ตอนที่แล้วตอนที่ 17 ซื้อที่ดินเพื่อปลูกมันเทศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 เข้าสังคมครั้งแรก

ตอนที่ 18 จำเป็นต้องไป


ตอนที่ 18 จำเป็นต้องไป

อวิ๋นซื่อรู้สึกว่าเว่ยรั่วมีปฏิสัมพันธ์กับแม่นมบ่อยเกินไป นางจึงเรียกมาพบและพูดว่า “รั่วเอ๋อร์ การที่เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับแม่นมนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่เจ้าต้องระวังให้มากขึ้นด้วย เพราะหากเรื่องที่เจ้าติดต่อกันบ่อยครั้งแพร่กระจายออกไป มันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะจดจำไว้”

การที่เว่ยรั่วไม่โต้แย้ง เพราะนางคาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นจริง

ในฐานะคุณหนูจวนขุนนาง การทำตัวใกล้ชิดกับอดีตแม่นมบ่อยๆ ถือเป็นเรื่องน่าละอาย

โชคดีที่นางได้จัดเตรียมนกพิราบสื่อสารไว้แล้ว นับจากนี้ไปเรื่องต่างๆ ส่วนใหญ่สามารถสื่อสารผ่านนกพิราบได้ และแม่นมไม่จำเป็นต้องมาที่จวนเซี่ยวเว่ยทุกครั้ง

อวิ๋นซื่อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดกับเว่ยรั่วว่า “รั่วเอ๋อร์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สงครามตึงเครียดมาก ดังนั้นฮูหยินนายอำเภอได้นัดหมายฮูหยินและคุณหนูจากทุกตระกูลไปที่วัดฝ่าหวาทางตอนเหนือของเมืองเพื่ออธิษฐานขอพรให้นายทหารในวันพรุ่งนี้ เจ้าต้องไปกับแม่นะ”

“ต้องไปด้วยหรือ? ไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ?” เว่ยรั่วถาม

“รั่วเอ๋อร์ชอบออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือ? เหตุใดคราวนี้ไม่อยากไปล่ะ”

“ข้าชอบออกไปข้างนอก แต่ไม่ชอบเข้าสังคมและไม่มีทักษะในเรื่องเหล่านั้นด้วยเจ้าค่ะ” เว่ยรั่วไม่ได้ปิดบังความคิดแท้จริงของตนเช่นกัน

ให้นางปั้นหน้าพูดคุยกับฮูหยินและคุณหนูกลุ่มใหญ่เช่นนี้ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

อวิ๋นซื่อพูดด้วยความจริงจัง “รั่วเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้มีสถานะเดิมอีกต่อไปแล้ว การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่ได้แจ้งกับฮูหยินนายอำเภอไว้แล้ว แม่อยากให้เจ้าเป็นเหมือนหวันหวั่นที่ไปเรียนกับคุณหนูเหล่านั้น คราวนี้เจ้ามากับแม่เพื่อให้ฮูหยินนายอำเภอได้เห็นหน้าค่าตาของเจ้า จะได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนแบบไหน และคลายความเคลือบแคลงเกี่ยวกับตัวเจ้าด้วย”

อวิ๋นซื่อไม่ได้บอกว่าความเคลือบแคลงนั้นคืออันใด แต่เว่ยรั่วรู้ดี นั่นคือความกังวลว่านางหยาบคายเกินไปและไม่เหมาะที่จะร่วมเรียนกับคุณหนูเหล่านั้น

“ท่านแม่คิดว่าข้าสามารถขจัดความเคลือบแคลงในสายตาพวกนางได้หรือไม่? ท่านไม่กลัวข้าจะทำพังหรือเจ้าคะ?” เว่ยรั่วถาม

“ผลงานของรั่วเอ๋อร์ทุกวันนี้ดีมาก แม้จะยังไม่ใกล้เคียงกับการมีความรู้และไหวพริบ แต่ก็เก่งมากแล้ว แม่พอใจมากจริงๆ สิ่งเดียวที่เจ้าต้องใส่ใจคือห้ามพูดเรื่องที่เจ้าสลับตัวกับหวันหวั่นให้คนอื่นฟังเด็ดขาด แค่บอกว่าเพราะเจ้าร่างกายอ่อนแอจึงต้องอยู่ในชนบทจนเติบโต และเจ้าเพิ่งกลับมาหาพ่อแม่เมื่อไม่นานมานี้ นี่จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทั้งเจ้าและหวันหวั่น” อวิ๋นซื่อพูดด้วยอารมณ์อ่อนไหว

“ต้องไปใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ต้องไป” ทัศนคติของอวิ๋นซื่อไม่ผ่อนปรน “รั่วเอ๋อร์ควรเชื่อฟัง และไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องปรับตัวได้แน่ๆ”

เว่ยรั่วถอนหายใจและยอมรับคำสั่งด้วยความไม่เต็มใจ “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ในบทประพันธ์เดิม อวิ๋นซื่อไม่อยากให้เจ้าของร่างเดิมไปตั้งแต่แรก แต่เจ้าของร่างเดิมโวยวายเสียงดังว่าจะไปด้วยให้ได้ อวิ๋นซื่อจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพานางไปที่นั่นด้วย

ตอนนี้เรื่องพลิกผันหมด คือนางไม่อยากไป แต่อวิ๋นซื่อกลับบังคับให้นางไป

เว่ยรั่วรู้สึกว่ามันน่าหัวเราะ จริงๆ แล้วปัญหาคืออันใด? เหตุใดผลลัพธ์สุดท้ายจึงพัฒนาไปในทิศทางของเส้นเรื่องเดิมตลอด?

เว่ยรั่วจำได้ว่าในบทประพันธ์เดิม การอธิษฐานขอพรครั้งนี้ถือเป็นฉากละครที่ยิ่งใหญ่ฉากหนึ่ง

เหตุการณ์แรกคือในฐานะตัวประกอบหญิงไร้ค่า พฤติกรรมที่ไม่น่าพึงพอใจของนาง ทำให้นางกลายเป็นตัวตลกของคุณหนูทั้งหลายและยังทำให้อวิ๋นซื่อเสียหน้าอีกด้วย

เหตุการณ์ที่สอง ในฐานะตัวเอกหญิง เว่ยชิงหวั่นได้พบกับตัวเอกชายเป็นครั้งแรกที่วัดฝ่าหวาขณะกำลังอธิษฐานขอพร

เว่ยรั่วคิดเรื่องนี้ขณะเดินกลับเรือนทิงซง

“ซิ่วเหมย เจ้าไปค้นหาในกองสัมภาระที่เรานำมา ดูว่ามีมันเทศตากแห้งและมันเทศกรอบบ้างหรือไม่?”

ซิ่วเหมยไปที่ห้องปีกทันทีเพื่อค้นหามันเทศตากแห้งและมันเทศกรอบ จากนั้นนำมันออกมาชนิดละ 1 ถุง

“คุณหนูหิวหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ใช่ แต่พรุ่งนี้ท่านแม่บอกให้ข้าไปจุดธูปอธิษฐานขอพรที่วัดฝ่าหวาด้วยกัน ข้าจึงจะพกติดตัวไปด้วย เจ้าช่วยข้าหาถุงผ้าต่วนสองใบที่มีเชือกรูดปิดปากหน่อยสิ”

“คุณหนูกลัวว่าจะหิวระหว่างทางหรือเจ้าคะ?” ซิ่วเหมยถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ แต่ข้ามีแผนอื่นในใจ”

เว่ยรั่วยิ้มเจ้าเล่ห์

เนื่องจากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกได้ นางก็จะไป เพียงแต่การทำงานหนักของนางต้องไม่สูญเปล่า นางต้องได้บางสิ่งคืนมาด้วย

ในไม่ช้าเว่ยชิงหวั่นที่เรือนวั่งเหมยก็ได้ทราบข่าวว่าเว่ยรั่วจะไปวัดฝ่าหวากับอวิ๋นซื่อ

“ท่านแม่ตั้งใจจะพาพี่หญิงไปที่นั่นเองหรือ?” เว่ยชิงหวั่นถามหลี่หมัวมัว

“ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินหยิบยกขึ้นมาพูดเอง โดยบอกว่าไม่ช้าก็เร็วคุณหนูใหญ่ต้องได้ออกสังคมอยู่แล้ว พรุ่งนี้จึงเหมาะสมที่สุด”

“เร็วมากนะ…” เว่ยชิงหวั่นพึมพำพลางก้มหน้าลง

“คุณหนูอย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ มันเป็นเรื่องของเวลาล้วนๆ” หลี่หมัวมัวปลอบโยน

“ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องของเวลา แค่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้…” เว่ยชิงหวั่นยังเอ่ยด้วยท่าทางผิดหวัง

มีความแตกต่างระหว่างท่านแม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนและการที่เว่ยรั่วร้องขอเอง นี่จึงหมายความว่าท่านแม่จดจำเว่ยรั่วในฐานะคุณหนูใหญ่จวนเซี่ยวเว่ยและรู้สึกว่านางประพฤติตัวคู่ควร

“คุณหนูอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ นี่อาจไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคุณหนูใหญ่ เพราะต่อหน้าคุณหนูมากมาย หากคุณหนูใหญ่ทำผิดพลาดขึ้นมา นางจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งอำเภอซิ่งซั่นเจ้าค่ะ”

“ข้าไม่ได้อยากให้พี่หญิงทำผิดพลาด ข้าแค่ไม่อยาก...” เว่ยชิงหวั่นพูดเสียงแผ่ว

“บ่าวเข้าใจความคิดของคุณหนูเจ้าค่ะ แต่การที่คุณหนูใหญ่จะทำผิดพลาดต่อหน้าทุกคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ท่านสามารถกำหนดได้ แต่เป็นเพราะคุณสมบัติของนางเอง เรื่องบางเรื่องถ้าได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกี่ยวว่าคุณหนูปรารถนาจะให้เกิดหรือไม่เจ้าค่ะ”

“แต่ถ้าเป็นไปได้ ข้ายังหวังว่าพรุ่งนี้นางจะสบายดีและไม่ทำผิดพลาดจนทำให้จวนเซี่ยวเว่ยเสียหน้า” เว่ยชิงหวั่นเอ่ยเสียงแผ่ว

“คุณหนูจิตใจดีเกินไปเจ้าค่ะ” หลี่หมัวมัวพูดอย่างช่วยไม่ได้

“ขอเพียงท่านแม่ไม่เบื่อข้า ข้าก็ไม่สนหรอกว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับพี่หญิงบ้าง”

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ เพราะฮูหยินยังคงรักคุณหนูมากที่สุด”

เมื่อได้หลี่หมัวมัวปลอบใจแล้ว อารมณ์ของเว่ยชิงหวั่นก็ดีขึ้นมาก

หลังจากดื่มชาสงบจิตใจแล้ว นางก็เข้านอน

วันรุ่งขึ้น เว่ยรั่วแต่งกายตามคำสั่งของอวิ๋นซื่อ

เอี๊ยมท่อนบนสีเหลืองอ่อน เสื้อคลุมชายสั้นสีเขียวน้ำทะเล จับคู่กับกระโปรงสีเขียวเข้ม เมื่อมวยผมแล้วดูสดใสและฉลาดในตัว

หลังจากมาที่จวนเซี่ยวเว่ยเป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยรั่วแต่งกายเหมาะสม เพราะปกตินางจะสวมเสื้อผ้าที่รู้สึกว่าสบายตัวมากกว่า นอกจากนี้ทรงผมของนางยังถูกทำเป็นมวยเหมือนที่ผู้หญิงในชนบทมักจะทำเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน

อวิ๋นซื่อขอให้นางเปลี่ยนมาใส่ชุดที่เตรียมไว้ให้หลายครั้งแล้ว แต่เว่ยรั่วปฏิเสธโดยอ้างว่าผ้าป่านมีน้ำหนักเบาและสะดวกในการเคลื่อนไหวมากกว่า

อวิ๋นซื่อมองเว่ยรั่วที่แต่งกายเช่นนี้แล้วแสดงรอยยิ้มพึงพอใจออกมา “รั่วเอ๋อร์ดูดีมากในชุดนี้”

อวิ๋นซื่อยังสังเกตเห็นถุงผ้าตุงๆ สองใบที่เว่ยรั่วถืออยู่ในมือ จึงถามว่า “รั่วเอ๋อร์ถือสิ่งใดอยู่หรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด