ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ประการที่สอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 ชำระหนี้

ตอนที่ 15 คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด


ตอนที่ 15 คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด

หลินฉางเซิงไม่ต้องการเข้าแก้ไขปัญหาที่สำนักหยกสวรรค์ก่อเอาไว้ แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็สำคัญมาก ถ้าหากเขาไม่เข้าร่วมอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายตามมา

“อย่างนั้นให้ผิงเหยียนไปกับเจ้า!”

หลังจากไตร่ตรองสักครู่ หลินฉางเซิงจึงตัดสินใจ

“ตกลง!” เฉินชิงหยวนพยักหน้ารับเล็กน้อย เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา… เพราะหากไม่มีหลินฉางเซิงอยู่ด้วย เฉินชิงหยวนก็สามารถมีโอกาสทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเปิดเผยสภาพร่างกายของตนเอง

ไม่นาน ชายหนุ่มในชุดขาวปรากฏตัวขึ้น นามของเขาคือ… หลินผิงเหยียน! เป็นบุตรชายคนเดียวของหลินฉางเซิง

หลินผิงเหยียนเป็นอาวุโสชั้นในของสำนักเต๋าล้ำขจี และระดับยุทธ์ของเขาเข้าสู่ขอบเขตกำเนิดวิญญาณแล้ว อายุของเขามากกว่าเฉินชิงหยวนหลายร้อยปี แต่ด้วยศักดิ์ของเฉินชิงหยวนที่มากกว่า เขาจึงต้องเรียกขานเฉินชิงหยวนว่าลุงน้อย

“ท่านพ่อ ท่านลุงน้อย”

หลังได้รับคำสั่ง หลินผิงเหยียนวางทุกอย่างในมือพร้อมวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างเร่งรีบ

ในคราวแรก เป็นเรื่องยากที่จะให้หลินผิงเหยียนเรียกขานเฉินชิงหยวนว่าลุงน้อย

เป็นเพราะเฉินชิงหยวนสร้างความประทับใจยิ่งใหญ่ บดขยี้สหายลัทธิเต๋าในแดนธารดวงดาวทั้งหมด และได้รับชื่อเสียงมากมายในแดนรกร้างตอนเหนือ หลินผิงเหยียนจึงเชื่อมั่นในตัวเขา และยอมรับเขาอย่างเต็มใจ

“เจ้าจะต้องเดินทางไปกับลุงน้อยของเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจงปกป้องความปลอดภัยของลุงน้อย เข้าใจหรือไม่?”

หลินฉางเซิงแตะคิ้วของหลินผิงเหยียนเบา ๆ เพื่อส่งตำแหน่งของหมอเถื่อน ปากก็กล่าวย้ำหนักแน่น

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินผิงเหยียนพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม พร้อมลอบคิดในใจว่าตราบใดที่เขายังมีชีวิต ลุงน้อยจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้ปลายเล็บแน่นอน

“ไปได้!” หลินฉางเซิงไม่ต้องการให้มีคนทราบเรื่องนี้มากเกินไป เพราะเกรงว่าจะดึงดูดอันตรายภายหลัง

ให้หลินผิงเหยียนคุ้มกันเฉินชิงหยวนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากไม่ใช่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ยาวนานหลายพันปี ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เขาสามารถแก้ไขได้

เฉินชิงหยวนกับหลินผิงเหยียนออกเดินทาง

หลินฉางเซิงหันกลับไปหาอาวุโสชั้นใน และเตรียมพร้อมสำหรับการไปถกเถียงปัญหาของถ้ำปีศาจใต้ดิน

เกวียนหินสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยการวางหินวิญญาณในตำแหน่งพิเศษ ความเร็วของมันคือหนึ่งแสนลี้ต่อวัน ถือว่ารวดเร็วพอสมควรแล้ว

เฉินชิงหยวนนั่งอยู่ในเกวียนหิน ทั้งผ่อนคลายและพึงพอใจมาก เขาไม่รู้สึกอึดอัดอะไรเลย

“ลุงน้อย คงต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าเราจะไปถึงแดนธาราสมุทร”

แม้พรสวรรค์ของหลินผิงเหยียนจะไม่ดีเท่ากับเฉินชิงหยวนในอดีต แต่มันก็ถือว่าสูงมาก และเขาคือความหวังของผู้อาวุโสภายในสำนักเต๋าล้ำขจี หากเฉินชิงหยวนไม่ปรากฏตัว ผู้นำรุ่นเยาว์ของสำนักเต๋าล้ำขจีจะกลายเป็นเขาแน่นอน

เมื่อร้อยปีที่แล้ว เดิมทีสำนักเต๋าล้ำขจีตัดสินใจให้เฉินชิงหยวนเป็นผู้นำสำนักรุ่นเยาว์ สุดท้ายเป็นเขาที่สามารถแบกสำนักเต๋าล้ำขจีไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้

น่าเสียดายที่ทุกสิ่งอย่างไม่เป็นดั่งใจหวัง

ร้อยปีผ่านไป หลังจากคัดเลือกอย่างหนักและพิจารณาอยู่หลายคราว อาวุโสชั้นในของสำนักเต๋าล้ำขจีจึงเลือกให้หลินผิงเหยียนขึ้นเป็นผู้นำสำนักรุ่นเยาว์อย่างเป็นทางการ

ทว่าเฉินชิงหยวนกลับปรากฏตัวขึ้น และทำให้คำสั่งนั้นต้องสั่นคลอนอย่างช่วยไม่ได้

ในสายตาของเหล่าอาวุโสชั้นในทั้งหมด พวกเขายังคาดหวังให้เฉินชิงหยวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม และเข้ารับตำแหน่งผู้นำสำนักรุ่นเยาว์อีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

เฉินชิงหยวนและหลินผิงเหยียนนั่งอยู่ในเกวียนหิน บนโต๊ะมีชารสเลิศพร้อมด้วยผลไม้วิญญาณมากมาย

หลินฉางเซิงต้องการให้หลินผิงเหนียนปกป้องเฉินชิงหยวนเป็นสิ่งเฉพาะหน้า ความจริงแล้วเขาต้องการให้ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน และสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ ความสัมพันธ์ที่ขาดหายของพวกเขาจะได้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น

หลินฉางเซิงเลี้ยงดูลูกชายคนนี้มากับมือของตนเอง และเชื่อมั่นว่าหลินผิงเหยียนจะไม่ทำตัวนอกรีต

“ผิงเหยียน ข้าได้ยินว่าอาวุโสชั้นในต้องการให้เจ้าเป็นผู้นำสำนักรุ่นเยาว์ แต่เพราะชื่อของข้าทำให้เรื่องนี้ต้องสั่นคลอน”

เฉินชิงหยวนได้ยินเรื่องนี้เขาก็หยิบยกขึ้นมากล่าวโดยตรง เพราะเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจอยู่นานแล้ว

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอาวุโส แม้เฉินชิงหยวนจะอายุน้อยกว่าหลินผิงเหยียนมาก แต่น้ำเสียงของเขาก็น่าเกรงขามยากจะละเลย

“ไม่เป็นไรเลย” หลินผิงเหยียนเม้มปากพร้อมยกยิ้ม อารมณ์ของเขาเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน

“หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับข้า ข้าคงยากจะหายใจได้ทั่วท้อง ไม่ว่าอย่างไรเสียข้าต้องทุบตีผู้ที่ขวางทาง หรือสาปแช่งมันผู้นั้นให้ตายตกไปเสีย”

เฉินชิงหยวนกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับว่าเขาคือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เสียเอง

เห็นเฉินชิงหยวนเป็นอย่างนั้นแล้ว ความกังวลและความหดหู่ในใจของหลินผิงเหยียนพลันหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาหัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลุงน้อย ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องร้ายแรง!”

“ไม่ มันร้ายแรงมาก!” เฉินชิงหยวนกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม “เจ้าฝึกฝนอย่างหนักเพื่อรับตำแหน่งผู้นำสำนักรุ่นเยาว์ แต่กลับสูญเสียโอกาสไป และสุดท้ายได้รับโอกาสอีกครั้งเมื่อร้อยปีที่แล้ว เป็นข้าที่ทำลายมัน กล่าวตามตรงว่าข้ารู้สึกว่าตนต่ำต้อยไม่คู่ควร และรู้สึกโกรธมาก! เหตุใดเจ้าจึงไม่ทุบตีข้าเพื่อระบายความขุ่นเคืองสักหน่อยเล่า!”

“......”

ลุงน้อย… ท่านควรได้รับรางวัลสาขาการแสดง!

หลินผิงเหยียนสวมใส่เสื้อคลุมสีขาว เขาถือเป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน ถ่อมตน งดงามราวกับหยก เป็นผู้ที่จริงจัง สุขุม และเงียบขรึม

“ลุงน้อย ข้าก็รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใดเลย นอกจากนี้หากข้าสามารถรักษาร่างกายของท่านให้กลับคืนดังเดิมได้ พรสวรรค์ของท่านมากล้นยิ่งกว่าข้า และข้ายินดีจะสนับสนุนให้ท่านขึ้นเป็นจ้าวสำนักรุ่นเยาว์ของสำนักเต๋าล้ำขจี”

ไม่ว่าจะเมื่อร้อยปีก่อน หรือตอนนี้ เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเฉินชิงหยวน ความสง่างามของเขาไม่อาจเทียบเท่ากับเฉินชิงหยวนได้เลย

“สิ่งที่ข้าไม่อาจทนไหวก็คือผู้ฝึกตนมีเหตุผลมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?” เฉินชิงหยวนถอนหายใจเบา “ข้าไม่เข้าใจเจ้า ไม่เข้าใจพี่ใหญ่ และไม่เข้าใจทุกคน”

“ลุงน้อยหมายความว่าอย่างไร?”

หลินผิงเหยียนขมวดคิ้วพร้อมถามด้วยความสับสน

“ข้าไม่เคยต้องการเป็นจ้าวสำนักรุ่นเยาว์ ข้าไม่ต้องการแบกรับความรับผิดชอบใดภายในสำนัก และข้าเคยพูดไปแล้วว่าตำแหน่งยิ่งใหญ่ภายในสำนักไม่ใช่ปลายทางของข้า เป้าหมายของข้าคือชีวิตอิสระและเรียบง่ายเท่านั้น”

เป็นเพราะต้องเดินทางไกล เฉินชิงหยวนจึงตัดสินใจที่จะพูดคุยกับหลินผิงเหยียนโดยตรง

“ผิงเหยียน เจ้าทราบหรือไม่ว่าทำไมพ่อของเจ้ากับอาวุโสทั้งหมดต้องการให้ข้ารับตำแหน่ง?”

เฉินชิงหยวนถาม

“เพราะลุงน้อยมีความสามารถล้นเหลือ ท่านสามารถปราบปรามผู้ฝึกตนอื่น ๆ ได้ เช่นนี้จึงสมควรรับตำแหน่งจ้าวสำนักรุ่นเยาว์”

หลินผิงเหยียนเคารพต่อผู้แข็งแกร่งเสมอ ดังนั้นจึงเรียกอีกฝ่ายว่าลุงน้อย

“นั่นเป็นเหตุผล แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่แท้จริง” เฉินชิงหยวนส่ายศีรษะ

“มีเหตุผลอื่นหรอกหรือ?” หลินผิงเหยียนเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “หรือเพราะท่านบรรพบุรุษสูงสุด?”

“ไม่ใช่” เฉินชิงหยวนส่ายศีรษะอีกครั้ง

“แล้วมันคือสิ่งใด?”

หลินผิงเหยียนถูกกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นโดยสมบูรณ์แล้ว

“เมื่อข้ายังเยาว์ ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในสำนัก ข้าก็ไม่เคยต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย” เฉินชิงหยวนเริ่มเล่าเท้าความ “แต่เจ้าแตกต่าง อารมณ์ของเจ้าไม่เด็ดขาด และไม่มั่นคงเพียงพอ หากเจ้าได้รับอนุญาตให้เป็นจ้าวสำนักรุ่นเยาว์ สำนักของเราจะถูกข่มเหง และศิษย์ในสำนักจะต้องสูญเสียเลือดเนื้อเพราะความไม่หนักแน่นของเจ้า นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง”

“ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า และข้าไม่ต้องการจะทำตัวเป็นโรงฆ่าสัตว์”

หลินผิงเหยียนมีชีวิตอยู่มานานกว่าห้าร้อยปี และเขาสังหารผู้คนไปน้อยกว่าสิบด้วยซ้ำ ทั้งหมดคือคนทรยศและชั่วช้า เพราะเหตุผลนี้เขาจึงกลายเป็นชายหนุ่มผู้มีเมตตาไม่เหมาะสมที่จะถือครองอำนาจ

“คราวนี้พี่ใหญ่บอกกล่าวให้เจ้าปกป้องข้า ประการแรกเพราะเขาเชื่อใจเจ้า และประการที่สองเขาต้องการให้อารมณ์ของเจ้ามั่นคงยิ่งขึ้น การติดตามข้าออกจากสำนักอาจจะช่วยขัดเกลานิสัยใจอ่อนของเจ้าได้”

สิ่งต้องห้ามในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์คือความเมตตา แต่หลินผิงเหยียนมีนิสัยเสมือนบัณฑิตผู้สง่างาม หากหลินผิงเหยียนไม่ได้เกิดในสำนักเต๋าล้ำขจี หรือสำนักอื่น ๆ เขาคงไม่ต้องกดดันตนเองมากขนาดนี้

คนดีมักถูกหลอกลวง นี่คือเรื่องจริงสำหรับคนธรรมดาสามัญ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น

“ลืมไปซะ!” หลินผิงเหยียนไม่ต้องการทำตัวโหดเหี้ยม แม้จะคิดก็ยากจะทำ ในสายตาของเขา… ทุกชีวิตมีค่า ต่อให้บุคคลนั้นต้องการตายอยู่แล้ว เขาก็ไม่อาจลงมือสังหารอีกฝ่ายได้

เพราะหลินผิงเหยียนมีเมตตาและใจอ่อนมากเกินไป เหตุผลเหล่านี้ทำให้อาวุโสชั้นในไม่ต้องการให้เขาขึ้นเป็นจ้าวสำนักรุ่นเยาว์

ในฐานะจ้าวสำนัก ไม่มีผู้ไร้เลือดเปื้อนมือ

เพื่อประโยชน์ของสำนัก บางครั้งต่อให้มันจะผิด แต่ก็ต้องทำเพื่อให้สำนักดำเนินไปต่ออย่างรุ่งโรจน์ ต่อให้ต้องขัดขวางวีรชนเพื่อปกป้องศิษย์ก็ต้องทำ

“ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมัน!” เฉินชิงหยวนนอนลงบนเก้าอี้โยกพร้อมหลับตาลง “หากเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ในอนาคตตำแหน่งจ้าวสำนักจะเป็นของเจ้า และในฐานะลุง ข้าย่อมสนับสนุนเจ้าแน่นอน”

การสอนให้ใครสักคนเป็นคนดีอาจจะยาก แต่การสั่งสอนให้เลวทรามอาจจะยากยิ่งกว่า

“ข้าไม่ต้องการอำนาจ แต่ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านพ่อผิดหวัง”

หลินผิงเหยียนฝึกฝนอย่างหนัก และต้องการได้รับการยอมรับจากหลินฉางเซิง เช่นนั้นเขาจึงต้องการเป็นจ้าวสำนักรุ่นเยาว์

“การเดินทางคราวนี้ พรุ่งนี้พวกเราน่าจะผ่านสำนักร้อยพฤกษา ช่วยแวะที่นั่นสักหน่อยแล้วกัน”

เฉินชิงหยวนกล่าวออกมาแผ่วเบา

“ท่านมีสิ่งใดจะทำหรือ?” หลินผิงเหยียนถาม

“เรียกเก็บหนี้”

เฉินชิงหยวนยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาเจือจาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด