ตอนที่แล้วตอนที่ 158 แผนของ คุณชายเหอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 160 เปลี่ยนทัศนคติ

ตอนที่ 159 พบกับ คุณชายลู่ อีกครั้ง


“ฉันขอบอกพวกคุณว่าสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าพวกคุณคนนี้ก็คือ คุณหนูใหญ่ของ ฮั่วซิน กรุ๊ป คุณหนูเซี่ย เซี่ย ซินเหยา แห่งตระกูลเซี่ย”

“พูดได้ถูกต้องเลย ฉันคิดว่า ตระกูลเซี่ย คงไม่มีใครไม่รู้จักนะ เพราะพวกเขาคือตระกูลอันดับต้นๆ ในเมืองม่อของเรา”

“เหอเหอ แม้ว่าจะมีใครไม่รู้จักตระกูลเซี่ย แต่คิดว่าทุกคนคงต้องรู้จัก ฮั่วซิน กรุ๊ป ใช่ไหม?”

เพื่อนๆ ของ คุณชายเหอ หลายคนต่างช่วยแนะนำด้วยรอยยิ้มกว้างทันที

แต่ทั้งนี้พวกเขายังได้ละเลยต่อ ซูเหวิน ไปอย่างชาญฉลาด

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบจาก คุณชายเหอ ไปไม่มากก็น้อย และเริ่มมุ่งเป้าไปที่ ซูเหวิน โดยจงใจทำให้เขาอับอาย ขายหน้า

พอคําพูดเหล่านี้หลุดออกมา พวกเขาก็ทําให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นตกใจได้โดยตรง

สายตาของทุกคนจับจ้องมองไปที่ เซี่ย ซินเหยา อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย..

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ต่างก็ชื่นชม และอิจฉา เซี่ย ซินเหยา

สาวสวยเช่นนี้ ไม่เพียงแต่มีความงามที่สูงล้ำกว่าพวกเธอ แม้แต่สถานะของครอบครัวเธอก็มีความน่ากลัวมากเช่นกัน

โดยรวมแล้วคุณสมบัตินี้ ดูจะสมบูรณ์แบบเกินไปหรือไม่?

สำหรับเหล่าชายหนุ่มผู้มั่งคั่งเหล่านั้น พวกเขามีอารมณ์แตกต่างออกไปอีกแบบหนึ่ง

ตอนนี้พวกเขาใจเต้น และตื่นเต้นมากจนแทบรอไม่ไหวที่จะก้าวขึ้นไปข้างหน้า..

ไม่มีทางเลย.. เซี่ย ซินเหยา เธอมีความงามที่น่าประทับใจ กอปรกับอารมณ์ที่ไม่ธรรมดา ใครเห็นแล้วไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้าง?

นอกจากนี้ บริษัท ฮั่วซิน กรุ๊ป ของตระกูลเซี่ย ยังติดหนึ่งใน 100 บริษัทชั้นนำของโลก

จะดีแค่ไหนถ้า คุณหนูเซี่ย มาชื่นชอบพวกเขา?

แต่ทุกคนกลับคิดสิ่งนี้ได้ไม่นาน พวกเขาทั้งหมดก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างๆ เซี่ย ซินเหยา จึงพากันอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง

“คุณชายเหอ คุณชายคนนี้หน้าตาหล่อมาก ฉันสงสัยว่าเขาเป็นใคร?”

“อ๋าา ตัวตนของเขาคงไม่เรียบง่ายใช่ไหม?”

จู่ๆ ก็มีคนสองคนถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

คําถามที่พวกเขาถามก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้จริงๆ

แม้ว่า ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา จะไม่ได้จับมือกัน

แต่ทั้งคู่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเหมือนกับคู่รัก ซึ่งทําให้ใครหลายคนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นปนความไม่พอใจ

เวลานี้ ในที่สุด คุณชายเหอ ก็พูดแล้ว

“ฮ่าฮ่า พูดออกไปฉันคงทำให้ทุกคนหัวเราะแล้ว แม้ว่า คุณหนูเซี่ย กับฉันจะรู้จักกัน แต่กับคนที่อยู่ข้างๆ เธอ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่นัก”

“ฉันรู้แค่ว่านามสกุลของเขาคือ ซู และเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของ คุณหนูเซี่ย โอ้ ให้ตายสินี่ฉันเกือบลืมไปได้ยังไง”

“เขาไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของ คุณหนูเซี่ย เท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนหนุ่มของ คุณหนูเซี่ย ด้วย ดังนั้นทุกคนควรทำความรู้จักกันให้ดีๆ”

เหอ มู่เฉิน หัวเราะออกมา และคำพูดของเขาไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคน และสัตว์

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แต่เขาดูจะตั้งใจตอกย้ำสถานะแฟนหนุ่มของ เซี่ย ซินเหยา มากเป็นพิเศษ

พอเขาเพิ่งพูดจบ..

ทันทีนั้น ทุกคนในห้องโถงพลันจ้องมองไปอย่างตกใจ

ฝ่ายผู้หญิงก็โอเคหน่อย แต่กลับคุณชายที่ร่ำรวยเหล่านั้นแตกต่างออกไป

ดวงตาของพวกเขาจับจ้องมองไปที่ ซูเหวิน ซึ่งมันเต็มไปด้วยความโกรธ และความอิจฉา

คุณหนูเซี่ย มีแฟนแล้ว เธอมีแฟนแล้วจริงๆ นะเหรอ?

นั่นไม่ใช่หมายความว่าพวกเขาไม่มีโอกาสแล้ว?

“ไม่ทราบว่า คุณชายซู มาจากตระกูลไหน ครอบครัวเปิดบริษัทอะไร คุณสามารถบอกให้กับพวกเรารู้ ได้หรือไม่?”

“ใช่ คุณชายซู ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่ คุณควรแนะนำตัวเองกับครอบครัวของคุณถูกมั้ย? ท้ายที่สุดแล้ว คุณคือคนเดียวในที่นี่ที่ไม่มีใครรู้จักคุณ”

ทันใดนั้น หลายคนมองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูด

น้ำเสียงนั้นฉุนเฉียวเล็กน้อย และมีกลิ่นเปรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด

พวกเขากลับอยากรู้จริงๆ ว่า คุณชายซู คนนี้เป็นใครกันแน่ ที่คาดไม่ถึงเลยว่า ดอกไม้งาม เซี่ย จะไปชื่นชอบเขาได้

การตอบสนองของทุกคน คุณชายเหอ ที่ลอบมองอยู่รู้สึกภูมิใจในใจทันที

เขาเดาได้ว่าด้วยความงาม และตัวตนของ เซี่ย ซินเหยา ย่อมกระตุ้นความหลงใหล และการไล่ตามจากเหล่าคุณชายผู้มั่งคั่งนับไม่ถ้วนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..

เวลานี้ทุกคนย่อมจะต้องถือว่า ซูเหวิน ที่เป็นแฟนหนุ่มของ เซี่ย ซินเหยา เป็น ‘ศัตรู’ ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

และแน่นอนว่า เขา.. ได้บรรลุจุดมุ่งหมายของเขาแล้ว

ต่อไปแค่มาดูกันว่า ซูเหวิน จะตอบสนองอย่างไร

ถ้าเขาบอกกับทุกคนไปจริงๆ ว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

ทุกคนคงจะต้องดูหมิ่น และดูถูกเขามากขึ้น..

มาดูกันสิว่า ซูเหวิน.. จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ฮ่าฮ่าๆ…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คุณชายเหอ แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

เพียงแค่ คำพูดถัดไปของ ซูเหวิน ก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้บ้างแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับคําถามของทุกคน ซูเหวิน ยกยิ้มขึ้น แล้วกล่าวว่า : “ทุกคนอาจจะคิดมากเกินไปแล้ว ตระกูลของผมไม่ใช่ตระกูลใหญ่ คงสู้ทุกคนในที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นต่อให้พูดออกไปทุกคนก็คงจะไม่รู้...”

“มันยากที่จะบอกว่าครอบครัวของผมเปิดบริษัทอะไร ถ้าจะให้พูดก็คงคล้ายกับ คุณชายเหอ!”

“ผมได้ยินว่า โรงแรมแห่งนี้ อยู่ในเครือของ เฉิงชื่อ กรุ๊ป ของตระกูลเหอ แล้วทางผมก็เปิดโรงแรมด้วยเช่นกัน ดังนั้นสามารถพูดได้ว่าเราเป็นคนในวงการเดียวกันได้…”

ซูเหวิน กล่าว หากดูเผินๆ แล้วเหมือนเขาไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่นัก

และมันเป็นความจริง แต่มันบอกความจริงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถรายงานบริษัทของตัวเองทีละรายการเหมือนกับเมนูได้ ถูกมั้ย?

ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา

อย่างไรก็ตาม เขาประเมินความอิจฉาของทุกคนต่ำเกินไป

เมื่อฟัง ซูเหวิน พูดแบบนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงก่อนในตอนแรก แล้วพากันหัวเราะ

“คุณชายซู สิ่งที่คุณพูดนั้นมันค่อนข้างไม่ชัดเจน คุณช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม?”

“นั่นคือคุณบอกว่าครอบครัวของคุณ เปิดโรงแรมเหมือนกัน แล้วโรงแรมแบบไหนล่ะ มันคงไม่ใช่ว่าโรงแรมเล็กๆ แบบที่ไม่ได้รับดาวสักดวงด้วยซ้ำหรือไม่?”

“ดูสิ่งที่คุณพูดมันไม่ดูเกินจริงไปหน่อยหรือที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับ คุณชายเหอ?”

“ถูกต้อง แม้ว่าโรงแรมเจ็ดดวงแห่งนี้จะอยู่ในเครือของ ตระกูลเหอ แต่คนอื่นเป็น นายน้อยคนโตจาก เฉิงชื่อ กรุ๊ป โรงแรมแบบนี้นับเป็นอะไร?”

ทุกคนพูดคุยกัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยการล้อเลียน

ตั้งแต่แรกทุกคนก็ไม่พอใจ ซูเหวิน อยู่แล้ว

ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็น ซูเหวิน กล่าวแนะนำบริษัทตัวเองอย่างคลุมเครือ ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

ใครๆ ในเวลานี้ก็มองออกว่าอีกฝ่ายแค่จงใจตบหน้าตัวเองให้บวม และคำพูดล้วนโกหกทั้งนั้น

หลังจากพวกเขาล้อเลียนเสร็จ แม้ว่า ซูเหวิน จะไม่ได้โกรธ

กลับกันใบหน้าของ เซี่ย ซินเหยา เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที

มีบางอย่างในคำพูดของคนเหล่านี้แม้จะไม่เปิดเผยมันออกมา แต่กลับการที่พวกเขาส่งเสียงหัวเราะเยาะ ซูเหวิน มากขนาดนี้ ..เป็นไปได้หรือที่เธอจะไม่ได้ยิน?

ดังนั้นเธอจึงต้องการจะเปิดปากพูดเพื่ออธิบายแทน ซูเหวิน

เพียงแต่เธอยังไม่มีโอกาสได้พูด จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งราวกับเสียงกระซิบที่ดังเข้ามาในหูของทุกคน

“ฉันว่าทุกคนไม่ควรสงสัยอะไรเลย และเมื่อกี้ คุณชายซู เขาไม่ได้โกหกพวกคุณ เขาเปิดโรงแรมจริงๆ และยังเป็นโรงแรมในเครือ ‘ฮิลส์’ ด้วย ฉันคิดว่าทุกคนคงคุ้นเคยดีกับโรงแรมนี้?”

น้ำเสียงของเขาไม่ดัง แต่ทุกคนกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน

และไม่มีใครในกลุ่มผู้ชมที่ไม่ได้ยินเสียงนี้

ในทันทีนั้น ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็มองออกไป

พวกเขาจึงพบกับชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าปี พอๆ กับซูเหวิน ที่กำลังเดินเข้ามา และเขาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

“คุณชายลู่ นี่เอง และคุณรู้จักกับชายหนุ่มคนนี้?”

ทันใดนั้นใครบางคนก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“คุณหนูเซี่ย และคุณชายซู เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทียนเวย และฉันก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทียนเวยด้วย ฉันจะไม่รู้จักพวกเขาได้ยังไง?”

ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วจากนั้นเขาก็หันไปมอง ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา ก่อนจะพูดว่า : “คุณชายซู คุณหนูเซี่ย ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“เป็นคุณนี่เอง..”

ซูเหวิน ยังมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับเขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับอีกฝ่ายที่นี่

และชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน

แต่เป็น ลู่ เฉินเหยียน นายน้อยคนโตของ จินอี กรุ๊ป

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือน คุณชายซู จะประหลาดใจไม่น้อย”

“แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะได้พบกับคุณ และคุณหนูเซี่ย ที่นี่”

“ก่อนหน้านี้ ฉัน ลู่ เฉินเหยียน เคยรุกรานคุณมาก่อน ผู้ใหญ่ใจกว้าง ย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อย ดังนั้นเรื่องที่แล้วๆ มาขอคุณอย่าได้ใส่ใจเลย..”

คุณชายลู่ เดินเข้าหา ซูเหวิน ก่อนจะยิ้ม แล้วกล่าวออกมา

ทัศนคติของเขาเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว …แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

นับตั้งแต่ที่เขาทราบว่า ซูเหวิน เป็นประธานของ โรงแรม ฮิลส์ และซูเหวิน ยังเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ‘Worster Group’

ในที่สุด คุณชายลู่ ก็เข้าใจได้ว่า ซูเหวิน แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ(1)

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เขาแสร้งทำเป็นคนจนที่น่าสงสารในมหาลัย และไม่รู้ว่านี่เป็นงานอดิเรกหรืออะไร

แต่การที่เขากล่าวขอโทษ ซูเหวิน ในครั้งนี้ก็คือเขาเข้าใจสถานการณ์แล้วนั่นเอง ทั้งนี้แน่นอนว่า ผู้เข้าใจสถานการณ์นั้นคือ ‘ผู้เฉลียวฉลาด

ซูเหวิน ขมวดคิ้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะเขากำลังจะเปิดปากพูด คนอื่นก็พูดขึ้นก่อนแล้ว…

(1)[แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ (扮猪吃老虎)] - อุปมาของการใช้อุบายหลอกลวง จงใจแกล้งอ่อนแอ ให้คู่ต่อสู้เมินเฉย แล้วฉวยโอกาสคว้าชัย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด