ตอนที่แล้วตอนที่ 163 ไปเป็นแขกที่บ้าน ตระกูลเซี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 165 มาเที่ยวเล่นที่บ้าน

ตอนที่ 164 พูดคุยถึงการแต่งงาน?


“มา มามา ทุกคน เข้ามานั่งกันก่อน”

ทันทีที่มาถึงห้องโถง เซี่ย เฉิงตง ก็พาทุกคนไปโซนโซฟาอย่างกระตือรือร้น แล้วสั่งให้คนรับใช้ให้ชงชาทันที

ระหว่างนั้น…

ทุกคนก็ได้พูดคุยเรื่องต่างๆ กันอย่างกระตือรือร้น

แต่ในขณะที่เรากำลังพูดคุยกันไป จู่ๆ หัวข้อพลันเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง…

สิ่งที่คาดไม่ถึงเลยคือ ..มันดันเกี่ยวข้องกับการแต่งงานไปจริงๆ

ไม่เพียงแต่ เซี่ย ซินเหยา เท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ ซูเหวิน เองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อยแล้ว

“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พูดตามตรงนะ เฉิงตง และฉันชอบ เสี่ยวเหวิน ของพวกคุณมาก ดังนั้นเราสองคนจึงมักพูดคุยกันบ่อยๆ ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะได้แต่งงานกัน”

ในเมื่อพูดถึงหัวข้อการแต่งงานแล้ว แม่ของ เซี่ย ซินเหยา ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป พูดอย่างตรงไปตรงมาทันที

เธอพอใจกับ ซูเหวิน มากเป็นพิเศษ พูดได้เลยว่าบุคลิกของเขาไม่เป็นสองรองใคร ไม่เจ้าชู้ และมีความรับผิดชอบมาก

ดูเหมือนมีเพียงการแต่งงานกับลูกสาวของเธอเท่านั้นที่ สวี่หยุน จะรู้สึกวางใจได้

“ความคิดของฉันคือ มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะแต่งงานกันทันทีหลังจากเรียนจบมหาลัย เพื่อที่เราจะได้หมดห่วง…”

เซี่ย เฉิงตง เองก็พยักหน้า และเสนอคำแนะนำของตนเอง

แต่เดิม เซี่ย ซินเหยา เธอก็หน้าบางอยู่แล้ว พอคําพูดนี้ออกมา เธอก็รู้สึกเขินอายทันที

“พ่อ แม่คะ คุณพูดอะไรกันอยู่น่ะ?”

“หนูเพิ่งเรียนอยู่ปี 3 เอง แล้วมีใครที่ไหนเขาเร่งรีบให้ลูกสาวแต่งงานเร็วขนาดนั้นกัน?”

เซี่ย ซินเหยา บ่น

แม้ว่าเธอจะชอบ ซูเหวิน มาก แต่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่กี่เดือน จริงมั้ย?

แล้วมันดูเร็วไปหน่อยไหมที่จะพูดคุยถึงเรื่องพวกนี้ในตอนนี้?

“ฮ่าฮ่า ตอนนี้คนหนุ่มสาวจำนวนมากแต่งงานกันเร็ว เมื่อพวกลูกเรียนจบมหาลัย พวกลูกก็เกือบจะบรรลุนิติภาวะแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถแต่งงานได้แล้ว”

“ใช่แล้ว การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบก็เป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาวตอนนี้”

พอพูดถึงการแต่งงาน ทุกคนดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก

อู๋เจวียน พูดด้วยรอยยิ้ม ซู กว่างเซิง ก็เร่งพยักหน้าเห็นด้วยทันทีเช่นกัน

สําหรับพวกผู้ใหญ่หลายคน ความตั้งใจที่จะให้ลูกสองคนแต่งงานกันนั้นแทบจะเรียกว่าสอดคล้องกันได้เลยทีเดียว

และในอนาคตทั้งสองครอบครัวก็จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

“ถูกถูกถูก คุณลุง คุณป้า พูดได้ถูกต้องที่สุดคะ โหย.. พี่สาวยังกลัวอะไรอยู่อีกล่ะ ถ้าไม่รีบจับคนดีอย่างพี่เขยเร็วๆ ระวังโดนผู้หญิงคนอื่นแย่งไปนะ”

“นั่นแน่นอน ในเมื่อทั้งสองฝ่ายชอบกันแล้ว ทำไมไม่แต่งงานกันเลยล่ะ? ผมยังรอดื่มเหล้ามงคลของพวกคุณอยู่นะ!”

ผู้ใหญ่หลายคนพูดคุยกันแล้ว เซี่ย ชิวเยี่ยน และเซี่ย เคอหมิง ก็หัวเราะกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าวใจพวกเขา

ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะขยิบตาให้กับ ซูเหวิน

เหมือนกําลังบอก ซูเหวิน ว่าพวกเขากําลังพยายามช่วยเขาแต่งภรรยาอยู่นะ!

ใบหน้าของ เซี่ย ซินเหยา แดงก่ำ เธอเขินอายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ทำได้แต่ก้มหน้างุด

ในใจเธอก่นด่า เซี่ย ชิวเยี่ยน และเซี่ย เคอหมิง ไปนับพันครั้งแล้ว

สองคนนี้ เสียดายที่เธอปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี และมักจะพาพวกเขาออกไปทานของอร่อยๆ ไม่ช่วยเธอในช่วงเวลาสำคัญก็ช่างเถอะ แต่นี่อะไรยังจะมาปลุกปั่นอีก ฮึ่ม!

ซูเหวิน เมื่อเห็นฉากนี้เขายิ้มอย่างสงบ แล้วพูดว่า : “ฮ่าฮ่า ทุกคนอย่าบังคับพวกเราเลยครับ”

“ผมชอบ เสี่ยวเหยา และในเมื่อผมชอบเธอแล้ว ถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับเธอในชีวิตนี้ ผมคงไม่มีทางไปมองหาผู้หญิงอื่นได้อีก ดังนั้นทุกคนก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผม”

“ส่วนเรื่องการแต่งงานนี้ คุณพ่อ คุณแม่ คุณลุง คุณป้า ผมว่า เสี่ยวเหยา พูดถูกนะ เราเพิ่งคบหากัน และดูเหมือนมันจะเร็วเกินไปที่จะพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงานในตอนนี้”

“เธอ กับผม ตอนนี้เราอยากจะคบหาดูใจกันไปก่อน ส่วนเรื่องแต่งงานเราค่อยเป็นค่อยไปก่อนดีกว่าครับ!”

เมื่อเทียบกับ เซี่ย ซินเหยา แล้ว เขาดูสงบกว่ามาก

แต่สิ่งที่เขาพูดไปนั้น ..มันก็เป็นความจริงเช่นกัน

แม้ว่าการแต่งงานจะทำให้ เขา และเสี่ยวเหยา สามารถอยู่ด้วยกันได้มากขึ้น

แต่ท้ายที่สุดตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน

ทั้งความสัมพันธ์ของเราเพิ่งเริ่มต้นเมื่อเดือนที่แล้วเท่านั้น

แน่นอนว่ายังเน้นเรื่องความรักเป็นหลักอยู่

การตกหลุมรักกันมันเป็นสิ่งสวยงามมาก และให้ผู้คนรู้สึกดีมากๆ!

อีกทั้งเรายังต้องการใช้ช่วงเวลานี้ค่อยๆ ศึกษาดูใจ คบกันไปนานๆ และเพื่อที่จะได้ดื่มด่ำสัมผัสกับความงดงามนี้

นี่แค่พวกเขาเพิ่งมีความรักให้กัน พวกผู้ใหญ่ก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกําหนดวันแต่งงาน ซึ่งมันดูเป็นการเร่งรีบเกินไป

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ..

และเขาเองเชื่อว่านี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ เสี่ยวเหยา ต้องการเช่นกัน

“เออ ก็ดี คนหนุ่มสาวนั้นเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ค่อยๆ ศึกษากันไป”

เซี่ย เฉิงตง พยักหน้าสนับสนุนความคิดของ ซูเหวิน

ท้ายที่สุดแล้ว บุคลิกของ ซูเหวิน ก็อยู่ในสายตาของทุกคน

และเขาไม่ใช่คนที่เอาความรู้สึกมาล้อเล่นแน่นอน

ถ้าเขาพูดอย่างนั้น งั้นก็แสดงว่าเขามีเหตุผลบางอย่าง

ผู้ใหญ่คนอื่นๆ พยักหน้าทีละคน และรู้สึกว่ามีเหตุผล ดังนั้นจึงไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้อีก

ระหว่างพูดคุยกันไป เวลาก็มาถึง 11.00 น. กว่าได้แล้ว

เนื่องจากวันนี้มีแขก เซี่ย เฉิงตง จึงได้เชิญพ่อครัวคนหนึ่งมาทําอาหารให้เป็นพิเศษ

ตอนนี้เมื่อใกล้เวลาแล้ว อาหารทุกประเภทจึงถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะแล้ว เซี่ย เฉิงตง ก็เชิญทุกคนมาที่โต๊ะเพื่อทานอาหารด้วยกัน

“พี่ใหญ่ซู ฉันได้ยินมาจาก เสี่ยวเหวิน ว่าคุณชอบดื่มมากที่สุด เช่นนั้นวันนี้เราทั้งคู่ไม่เมาไม่กลับ!”

เซี่ย เฉิงตง มองพ่อของ ซูเหวิน แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ว่าไง เสี่ยวเหวิน เราอยากจะดื่มสักหน่อยไหม?”

“เมื่อรู้ว่าพวกคุณมา ฉันเลยซื้อเหล้าดีๆ มาวันนี้”

เขามองไป และพูดกับ ซูเหวิน อีกสองสามประโยค

จากนั้นก็สั่งให้คนรับใช้ไปหยิบเหล้ามา

“ฮ่าฮ่าๆ ดี เช่นนั้นวันนี้ไม่เมาไม่กลับ”

พอ ซู กว่างเซิง ได้ยินว่าญาติในอนาคตต้องการดื่มกับเขา เขาจะยังลังเลที่ไหน และยิ้มอย่างมีความสุขทันที

สำหรับ ซูเหวิน เขาจำต้องกลัวอะไร อย่าลืมว่าร่างกายของเขาได้รับการยกระดับ

พอพูดจบ คนรับใช้ก็ได้เดินตรงเข้ามาพร้อมกับเหล้าหลายขวด

“กั๋วเจียว 1573 เหล้าชั้นเลิศ!” (国窖 1573, Guojiao 1573)

ซู กว่างเซิง ในฐานะคนชอบดื่มเหล้า แม้ว่าเมื่อก่อนครอบครัวจะยากจน แต่เรื่องเหล้า และยี่ห้อเหล้า เขาย่อมต้องรู้อยู่แล้ว

“พ่อ นี่ไม่ใช่ปี 1573 ธรรมดา แต่เป็น ‘ซัน(叁) 60’ ราคาต่อขวดตกแล้ว 300,000 กว่าหยวนครับ” (ราคาอยู่ประมาณ 336,666 หยวน)

ดวงตาของ ซูเหวิน เฉียบคมมาก จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น

“เหล้า 300,000 กว่าต่อขวด?”

ซู กว่างเซิง ตะลึงงันแล้ว

ไม่ใช่แค่เขา อู๋เจวียน ก็ตกใจเหมือนกัน

แม้ตอนนี้ครอบครัวซูของพวกเขาจะมีเงิน และเจริญรุ่งเรืองแล้วก็ตามที

แต่พวกเขาต้องตกใจเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าการซื้อเหล้าขวดหนึ่งก็ต้องใช้เงินมากกว่า 3 แสนหยวน..

พวกเขาได้ยินจากลูกชายของพวกเขาบอกว่า ‘ตระกูลเซี่ย’ เป็นตระกูลใหญ่ชั้นนําอันดับต้นๆ ของเมืองม่อ และกลุ่มบริษัท ฮั่วซิน ของ ตระกูลเซี่ย ก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

ตอนนี้ดูถ้าแล้วชีวิตของครอบครัวใหญ่เช่นนี้คงจะไม่ธรรมดาจริงๆ

แต่สิ่งที่คนทั้งคู่ไม่รู้ ..ก็คือ

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเหล้า หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ ซูเหวิน ซื้อให้พวกเขาดื่มในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ก็ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าสูงเช่นกัน

เพียงแต่ ซูเหวิน กลัวว่าทั้งคู่จะเห็นว่ามันแพงเกินไปแล้วทุกข์ใจ(ปวดใจ) ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะพูดถึงมัน

แต่อย่างไรตกใจมันก็ตกใจอยู่หรอก ทั้งนี้ ซู กว่างเซิง ยังคงอยากดื่มเหล้าขวดนี้มากเป็นพิเศษ

เหล้าดีๆ แบบนี้ใครบ้างเล่าที่ไม่อยากดื่ม?

คนทั้งปวงก็เดินไปพลางพูดคุย และหัวเราะกันไป จากนั้นพวกเขาก็นั่งลง

วันนี้ครอบครัวเซี่ย ทําอาหารมากมายไม่น้อยจริงๆ หม้อไฟ อาหารทะเล และอาหารที่ขึ้นชื่อต่างๆ ในเมืองม่อก็มีทุกอย่าง

ทั้งสองครอบครัวเต็มไปด้วยความรื่นเริง ขณะร่วมทานอาหารด้วยกันบรรยากาศเองเป็นไปอย่างมีความสุข และอบอุ่น

เซี่ย เฉิงตง เป็นคนชอบดื่มเหล้ามาก ดังนั้นอาหารมื้อนี้ พ่อซู และซูเหวิน จึงอยู่ดื่มเป็นเพื่อนกับเขาจนจบมื้ออาหาร

หลายครั้งก็แลกจอกดื่มกันด้วยความยินดี

กว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป อาหารมื้อนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ เซี่ย เฉิงตง ที่ไม่ค่อยเมา กลับเมาเล็กน้อยแล้ว

ไม่ใช่แค่เขาเมาเล็กน้อย เพราะแม้แต่ พ่อซู ที่มักดื่มเหล้าหน้าไม่เปลี่ยนสีมาตลอด สีหน้าก็ออกแดงเล็กน้อยเช่นกัน เพราะทั้งคู่ก็ได้ดื่มไปไม่น้อย

กลับเป็น ซูเหวิน ที่ดื่มเหล้าขาวลงท้องไปมากกว่าหนึ่งลิตร ยังดูเหมือนสบายดีอยู่เลย

ปริมาณแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มไปนั้นทำให้ทั้งสองครอบครัวต้องตกตะลึง

“เสี่ยวเหวิน ความสามารถในการดื่มของคุณนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ หากฉันอยากดื่มหลังจากนี้ ฉันคงต้องตามคุณมาดื่มเป็นเพื่อนแล้ว ฮ่าฮ่าๆ”

เซี่ย เฉิงตง หัวเราะเสียงดัง พลางตบไหล่ ซูเหวิน แล้วพูดพร้อมกับยกนิ้วให้ ซูเหวิน เวลานี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน

วันนี้ได้พบกับครอบครัวของ ซูเหวิน เขารู้สึกเป็นกันเองมาก

“ฮ่าฮ่า นั่นไม่ใช่ว่าง่ายเลยเหรอครับ?”

“เอาเป็นว่าตราบใดที่ ลุงเซี่ย อยากดื่ม คุณพูดคำเดียวผมจะรีบมาทันที หรือหากต้องการดื่มก็โทรหาพ่อผมให้เขามาดื่มเป็นเพื่อนก็ได้ครับ”

“จริงสิ คุณลุง คุณป้า จะว่าไปแล้วพวกคุณก็ไม่เคยไปที่บ้านผมเหมือนกันใช่ไหมครับ?”

“วันหลังหากทุกคนไปที่บ้านผม ผมจะทำอาหารให้ทุกคนได้ทาน แล้วผมจะดื่มกับ ลุงเซี่ย อีกสักสองสามแก้ว…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด