ตอนที่แล้วตอนที่ 154 ร้าน(แห่ง)นี้ผมต้องการซื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 156 ทำธุรกรรมสำเร็จ

ตอนที่ 155 ความสงสัยของทุกคน


“ท่านคะ ท่าน... เมื่อกี้ท่านเพิ่งพูดว่าอะไรนะค่ะ?”

“ท่านต้องการซื้อร้านดอกไม้นี้?”

เมื่อ ซูเหวิน พูดจบ เหล่าหญิงสาวที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ในทันทีต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

บ.. บ้าไปแล้ว!

ผู้คนมาที่นี่เพื่อซื้อดอกไม้

แต่ชายหนุ่มคนนี้เขามาที่นี่ก็เพื่อซื้อร้านดอกไม้นี้?

สถานการณ์นี้มันคืออะไร?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ซูเหวิน ก็พยักหน้าแสดงความเข้าใจ

จู่ๆ มีคนหนึ่งโผล่ออกมาแล้วบอกคุณว่าเขาต้องการซื้อร้านดอกไม้ของคุณ แม้แต่เขาเองเกรงว่าจะสับสนเมื่อได้ยินสิ่งนี้!

จากนั้นเขาก็ยังคงพูดอย่างใจเย็นว่า : “อืม คุณไม่ได้ได้ยินผิด ผมต้องการซื้อร้านนี้”

“ผมได้ดูร้านดอกไม้ทางออนไลน์มาหลายร้านแล้ว และของคุณคือใหญ่ที่สุด ดังนั้นผมจึงต้องการที่จะซื้อมัน”

เมื่อได้ยินคําเหล่านี้หญิงสาวหลายคนก็แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว

“ฮาฮา คุณผู้ชายท่านนี้ ด้วยความเคารพ.. ทางเราต้องขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่การเข้าซื้อร้านดอกไม้นี้ไม่ถูกเลย”

“ร้านของเราใหญ่มาก มีด้วยกันถึง 3 ชั้น และยอดขายรายวันก็สูงมาก หากจะกล่าวถึงราคาปกติก็ไม่ง่ายที่จะต่อรองได้..”

พนักงานแคชเชียร์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะโน้มน้าวใจ

“สำคัญที่สุดคือ.. ร้านนี้มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง(บ้าน/พื้นที่ตัวเอง) ซึ่งไม่ใช่เช่า ซึ่งหมายความว่าทำกำไรได้สูงมากขึ้น”

“ใช่แล้ว ร้านดอกไม้ของเราทำกำไรอย่างน้อยหนึ่งล้านหรือมากกว่าต่อปี หากเจ้าของโอนร้านให้คุณ คุณยังต้องจ่ายค่าเช่าหน้าร้านให้เขา และค่าเช่าปีละไม่กี่แสนเขาจะยินดีได้อย่างไร?”

พนักงานแคชเชียร์อีกสองคนยังคงพูดต่อ

พวกเธอรู้สึกว่าความคิดของชายหนุ่มคนนี้ออกจะเพ้อฝันเกินไป ดังนั้นพวกเธอจึงอธิบายด้วยเจตนาดี

โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถยุติคำขอไร้สาระนี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม การโน้มน้าวของพวกเธอดูเหมือนจะไร้ประโยชน์สิ้นเชิง

ซูเหวิน มาที่นี่เพื่อร้านดอกไม้นี้

และเนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นของเจ้าของด้วย งั้นก็แค่ซื้อบ้านนี้มาด้วยเลย

พื้นที่ทั้งหมดรวมกันแล้วประมาณห้า หรือหกร้อยตารางเมตร ด้วยราคาตลาดของที่นี่เขายังสามารถซื้อได้

ทันทีเขากล่าวว่า : “ผมยังอยากลองอยู่ รบกวนคุณช่วยติดต่อเจ้านายของคุณ หรือคุณสามารถให้หมายเลขโทรศัพท์ผมได้ ผมจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

ซูเหวิน ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปอย่างใจเย็น

น้ำเสียงของเขานั้นมั่นคงมาก

มันเหมือนมีแรงผลักดันอันแข็งแกร่งที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์

“นี่…”

เห็นได้ชัดว่า ซูเหวิน มุ่งมั่นมาก

คราวนี้ หญิงสาวหลายคนก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรแล้ว

ทุกคนหันมองหน้ากัน และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกอยู่ครู่หนึ่ง

แม้จะตีพวกเธอให้ตายพวกเธอก็ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้.. จะพบเจอกับคนแปลกๆ เช่นนี้

พวกเธอยังคิดในใจอยู่ว่าสมองของอีกฝ่าย มีปัญหาหรือเปล่า...

อย่างไรก็ตาม การยืดเยื้ออยู่เช่นนี้คงไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้

อีกทั้งด้านหลังยังมีลูกค้าจำนวนมากรอเช็คบิลอยู่!

พวกเธอไม่กล้าที่จะรอช้าแล้ว

หลายคนปรึกษากันแล้วตัดสินใจในที่สุดว่าจะให้เจ้านายตอบด้วยตัวเอง

ดังนั้น แคชเชียร์คนหนึ่งจึงโทรหาเจ้านายโดยตรงด้วยโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์

หนึ่งนาทีต่อมา

เมื่อแคชเชียร์โทรหาเจ้าของร้าน และอธิบายถึงสถานการณ์ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางโทรศัพท์

“นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร.. เขาต้องการซื้อร้านดอกไม้ของฉัน และบ้านของฉัน?”

น้ำเสียงของชายคนนั้นเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เอ่อ.. ใช่คะ เขาพูดมาแบบนั้น”

“คือ.. เถ้าแก่เฉิน คุณคิดอย่างไร ฉันจะได้บอกเขา…”

แคชเชียร์ ถามอย่างรวดเร็ว

หลังจากเสียงทางโทรศัพท์เงียบหายไปหลายวินาที เจ้าของร้านก็พูดขึ้นว่า : “ไม่มีอะไรจะพูด แค่บอกเขาว่าไม่ขาย”

ในมุมมองของเจ้าของร้านคนนั้น เขามีร้าน และหน้าร้านของตัวเอง

ทำรายได้มากกว่าหนึ่งล้านต่อปี นั่นก็เพียงพอแล้ว

แม้ว่าการขายร้านนี้ และบ้านหลังนั้นออกไปจะได้เงินก้อนใหญ่ในตอนแรก แต่ย่อมไม่คุ้มค่าในระยะยาว

“โอเคค่ะ เถ้าแก่ ฉันเข้าใจแล้ว”

พูดพลาง ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้ามอง ซูเหวิน แล้วพูดว่า : “ฉันถามเจ้านายให้แล้วคะ เขาไม่อยากขายร้านนี้จริงๆ ดังนั้น…”

“หากราคาเท่าตัวก็ไม่ขายเหมือนกัน?”

แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ ซูเหวิน ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

พอคําพูดนี้หลุดออกมา ผู้ชมทั้งหมดพลันตกตะลึง

ไม่ใช่แค่แคชเชียร์ แม้กระทั่งเจ้านายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน, ถึงสิ่งที่ ซูเหวิน พูดในครั้งนี้

สักพักตัวเขาก็แข็งค้างไป..

“คุณ... คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“คุณต้องการซื้อบ้าน และร้านของฉันในราคาสองเท่า?”

ในทางโทรศัพท์เสียงของเจ้านายดังขึ้นอีกครั้ง

น้ำเสียงของเขามันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“เอาล่ะ เถ้าแก่เฉิน ทำไมคุณไม่ลองแวะเข้ามาพูดคุยกันด้วยตัวเองล่ะ?”

ซูเหวิน ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไป

“นี่คุณ.. คุณไม่ใช่คิดจะล้อเล่นฉันอยู่ใช่ไหม?”

เรื่องนี้มันน่าตกใจเกินไป จนเจ้าของร้านเองรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย

“มัน.. จำเป็นมั้ย?”

“หรือคุณกำลังคิดว่า.. การที่ผมมาที่ร้านของคุณเพื่อมาโกหกคุณโดยเฉพาะ?”

เวลานี้ ซูเหวิน เองรู้สึกพูดไม่ออกแล้ว

“ดีดี ดี ฉัน.. ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

“เถ้าแก่ใหญ่ โปรดรอสักครู่ กรุณารอสักครู่ ฉันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงร้านแล้ว ช่วยโปรดรอฉันครู่เดียว”

เมื่อพูดจบ เจ้าของร้านก็วางสายไป

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรีบตรงมาที่ร้าน

“คุณ...คุณได้ยินสิ่งที่เจ้าของร้านของเราพูดหรือเปล่า?”

จนกระทั่งสายถูกวางไปแล้ว แคชเชียร์ที่โทรไปเมื่อกี้ก็กลับมารู้สึกตัว และรีบพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“อืมม.. ให้ผมรอสักครู่!”

เกี่ยวกับคำถามนี้ ซูเหวิน ยิ้มออกมา และเพียงแค่ตอบคําถามกลับไปเท่านั้น

โดยปกติแล้วคนที่อยู่ห่างจากโทรศัพท์หนึ่ง หรือสองเมตรจะไปได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ได้อย่างไร?

เว้นเสียแต่จะเปิดสปีกเกอร์โฟน(Speakerphone)ไว้

อย่างไรก็ตาม สมรรถภาพทางกายของ ซูเหวิน นั้นเหนือกว่าคนทั่วไปถึงห้าเท่า

ประสาทสัมผัสเองย่อมอยู่เหนือกว่าคนธรรมดามาก

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร...

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่กี่นาทีผ่านไปในชั่วพริบตา

ต้องบอกว่าเจ้าของร้านดอกไม้คนนี้ รวดเร็วมากจริงๆ

เขาที่เพิ่งคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อกี้ในไม่กี่นาทีก่อนหน้า เวลานี้เขาก็รีบขับรถ BMW Z5 ตรงมาถึงหน้าร้าน

จากนั้นมีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบาง มีฟันเลี่ยมทองเดินเข้ามาในร้าน

ขณะเดียวกัน ข้างชายคนนี้ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งติดตามมาด้วย เธอสวมใส่ทอง และเงิน แต่งตัวดี ดูสง่างาม

นี่คือสิ่งที่ ซูเหวิน ไม่คาดคิด

“คุณคือ เถ้าแก่เฉิน เจ้าของร้านดอกไม้นี้ใช่ไหมครับ?”

ยังคงเป็น ซูเหวิน ที่เปิดปากก่อน

“ใช่ ฉันเป็นเจ้าของร้าน”

“และคุณ... คุณคือคนที่บอกว่าต้องการซื้อร้านดอกไม้ของฉัน?”

เมื่อเปรียบเทียบกับ ซูเหวิน ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะตกใจมากกว่า

เขาดูเหมือนไม่คาดคิดว่าคนที่ต้องการซื้อร้านของเขาจะยังหนุ่มอยู่ถึง.. ขนาดนี้

ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ ซูเหวิน จากบนลงล่าง ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

ซูเหวิน ไม่ใช่ว่ามีเวลามาพูดคุยกับพวกเขามากนัก เขาพยักหน้า และพูดตรงเข้าประเด็นโดยตรงว่า : “เป็นผม ผมชื่อ ซูเหวิน และเป็นคนที่ต้องการซื้อร้านของคุณด้วย”

“ตราบเท่าที่คุณยินดีที่จะขายบ้านหลังนี้ และร้านเซียงหยวนนี้ ผมสามารถให้เป็นสองเท่าของราคาตลาดในพื้นที่นี้คุณคิดอย่างไร?”

“น้องชาย อย่าได้มาคุยโวจนเกินจริงไป”

“นี่ไม่ใช่เมืองระดับสามหรือสี่ แต่เป็นมหานครระดับนานาชาติ ที่นี่มันคือเมืองใหญ่ และหรูหราที่สุดในประเทศอย่างเมืองม่อ”

“และร้านดอกไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับถนนวงแหวนรอบสองของมหานครแห่งนี้ ราคาสามารถจินตนาการได้ คุณแน่ใจนะว่าคุณต้องการซื้อบ้าน และร้านค้านี้ในราคาเป็นสองเท่าจริงๆ?”

ในขณะนี้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างได้พูดขึ้น

ไม่เหมือนกับผู้ชายวัยกลาง เวลานี้เธอขมวดคิ้ว และดูมีท่าทีระมัดระวัง

สำหรับเธอ เธอเคยเห็นคนอวดดีแบบนี้มามากเกินไป

แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอคนที่ไม่มีคำจริงใดๆ ในปาก

ซื้อบ้าน และร้านในราคาเท่าตัว คุณกำลังล้อเล่นอะไร?

นี่ช่างเป็นฉากเหตุการณ์ที่แตกต่างออกไปในประวัติศาสตร์การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเมืองม่อ

หากถามว่าเธอรู้สึกอย่างไร แน่นอนเธอรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ดูเหมือนเขามาที่นี่ เพื่อซื้อบ้าน หรือร้าน แต่เหมือนกับว่าเขามาที่นี่เพื่อฉ้อโกงเงิน หรือหลอกให้ขายบ้านให้มากกว่า…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด