ตอนที่แล้วบทที่ 21: ยินดีด้วย ครั้งนี้เจ้าเดาถูกแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23: คำขู่ของเสด็จพ่อ!

บทที่ 22: ธิดาน้อยต้องพึ่งข้า!


อาวุธเวทแท้จริงของหลินซวน ไม่ใช่กำไลเวทหรือกระบี่ใด ๆ.

แต่เป็นดินแดนต้องห้ามคงกระพันต่างหาก.

นี่คือทักษะป้องกันอัตโนมัติที่คงกระพัน ไม่มีสิ่งใดทำร้ายเขาได้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าต้องการสังหารเขา.

นี่จึงเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ

แน่นอนว่าหลินซวนจะไม่เปิดเผยความลับนี้ให้ใครพบเด็ดขาด.

ดังนั้น เหตุผลของเย่โหย่วในมุมมองของหลินซวน จึงเป็นได้แค่เพียง เรื่องไร้สาระ.

“ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่? ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”

ร่างกายของเย่โหย่วเต็มไปด้วยพลังปีศาจ และพลังความชั่วร้ายแผ่พุ่งลอยพัดขึ้นสู่ท้องฟ้า

แสงสีแดงโลหิตหนาแน่นปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนสั่นไหวและเดือดพล่าน

ดวงตาของหลินซวนที่เผยความเย็นชาเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาจำพลังของปีศาจโลหิตนี้ได้

เดิมทีเขาเพียงแค่ต้องการอยู่แค่ในวังหยกเลี้ยงดูบุตร แต่พลังปิศาจโลหิตที่น่ารังเกียจนี้ กับบุกรุกเข้ามา

"ดูเหมือนว่าคืนนั้นจะเป็นเจ้า"

เมื่อพบผู้กระทำผิดว่าเป็นเย่โหยว หลินซวนก็ตัดสินใจจัดการอีกฝ่ายทันที.

คนที่ต้องการทำร้ายธิดาของเขา จะต้องชดใช้!

ฟู่ ๆ ~

ปราณโลหิตระเบิดออกมา

เย่โหยวกระตุ้นพลัง "ทักษะอาคมไร้กำเนิด" ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา พลังปราณโลหิตที่ชั่วร้ายถูกรวบรวมเอาไว้ รวมตัวกำเนิดเป็นกะโหลกศีรษะสีแดงขนาดใหญ่ขึ้น.

"ตาย!"

ความกดดันทางจิตอันทรงพลังที่เกิดจากกะโหลกสีแดงทำให้พื้นที่โดยรอบผันผวน

"แค่นี้เองรึ?"

หลินซวน ที่กระตุ้นพลังจิตวิญญาณยักษาทันที.

พลังจิตวิญาณยักษ์จากโบราณกาล กระแทกเข้ากับกะโหลกสีแดงทันที.

ปัง

ภายใต้การปะทะกัน กะโหลกสีแดงก็ถูกฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ

เย่โหยวรู้สึกเพียงเสียงคำรามลั่นในหัวของเขา จนทำให้ดวงตาของเขาเหลือกค้างจนเปลี่ยนเป็นสีดำ

หากไม่เพราะเขามีรากฐานที่มั่นคง เกรงว่าผลกระทบนี้คงทำให้เขาหมดสติแน่.

ทว่าร่างกายของเขาก็ซวนเซยืนไม่อยู่เช่นกัน.

ร่างกายของเขาสั่นเทา และถอยหลังหนึ่งก้าว มีโลหิตไหลออกมาจากรูจมูกและมุมปาก

“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”

“เขาเป็นเพียงฐานฝึกฝนอาณาจักรจักรพรรดิ พลังจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ในขอบเขตมหาปราชญ์ได้อย่างไร?”

เย่โหยวที่พบกับความน่าพรั่นพรึง จากจิตวิญญาณยักษาเข้าแล้วนั่นเอง.

"ทักษะอาคมไร้กำเนิด" ของเขาอยู่ในระดับกึ่งปราชญ์แล้ว แต่ต่อหน้าจิตวิญญาณของเทพเจ้ายักษ์โบราณที่แท้จริง มันกับดูเปราะบางอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้เขาไม่น่าเชื่อก็คือสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่นี้จริง ๆ แล้วมาจาก หลินซวน ในอาณาจักรจักรพรรดิเท่านั้น

ด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหลินซวนที่มีระดับจักรพรรดิ แทบเป็นไปไม่ได้เลย.

ต้องรู้ด้วยว่า จิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง ก็ต้องมีภาชนะที่แข็งแกร่งในการบรรจุมันด้วย.

ความเข้มข้นของจิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ โดยทั่วไปแล้วจึงมีพลังเทียบเท่ากับฐานการบ่มเพาะนั่นเอง

จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรจักรพรรดินั้นสอดคล้องกับฐานบ่มเพาะของอาณาจักรจักรพรรดิ

แม้นว่าเย่โหยวที่มีพรสวรรค์ที่ผิดปรกติแม้นจะมีพลังบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิ แต่กลับสามารถยกระดับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงขอบเขตกึ่งปราชญ์ได้.

ทว่านี่คือขีดจำกัดของเขาแล้วเช่นกัน!

พลังจิตวิญญาณขอบเขตมหาปราชญ์ไม่สามารถแบกรับด้วยคนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิได้.

แต่การปรากฏตัวของ หลินซวน ได้ทำลายสำนึกรู้และความเข้าใจของเย่โหยวไปโดยสิ้นเชิง

“คนผู้นี้ที่เกินจะคาดเดาได้จริง ๆ!”

ในที่สุดเย่โหยวก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้ายังมีไม้ตายอีกหรือไม่?”หลินซวนเอ่ยเล็กน้อย“ถ้าไม่มี ข้าจะโจมตีออกไปแล้ว.”

“หลินซวน อย่ากำแหงนัก!” เย่โหยวกัดฟันด้วยความโกรธ

พลังปีศาจนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานและกลายเป็นกะโหลกสีดำนับพัน

อาคมเวทที่ลึกล้ำทำให้รอบ ๆ ร่างกายของเย่โหยวราวมีภูตผี ปรากฏขึ้นมากมายไร้สิ้นสุด.

พลังปิศาจที่น่าพรั่นพรึงพลุ่งพล่านมากมายไร้สิ้นสุดปกคลุมไปทั่วตำหนักอย่างรวดเร็ว.

“มาดูว่าเจ้าจะรับดาบของข้าได้ไหม!”

“ปิศาจฟาดฟัน!”

พลังปิศาจไร้สิ้นสุดรวมตัวกันเป็นดาบอาคมขนาดร้อยจั้ง.

ร่างของเย่โหยวที่กลายเป็นปิศาจผสานเข้ากับดาบอาคมด้านหน้าทันที.

"ตาย!"

แสงสีดำดับฟันฉับลงไป เปี่ยมด้วยแรงกดดันมหาศาล

ปัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดาบวิเศษขนาดใหญ่ระเบิดพุ่งใส่หลินซวนทว่าเขากลับไม่ขยับเลย

รัศมีปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว พร้อมรัศมีสังหารที่ทำให้โลกแตกเป็นชิ้น ๆ อย่างไรก็ตามกับไม่อาจแม้แต่ทำให้เส้นขนของหลินซวนหลุดล่วงด้วยซ้ำ.

“อ่า...นี่! เป็นไปได้ยังไง?”

คราวนี้เย่โหยวสิ้นหวังอย่างที่สุด.

การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา กับไม่อาจทำอะไรหลินซวนที่มีขอบเขตจักรพรรดิได้เลย.

เรื่องเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร?

เย่โหย่วรู้สึกว่าเขามีชีวิตอยู่มาหมื่นปีแล้ว ประสบการณ์ทั้งหมดทั้งมวลของเขาราวกับว่า มันใช้ไม่ได้เลย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ได้ล้มล้างโลกทัศน์ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้น กระบี่ของหลินซวนก็ทะลวงหัวใจของเย่โหยวทันที.

ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่จิตสังหารกับรุนแรงมาก จนทำให้ปิศาจกระหายโลหิต รู้สึกหัวใจสั่นสะท้าน.

“เจ้าล่วงเกินคนผิดแล้ว รู้หรือไม่?”หลินซวนที่ดึงกระบี่ออกมา พร้อมกับเตะเย่โหยวลอยออกไป.

“สิ่งที่ข้าทนไม่ไหวที่สุดคือ มีคนวางแผนร้าย กับบุตรสาวของข้า!”

“น่าเสียดายที่เจ้าทำให้ข้าโกรธสำเร็จแล้ว!”

“ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายอย่างมีความสุข!”

หลินซวนหยิบเก็บกระบี่ วาดมือไปบนอากาศ ผสานสร้างผนึกลึกลับสีทองขึ้นมา.

“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร?” เย่โหยวตื่นตระหนกอย่างรุนแรง.

เขารู้สึกว่าผนึกทองคำในมือของหลินซวนกำลังฉีกวิญญาณของเขาออกจากกัน.

หลินซวน เผยยิ้มเล็กน้อย: "สิ่งนี่เรียกว่าค่ายกลปราบมาร สิ่งนี้เป็นศัตรูธรมชาติกับเต๋าปิศาจ”

“เมื่อเจ้าติดอยู่ในค่ายกลนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณของเจ้าจะถูกแยกออกทีละส่วน ๆ จนแหลกสลายหายไปทั้งหมด.”

“เจ้าจะได้รับ...รสชาติความเจ็บปวดจนสลายหายไปทีละน้อย ๆ!”

หลังจากเอ่ยจบ หลินซวนก็โดยนผนึกใส่เย่โหยว.

ฟู่ ๆ~

แสงสีทองก็ระเบิดออกมา

ค่ายกลทรงกระบอกที่สะกดเย่โหยวเอาไว้ข้างในทันที.

จากนั้นร่างกายของเขาก็ราวกับถูกกักขังเอาไว้ในผนึกดังกล่าว.

จากนั้นก็มีพลังที่คอยชะล้างร่างกายและวิญญาณของเย่โหยวราวกับกระแสน้ำที่พัดผ่าน.

เย่โหยวเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับถูกไฟเผา ทำให้เขาร้องโหยหวนออกมา.

เพียงไม่นาน.

สามจิตเจ็ดวิญญาณของเขาที่ถูกแยกออกทีละส่วน ทำให้เขาเจ็บปวดทรมาน มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.

หลินซวนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังและจากไป.

เย่โหยวตายแล้ว และหลังจากที่เขาตาย อาณาจักรหมื่นปิศาจก็จะเสื่อมถอยลงในไม่ช้า.

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ หลินซวน ต้องคิดอีกต่อไป.

สิ่งที่เขาต้องการทำคือสังหารเย่โหยว ชายผู้อยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีธิดาของเขา.

“หลินซวน ถึงแม้นว่าข้าจะตาย เจ้าก็ไม่มีทางสบายแน่นอน! อาจารย์ของข้า จ้าวปิศาจอู๋ซือจะต้องล้างแค้นให้กับข้าอย่างแน่นอน!”

เย่โหยวที่ตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้าย.

หลินซวนที่หยุดที่ประตูและเอ่ยโดยไม่หันกลับมา“ใครสนล่ะ”

เขาที่ดีดนิ้ว ค่ายกลกำราบมาร ก็ฉีกเย่โหยวออกมาเป็นชิ้น ๆทันที.

หลังจากนั้นเขาก็เดินทางกลับมายังตำหนักหยก.

“ตี้ฟู่ ท่านยังไม่นอนอีกรึ?”

ในเวลานั้น จู่ ๆ เฟิงจี้ฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหลินซวน.

หลินซวนที่หันหลังกลับไปและเอ่ยอย่างสุขุม“คืนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยง่วงนัก จึงได้ออกมาสูดอากาศ”

"เข้าใจแล้ว" เฟิงจี้ฟ่านพยักหน้าและเอ่ยต่อ "ข้าได้ยินการเคลื่อนไหวและคิดว่ามีคนนอกบุกเข้ามา นั่นก็คือท่าน!"

หลินซวนเผยยิ้มเล็กน้อย: "ใช่"

ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครบุกเข้ามาที่นี่ได้ง่าย ๆ ในอนาคต

“เช่นนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาขอลา ท่านโปรดพักผ่อนเถอะ!”  เฟิงจี้ฟ่านทำความเคารพและจากไป

หลินซวนส่ายหน้าและเผยยิ้ม กว่าจะมีคนรู้ว่าข้าได้วางค่ายกลเอาไว้ ข้าก็เก็บมันไปแล้ว โชคดีที่เขาอยู่กับลูก ๆ

เขาสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป พร้อมก้าวเข้าไปในห้องนอน

บนเตียง เด็กหญิงทั้งสี่กำลังหลับสบาย

แต่พวกนางดูไม่ค่อยสงบอยู่เหมือนกัน.

หลินซวน ได้ยินปากของเสวียนซี เอ่ยพึมพำเรียกเสด็จพ่ออย่างคลุมเครือ

มือเล็ก ๆ สัมผัสบนเตียงราวกับกำลังควานหาใครบางคน

ดูเหมือนว่าแม้ว่าพวกนางจะหลับไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเสด็จพ่อไม่อยู่

“เด็กน้อย ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่จริง ๆ!”

เขาส่ายหน้าไปมา อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มและก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะของเสวียนซี.

ท้ายที่สุดเด็กหญิงตัวเล็กก็สงบลง จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของนาง.

เสวียนจู, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ดูเหมือนจะรู้สึกว่า หลินซวน กลับมาแล้วเช่นกัน

พวกนางที่ขยับเข้าหาหลินซวน.

ขดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของ หลินซวน เหมือนแมวน้อยน่ารัก แล้วหลับไปอย่างสงบ

“ดูเหมือนว่าในอนาคตข้าจะทิ้งพวกนางเอาไว้ในเวลากลางคืนอย่างง่าย ๆ ไม่ได้จริงๆ” หลินซวนอดไม่ได้ที่จะเผยความรักและแววตาอ่อนโยน เมื่อเห็นสิ่งดังกล่าว

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด