ตอนที่แล้วบทที่ 57 หากเจอปัญหา ต้องคิดถึงเจี่ยฟู่เกอให้มาก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 ดูเหมือนว่าจะมีคนกำลังจะโชคร้าย!

บทที่ 58 พลังอยู่ที่ไหน?


สามล้านลี้ทางเหนือของประเทศไจ่เยว่.

ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำสีดำไร้ก้นบึ้ง เป็นสถานที่ตั้งของนิกายยูกุย.

ณ ขณะนี้.

ภายในถ้ำลับของนิกายยูกุยที่มีโลหิตส่องประกายแสงระยิบระยับ.

ริ้วแสงโลหิตที่เหมือนกับอสรพิษนับร้อยที่รวมตัวกันบนอากาศ

และคนที่ควบคุมพวกมันอยู่นั้นก็คือ เจ้าลี่เหวินซึ่งเป็นผู้นิกายยูกุย.

ปัง

ทันใดนั้น แสงสีโลหิตดวงแรกก็ดับลง

เจ้าลี่เหวินขมวดคิ้วไปมา“ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกสังหารไปตนหนึ่งรึ?”

เส้นแสงสีโลหิตก็คือสัญญาโลหิตที่ลงนามกับภูตเกราะทองสัมฤทธิ์นั่นเอง.

ไม่ว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์จะอยู่ไกลแค่ไหน เขาก็สามารถควบคุมพวกมันได้ด้วยแสงโลหิตนี้.

เมื่อแสงโลหิตถูกตัดการเชื่อมต่อ หมายความว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกทำลายไปแล้ว

จากนั้นเจ้าลี่เหวินก็ขมวดคิ้วและเผยยิ้มอย่างเย็นชา: "ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ข้ามีหลายร้อยตน ตายไปตนหนึ่งแล้วอย่างไร"

เขาคาดเดาว่า ประเทศไจ่เยว่จะต้องจ่ายไปด้วยราคามหาศาลเพื่อทำลายภูตเกราะทองสัมฤทธิ์

ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรที่จะทำลายภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ได้เพียงร่างเดียว

หลังจากรออยู่นานเหมือนกัน เขาก็พบว่าไม่มีภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ถูกทำลายอีก.

สิ่งนี้ยังยืนยันการคาดเดาของเขาได้.

ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป.

ปัง

แสงโลหิตดวงที่สองถูกตัดการเชื่อมต่อ

เจ้าลี่เหวินส่ายหน้าไปมา พร้อมกับหัวเราะเยาะ“ใช้เวลานานขนาดนั้นในการกำจัดหนึ่งร่าง เจ้าหงเหยา เจ้าไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์!”

เมื่อคิดถึงความโกรธเกรี้ยวของเจ้าหงเหยา ที่เผชิญหน้ากับภูตเกราะทองสัมฤทธิ์แล้ว เจ้าลี่เหวินก็รู้สึกสดชื่นอย่างอธิบายไม่ได้.

“ข้าต้องการเห็นจริง ๆ อีกนานเท่าไหร่ที่เจ้าจะสามารถสังหารภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ตนที่สามได้!”

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง...

หลังจากที่เจ้าลี่เหวินเอ่ยจบ แสงโลหิตในมือของเขาก็พังทลายลงอย่างบ้าคลั่ง

เพียงหนึ่งไม่ถึงสองลมหายใจ แสงโลหิตทั้งหมดก็ว่างเปล่า.

“เกิดอะไรขึ้นกัน?”

“ทำไมภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของข้าถึงถูกทำลายในพริบตา?!”

เจ้าลี่เหวินที่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ท่าทางหวาดผวา เผยแววตาทำอะไรไม่ถูก.

เขาสัมผัสได้เล็กน้อย เจ้าหงเหยาคงได้เชิญยอดฝีมือไร้คู่เปรียบมาหรือไม่?!

เพราะแม้แต่เขาที่เป็นเจ้านิกายยูกุย ขอบเขตจ้าววิญญาณขั้นสูงสุด ก็ไม่สามารถกำจัดภูตเกราะทองสัมฤทธิ์หลายร้อยตนในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้.

“คนที่ลงมือ จะต้องมีพลังบ่มเพาะที่น่าพรั่นพรึงอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็นผู้ฝึกฝนภูตผีกัน!”

เจ้าลี่เหวินที่ทำการคาดเดา.

ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน.

ในเวลานั้น เงาร่างสีดำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา.

คนในชุดคลุมดำที่ปกปิดร่างกายจนมองไม่เห็นกระทั่งใบหน้าเอ่ยออกมาว่า.

“เจ้านิกาย พวกเราพบว่ามีเมฆขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสายฟ้ามากมายจนน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นเหนือเมืองเผิง ,เมื่อสักครู่นี้”

"สันนิษฐานว่าภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของพวกเราถูกทำลายโดยเมฆสายฟ้านี้ไปแล้ว!"

“นี่มันกฎสายฟ้า!”เจ้าลี่เหวิน ที่เผยแววตาหวาดกลัว“ใครที่สามารถปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้กัน?”

เงาร่างสีดำ,เหยียนจิน เอ่ย“เรียนเจ้านิกาย,เจ้าหงเหยาได้พบกับผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งแล้ว ทางที่ดีพวกเราควรจะโจมตีประเทศไจ่เยว่เลยดีกว่า.”

เจ้าหลี่เหวินกัดฟัน“เปิ่นจั้วรอคอยมานานเกินไปแล้วจริง ๆ เจ้าหงเหยาก็ครองราชย์เกินพอแล้วเช่นกัน เขาควรจะถูกถอดถอนออกจากบัลลังก์ไปนานแล้ว!”

เจ้าหลี่เหวินที่โกรธมากจนแทบอาเจียนออกมาเป็นโลหิต เมื่อเขาคิดว่าเขาต้องพ่ายแพ้ต่อเจ้าหงเหยา น้องชายคนเล็กที่ไร้ความสามารถแต่กับได้ครองบัลลังก์.

ในอดีต เขาล้มเหลวในการต่อสู้ชิงบัลลังก์ เขาจึงแสร้งตายเพื่อหนีจากการไล่ล่าของเจ้าหงเหยา ก่อนหนีมายังนิกายยูกุย.

โดยหวังว่าสักวันจะได้แก้แค้นเจ้าหงเหยา.

เขาที่ใช้วิธีการทุกอย่าง จนได้กลายเป็นผู้นำของนิกายยูกุย(เทพผี)แห่งนี้.

สิ่งที่เขาคิด.

ด้วยภูตเกราะทองสัมฤทธิ์มากกว่าหนึ่งร้อยตนที่ได้ขัดเกลาด้วยตัวเอง และเหล่าภูตผีที่สนับสนุนเขา จะสามารถยึดเมืองเผิงได้ และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายออกไปยึดครองเมืองต่าง ๆ ของประเทศไจ่เยว่ได้อย่างรวดเร็ว.

โดยไม่คาดคิด ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ภูตเกราะทองสัมฤทธิ์ของเขาทั้งหมดก็ถูกทำลายไป.

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้เจ้าหลี่เหวินประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

แต่.

เจ้าหลี่เหวินที่เปลี่ยนจากคนที่ไม่มีคนรู้จักจนเป็นผู้นำนิกายยูกุยได้ในเวลาเพียงสิบสามปี เขาย่อมมีแผนการมากมายที่ผิดปรกติโดยธรรมชาติ.

เขาที่สงบใจลง ทำจิตใจให้มั่นคง จากนั้นก็หยิบก้อนเมฆแสงสีเขียวออกมา พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“หากทางสว่างไม่เพียงพอ พวกเราก็จะเข้าสู่ทางมืด”

“พิษซากศพก้อนนี้ ข้าเพิ่งสกัดมาจากศพปราชญ์”

“เมื่อสูดดมเข้าไป ก็จะกลายเป็นศพเดินได้ทันที!”

หลังจากเอ่ยจบ เขาก็โยนยาพิษศพให้หยานจิน

หยานจินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า "ผู้นำนิกายต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปในพระราชวังเพื่อปล่อยยาพิษหรือไม่?"

เจ้าหลี่เหวิน พยักหน้า: "ใช่ เจ้าเป็นมีกายวิญญาณภูตตามธรรมชาติ ไม่มีใครสามารถพบเจ้าได้ เมื่อเจ้าปิดซ่อนปราณของตัวเองแล้ว เจ้าก็จะสามารถซ่อนตัวจากทุกคนได้ทั้งหมด.”

“ตามการเดาของข้า เจ้าหงเหยา จะต้องจัดงานเลี้ยงในพระราชวังคืนนี้อย่างแน่นอนเพื่อให้รางวัลแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเขา เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อแพร่กระจายยาพิษซากศพในพระราชวังได้”

หยานจินพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดดังกล่าว การเคลื่อนไหวที่ไร้ร่องรอยของเขา เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันได้.

“ระวังค่ายกลมังกรทองในวังหลวงด้วย!”เจ้าหลี่เหวินที่เอ่ยเตือนเขา.

พระราชวังประเทศไจ่เยว่นั้นได้รับการปกป้องโดยค่ายกลมังกรทองขนาดใหญ่อยู่นั่นเอง.

ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักร มันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่หยางบริสิทธิ์ ซึ่งเหล่าภูตผีและผู้ฝึกตนภูตก็ไม่กล้าเข้าไปง่าย ๆ.

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ฐานบ่มเพาะของเจ้าหลี่เหวินนั้นลึกล้ำมาก แต่กลับไม่กล้าบุกพระราชวังโดยตรง.

“ขอบคุณผู้นำนิกายสำหรับความกังวลของท่าน ผู้ใต้บังคับบัญชาจะดำเนินการตามภารกิจของพวกท่านให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!” หยานจินกล่าวอย่างหนักแน่น

ร่างกายวิญญาณภูตของเขาได้รับการฝึกฝนจนถึงขอบเขตแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว และมันสามารถสลายตัว แตกออกเป็นชิ้น  ๆ กระทั่งซ่อนพลังปราณวิญญาณได้อย่างมิดชิด.

เขามั่นใจว่าเขาสามารถแอบเข้าไปในพระราชวังไจ่เยว่ได้อย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่กระตุ้นค่ายกลมังกรทอง.

-

พระราชวังไจ่เยว่.

เจ้าหงเหยาที่เชิญหลินซวนและมู่โหยวชิงเข้าร่วมงานฉลองในพระราชวัง.

เพื่อแสดงความเคารพต่อ หลินซวน เขาได้เรียกขุนนางทั้งหมดของทุกเมืองมาเข้าร่วม.

ในช่วงเวลาหนึ่ง หลินซวนที่ต้องรับคำทักทายและการประจบของขุนนางจำนวนมากอย่างช่วยไม่ได้.

ต่อหน้าอีกฝ่าย เจ้าหงเหยาแทบไม่มีโอกาสแทรกตัวเขาไปอยู่ข้าง ๆ ได้เลย.

อย่างไรก็ตามเจ้าหงเหยาก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก.

ต้องกล่าวว่า ตี้ฟู่คือจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน.

เพียงแค่อีกฝ่ายปรากฏตัว ก็ทำให้ประเทศไจ่เยว่รุ่งเรืองแล้ว.

การเชิญตี้ฟู่เข้าร่วมงานเลี้ยงได้ถือเป็นพรในชีวิตของเขาแล้ว.

สุราถูกเวียนดื่มหลายต่อหลายรอบ.

ทันใดนั้นคิ้วของหลินซวนก็ขมวด พลังจิตวิญญาณของเขาทีแผ่ออกไปปกคลุมทั้งพระราชวัง พบความผิดปรกติขึ้น.

“คิดแล้วว่าเจ้าต้องมา”หลินซวนที่เผยยิ้มด้วยท่าทางสนุก.

ภูตผีในเมืองเผิงถูกทำลายสิ้น เรื่องใหญ่เช่นนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ขยับได้อย่างไร.

เป็นความจริงว่าอีกฝ่าย คงอดใจไม่ไหวและแอบเข้ามาในวัง!

และในเวลาเดียวกัน

หยานจินพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อซ่อนกลิ่นอายของเขา และในที่สุดก็แอบเข้ามาในพระราชวังเงียบ  ๆ ได้.

ขณะเงยหน้าขึ้นมองห้องโถงใหญ่ที่ส่องสว่าง มีกลิ่นหอมของสุราและอาหารฟุ้งไปทั่วอากาศ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา.

“เมื่อข้าปล่อยพิษศพ พวกเจ้าจะไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป”

เขาควบคุมลมหายใจของตัวเองอย่างระมัดระวังและเตรียมที่จะนำยาพิษศพสีเขียวออกมา

ฟู่!

ทันใดนั้นแสงสีทองก็สว่างวาบบนท้องฟ้าข้างหน้าเขา ราวกับเทพเจ้ายักษากำลังเสด็จลงมา

หยานจินรู้สึกว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาล อันน่าเกรงขามจากสมัยโบราณได้ล็อคร่างเขาเอาไว้ในทันที

เขาพบใบหน้าสีทองที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า.

หากแต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของบุคคลผู้นี้ได้

แต่หยานจินรู้สึกได้ถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจต้านทานได้

“โอ้วสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเจ้าหงเหยาขอให้อมตะมาช่วยหรอกนะ!”

ทันใดนั้นหยานจินก็รู้สึกเสียใจที่บุกเข้ามาเช่นนี้

ก่อนที่เขาจะตอบสนอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในอากาศ: "กลายเป็นภูตผีนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ"

ซูมมม!

ฝ่ามือทองคำขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมาจากที่ไหนไม่รู้ คว้าหยานจิน และทำให้เขาแทบจมน้ำตายในความว่างเปล่า

หลังจากนั้นชั่วครู่

เมื่อหยานจินกลับมาได้สติ เขาก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ผูกมัดและนอนอยู่บนพื้นห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง

เมื่อมองขึ้นไป!บุรุษผู้หล่อเหลาคนหนึ่งก็อยู่ที่ด้านหน้าของเขาแล้ว.

นอกจากชายคนนั้นแล้ว ยังมีเด็กผู้หญิงสี่คนที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักงดงามเหมือนกับตุ๊กตาเคลือบดินเผา.

“อายุน้อยกับทรงพลังมาก ยอดฝีมือผู้นี้มาจากไหนกัน?”

เมื่อหยานจินพบกับหลินซวน เขาก็เผยความหวาดกลัวขั้นสุด.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด