ตอนที่แล้วบทที่ 8: ไม่ว่าปัญหาคืออะไร พ่อจะช่วยเจ้าแก้ไข!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 ว้าว เสด็จพ่อสุดยอดมาก!

บทที่ 9: ในที่สุดข้าก็อวดเสด็จพ่อแล้ว!


หลินซวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นเพราะคำพูดนี้

“ทำไมเขาถึงบอกว่าข้าเหมือนผู้หญิงล่ะ” หลินซวนถาม

ซวนหยูเอ่ยด้วยความโกรธ: "เพราะเขาบอกว่า ใบหน้าเสด็จพ่อขาวมาก เด็กผู้ชายไม่มีหน้าขาวขนาดนั้น มีแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้นที่มี!"

คำพูดที่ทำให้ผู้ใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.

ไม่มีใครคาดคิด เพราะคำพูดนี้ เด็กทั้งสองจึงทะเลาะกัน.

อย่างไรก็ตาม หลินซวน ทั้งหล่อและประณีต แม้แต่ทั่วทั้งเป่ยเสวียนเทียนก็หาพบ ได้ยากยิ่ง

ความประณีตของเขาสามารถบดบังความงามของสตรีหลายคนได้เลย

ตงหวงเต๋อเย่ ที่บีบใบหน้าของตงหวงเห่าหยู ด้วยความตะลึง พร้อมกับเอ่ยออกมาแกมหัวเราะ“เจ้าเด็กตัวเหม็น นี่คือ บุรุษที่หล่อเหลาต่างหาก.”

“หน้าบุรุษก็ขาวและสวยมากได้นะ รู้ไหม?”

ตงหวงเห่าหยู ดูงุนงง: "เด็กผู้ชายจะดูดีเหมือนกันได้ไหม?"

"แน่นอน!"

ตงหวงเต๋อเย่พยักหน้า "ตี้ฟู่นั่นก็คือเจี่ยฟู่เกอของเจ้า เขาเป็นบุรุษที่ดูหล่อเหลาที่สุดในโลก เข้าใจไหม?"

ในขณะที่เอ่ย ตงหวงเต๋อเย ได้ริเริ่มผูกสัมพันธ์กับหลินซวนแล้ว

นับความสัมพันธ์ของเขากับตงหวงจื่อโหยว ตงหวงเห่าหยูควรเรียกหลินซวนว่า ลุง

“อืม เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” ตงหวงเห่าหยู รีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อโค้งคำนับหลินซวน "เจี่ยฟู่เกอ ข้าขอโทษ!"

หลินซวนลูบศีรษะ: "ไม่เป็นไร"

"ฮะ!" เสวียนหยูกอดอก พร้อมกับเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิ คล้ายกับแสดงออกมาว่า ข้าไม่ได้ผิด.

ตงหวงเต๋อเย่ผลักตงหวงเห่าหยู : "ไปขอโทษน้องสาวเจ้าด้วยสิ"

เห็นได้ชัดว่าตงหวงเห่าหยูถูกทุบตีมากกว่า แต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะอีกฝ่ายเป็นคนผิด.

และเสวียนหยูยังเป็นธิดาของจักรพรรดินิตงหวงจื่อโหยว ,ตงหวงเต๋อเย่ มีแต่ต้องยอมรับผิดเท่านั้น.

ทำได้เพียงปล่อยให้ลูกชายของเขาก้าวออกไปยอมรับความผิดพลาดของตัวเองก่อน

ตงหวงเห่าหยูก้าวไปข้างหน้าและจับมือเล็ก ๆ ของเสวียนหยู: "น้องสาวเสวียนหยู ข้าผิดแล้ว"

"ฮึ!" เสวียนหยูแค่นเสียง ยังคงเผยท่าทางภาคภูมิ

ตงหวงเห่าหยูหยิบขนมชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างช่วยไม่ได้:

“น้องสาวเสวียนหยู ข้ามอบขนมแก่เจ้า ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย?”

เสวียนหยูที่คว้าขนมมา แต่ไม่ได้เปิดห่อแต่อย่างใด จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า"เสด็จพ่อของข้าเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุด!"

ตงหวงเห่าหยู พยักหน้า: "ใช่!"

เสวียนหยู: "นอกจากนี้ เสด็จพ่อของข้าก็ยังเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดด้วย!"

ตงหวง เห่าหยู: "อืม!"

เสวียนหยูเห็นทัศนคติของตงหวง เห่าหยูจริงใจมาก

จากนั้นนางก็แกะขนมออกมาพร้อมกับเลียมันเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า "มันหวานมาก เช่นนั้นข้าจะยกโทษให้กับเจ้า!"

ตงหวงเต๋อเย่ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็จัดการแม่มดตัวน้อยได้

จากนั้นเสวียนหยูก็หันหน้ากลับมาและกระโดดตัวลอยเข้าไปในป้อมกอดของหลินซวน พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความสุข

“ในที่สุดข้าก็มีเสด็จพ่อเหมือนกับทุกคนแล้ว!”

“พวกเขาเคยอวดเสด็จพ่อแต่ข้าไม่มี!”

“ตอนนี้ ในที่สุดข้าก็สามารถอวดเสด็จพ่อของข้า ให้พวกเขาเห็นได้แล้ว!”

หลินซวน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้.

ปรากฎว่าเด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้ที่ตอบสนองอย่างรุนแรงก็เพราะมีปมค้างอยู่ในใจนี่เอง.

นับตั้งแต่นางรู้ความ นางก็เฝ้ามอง ดูเด็กคนอื่น ๆ อวดบิดาของตัวเอง

ทุกครั้งที่เห็นจะทำให้นางหดหู่ใจเป็นอย่างมาก.

“เป็นบุตรสาวที่ดีของพ่อจริงๆ!” หลินซวนอดไม่ได้ที่จะหอมใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง "เสด็จพ่อสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปในอนาคต!"

เสวียนจู เสวียนซี และเสวียนหาน เห็น หลินซวนหอมแก้มของเสวียนหยูก็เผยท่าทางอิจฉาอยู่พักหนึ่ง.

สาวน้อยทั้งสามเร่งรีบวิ่งเข้ามากอดหลินซวน: "เสด็จพ่อ ท่านก็หอมข้าด้วย!"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ดี!" หลินซวนตอบรับคำขอของบุตรสาวทันทีและหอมแก้มบุตรสาวทีละคนจนครบ

เมื่อเห็นฉากที่อ่อนโยนของพวกเขา ทุกคนต่างก็พากันอิจฉา

การมีบุตรสาวก็ดีเช่นกัน!

เด็กสาวตัวน้อยที่กอดมะรุมมะตุ้มรอบ ๆ กายของหลินซวนอย่างมีความสุข.

“ว้าว ช่างเป็นครอบครัวที่มีความรักมากมาย!”

มู่โหยวชิงเข้ามาด้านหลังหลินซวนและบังเอิญเห็นฉากที่เขาหอมแก้มบุตรสาวทั้งสี่คน ทำให้หัวใจของนางแทบละลายไปในทันที.

“เจี่ยฟู่เกอ งานเลี้ยงน้ำชากำลังจะเริ่มแล้ว ข้าจะพาท่านไปที่นั่น”

เสวียนจู่ และเด็กสาวคนอื่น ๆ เห็นมู่โหยวชิง  พวกนางต่างเรียกนางอย่างกระตือรือร้น: "สวัสดีเสี่ยวอีของข้า!"

[小姨(xiǎoyí/เสี่ยวอี๋) น้องสาวของภรรยา]

ในบรรดาคนหนุ่มสาวในราชวงศ์ตงหวง มู่โหยวชิงและพวกเสวียนจู่ นางนับว่ามีสนิทสนมกันดีที่สุด

เมื่อเห็นเสวียนจู่ และเสวียนซี กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของมู่โหยวชิง หลินซวน ก็พยักหน้ารับ: "ไปกันเถอะ"

มู่โหยวชิงที่กอดเสวียนจู่ และเสวียนซี ในอ้อมแขนของนางแล้วหอมพวกนางทีละคน

“สาวน้อยทั้งสอง ไม่ได้อุ้มพวกเจ้าเพียงแค่สองสามวัน ดูเหมือนว่าจะมีน้ำหนักขึ้นนะ.”

เสวียนจู่และเสวียนซีที่จ้องมองหน้ากันเขม็ง.

“เอ่อ ข้าอ้วนขึ้นเหรอ?”

“เมื่อคืนเจ้ากินมากเกินไปหรือเปล่า?”

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนเคยอยู่กับตงหวงจื่อโหยว และมักจะเห็นตงหวงจื่อโหยวไม่กินอะไรเลยเป็นเวลาหลายวัน

ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว พวกนางจึงเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับการรักษาสภาพรูปร่างที่เพรียวบางได้.

เมื่อได้ยินมู่โหยวชิงเอ่ยเช่นนี้ เมฆดำก็ลอยอยู่ในใจของเด็กหญิงตัวน้อย

“ฮ่าฮ่า น้าของเจ้ากำลังแกล้งพวกเจ้าเท่านั้น!”

มู่โหยวชิงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง "แม้ว่าน้าจะไม่ดีเท่าแม่ของเจ้า แต่ก็มีพลังบ่มเพาะเสมือนจักรพรรดิ ทำไมจะคิดว่าพวกเจ้าหนักล่ะ"

หลินซวนแอบรู้สึกละอายใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

สมควรที่จะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในราชวงศ์ตงหวง มู่โหยวชิงที่มีระดับเสมือนจักรพรรดิตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว

ถ้าเติบโตขึ้นไปอีกจะมีระดับใด?

ทุกคนที่พูดคุยกัน หัวเราะไประหว่างทาง ท้ายที่สุดก็มาถึงสถานที่นัดหมายในเวลาไม่นาน.

สถานที่คือ ศาลาบนเนินเขาซึ่งอยู่ใจกลางสวน

ศาลาแห่งนี้มีชื่อว่า เฝิงหยาถิง

แค่ได้ยินชื่อก็บอกได้เลยว่าเป็นสถานที่รวมตัวของสุภาพบุรุษ

กล่าวได้ว่าผู้คนที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่พิเศษ.

ด้านในที่ดูหรูหรา เต็มไปด้วยของประดับตกแต่งราคาแพง.

อย่างไรก็ตาม ผู้คนด้านในก็ไม่มีใครที่เผยท่าทางหยิ่งผยองสะกดข่มคนอื่น ๆ.

บรรยากาศที่ดูอบอุ่นทำให้หลินซวนรู้สึกสบายใจมาก

ลองคิดดูการที่เขาเข้าร่วมงานพร้อมกับสตรีงามเช่น มู่โหยวชิง นับว่าเป็นเรื่องที่ดูไม่ควรเท่าไหร่นัก.

มู่โหยวชิงที่เอ่ยแนะนำให้กับทุกคน“ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าได้รู้จัก นี้คือบุรุษของฝ่าบาท หลินซวน!”

ชายหนุ่มและหญิงสาวทุกคนในราชวงศ์ต่างเต็มไปด้วยสีหน้าชื่นชม

"เป็นดั่งที่คาดไว้ ควรค่าจะเป็นตี้ฟู่ ท่าทางสูงสูงไม่ธรรมดา!"

"การปรากฏตัวของตี้ฟู่ เพียงพอที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเป่ยเสวียนเทียนได้จริง ๆ!"

“ช่างหล่อเหลาสง่างามมาก! ข้าอิจฉาพี่สาวจักรพรรดินีจริงๆ!”

เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของทุกคน เสวียนจู่,เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู  ใบหน้าเล็ก ๆ ของ พวกนางต่างก็เผยความพึงพอใจออกมา.

ในอดีตพวกนางไปที่ไหนก็เห็นเด็กคนอื่น ๆ อวดพ่อของตนเสมอ.

ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกนางจะได้รับความรู้สึกของการมีเสด็จพ่อแล้ว!

ตามคำเชิญของมู่โหย่วชิง หลินซวนได้มานั่งที่หัวโต๊ะ

มู่โหย่วชิงนั่งข้างเขาเพราะนางต้องการช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วย.

มู่โหยวชิงจึงแนะนำหลินซวนให้ทุกคนรู้จัก

ในหมู่พวกเขาปะกอบด้วย ซ่างกวนเจี๋ย และ ซ่งหลิงถิง ดูเหมือนจะโดดเด่นที่สุดในบรรดา กลุ่มพรสวรรค์รุ่นเยาว์กลุ่มนี้

“พี่ใหญ่ซ่างกวนและพี่ซ่งอยู่ห่างจากอาณาจักรจักรพรรดิเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น”

“ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาทั้งสองยังมีพรสวรรค์ที่รู้จักกันไปทั่วเป่ยเสวียนเทียน และพวกเขาต่างก็เชี่ยวชาญด้านฉิน หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษร และการวาดภาพด้วย”

"ในแง่ของความรู้ ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วถึงกับได้รับฉายา "เป่ยซวนซวงจือ" "

หลังจากการแนะนำของมู่โหย่วชิง  ทำให้หลินซวนสามารถกลืมกลืนเข้ากับงานได้อย่างรวดเร็ว.

จากนั้น งานเลี้ยงน้ำชาก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

หลังจากเอ่ยพูดคุยกันสักพัก เยาวชนในราชวงศ์คนหนึ่งก็ถามซ่างกวนเจี๋ยว่า "พี่ใหญ่ซางกวน ในงานเลี้ยงน้ำชาครั้งสุดท้าย ท่านบอกว่ามีบทกวี หงส์ชั่วนิรันดร์ที่ท่านต้องการแบ่งปันกับพวกเราทุกคน ใช่หรือไม่?"

“ข้าสงสัยว่า ท่านจะทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาได้ไหม!”

ซางกวนเจี๋ยส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว "โอ้ กวีหงส์ชั่วนิรันดรนี้ยากเกินไป!"

"ข้าคิดเกี่ยวกับมัน แต่กลับโง่เขลามาก จนทำให้ข้าไม่สามารถเขียนบทกวีที่เหมาะ ทำให้มันสมบูรณ์ได้"

ซ่งหลิงถิงเอ่ย : "ใช่ พี่ซ่างกวนก็มาหาข้าด้วยเช่นกัน แต่ข้าก็ไม่อาจเขียนเติมออกมาได้เช่นกัน"

มู่โหยวชิงเดาะลิ้น แล้วเอ่ยออกมาว่า: "มันยากขนาดนั้นเลยรึ? ท่านสองคนประสบความสำเร็จในบทกวีมาก แต่กลับไม่อาจเขียนต่อบทกวีคู่ได้อย่างงั้นรึ?"

ซางกวนเจี๋ยและซ่งหลิงถิง พยักหน้าพร้อมกัน

“ไม่ใช่แค่เราเท่านั้น แต่อาจารย์ของเราก็ไม่สามารถ” ทั้งสองเผยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด