ตอนที่แล้วบทที่ 29 ตัวเอกตบปากตัวเอง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 เย่ซิงเฉิน! ไอ้คนทรยศ!

บทที่ 30 ที่แท้เป็นเขา! ฉันแทบจะจำมันไม่ได้เลยตอนเขาใส่เสื้อผ้า!


บทที่ 30 ที่แท้เป็นเขา! ฉันแทบจะจำมันไม่ได้เลยตอนเขาใส่เสื้อผ้า!

หลังจากนั้น คนที่พอมีสถานะอยู่บ้างก็พากันเข้ามาแลกเปลี่ยนนามบัตรกับหลินเป่ยฝานเพื่อกระชับความสัมพันธ์

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ เขาคือบุคคลที่ผู้เฒ่าหวงเอ่ยปากยกย่อง

ท่ามกลางเสียงชื่นชมของทุกคน หลินเป่ยฝานผลักเย่ซิงเฉินที่ใบหน้าด้านชาออกมา พูดอย่างถ่อมตัวว่า “จริงๆ แล้ว ผมไม่มีความสามารถมากมายอะไร ผมไม่รู้เรื่องการพนันหินเลย ทุกอย่างในวันนี้ล้วนเกิดจากสหายเย่ของผม! ถ้าไม่มีเขา ผมไม่มีทางทำเงินได้มากขนาดนั้น! เขามีส่วนร่วมมากๆ!”

พอได้ฟัง ทุกคนก็ยิ่งชื่นชมหลินเป่ยฝานมากเข้าไปอีก

ดูไว้ซะ นี่แหละคือทัศนคติที่ดี!

ดูไว้ซะ นี่แหละคือการรู้จักยกย่องผู้อื่น!

น้อมรับคำชมอย่างไม่โอ้อวด ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมยกย่องบอดี้การ์ดของตัวเองไปด้วย

แล้วคนแบบนี้จะไม่ประสบความสำเร็จได้ยังไง!

แต่จะว่าไปก็แปลก ทำไมสหายบอดี้การ์ดคนนี้ถึงมีใบหน้าด้านชานัก เหมือนพ่อเพิ่งตายยังไงยังงั้น

อาาาา! เปรียบเทียบกันแล้ว บุคลิกช่างแตกต่างเหลือเกิน! คนเช่นนี้จะประสบความสำเร็จอะไรได้?

อย่างที่คาดไว้ ทัศนคติเป็นตัวตัดสินจริงๆ

ตัวเอกเย่ซิงเฉิน “……”

ณ ขณะนี้ บางคนพอมองเย่ซิงเฉินดีๆก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน บ่นพึมพำว่า “ฉันว่าเขาคุ้นหน้าอยู่นา เหมือนเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง ...”

“หลังจากได้ยินนายพูด ฉันว่าเขาก็คุ้นหน้าเหมือนกัน”

“เขาคือใคร?”

……

หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ทุกคนต้องคุ้นหน้าเขาอยู่แล้ว เพราะสหายคนนี้ของผม เขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดเท่านั้น แต่ยังเป็นคนดังในโลกอินเตอร์เน็ต! ชื่อเสียงของเขา เรียกได้ว่าโด่งดังในชั่วข้ามคืน!”

“คนดังโนโลกอินเตอร์เน็ต แล้วเขาเป็นใคร?”

“ทำไมฉันไม่รู้จัก!”

……

“ผมจะใบ้ให้พวกคุณ” หลินเป่ยฝานพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า “ใครอยากเห็นฉันถอดอีกบ้าง?”

จู่ๆทุกคนก็ฉุกคิดได้ทันที

“โอ้~~ที่แท้ก็ไอ้หนุ่มตุ้งติ้งนักเปลื้องผ้านี่เอง พอเขาใส่เสื้อฉันแทบจำไม่ได้เลย!”

“มิน่าเล่าถึงได้ดูคุ้นหน้านัก”

“รองประธานหลิน บอดี้การ์ดของคุณมีพรสวรรค์จริงๆ”

“เขาเป็นนักเต้นที่เก่งมาก! ฮ่าๆ!”

……

ตัวเอกเย่ซิงเฉิน “พรวดดดด”

หลังจากทำเงินได้มากมาย และได้ผูกมิตรกับผู้เฒ่าหวง พวกหลินเป่ยฝานก็ออกจากตลาดพนันหินอย่างอารมณ์ดี

“เหมยเหนียง วันนี้เราทำเงินได้ทั้งหมด 480 ล้านหยวน บวกกับของเดิมร้อยล้าน หักลบเงินค่าซื้อหิน ก็รวมเป็นเงินเกือบ 600 ล้าน! ตอนนี้พวกเราน่าจะมีทุนพอทำอะไรได้หลายอย่างแล้วถูกไหม?” หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

หลิวรู่เหมยรู้สึกตื่นเต้นมาก “เงินเกือบ 600 ล้านหยวน  คุณสามารถทำอะไรได้มากมาย ผลักดันแผนการระยะยาวยังได้เลย! รองประธานหลิน วันนี้คุณโชคดีจริงๆที่ผ่าได้หยกทั้งสองก้อน!”

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสหายเย่” หลินเป่ยฝานตบไหล่เย่ซิงเฉินอย่างภาคภูมิใจ  “ถ้าเขาไม่แนะนำให้มาเล่นพนันหินที่นี่ ผมคงไม่ไม่เจอหยกมูลค่าเกือบร้อยล้าน! และถ้าเขาไม่ช่วยเลือก พวกเราคงไม่มีวันได้เห็นสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่ากว่า 400 ล้าน!”

“เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของผม!”

“ไม่มีเขา วันนี้คงไม่มีผม!”

“ขอบคุณสหายเย่ ผมรับรองว่ากลับไปจะให้รางวัลคุณอย่างงาม!”

หลินเป่ยฝานพูดจากใจจริง แต่ถ้อยคำสรรเสริญเหล่านี้ เมื่อเข้าสู่หัวใจของเย่ซิงเฉินกลับยากที่จะทานทนไหว มันให้ความรู้สึกเหมือนมีไอมรณะลอยใกล้เข้ามา

หากสามารถย้อนเวลาได้ เขาจะไม่แนะนำให้มาที่นี่เด็ดขาด และถ้ามา ก็จะไม่ยอมเลือกหินด้วยตัวเอง ฉันนี่มันมือกับปากพาซวยจริงๆ!

“ทั้งหมดได้มาเพราะเขา? เหอ เหอ ฉันว่าไม่หรอก!” หลิวรู่เหมยเม้มริมฝีปาก ในมุมมองของเธอ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของโชค ก็แค่บังเอิญแมวตาบอดดันวิ่งไปชนหนูตาย

แล้วอีกอย่าง วันนี้เย่ซิงเฉินประพฤติตนแย่มาก ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของคณะผู้ติดตาม เขาถือเป็นตัวแทนหน้าตาของหลินเป่ยฝาน ทว่าวันนี้กลับทำหน้านิ่งเหมือนคนตาย ปราศจากรอยยิ้มใดๆ พฤติกรรมแข็งกระด้าง

เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเป่ยฝานวางตัวได้เหมาะสมมาก ก็เหมือนกับวลีที่ว่าคนที่ใส่เสื้อแขนยาวมักเต้นได้สง่ากว่า—คนเราจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่ามากถ้ามีอะไรให้พึ่งพาอย่างการมีคอนเนคชั่น

ต่อหน้าคนนอก เขายังรักษาหน้าของบอดี้การ์ดตัวเอง แม้อาจเสียเงินไปหลายล้านก็เต็มใจ

และพอได้เงินเขากลับอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ลืมให้กำลังใจลูกน้อง นี่ทำให้ทัศนคติที่เธอมีต่อหลินเป่ยฝานดีขึ้นเล็กน้อย

แกะดำตัวนี้ ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถซะทีเดียว!

ณ ขณะนี้ ตัวเอกเย่ซิงเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “รองประธานหลิน ผมอยากลาซักครึ่งวัน”

หลินเป่ยฝานตกใจมาก “สหายเย่ เป็นอะไรไปเหรอ……”

“เมื่อคืนผมดื่มไวน์มากไป จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกไม่สบายตัว เลยอยากขอลาก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หวังว่าคุณจะอนุมัติ!”เย่ซิงเฉินอ้างเหตุผล

ในความเป็นจริง เขาแค่อยากกลับไปปลอบจิตวิญญาณที่แตกสลายของตัวเอง

ในตอนเช้าทุกคนล้อเลียนเขาว่าเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ในช่วงบ่ายเขาทำเงินให้แก่ศัตรูตั้งมากมาย หัวใจตัวเองเจ็บปวดเหลือเกิน อ่อนล้าเต็มทน

ต้องกลับไปรักษาบาดแผล

หลินเป่ยฝานพูดอย่างครุ่นคิด “สหาย วันนี้คุณช่วยพวกเราได้มากแล้ว เพราะงั้นกลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ผมอนุญาตให้ลา”

“ขอบคุณครับรองประธานหลิน!” เย่ซิงเฉินโค้งหัวลงเบาๆ และเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย

มีเพียงหลิวรู่เหมยเท่านั้นที่มุ่ยปาก กล่าวอย่างไม่พอใจ “เย่ซิงเฉินเป็นอะไร? เขาลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองคือคนขับรถกับบอดี้การ์ด นี่มันระหว่างงาน เขาต้องคอยรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของคุณ แต่กลับขอลาดื้อๆแบบนี้? ไม่มีจรรยาบรรณในการทำงานเลย! ต่อให้มีความดีความชอบ ก็ไม่ควรทำแบบนี้!”

“อย่าพูดแบบนั้นกับสหายเย่สิ!” หลินเป่ยฝานโบกมือแล้วพูดว่า “เขาคงเหนื่อยเกินไปจริงๆ ที่อยู่มาได้ถึงตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ให้เขาพักผ่อนเถอะ!”

หลิวรู่เหมย “ว่าแต่นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันต่อดี?”

“ไปที่ไหนน่ะเหรอ? ... ก็ต้องเป็นโรงพยาบาลอยู่แล้ว! ไปเยี่ยมเซียวเฉิน!”

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขามาถึงโรงพยาบาล

หลินเป่ยฝานถือช่อดอกไม้สีขาวชวนเศร้าโศกอยู่ในมือ เดินเข้าไปในหอผู้ป่วยด้วยสีหน้าหนักใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด