัย สิ่งที่โกบลินพูดคือเกี่ยวกับเนเกริสหรือ? น่าจะไม่ใช่นะ เนเกริสตัวไม่ใหญ่ขนาดนั้น และก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง อีกหลายเรื่องมันก็ไม่รู้ เช่น ราชาหายไปไหน

ยินบี๋ยังคงอวดต่อไปอีก "เกล็ดมังกรทองสัมฤทธิ์นี่ มีพลังลึกลับที่ช่วยแก้ไขอุปสรรคได้นะ ไม่ว่าจะเป็นการสอบเวทมนตร์ การสอบเลื่อนระดับ การวิจัยค้นคว้า การเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือน ถ้าพกติดตัวไว้ก็จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ราบรื่น ถ้าสวดมนต์บูชาเช้าเย็น...โอ๊ย!"

ยินบี๋ยังพูดไม่จบ ลิซ่าก็ตบหัวมันเปรี้ยงหนึ่งที "เจ้าจะให้ใครไปสวดมนต์กันห๊ะ!"

"ขอโทษขอรับ ข้าพูดติดปากไปน่ะ หลุดปากไป" ยินบี๋รู้ตัวทันทีว่าตัวเองทำอะไรลงไป ให้ 'เทพ' ไปสวดมนต์บูชาของอย่างอื่นงั้นหรือ?

ถ้าพูดกันตรงๆ นี่มันเป็นการดูหมิ่นเทพ ถ้าเป็นที่ศาสนจักรแห่งแสงสว่างล่ะก็ คงจะถูกขึ้นบัญชีเป็นพวกนอกรีตแน่ๆ ลิซ่าแค่ตบหัวเขาหนึ่งที ก็ถือว่าสุภาพมากแล้ว

"พูดมาตั้งนาน ก็มีแต่เรื่องลมๆ แล้งๆ พวกนี้ มันไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลยหรือไง? ร้านของเก่าของเจ้ามีแค่นี้เองหรอ?"

ยินบี๋ทำหน้าเหยเก คือยังไง ระดับนี้ก็สูงพอแล้วนะ เกล็ดมังกรทองสัมฤทธิ์น่ะ หายากจะตาย ถ้าเอาไปวางขายในโลกมนุษย์ต้องเกิดการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ

แต่สิ่งที่ลิซ่าพูดก็ถูกนั่นแหละ อังเกอร์คือ 'เทพ' เอากระดูกชิ้นเดียวมาดู ก็คงจะอยู่ระดับเดียวกับเกล็ดมังกรทองสัมฤทธิ์แล้ว แน่นอนว่ามองว่าระดับนี้ยังไม่พอ

ไม่ใช่ว่ามาตรฐานของตัวเองต่ำลง แต่นี่ 'ลูกค้า' ครั้งนี้เขาเทพเกินไปต่างหาก

"เท่าไหร่?" ยินบี๋คิดว่าขายไม่ออกแล้ว อังเกอร์ก็สวมหมวกขึ้นทันที และถามราคากับยินบี๋ตรงๆ ถ้าเขาไม่รีบถาม เนเกริสคงจะตะโกนจนวิญญาณของเขาระเบิดไปแล้ว

"ห้าร้อยเม็ดคริสตัลเวท" อย่าไปฟังที่เขาโม้เยอะนัก แต่จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่กล้ายืนยันหรอกว่าเกล็ดชิ้นนี้เป็นของมังกรทองสัมฤทธิ์จริงๆ เพราะมันไม่เหมือนมังกรธาตุยักษ์อย่างพวกมังกรแดงที่เกล็ดจะมีธาตุไฟที่ทรงพลัง แค่สัมผัสก็รู้ได้ว่าของจริงหรือปลอม

เกล็ดของมังกรทองสัมฤทธิ์นั้นแยกแยะไม่ได้เลยว่าของจริงหรือของปลอม และก็ไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ ไม่เหมือนเกล็ดมังกรไฟที่สามารถใช้ร่ายเวท ใช้ปรุงยา หรือเอาไปใส่ในอุปกรณ์เวทของระบบไฟได้

พลังลึกลับของเกล็ดมังกรทองสัมฤทธิ์ที่ว่ากันมา ก็เป็นแค่สิ่งที่เขาแต่งขึ้นทั้งนั้น สอบผ่านแน่ เลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือน กางเกงในเทพีโชคดียังไม่เวอร์ขนาดนั้นเลย

เกล็ดมังกรแดงหนึ่งชิ้นราคาแค่สามสิบเม็ดคริสตัลเวท ใครจะไปจ่ายห้าร้อยเม็ดคริสตัลเวทซื้อเกล็ดมังกรทองสัมฤทธิ์กัน? ซื้อไปทำอะไร? สะสมหรอ? ตั้งราคาแพงไม่มีใครซื้อ แต่ของชิ้นนี้หายากมาก ขายถูกเกินไปเขาเองก็ไม่ยอม เลยต้องเก็บเอาไว้ที่ตัว

อังเกอร์หยิบถุงคริสตัลเวทขึ้นมาอย่างว่องไว เม็ดคริสตัลเวทที่ได้จากการขายน้ำยาแก้พิษวิเศษเขาเก็บเอาไว้หมด เขาไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนด้วยซ้ำ

เขาไม่มีความคิดเรื่องเงินทอง ต่างจากหลานและลิซ่า ทั้งสองรีบห้ามเขา ลิซ่าถึงกับหยิบขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาถามว่า "ใช้ของนี่แลกได้ไหม"

ยินบี๋ตาเป็นประกายวาววับ รีบพยักหน้าหงึกหงักแล้วคว้ามันไปทันที "ตกลง!"

ลิซ่ากับหลานมองสบตากัน

ลิซ่าบอกว่าใช้ของนี่แลกได้ แต่ไม่ได้บอกว่าใช้กี่ขวดแลก ตามราคาที่พวกเขาขายไปก่อนหน้านี้ น้ำยาห้าปอนด์ขายได้สามพันเม็ดคริสตัลเวท ขวดหนึ่งก็ราวๆ หนึ่งร้อยยี่สิบเม็ด ห้าร้อยเม็ดคริสตัลเวทก็ต้องใช้สี่ขวดกว่าๆ

ยินบี๋ฉวยเอาไปเลยโดยไม่ถามอะไร ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่ากี่ขวด ก็แสดงว่าในใจของยินบี๋ ราคาน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งขวดต้องเกินห้าร้อยเม็ดคริสตัลเวทแน่นอน

ลิซ่าเดินเข้าไปใกล้ กระซิบถามว่า "ท่านยินบี๋ น้ำศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ขายในโลกมนุษย์ได้ขวดละเท่าไหร่คะ"

ยินบี๋ชะงักไปทั้งตัว มองลิซ่าอย่างลำบากใจ แต่กลับเห็นแววตาวูบวาบอันตรายในดวงตาของนาง บางคนพอเห็นเงินทองก็จะมีแววตาแบบนี้ คนพวกนี้ตอนนี้นี่อันตรายมากเลย

"หนึ่ง...หนึ่งพัน"

ลิซ่ากับลานมีสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาพร้อมกัน "ตายจริง ขาดทุนหนักมาก!"

"ข้ารู้แล้วว่าทำไมศาสนจักรแห่งแสงสว่างถึงจับตามองพวกเรา สามพันเม็ดคริสตัลเวท ขายต่อได้สองหมื่นห้า กำไรเกือบเก้าเท่าเลยนะ"

"จริงๆ ด้วย ขายถูกไป ถ้าขายแพงกว่านี้อีกหลายเท่า กลับจะไม่มีปัญหา เพราะต้นทุนอาจจะสูงขนาดนั้นจริงๆ"

พอได้ยินลิซ่ากับหลานพูดด้วยท่าทางเจ็บปวดแบบนั้น ยินบี๋ก็ยิ่งสาดน้ำมัน "ที่ขายขวดละพันน่ะเจือน้ำลงไปแล้ว ของพวกเธอนี่บริสุทธิ์มาก ขายพันห้าก็ไม่มีปัญหา"

"เจือน้ำ?! พ่อค้าโกงนี่หว่า!"

พอทุกคนพากันประณามพ่อค้าโกง หลานก็ทำสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอเอียงหูฟังสักพักแล้วพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด "ได้รับข่าวทางวิญญาณ กองทัพศาสนจักรแห่งแสงสว่างกำลังจะถูกส่งมาที่นอกเมืองฮานปิง"

สีหน้ายินบี๋ก็ขาวซีดลงในพริบตา รีบพูดอย่างร้อนรนว่า "ไม่เกี่ยวกับข้านะ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด