ตอนที่ 15: แช่ในน้ำยาสมุนไพร ทานทนความเจ็บปวดสุดแสนจากการขัดไขกระดูก
ตอนที่ 15: แช่ในน้ำยาสมุนไพร ทานทนความเจ็บปวดสุดแสนจากการขัดไขกระดูก
“หลังจากแช่ในน้ำยาสมุนไพรแล้วก็ต้องหายใจเข้าออกเพื่อกระตุ้นพลังโอสถ”
หลังจากปรับอุณหภูมิของน้ำยาแล้ว สวี่ไท่ผิงก็เริ่มหายใจเข้าออกตามที่ศึกษาใน <<ศาสตร์แสงอัสดงคงเคียง>> ผ่านไปสักพัก เขาก็สัมผัสได้ว่าตันเถียนในช่องท้องส่วนล่างเริ่มร้อนขึ้นมา
ขั้นตอนของการหายใจเข้าออกต่างได้รับการสอนสั่งโดยปรมาจารย์จื่อหยางในระหว่างการบรรยาย ซึ่งสวี่ไท่ผิงพยายามอยู่หลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้จะไม่สามารถหลอมปราณวิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้ แต่เขาก็คุ้นเคยกับขั้นตอนดังกล่าวแล้ว
"ฟู่…"
ขณะสวี่ไท่ผิงกำลังสงสัยว่าเหตุใดพลังโอสถถึงยังไม่ออกฤทธิ์ เขาพลันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดสุดแสนบริเวณด้านหลังหัวใจราวกับตะปูถูกตอกเข้ามาทีละน้อย
“ถ้ามันเจ็บปวดแค่นี้ก็ยังพอ... อึ่ก!”
สวี่ไท่ผิงกำลังจะบอกว่าพอทนไหว แต่คาดไม่ถึงว่าความเจ็บปวดแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นบริเวณหน้าอก ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
หลังจากเกิดความเจ็บปวดสองแห่งแล้ว ความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งกว่าก็เริ่มปรากฏตามจุดฝังเข็มทั้งหลายของร่างกาย ทำให้ไม่มีโอกาสได้พักหายใจ
โดยปกติแล้ว ผู้คนจะหมดสติภายใต้ความเจ็บปวดเช่นนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง สวี่ไท่ผิงผู้แช่อยู่ในน้ำยาสมุนไพรนี้ ไม่ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนก็ตามกลับไม่หมดสติ เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น
ความเจ็บปวดกินเวลานานถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม
ในช่วงกลางวัน สวี่ไท่ผิงอยากปีนออกจากอ่างอาบน้ำนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่เกิดความคิดเช่นนี้ ฉากปู่กำลังสิ้นลมหายใจบนเตียงก็ปรากฏขึ้นในใจ เขาเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาเบิกกว้างแล้วเอ่ยคำ
"สู้เพื่อเกียรติ ไท่ผิง เจ้าต้องสู้เพื่อเกียรติ สู้เพื่อตัวเอง สู้เพื่อเกียรติแก่กระดูกมนุษย์ในใต้หล้า!"
“ฟู่ ฟู่ ฟู่...”
ขณะหอบหายใจ สวี่ไท่ผิงเอนกายกับอ่างอาบน้ำด้วยสภาพเหนื่อยล้ายิ่ง หลังจากลมหายใจสม่ำเสมอแล้ว มุมปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อยขณะเอ่ยถามอย่างภาคภูมิ
“ท่านปู่ ข้าไม่ทำให้ท่านอับอายใช่หรือไม่?”
แม้ตอนนี้จะไม่มีความเจ็บปวดสาหัสตามร่างกายแล้ว แต่ความเจ็บปวดเล็กน้อยยังคงมีอยู่
ตอนนี้ร่างกายให้ความรู้สึกเหมือนกับมีช่องว่างนับไม่ถ้วน ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดย่อมสามารถฉีกบาดแผลเหล่านี้ให้เปิดออกจนทำให้เกิดความเจ็บปวดแสนสาหัสได้
“ภายในเจ็ดวันนี้จะต้องแช่น้ำยาล้างไขกระดูกกับขัดกระดูกอีกหกครั้ง ไม่สามารถว่างเว้นได้แม้แต่วันเดียว ไม่อย่างนั้นความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า”
เมื่อคิดว่าจะต้องทานทนต่อความเจ็บปวดระดับนี้อีกหกครั้งติดต่อกัน แม้แต่คนที่มีจิตใจแน่วแน่เช่นเขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยว่าตนเองจะสามารถอดทนไปจนถึงท้ายที่สุดได้หรือไม่
…
หกวันต่อมา
"ครั้งสุดท้ายแล้ว"
ขณะมองน้ำยาสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า สวี่ไท่ผิงก็พลันรู้สึกเหมือนกับอยู่ในโลกอีกใบ
หกวันที่ผ่านมายาวนานยิ่งกว่าสิบปีที่เขาเคยใช้ไป
หลังจากแช่น้ำยาล้างไขกระดูกกับขัดกระดูกมาหกวันติดต่อกัน เขาก็ไปถึงขีดจำกัดทั้งทางจิตใจและร่างกาย
เขาผู้เปี่ยมด้วยความมั่นใจไม่เอื้อนเอ่ยอะไรในวันแรกที่แช่อยู่ในน้ำยาสมุนไพร แต่คาดไม่ถึงว่าในอีกไม่กี่วันต่อมากลับต้องแผดเสียงคำรามและเสียงร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดขณะเรียกหาพ่อแม่และปู่ไม่หยุดปาก
สวี่ไท่ผิงไม่คาดคิดว่าเขาจะอ่อนแอขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดที่เกิดจากน้ำยาล้างไขกระดูกกับขัดกระดูกรุนแรงมากแค่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากร่ำไห้เสร็จแล้ว ในที่สุดสวี่ไท่ผิงก็สามารถอดทนจนมาถึงวันที่เจ็ดได้
แม้กระทั่งในช่วงเจ็ดวันมานี้ เขาก็ทำการปรับหน้าดินในทุ่งโอสถสามหมู่เพื่อปลูกเมล็ดงาเก้าใบทั้งหมดลงไป
"สู้เพื่อเกียรติ ไท่ผิง จงต้องสู้เพื่อเกียรติ!"
สวี่ไท่ผิงผู้ลังเลอยู่หน้าอ่างอาบน้ำมาพักใหญ่ยังคงย้ำเตือนตัวเอง
ในตอนนี้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้เลือดฝาด ร่างกายยิ่งผอมแห้ง น้ำหนักลดไปยี่สิบจินแม้เวลาผ่านไปเพียงหกวัน ทั่วร่างใกล้จะพังทลายเต็มที
“ซ่า!”
ในที่สุด สวี่ไท่ผิงก็ก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ แล้วร่างของเขาก็ถูกของเหลวสีขาวกลืนกินอย่างรวดเร็ว
“อะอึ่ก!...”
แม้อยากกล้ำกลืนฝืนทน แต่ความเจ็บปวดสุดแสนยังคงทำให้เขากรีดร้องออกมา หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ไม่มีใครอยู่ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ เกรงว่าอาจเป็นการดึงดูดคนไม่ดีก็เป็นได้
แน่นอนว่าเสียงกรีดร้องนี้ใช่ว่าจะไม่มีใครได้ยิน
ยกตัวอย่างเช่น เทพธิดาหลิงเยวี่ยซึ่งกลายเป็นควันสีเขียวลอยอยู่นอกหน้าต่างของสวี่ไท่ผิง
“เสี่ยวไท่ผิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว อดทนไว้ หลังจากนี้เจ้าจะเริ่มต้นบนเส้นทางสู่สวรรค์หรือใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเคว้งคว้างไม่ต่างจากแหนที่ลอยไปมา ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเจ้า”
เทพธิดาหลิงเยวี่ยฟังเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดที่ดังมาจากภายในห้อง แล้วในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
“เวลาพูดมักง่ายเสมอ ความเจ็บปวดของน้ำยาล้างไขกระดูกกับขัดกระดูกจะเพิ่มขึ้นทุกวัน พอถึงวันที่เจ็ด ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเจ็ดเท่าของวันแรก หากไม่มีสูตรยาอีกอัน ใครเล่าจะสามารถทานทนได้?”
แต่ทันทีที่เอ่ยคำเช่นนี้ นางก็เผยรอยยิ้มขมขื่นขณะหัวเราะกับตัวเอง ในเวลาเดียวกัน นางก็รู้สึกผิดที่รีบมอบสูตรยาให้สวี่ไท่ผิง
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“เจ้าถึงกับ… ผ่านมันได้งั้นหรือ?”
เมื่อเห็นกลุ่มปราณวิญญาณฟ้าดินกำลังรวมตัวมาทางลานบ้านขนาดเล็กประหนึ่งคลื่น เทพธิดาหลิงเยวี่ยก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
นี่เป็นการบ่งบอกว่าอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในการใช้น้ำยาล้างไขกระดูกกับขัดกระดูก
แม้ก่อนหน้านี้จะไม่กล้ามองเข้าไปในห้อง แต่ตอนนี้นางอดไม่ได้ที่จะมองผ่านช่องว่างในหน้าต่าง
ภายในห้องนอน สวี่ไท่ผิงผู้หมดสติอยู่ในสภาพกึ่งนอนในอ่างอาบน้ำ น้ำยาสมุนไพรที่เขาแช่ได้เปลี่ยนจากสีขาวหยกกลายเป็นสีดำสนิท ซึ่งสิ่งที่ยอมให้กลายเป็นสีดำคือความสกปรกที่ไหลออกมาจากร่างกายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลาเดียวกัน ธาราปราณวิญญาณฟ้าดินที่มีเพียงหลิงเยวี่ยมองเห็นคล้ายกับมือที่ลูบไล้ไปทั่วร่างของสวี่ไท่ผิงอย่างอ่อนโยน จากนั้นมันจึงทะลวงเข้าสู่ข้างใน
เทพธิดาหลิงเยวี่ยมองสวี่ไท่ผิงผู้อยู่ในบ้าน จากนั้นมองไปทางสวนโอสถที่อยู่หลังบ้าน แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“เดิมทีข้าแค่อยากเดิมพันก่อนที่เวลาจะหมดเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้มองผิดไป”
หลังจากเอ่ยคำเช่นนี้ ร่างของนางก็หายไปทันที เหลือไว้เพียงประโยคเดียวที่ดังก้องในลานขนาดเล็กอย่างแผ่วเบา
“สหายตัวน้อย ข้าคนนี้จะไปหลอมผลึกวิญญาณเพื่อยืดอายุขัยไปอีกสองสามปีได้อย่างวางใจแล้ว แล้วไว้พบกันใหม่ในอนาคตอันใกล้”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อแสงแรกในตอนเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่าง สวี่ไท่ผิงผู้ยังแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำก็ลืมตาขึ้น
เขานอนเต็มอิ่มที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิต
“ข้าทำสำเร็จ... แล้วงั้นหรือ?”
หลังจากสังเกตเห็นของเหลวสีดำที่มีกลิ่นคาวรุนแรงในอ่างอาบน้ำ สวี่ไท่ผิงกลับไม่หวาดกลัว แต่เผยสีหน้ายินดีออกมา
เพราะตามคำอธิบายของน้ำยาขัดไขกระดูก มันเป็นการบ่งบอกถึงการประสบความสำเร็จในการชะล้างแก่นแท้และขัดไขกระดูก หมายความว่าสิ่งสกปรกในร่างของผู้บำเพ็ญมนุษย์ได้ถูกขับออกมาแล้ว ทำให้เขามีคุณสมบัติในการบำเพ็ญอย่างแท้จริง
"ซ่า..."
สวี่ไท่ผิงลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำขณะวิ่งเปลือยกายไปยังบ่อน้ำในสวนหลังบ้านโดยไม่สวมเสื้อผ้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เขาเริ่มจากหยิบถังน้ำมาชะล้างสิ่งสกปรกตามร่างกาย จากนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่แล้วเริ่มใช้เคล็ดกลั่นลมปราณ <<ศาสตร์แสงอัสดงคงเคียง>> ทันที