ตอนที่แล้วระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 219 ปรับแต่งสายเลือดอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 221 บุกปล้น

ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 220 กลับราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว


ระบบปรับแต่งกาลเวลาสะท้านภพ ตอนที่ 220 กลับราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว

"เจ้านายไม่ชอบหรือ? ข้านึกว่าเจ้านายจะชอบเสียอีก"

ชิงหลวนกะพริบดวงตาใสกระจ่างคู่นั้น ในดวงตาเผยความสงสัยเล็ก ๆ ขึ้นมา

ก็มีแต่มนุษย์สตรีประเภทนี้เท่านั้นที่นั่งอยู่บนหลังของนางได้ไม่ใช่หรือ

หรือนางเข้าใจผิด?

กู่หยางอึ้งไปครู่หนึ่ง

เขาได้แต่บอกกับตัวเองว่า ชิงหลวนช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน

แต่พอคิดดูดี ๆ ชิงหลวนในหมู่อินทรีวิญญาณเพลิง ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงวัยเยาว์

อายุ...

น่าจะเทียบเท่ามนุษย์ที่อายุสิบสองสิบสามปีกระมัง?

ความไร้เดียงสาก็เป็นเรื่องปกติ

"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เจ้าเปลี่ยนเป็นสภาพนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าใด เจ้าเปลี่ยนเป็นร่างเล็ก ๆ เหมือนกับชิงเหยียนดีกว่า"

กู่หยางส่ายหัวอธิบาย

ความใฝ่ฝันถึงความงามนั้นมนุษย์ทุกคนต่างมี

เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร?

เพียงแต่เมื่อเห็นชิงหลวนมีสภาพแบบนี้ แล้วนึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่ตนเองขี่ชิงหลวนไปทั่ว

มันทำให้ภาพที่เห็นดูยุ่งเหยิงขึ้นมาทันที

"ได้เลยเจ้านาย!"

ชิงหลวนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ร่างก็เปลี่ยนแปลงไปทันที

หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นนกจิ๋วอ้วนกลม เกาะอยู่บนไหล่ของกู่หยาง

"แบบนี้หรือเจ้านาย"

"อืม น่ารักมาก"

กู่หยางพยักหน้า ยื่นมือไปลูบขนนุ่มเรียบเนียนที่ลำตัวของชิงหลวนด้วยความพอใจ

"ถ้าเจ้านายชอบก็ดีแล้ว!"

ชิงหลวนก็ดีใจไม่น้อยที่ได้รับคำชม

เมื่อปรับแต่งสายเลือดของสองสัตว์เลี้ยงเสร็จสิ้น

กู่หยางก็นั่งขัดสมาธิลงทันที

"ตอนนี้ระบบปรับแต่งกาลเวลาก็สามารถปรับแต่งความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิชาปรุงโอสถและหลอมอาวุธได้อีกครั้งแล้ว"

"น่าจะสามารถเพิ่มพูนไม่น้อย"

ตำราเกี่ยวกับการปรุงโอสถและหลอมอาวุธที่กู่หยางหามาได้ไม่ได้มากนัก

ส่วนใหญ่เพราะตำราเหล่านี้มีจำนวนจำกัด

เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์ เอามาปรับแต่งได้ดีกว่า

ถึงอย่างไร ต่อให้เจอคัมภีร์ใหม่ ๆ ก็ยังสามารถปรับแต่งได้อยู่

คิดได้ดังนี้

กู่หยางก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง

เริ่มปรับแต่งในใจอย่างเงียบ ๆ

เมื่อเทียบกับวรยุทธและวิชายุทธเหล่านั้น

การปรับแต่งศาสตร์ปรุงโอสถและหลอมอาวุธชัดเจนว่าง่ายและผ่อนคลายกว่ามาก

ในเวลาเพียงสิบนาที

ศาสตร์ปรุงโอสถและหลอมอาวุธก็ปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้ว

ส่วนทิศทางที่เพิ่มพูนขึ้นหลังจากปรับแต่ง...

ก็ตรงกับความคาดหวังของกู่หยางพอดี!

พลังจิตวิญญาณ!

ผ่านการปรับแต่งหนึ่งแสนปี

ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของกู่หยางก็พุ่งพรวดขึ้นไปอีกระดับ!

แม้กระทั่งเหนือกว่าขอบเขตมรณะชีวัน!

"ตอนนี้พลังจิตวิญญาณของข้า ต่อให้เทียบกับขอบเขตผันแปร ก็ไม่น่าจะด้อยกว่ากันมากนัก!"

กู่หยางมีประกายตื่นเต้นวาบขึ้นในดวงตา

ส่วนความสามารถด้านวิชาปรุงโอสถและหลอมอาวุธ...

บอกได้เลยว่า หากมีสูตรโอสถ ต่อให้เป็นโอสถระดับ 8 หรือ 9 เขาก็สามารถปรุงออกมาได้!

แถมยังเป็นระดับสมบูรณ์แบบ!

แต่น่าเสียดาย...

สูตรโอสถพวกนี้มีจำนวนน้อยมาก...

หลังจากรู้สึกซาบซึ้งครู่หนึ่ง

กู่หยางก็ลุกขึ้นช้า ๆ

ปล่อยให้ชิงเหยียนอยู่ที่หลังเขา

บอกกล่าวสองสามคำ

แล้วจึงพาชิงหลวนที่กลายร่างเป็นนกจิ๋วอ้วนกลมกลับไปที่สำนักเมฆาคล้อย

"กู่หยาง เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?"

ฉู่หลิวอวิ๋นเห็นกู่หยางมา ก็เดาได้ถึงความตั้งใจ

"ขอรับจ้าวสำนัก ตอนนี้มีค่ายกลพิทักษ์สี่ทิศเร้นลับ ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตมรณะชีวันก็ยากจะบุกทะลวงได้ง่าย ๆ แล้วข้าก็ตั้งค่ายกลรวมวิญญาณไว้ในสำนักฝ่ายในเช่นกัน ส่วนจะพัฒนาไปได้มากแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสวาสนาแล้ว"

กู่หยางพยักหน้าพูด

ใบหน้าของฉู่หลิวอวิ๋นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและประทับใจ

"ขอบคุณเจ้ามากกู่หยาง สำหรับเจ้าที่มีความสำเร็จและพรสวรรค์ขนาดนี้ จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องสนใจชีวิตความตายของพวกเราก็ได้ด้วยซ้ำ"

ดวงตาของฉู่หลิวอวิ๋นมีความรู้สึกซับซ้อน

เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมกู่หยางถึงมาจัดวางค่ายกลและทิ้งสัตว์อสูรไว้คุ้มครองสำนัก

นั่นก็เพราะกลัวว่าศัตรูจะมาระบายความแค้นกับพวกเขา

เขารู้สึกว่าตนเองกลายเป็นตัวถ่วงของกู่หยางไปบ้างแล้ว

เลยพูดประโยคนี้ออกมา

แต่กู่หยางกลับส่ายหัว

"จ้าวสำนัก ไม่ต้องกังวล ถึงอย่างไร ที่นี่ก็เป็นที่ที่ข้าเติบโตมา ทุกคนเคยดูแลข้ามาตลอด ข้าก็รับรู้ แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งพวกท่านไป"

"แต่ว่า..."

ได้ยินเช่นนี้ ในใจของฉู่หลิวอวิ๋นยิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้น

สายตาที่มองกู่หยางยิ่งอบอุ่นหวานชื่นขึ้น

หลังจากกล่าวอำลากันง่าย ๆ

กู่หยางก็ลอยขึ้นฟ้า

"จ้าวสำนัก ข้าขอให้ท่านทะลวงไปถึงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้โดยเร็ววัน"

"ขอบคุณที่อวยพร"

ฉู่หลิวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ

ถัดมา

กู่หยางก็หันกลับ นกจิ๋วอ้วนกลมบนไหล่กลายร่างเป็นนกอินทรีขนาดใหญ่โต แบกกู่หยางกางปีกบินขึ้นฟ้า

ในพริบตาก็เปลี่ยนเป็นริ้วแสงบินหายไปในขอบฟ้า

เห็นเช่นนี้

ฉู่หลิวอวิ๋นและเหล่าผู้นำสูงสุดของสำนักเมฆาคล้อยก็มองแผ่นหลังของกู่หยางอย่างประทับใจ

"ในเมื่อกู่หยางทิ้งของดีไว้ให้พวกเรามากมายขนาดนี้ พวกเราจะปล่อยให้น้ำใจของเขาสูญเปล่าได้อย่างไร?"

"ตั้งแต่นี้ไป หากมีศิษย์สำนักฝ่ายในคนใดสามารถทะลวงไปถึงขอบเขตหลอมรวมได้ จะมีรางวัลใหญ่! ต้องการทรัพยากรอะไรก็มาบอกข้า!"

ฉู่หลิวอวิ๋นโบกมือใหญ่ สีหน้าเต็มไปด้วยพลังและความมุ่งมั่น

ตั้งใจจะพัฒนาสำนักเมฆาคล้อยอย่างจริงจัง

ส่วนจะเติบโตไปได้แค่ไหน...

ก็ต้องปล่อยตามโชคชะตาก็แล้วกัน

อีกด้านหนึ่ง

กู่หยางนั่งอยู่บนหลังนกอินทรีที่กว้างใหญ่

ที่นี่เขาสามารถมองเห็นลวดลายสีเขียวเข้มบนขนของชิงหลวนได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

ดูโบราณ แต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความลึกลับ

"ไม่นึกเลยว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่มีมาตั้งแต่ 200,000 ปีก่อน"

กู่หยางลูบลวดลายเหล่านั้นเบา ๆ

อดที่จะซาบซึ้งใจไม่ได้

ไม่นานนัก

กู่หยางก็กลับมาถึงแคว้นฉู่

ตอนนี้สิ่งที่ควรทำก็ทำเสร็จพอสมควรแล้ว

ต่อไปนี้...

ก็ถึงเวลาไปราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว

เพราะสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับกำลังจะเปิดแล้ว

ดังนั้นที่เขากลับมาแคว้นฉู่ก็เพื่อมาลาจักรพรรดิฉู่กับฉู่หลิงเอ้อร์

พอกลับมาถึง

ฉู่หลิงเอ้อร์ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดกู่หยางอย่างรวดเร็ว

"สามี!"

สำหรับเรื่องนี้ กู่หยางก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วลูบหัวเล็ก ๆ ของฉู่หลิงเอ้อร์

ตอนนี้ นกจิ๋วอ้วนกลมที่เกาะอยู่บนไหล่ของกู่หยาง มองภาพนี้ด้วยตาเป็นประกาย

"หืม? นกจิ๋วตัวนี้น่ารักจัง"

ฉู่หลิงเอ้อร์เห็นชิงหลวนเข้าพอดี

ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบ

ชิงหลวนก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมให้ฉู่หลิงเอ้อร์ลูบเบา ๆ

"นี่คือชิงหลวน อินทรีวิญญาณเพลิงที่พาพวกเรากลับมาคราวนั้น"

กู่หยางหัวเราะเบา ๆ เอ่ยขึ้น

"หืม? มันสามารถเปลี่ยนร่างจนเล็กขนาดนี้ได้ด้วยหรือ?"

ฉู่หลิงเอ้อร์เผยสีหน้าประหลาดใจ

อีกด้าน ฉู่มู่ก็ตกใจอย่างที่สุดเช่นกัน

นี่ไม่ใช่อินทรีวิญญาณเพลิงตัวนั้นหรอกหรือ?

มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!

อีกอย่าง...

เหตุใดรู้สึกเหมือนมันจะเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ไปแล้ว็มิปาน

สำหรับเรื่องนี้ กู่หยางก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก

"ตอนนี้ก็ถึงเวลาเตรียมตัวไปแล้ว"

กู่หยางเข้าประเด็นทันที

"สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับกำลังจะเปิดแล้วหรือ?"

ฉู่มู่ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ

"ขอรับ"

"ครั้งนี้ก็ให้หลิงเอ้อร์..."

ฉู่หลิงเอ้อร์มีพลังอำนาจไม่เพียงพอ คราวนั้นคงตามเขาไปไม่ได้อยู่แล้ว

อย่างนี้อยู่ในเมืองหลวงคงจะดีกว่า

แต่ฉู่มู่กลับยิ้มแล้วพูดขึ้น "ให้หลิงเอ้อร์ไปกับเจ้าเถอะ เข้าไปในสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับ หลิงเอ้อร์ก็จะได้ดูแลกิจวัตรให้เจ้า"

"แล้วก็...หลิงเอ้อร์ก็จะอายุ 18 แล้วด้วย..."

ฉู่มู่ก็เดินเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูกู่หยาง

ได้ฟังดังนั้น กู่หยางชะงักไป

เร็วขนาดนี้เลยหรือ?

นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย

แต่ว่า

"ท่านไม่กลัวว่าสถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับจะไม่ให้หลิงเอ้อร์เข้าไปหรือ?"

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ สถาบันศักดิ์สิทธิ์มรกตเร้นลับอนุญาตให้อัจฉริยะฟ้าประทานที่เข้าไปพาสาวใช้ติดตามไปด้วยได้ เพราะอัจฉริยะฟ้าประทานย่อมต้องการคนคอยรับใช้อยู่แล้ว"

ฉู่มู่ยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

"เช่นนี้เองรึ"

"ดียิ่งันก! ข้าจะได้อยู่กับสามีแล้ว!"

ฉู่หลิงเอ้อร์เดิมทีก็มีความกลัวและความหดหู่ เพราะอย่างไรก็ต้องแยกจากสามี

พอได้ยินดังนี้ นางก็ตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดตัวลอย

"เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ"

กู่หยางกอดฉู่หลิงเอ้อร์ พยักหน้าให้ฉู่มู่เล็กน้อย

"อืม ไปเถอะ"

ถัดมา

นกจิ๋วอ้วนกลมก็กลายร่างเป็นนกอินทรียักษ์

นำพากู่หยางกับฉู่หลิงเอ้อร์กางปีกบินขึ้น มุ่งหน้าสู่ราชวงศ์เซวียนเหนี่ยว

ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่พอบินออกจากอาณาเขตของแคว้นฉู่ได้ไม่นาน

สีหน้าของกู่หยางก็เปลี่ยนไป

กลิ่นอายทรงพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง 2 เส้นก็พุ่งตรงมาหาพวกเขาจากที่ไม่ไกล!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด