ตอนที่แล้ว21 คลื่นใต้น้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน

22 เหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็มีจนได้


เกรเทลค่อย ๆ ลืมตาตื่นมาในสภาพที่เรียกได้ว่าไม่โอเคเป็นอย่างยิ่ง เธอยังรู้สึกมึนงงกับปวดหัวเล็กน้อย แถมยังเหมือนว่าดวงตาของตนเองหนักอึ้ง จะลืมตาก็ทำได้ยากลำบาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านบนปรากฏเป็นเพดานที่ไม่คุ้นเคยจนใบหน้าหวานต้องขมวดคิ้วมุ่น

…คราวนี้ฉันตื่นมาที่ไหนอีก…

เพราะหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตัวเธอเองไม่มีความมั่นใจ ว่าจะตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกประหลาดอีกครั้งหรือเปล่า

เธอหันไปมองรอบห้องจึงพบว่ามันเป็นห้องนอนที่เรียบง่าย นอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่ก็มีของเพียงไม่กี่ชิ้นอย่าง เช่น ตู้เสื้อผ้า กล่องเก็บของที่ทำจากไม้ โต๊ะที่มีเก้าอี้นั่งหนึ่งตัว โต๊ะข้างเตียงที่มีโคมไฟเล็ก ๆ ค่อยให้แสงส่องสว่างภายในห้องดูอบอุ่น

พอปรับตัวเข้ากับพื้นที่แปลกใหม่ได้เธอจึงตัดสินใจลุกจากเตียง เพื่อจะออกไปดูข้างนอกว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ภาพความทรงจำสุดท้ายที่พอนึกออกคือเธอขี่บนหลังวอลล็อคกลับบ้านพักและก็ความฝันนั้น…

เมื่อขาเล็กก้าวลงจากเตียงได้ไม่นานภาพในฝันก็เข้าโจมตีทันทีจนเข่าทรุดลงไปนั่งกองที่พื้นห้อง สภาพจิตใจเธอในตอนนี้นั้นกลับมาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี มันชัดเจนมากเหมือนเพิ่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นไปเมื่อครู่ด้วยซ้ำ

เกรเทลไม่สามารถตอบคำถามภายในใจได้อีกต่อไปว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่ แต่ไม่ว่าคำตอบนั้นจะออกมาแบบใดก็ตาม

ตอนนี้เธอก็เหมือน ‘คนตายทั้งเป็น’ ข้างในมันเจ็บปวดจนอยากกรีดร้องตะโกนออกมาว่าไม่จริง

แต่ลึก ๆ สัญชาตญาณบอกว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหายใจ จงมีสติควบคุมอารมณ์ตนเองกลับมา ณ ปัจจุบันเป็นอันดับแรก ต่อให้เธอตายไปแล้วจริง ๆ เวลานี้สิ่งที่เธอต้องทำคือการเอาชีวิตรอดในโลกที่ไม่รู้จัก ไม่มีเวลาให้เธอมานั่งโศกเศร้าโอดครวญทั้งนั้น

พอสติสตังเริ่มเข้าที่เข้าทางเธอหลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ สงบอารมณ์เกือบ 10 นาทีถึงจะลุกขึ้นยืน แล้วก้าวขาเดินสำรวจห้องนอนนี้โดยรอบ แม้ว่าหลายอย่างในหัวยังฟุ้งซ่านก็ตาม

…ใครจะไปทำใจได้ลง…

ร่างบางยกมือขึ้นลูบหน้าตนเองแล้วตบข้างแก้ม 3 ทีเพื่อเรียกสติกลับมา ความเจ็บเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอตื่นจากฝันร้ายมาแล้ว ถ้าจะมีอะไรทำร้ายเธอได้ในตอนนี้ก็คงมีแต่ความจริงเท่านั้น

เกรเทลกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องจึงพบว่าห้องนี้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวและบานประตูปิดสนิท ไม่มีหน้าต่างสักบาน แต่มีช่องระบายอากาศขนาดหนึ่งฝ่ามืออยู่บนกำแพงเหนือหัวเธอไปเกือบเมตร เหมือนว่าห้องนี้จะเป็นห้องที่ไม่ค่อยถูกใช้งานนัก เพราะทุกอย่างยังดูสภาพใหม่และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

กริ๊ก!

เสียงกลไกทำงานบางอย่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำเอาเกรเทลสะดุ้งตกใจหันไปมองยังบานประตูที่เป็นแหล่งที่มาของเสียง บานไม้ค่อย ๆ เปิดอ้าออกปรากฏเป็นร่างสูงของคนคุ้นเคยกำลังเดินเข้ามาในห้องพร้อมถือแก้วน้ำในมือ

…อีตาหัวเขียว…

และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ตกใจไม่ต่างกันที่เห็นเธอยืนอยู่กลางห้องนอน วอลล็อคไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกตัวตื่นแล้วลุกลงมาจากเตียงแบบนี้ ร่างสูงคิดว่าเธอจะใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่านี้เสียอีก

ขณะที่เขากำลังจะเดินไปหาเธอนั้นขายาวเป็นอันต้องชะงักค้างอยู่กับที่ พลันรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องก็ไม่ได้ร้อนอะไร เนื่องจากสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันช่างเป็นอะไรที่ลำบากใจจะพูดออกมา

วอลล็อครีบเอียงหน้าหันไปทางด้านข้างทันทีส่วนมือก็กำแก้วน้ำแน่น เพราะท่าทางนั้นพานทำให้เกรเทลงงเป็นไก่ตาแตกกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของชายหนุ่ม ปากอยากจะถามออกไปว่าเป็นอะไรแต่อีกใจก็เกิดความลังเล

ไหนจะสีหน้าที่ดูเลิ่กลั่กไม่ยอมมองมาทางเธออีก แต่ทว่าใบหูนั้นดูจะแดงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนลูกมะเขือเทศ

“เออคือว่านาย…ข้าเป็นอะไรหรือขอรับ?”

สุดท้ายเธอเลือกที่จะไม่สนใจท่าทางแปลกประหลาดของเจ้านายตนเอง แล้วกลับมาเรื่องที่ตนเองสลบไปแทนเพราะเธออยากรู้ว่าตอนที่เธอหลับไปมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าไม่นับเรื่องแผนหลบหนีที่ล้มเหลวเธอก็ไม่อยากกลับไปนึกถึงมันเท่าไร

สถานการณ์นี้ทำให้เธอลืมนึกถึงฝันที่เกิดขึ้นไปโดยทันที

“...”

คนถูกถามยังคงเงียบปากไม่พูดไม่จา แถมเอาแต่หันหน้าหนีมองกำแพงอยู่อย่างนั้น จนต้องเป็นเธอเองที่ต้องเดินขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วส่งเสียงถามซ้ำอีกครั้ง

“นายขอรับ”

ใจของชายหนุ่มแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม เมื่อเกรเทลปุ๊บปั๊บเดินเข้ามาประชิดใกล้กว่าเดิม ใบหน้าเลิ่กลั่ก ตาโตเบิกกว้าง ขาเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง เพราะเกรเทลตอนนี้อยู่ในสภาพที่อืม…

…ข้าไม่คิดว่ามันจะบางแบบนี้…

เขานึกด่าตนเองภายในใจว่าเขาก็หยิบเสื้อตัวที่ดีที่สุดในตู้เสื้อผ้าตนเองแล้วนะ แต่ทำไมมันถึงเห็นไปถึงไหนต่อไหนได้ขนาดนี้ ซึ่งเสื้อผ้าในตู้มันก็ของเขาทั้งนั้นเวลาสวมใส่เองมันก็ไม่ได้บางแบบนี้เลย

เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อยใบหน้ายับยู่ขมวดคิ้วสงสัยกับสายตาของอีกฝ่าย เธอจึงหันมาสำรวจร่างกายตนเองดูดี ๆ แต่ผลลัพธ์ที่เธอเห็นนั้นเกือบลมจับ มือไม้ปิดแทบไม่ทัน

“เฮ้ย!”

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางซึ่งมองเห็นสิ่งที่หลบอยู่ภายใต้ร่มผ้าได้อย่างชัดเจน แม้ว่ารูปร่างเธอจะยังผอมแห้งแต่หน้าอกก็พอมีให้เห็นอยู่ จึงไม่แปลกถ้าจะเห็นว่ามีอะไรนู้นออกมา เนื่องจากปกติเธอจะเอาผ้าพันหน้าอกเอาไว้ แต่ครั้งนี้มันไม่ได้อยู่บนตัวเธอแล้ว

เกรเทลรีบยกมือปิดบังส่วนบนของตนเองแล้วเปลี่ยนเป็นยืนหันหลังกอดอกเอาไว้แน่น เธออายเพราะไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อที่ตนเองสวมใส่อยู่มันบางขนาดนี้ อยากจะมุดแทรกแผ่นดินหนีที่ดันมายืนเปลือยหน้าอกให้เจ้านายเห็น

…แล้วผ้าพันหน้าอกฉันหายไปไหน…

เหมือนเขาจับสัญญาณจากเด็กสาวได้ว่ากำลังสงสัยเรื่องชุด เขาจึงพูดออกมาทั้งที่ใบหน้ายังไม่หันมามอง

“พวกเสื้อผ้าข้าเป็นคนเปลี่ยนให้ อะแฮ่ม! แต่ข้าหลับตาตลอดเจ้าสบายใจได้”

ร่างสูงไอแก้เขินออกมาทั้งที่ยังหันหน้าหนีอยู่เหมือนเดิม เขาเป็นคนเปลี่ยนชุดให้เกรเทลเอง แต่สาบานได้เลยว่าตนไม่ได้แอบดูเรือนร่างใด ๆ ของหญิงสาว

เขาหลับตาเปลี่ยนชุดให้เธออยู่เกือบชั่วโมงด้วยซ้ำ แถมยังต้องคอยไล่เซราสออกไปนอกห้องเพราะอีกฝ่ายเอาแต่พูดบ่นเขาไร้สาระจนหูชา

เมื่อวอลล็อคพูดจบเธอค่อย ๆ เอียงคอหันไปมองยังอีกฝ่าย เขาก็ยังอยู่ท่าเดิมเป๊ะ แอบรู้สึกประหลาดใจในความใจดีของเขาเล็กน้อย ต่างจากปกติที่เขาแทบจะเล่นเหลี่ยมใส่เธอไม่หยุด

“ส่วนผ้าพันหน้าอกเจ้า…เดี๋ยวข้าหาให้ใหม่ ข้าเอาผ้าไปส่งซักมันคงติดไปกับชุดเก่าเจ้า”

สิ่งที่เกรเทลคิดได้รับการไขให้กระจ่างจากปากวอลล็อค มิน่าล่ะของของเธอถึงได้หายไป ที่แท้ผ้ามันติดไปกับชุดเดิมเพราะหมอนี่เอาไปส่งซัก

แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ หรือ? แล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างไหม? เธอเริ่มกังวลมากกว่าเดิมจนชายหนุ่มจับสังเกตได้แม้ตนเองจะหันหน้าเข้ากำแพงก็ตาม

เพราะวอลล็อครู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้ชาย

“เจ้าไม่ต้องกังวลมีแค่ข้าที่รู้เรื่องเจ้า”

ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากถาม เขาก็ชิ่งพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วปานสายไฟแลบ ลองคิดดูอีกทีเหมือนอีตานี่มานั่งอยู่กลางใจเธอเสมอ แหม่คนอะไรจะดักคำถามเธอได้ทุกทาง

“ท่านแน่ใจนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง…แต่มันจำเป็น”

“อืม เจ้าวางใจเถอะ”

หางตาเธอเหลือบเห็นหัวสีเขียวขยับขึ้นลงน้อย ๆ พร้อมขานตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าหากเขายืนยันแบบนั้นเธอก็จะเชื่อใจเขาดู แม้ว่าจะยังรู้สึกระแวงอยู่บ้างก็ตาม

“เจ้าสลบไปเกือบ 3 วัน” เขาเว้นจังหวะพูดเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“เวทที่ข้าลงติดตามตัวเจ้าไว้มันทำงานเพราะเจ้าพยายามหนีออกไป”

ระหว่างที่เกรเทลสลบไสลไม่รู้สึกตัวนั้นนางมีไข้ขึ้นสูงไม่หาย เขาต้องคอยเข้าออกห้องนี้สลับกับเซราสอยู่หลายครั้งเพราะเป็นห่วงว่านางจะมีอาการแทรกซ้อน

“…”

เกรเทลเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพราะตอนนี้เธอแอบเคืองกับสิ่งที่อีหมอนี่ทำลงไป

เธอปวดหัวแทบตายจนนึกว่าไม่รอดแล้ว! อย่างน้อยบอกหรือเตือนกันบ้างก็ยังดี เธอจะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัวให้ตนเองเจ็บแบบนี้

“ท่านควรเตือนข้าบ้าง”

น้ำเสียงที่ดูเหมือนประชดประชันหลุดออกมาจากลำคอเล็ก

“ข้าไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ข้าขอโทษ”

“...”

แม้ว่าบางครั้งชายหนุ่มจะทำเกินไปบ้าง แต่เมื่อใดก็ตามที่มันเป็นความผิดเขาจริง ๆ เขายินดีแสดงความรับผิดชอบและรู้สึกสำนึกผิดจากใจ ครั้งนี้ก็เช่นกันไม่ว่ามันจะเกิดจากความหวาดระแวงหรือความไม่ไว้ใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คุ้มเสียเลย

ทั้งเขาและเธอต่างเกือบไม่รอดทั้งคู่ ถ้าเขากลับมาไม่ทันเขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง

เกรเทลพยักหน้าให้ ยังไงสถานะเธอก็เป็นแค่ชนชั้นทาส จะให้ไปเรียกร้องอะไรได้มากมาย เธอรู้ตนเองดีว่าควรอยู่ตรงไหน ต่อให้ขัดใจหรือรู้สึกแย่ก็ต้องเก็บมันไว้ให้ลึกที่สุด

ถามว่าเธอน้อยใจเขาไหม คำตอบคือก็ใช่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวคำขอโทษออกมาแล้วเธอจะใจจืดใจดำคิดแค้นเคืองไปทำไม

วอลล็อคยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตนเองเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก นาน ๆ เขาจะกล่าวพูดขอโทษใครสักคน

ผลพ่วงจากเวทพันธะรุนแรงมาก จนร่างกายของนางแสดงอาการต่อต้านร่วมกับตราเวทที่ข้อมือ จึงกลายเป็นว่านางล้มป่วยไม่สบาย พลังภายในยิ่งโหมกระหน่ำแปรปรวนหนักกว่าเดิม

จนเขาต้องร่ายเวทใหม่ให้อานุภาพเบาน้อยลง มิฉะนั้นนางจะเจ็บปวดแสนสาหัส รวมถึงเขาเองด้วย

“เจ้าดีขึ้นแล้วหรือไงถึงลุกเดินเพ่นพ่านไปมาในห้อง”

ชายหนุ่มเลือกยิงคำถามใส่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดไปมากกว่านี้

“ข้าดีขึ้นแล้ว แต่ยัง…ปวดหัวนิดหน่อย”

เกรเทลยังยืนหันหลังให้เขาอยู่ไม่กล้าขยับไปไหน หูได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินไปมาในห้อง มีเสียงวางแก้วน้ำบนโต๊ะแล้วตามมาด้วยเสียงเปิดประตูตู้เสื้อผ้า

“เจ้าเอาเสื้อตัวนี้คลุมไปก่อน”

วอลล็อคหยิบเสื้อคลุมตัวที่ดีที่สุดในตู้ออกมา มันเป็นผ้าสีน้ำเงินเข้มกรมท่า เนื้อสัมผัสค่อนข้างหนานุ่มใส่สบาย เขาคิดว่าน่าจะเหมาะกับเกรเทล

หางตาเห็นฝ่ามือหนาถือเสื้อยื่นมาจากด้านหลังให้ เธอเอื้อมมือไปหยิบพร้อมกล่าวขอบคุณเขา

“ขอบคุณขอรับ”

พอเสื้อมาอยู่ในมือเธอก็รีบจัดการเอามาคลุมตัวเองทันที เมื่อเนื้อผ้าได้สัมผัสผิวเธอรู้ทันทีเลยว่าต้องมีราคาพอสมควรเพราะมันช่างนุ่มใส่สบายอบอุ่นแถมผ้ายังหนา

“เดี๋ยวข้าซักคืนให้ท่านนะ”

พอเธอจัดระเบียบเสื้อผ้าตนเองเสร็จเรียบร้อย วอลล็อคจึงหันหน้ามามองเธอเต็มตา ถึงเสื้อคลุมจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวของนางไปหน่อยก็จริง แต่มันช่างเข้ากับสีผิวของเจ้าตัวเป็นอย่างมาก

วอลล็อคเผลอยกยิ้มมุมปากครู่เดียวก็กลับมาทำหน้านิ่งเฉยตามเดิม

“ช่างมัน เจ้าทำตัวตามปกติเถอะหรือเจ้าจะทำตัวเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร”

เขาไม่ซีเรียสอยู่แล้วว่านางจะพูดแบบไหนหรือทำตัวอย่างไร เพราะทุกวันนี้เจอหน้ากันแทบจะตลอดเวลาบ่อยกว่าเห็นเฟียซหรืออารอล์ฟด้วยซ้ำ ฉะนั้นมันจึงกลายเป็นความเคยชินไปโดยปริยาย

ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาเว้นแต่กับเด็กสาวคนเดียว

เกรเทลเม้มขบริบฝีปากเล็กน้อย เธอไม่รู้จะทำปฏิบัติตัวอย่างไรต่อเขาดี แม้วอลล็อคจะพูดว่าไม่เป็นไร ทว่าเธอมีแฟนมาหลายคนก็จริง แต่เธอมักจะเว้นระยะห่างจากเพศตรงข้ามเสมอ

ทว่าเมื่อตื่นมาอยู่โลกนี้ เธอรู้สึกกดดันที่ต้องคอยแสร้งเป็นผู้ชาย แต่ก็สบายใจด้วยที่ทำทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกคิดมากเพราะทุกคนคิดว่าเธอเป็นผู้ชาย

ไม่ว่าจะอารอล์ฟ เฟียซ ไรเดอร์ ทุกคนในโรงครัว หรือแม้กระทั่งเหล่าป้าแม่บ้าน ทุกคนต่างปฏิบัติดีกับเธอต่อให้เธอมีสถานะเป็นทาสก็ตาม

บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากทุกคนรู้ว่าเธอแกล้งทำเป็นผู้ชาย ทุกคนจะยังทำดีกับเธอเหมือนเดิมไหม ทุกคนจะรู้สึกเหมือนถูกหลอกหรือเปล่า

แค่คิดเล่น ๆ เธอก็รู้สึกแย่แล้ว แต่มันคงไม่มีอะไรแย่ลงไปกว่านี้หรอกมั้ง

“ถ้างั้นตอนอยู่กันข้างนอกข้าจะทำเหมือนเดิมแล้วกัน…ค่ะ”

เธอพูดเสียงอ้อมแอ้มเล็กน้อยพร้อมกระชับเสื้อคลุมเข้าหากัน เธอยังไม่ชินกับการพูดลงท้ายด้วยคำว่า คะ หรือ ค่ะ เกรเทลใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาได้สักพักแล้ว จะบอกว่าเธอติดการพูดแบบผู้ชายไปแล้วคงจะใช่

ร่างสูงยักไหล่ให้เธอเป็นเชิงว่าจะทำอะไรก็ได้ตามใจ

“เดิมห้องนี้เป็นห้องลับที่ข้าไม่ค่อยได้ใช้ หากยังรู้สึกไม่ค่อยดีเจ้าจะพักต่ออีกหน่อยก็ได้ไม่เป็นไร”

ขายาวก้าวหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องเพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนต่ออีกหน่อย ทว่าเสียงเล็กก็เอ่ยเรียกเขาอีกครั้ง

“แล้วนายทานอะไรหรือยัง…เดี๋ยวข้าไปทำอาหารให้”

พอเขาบอกว่าเธอสามารถพักต่อได้ แต่ใครมันจะอยากนอนอยู่แต่ในห้องล่ะ แถมรู้สึกหิวข้าวด้วยถือโอกาสไปทำอาหารให้อีกฝ่ายแล้วกินพร้อมกันไปเลย

แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาเธอหน้าเหวอ

“ข้าทานมาแล้ว”

เกรเทลถึงกลับไปไม่เป็นเลยเมื่อเขาบอกว่าทานมาแล้ว คนเขาอุตส่าห์จะหาอะไรทำเพื่อไม่ให้รู้สึกคิดมาก เขาดันมาดับฝันเธอซะงั้น

“กินตั้งแต่เช้า แต่นี่ก็ใกล้เย็นแล้วข้าคิดว่าจะทานรวบมื้อเที่ยงไปด้วยเลย”

ชายหนุ่มรีบพูดเสริมทันทีที่เห็นสีหน้าตลก ๆ ของเกรเทล แม่คุณคงอยากหาอะไรทำแก้บรรยากาศด้วยคนไม่ต่างจากเขา

“ถ้างั้นข้ารีบไปทำมื้อเย็นให้ท่านเลยนะ”

พูดจบร่างบางก็วิ่งหน้าตั้งผ่านเขาออกจากห้องนอนลับไปโดยทันที ไม่รอให้เขาได้พูดว่า ‘ถ้ายังไม่ไหว วันนี้ข้าจะทำอาหารเอง’

------

กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

****

Talk with writer

ไม่อยากจะแหม่ไปดาวอังคารเลยพ่อหนุ่ม ไม่ได้แอบดูจริง ๆ ใช่ไหม?! บางทีไรต์แต่งเองยังหมั่นไส้นิสัยนางวอลล็อคเองเลยค่ะ55555 ไรต์หายไปนานเลย ขอโทษคุณรี้ดด้วยที่ไม่ได้อัปตอนเลย พอดีไรต์ไปตบตีการทำอีบุ๊ก หน้าปก พิสูจน์อักษรและภาพพิเศษภายในเล่มมาค่ะ คิดว่าปลายเมษายนนี้จะได้ออก E-book ตามที่สัญญาแน่นอน ส่วนรูปเล่มจะตามมาทีหลังเพราะมีขั้นตอนเยอะกว่า เผลอ ๆ ออกไล่เลี่ยกับเล่ม 2 เลย คิดถึงทุกคนนะคะไม่ได้ลืมไม่ได้หายไปไหน ไรต์ดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมันก็จะช้า ๆ แบบนี้นิดหนึ่ง จะได้กลับมาอัปตอนอีกครั้งแล้ว จุดพลุฉลอง!

****

แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัปเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

Facebook : C.T.Tiana

X (Twitter) : @Ccttiana

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด