ตอนที่แล้วตอนที่ 188 การตัดสินใจของ ตระกูลโม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 190 บริษัทภาพยนตร์ และโทรทัศน์ จงเซี่ยน..

ตอนที่ 189 สายที่ไม่คาดคิด


เมื่อพูดถึงผลการเรียน ซูเหวิน ก็ต้องแอบถอนหายใจเล็กน้อย

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าตัวเองเป็นนักศึกษาดีเด่นที่มีผลการเรียนค่อนข้างดีเยี่ยม

แต่ตั้งแต่ได้ระบบมา รู้สึกว่าเหมือนเขาเริ่มหงอยเหงาเศร้าซึมไปจริงๆ

ไม่ชอบคิด และไม่ชอบใช้สมอง

ไม่มีแรงจูงใจเลย

และเขาไม่รู้ว่าการสอบครั้งนี้มันจะเป็นอย่างไร..

ดูเหมือนว่าระบบจะเป็นตัวอันตรายจริงๆ!

โชคดีที่ในโลกนี้ใช่ว่าทุกคนจะมีระบบ

ไม่งั้นทุกคนคงหงอยเหงาเศร้าซึมตามกันไปหมด เช่นนี้แล้ว.. โลกจะไม่ถึงการสิ้นสุดเลยงั้นเหรอ?

แล้วจากนั้นแต่ละคนก็จะไม่กลายเป็นคนบาปที่ทำลายโลก?

ดังนั้นตอนนี้ ขอให้ความชั่วช้า และบาปทั้งหลายตกอยู่ที่ตัวข้าแต่เพียงผู้เดียวเถิด! (เฮ้.. เพื่อนโคตรเบียวเล้ยมรึงงง!!!)

ซูเหวิน หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งถึงน้ำใจอันดีงามของตัวเอง~ ..ที่มีให้แก่เหล่าเพื่อนมนุษย์

    นาย(主人  มันแปลได้หลายความ)โทรมาแล้ว โทรมาแล้ว รีบรับสาย ทำไมยังไม่รีบรับสาย~

ในชั้นเรียน ขณะที่ ซูเหวิน กำลังซึ้งกับความดีงามของตัวเองอยู่นั้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

แต่ก็โชคดีที่เข้าตั้งระดับเสียงโทรศัพท์ของเขาไว้เบามาก

ดังนั้นคนอื่นๆ จึงไม่รู้..

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู และก็ต้องตกใจเล็กน้อย

เขายังคิดว่าเป็นสายจาก รองประธานโจว จากบริษัท เทียนอี้ วิดีโอ เน็ตเวิร์ค เพื่อเตือนเขาว่าเขาจะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ในวันพรุ่งนี้

และไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นสายโทรเข้ามาจากคนรู้จักเก่าอีกคนหนึ่ง

คนรู้จักเก่าคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก จาง เทียนหลิง ปรมาจารย์ด้านจิตรกรชื่อดังที่ ซูเหวิน รู้จักเมื่อสองเดือนก่อน

แต่ทำไม.. อยู่ดีๆ เขาถึงโทรมาล่ะ?

เมื่อ ซูเหวิน สงสัย เขาก็ไม่ได้รีบรับสายทันที ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เขายังเรียนอยู่เลย!

รอจนเลิกคลาสแล้วเขาจึงโทรกลับไป

ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย

ทันทีหลังจากนั้น เสียงที่หนักแน่น และทรงพลังของชายชราคนหนึ่งก็ดังเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังลั่น

“เหวย, นี่เพื่อนตัวน้อย ซู ซูเหวิน หรือเปล่า?”

“ใช่ ผม ซูเหวิน คุณคือ อาจารย์จาง ใช่ไหม?”

“เมื่อกี้ผมเห็นคุณโทรมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

ซูเหวิน กล่าวถามอย่างสงสัย

“ฮ่าฮ่า มันมีเรื่องนิดหน่อยนะ”

“ตอนนี้ เพื่อนตัวน้อย ซู คงกำลังเรียนอยู่มหาลัย การเรียนเองคงต้องยุ่งมากๆ มั้ง พูดตามตรงปกติฉันก็ไม่กล้าโทรหาคุณจริงๆ กลัวคุณเสียเวลา”

“แต่วันนี้มันค่อนข้างพิเศษ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่โทรมารบกวนคุณ”

จาง เทียนหลิง กล่าวคำพูดที่น่าอายบางอย่างออกมา

ฟังอีกฝ่ายพูดแบบนี้ ซูเหวิน ก็ไอแห้งๆ ออกมาถึงสองครั้ง และเขาเองก็มีตะขิดตะขวงใจบ้าง

เรื่องการเรียนเขายุ่งมากไหม?

เอ่อ.. เพิ่งกลับมาจากการเที่ยวเล่นเมืองซูไปเต็มๆ สิบกว่าวัน ดูเหมือนว่าฉันมันค่อนข้าง ‘ยุ่ง’ อยู่นะ

เมื่อ ซูเหวิน แอบบ่นอุบกับตัวเอง จาง เทียนหลิง ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“เพื่อนตัวน้อย ซู คุณจำครั้งสุดท้ายที่มาที่สตูดิโอของฉันได้มั้ย ที่คุณได้วาดภาพ ‘ใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง’?”

“คุณมอบมันให้ฉัน หลังจากที่คุณวาดภาพเสร็จ แล้วคุณก็จากไป”

“ฉันเห็นว่ามันล้ำค่าเกินไปจนฉันทนไม่ไหวที่จะกลบฝังมันไว้ เลยแขวนมันไว้ที่ล็อบบี้ชั้นล่างของสตูดิโอของฉัน หวังว่าจิตรกร หรือลูกค้าคนอื่นๆ ที่มาสามารถชื่นชมมันได้ แต่เมื่อวานนี้…”

ดังนั้น จาง เทียนหลิง จึงบอกเล่ากับ ซูเหวิน ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ปรากฎว่าอาจารย์จางมีเพื่อนคนหนึ่งมาที่เมืองม่อเมื่อวานนี้ และเขาได้แวะไปเยี่ยมเขาที่สตูดิโอของเขา

ทั้งเขายังอยากที่จะซื้อภาพวาดนี้จากมือของเขา

แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าพอเพื่อนของเขาเข้ามาในสตูดิโอของเขา เขาจะถูกดึงดูดอย่างลึกซึ้งจากภาพวาดที่ ซูเหวิน วาด

เขารู้สึกหลงใหลมันมากจนยากจะตัดใจ นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ..เขาต้องซื้อมัน

เขายังขอให้ จาง เทียนหลิง เสนอราคามา

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์การวาดภาพคนหนึ่งในประเทศ จาง เทียนหลิง ยังคงอัตลักษณ์ของตัวเอง ..แล้วเขาจะเอาภาพวาดคนอื่นไปขายเพื่อได้เงินมาได้อย่างไร?

เขาจึงกล่าวเล่าเรื่องจริงให้เพื่อนของเขาฟัง

แต่ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนของเขาคนนี้นอกจากตกใจแล้ว เขากลับไม่ยอมแพ้

เขาเองยังหวังว่า จาง เทียนหลิง จะช่วยแนะนํานักจิตรกรคนนี้ ให้ช่วยวาดภาพแบบนี้ให้เขาได้

แน่นอนยังคงเป็นประโยคเดิม ราคาคุณสามารถเสนอได้ตามต้องการ

หลังจากฟังคําอธิบายของอีกฝ่ายแล้ว จาง เทียนหลิง ก็ทําอะไรไม่ถูกเช่นกัน

นี่จึงทำให้เขาโทรหา ซูเหวิน และแจ้งให้เขาทราบถึงเรื่องนี้

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง..”

ฟังคำอธิบายของอีกฝ่าย ซูเหวิน ก็เข้าใจได้ทันที

คือต้องการให้เขาวาดภาพให้..

นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เมื่อนึกถึงครั้งที่แล้ว เพราะได้วาดภาพของอาจารย์จาง และเขายังได้รับรางวัลจากระบบ

คราวนี้ การวาดภาพให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ใช่ว่าสำคัญอะไร

จากนั้นเขาก็ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ถ้าเขาอยากได้ภาพวาดของผมจริงๆ ผมสามารถวาดภาพให้เขาได้”

“งั้นคุณชวนเขาออกมาวันหลังเถอะ แล้วเราค่อยหาที่นัดเจอกันแค่นั้น”

“จริงสิ ผมจะไม่ไปสตูดิโอวาดภาพของคุณ มันไกลไปหน่อย หรือไม่ก็ไปที่โรงน้ำชา เซียนเฮ่อ ถึงตอนนั้นคุณพาเขาไปที่โรงน้ำชา เซียนเฮ่อ แล้วเราจะดื่มชาไปด้วยในขณะวาดภาพ..”

ซูเหวิน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด

พอดีกับที่เขาไม่ได้ไปโรงน้ำชาของตัวเองมานานแล้ว ดังนั้นเขายังสามารถไปดูได้ด้วยว่ามันเป็นยังไงบ้าง..

พอคําพูดนี้หลุดออกมา จาง เทียนหลิง เรียกได้ว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในทันที

“ดีดี ดี งั้นก็ขอบคุณมาก เพื่อนตัวน้อย ซู สําหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ฉันผู้แซ่จางคนนี้ ซาบซึ้งใจมาก และต้องขอบคุณมากจริงๆ!”

ในขณะนี้ จาง เทียนหลิง รู้สึกมีความสุขอย่างมาก

แน่นอนว่าความสุขนี้ไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายยอมรับคําขอของเขา และช่วยเพื่อนของเขาวาดภาพอีกภาพหนึ่ง

แต่เพราะเขามีความสุขที่จะได้เห็นทักษะการวาดภาพของ เพื่อนตัวน้อย ซู อีกครั้ง

คุณต้องรู้ก่อนว่าทักษะการวาดภาพของ ซูเหวิน นั้นน่าทึ่งแค่ไหน?

หากจะกล่าวว่า สิ่งนี้ไม่มีใครเทียบได้นับตั้งแต่ในสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ..นั่นคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

เขานั้นเป็นปรมาจารย์ในหมู่ปรมาจารย์ ราวกับเป็นการดํารงอยู่ของ ปราชญ์จิตรกรรม

เขาเองปรารถนาอยากที่จะได้เห็นทักษะ และความสามารถอันน่าอัศจรรย์ที่ช่วยเยียวยาจิตใจของ เพื่อนตัวน้อย ซู คนนี้ อีกครั้ง..

ซึ่งนั่นไม่เพียงพอให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น และกระตือรือร้น?

จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอีกสองสามคํา ก่อนจะวางสายไป

ซูเหวิน เก็บโทรศัพท์ของเขา และอดที่จะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นเพียงภาพวาดภาพเดียวเท่านั้นเอง, เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมปรมาจารย์ท่านนี้ถึงแสดงออกอย่างตื่นเต้น และกระตือรือร้นได้ถึงขนาดนั้น?

เมื่อคิด เขาก็ส่ายศีรษะพลางเดินกลับเข้าไปในห้องเรียน…

ผ่านไปอีกวันโดยไม่รู้ตัว..

เพราะเมื่อ 2 วันก่อนเขาได้นัดหมายกับผู้ถือหุ้นของบริษัท เทียนอี้ วิดีโอ เน็ตเวิร์ค ว่าจะไปเข้าร่วมงานพบปะสังสรรค์ของ บริษัท ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ เจี๋ยฮว๋า

ดังนั้นเมื่อเช้านี้ ซูเหวิน จึงไม่ได้ไปเรียน แต่เขากลับนอนรอจนกระทั่งสายแล้ว ถึงจะลุกได้

หลังจากลุกขึ้นมา เวลาก็แปดโมงกว่าๆ ได้แล้ว

หลังจากอาบน้ำ ล้างหน้า และกินข้าวเช้าเสร็จ เขาก็ขับรถ Lamborghini ออกจากมหาลัยตรงไปที่งานเลี้ยงพบปะสังสรรค์

แต่จุดหมายปลายทางไม่ใช่บริษัท ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ เจี๋ยฮว๋า

หากแต่เป็นโรงแรม เยว่หลงอัน ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ในเมืองม่อ

เมื่อพูดถึงโรงแรม เยว่หลงอัน แห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นโรงแรมระดับเจ็ดดาวเช่นกัน

ได้ยินว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการสันทนาการมากมาย เป็นที่เลือกของลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการมาเที่ยวเล่นสนุก

ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่คาราโอเกะ KTV สระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ และอื่นๆ

เขาเองได้ยินมาว่ายังมีสนามบาสเกตบอล, สนามแบดมินตัน, สนามปิงปอง, สนามบิลเลียด(สนุ๊กเกอร์) และสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ อื่นๆ เป็นต้นด้วย

เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่คุณต้องการ ..ครบครันจริงๆ

บริษัท ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ เจี๋ยฮว๋า เลือกจัดงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ที่นี่

ซูเหวิน สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าสนุก คราวหน้าค่อยชวนเพื่อนๆ ให้มาพักผ่อนเที่ยวเล่นด้วยกันสัก 2 วัน

ไม่มีอะไรนอกจากการใช้เงินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ซึ่งมันสำคัญอะไร?

ซูเหวิน ที่กําลังคิดอย่างมีความสุข รถก็ขับมาถึงประตูทางเข้าของโรงแรมแล้ว

หลังจากเขาจอดรถแล้วก็ลงจากรถ เดินตรงไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม

ดูเหมือนว่าเป็นเพราะวันนี้จะมีงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ขึ้นที่โรงแรมนี้ ที่หน้าโรงแรมจึงถูกประดับประดาด้วยผ้า และโคมไฟสวยงามสีสันสดใส ทำให้ดูสว่างไสว และค่อนข้างคึกคักมาก

ทั้งสองด้านของประตูยังมีชาย และหญิงจํานวนมากที่ดูสง่างาม สวมใส่เสื้อผ้า และเครื่องประดับราคาแพง กำลังยืนสนทนากันอยู่ และเหมือนกำลังรอใครบ้างคนอยู่ด้วยเช่นกัน

ในหมู่พวกเขา ซูเหวิน รู้สึกคุ้นเคยอยู่หลายคนมาก หากไม่ใช่ รองประธานโจว ของบริษัท เทียนอี้ วิดีโอ เน็ตเวิร์ค และผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ..พวกเขาจะเป็นใครไปได้?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด