ตอนที่แล้วดูดกลืนเซลล์ ผสานร่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปแก่นเวทย์ และ จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

ชายธรรมดา ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ปลุกพลัง


ภายในป่ายามค่ำคืนอันมืดมิด เสียงมอนสเตอร์ดังกึกก้องไปทั่ว

มีร่างของมนุษย์สองคนกำลังเดินทางเพื่อตามหาบางสิ่งอยู่ ด้านหน้าคือหญิงสาวผมยาวเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว

ส่วนคนที่เดินตามอยู่ด้านหลังคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำผมสีขาว มีใบหน้าเย็นชาไม่สนใจสิ่งใด ร่างของเขาในยามนี้ไม่ได้เปลือยเปล่าเหมือนตอนแรกแล้ว เพราะเขาเอาชุดเกราะที่ถูกเพลิงทมิฬเผาไหม้มาสวมใส่อีกที ถึงแม้มันจะมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้ไปบ้าง แต่ก็แค่เล็กน้อย ที่ตอนนั้นชายหนุ่มต้องถอดออกก็เพราะกลัวชุดจะเสียหายจนไม่มีชุดใส่ก็เท่านั้น

ถึงยังไงตัวเขาก็ยังมีนาโนแมชชีนในการซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ชุดของเขาไม่มีนี่สิ ประกอบกับข้อมูลจากการเฝ้ามองของเขา ทำให้รู้ว่าเจ้าสุนัขตัวนั้นทำอันตรายถึงชีวิตเขาไม่ได้ ดังนั้นการถอดชุดทิ้งไว้ก่อนค่อยต่อสู้จึงนับว่าเป็นทางที่เขามองว่าไม่เลวนัก

“จะว่าไป นายเห็นศพของสุนัขเพลิงทมิฬบ้างไหม” หญิงสาวหันกลับมาถามชายหนุ่มที่เดินตามเธออยู่ ท่าทางของเขาเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งใดเลย เย็นชาจนหน้าหวาดกลัว

“เห็น ข้าฉีกมันเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนทิ้งไปในที่ห่างไกลแล้ว จะได้ไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นมาใกล้พวกเรา อย่างน้อยซากศพเหล่านั้นคงล่อให้มันสเตอร์ไปที่อื่นได้” ชายหนุ่มโกหกกลับไป เขาไม่คิดว่าวิชาประหลาดที่ใช้ดูดกลืนเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นได้จะเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ ดังนั้นเก็บเงียบไว้ก่อนน่าจะดีกว่า

...

“ขอให้พวกนายหลับให้สงบนะ ไมเคิล เกรฟ วอล” หญิงสาวยืนกล่าวไว้อาลัยอยู่ด้านหน้าหลุมศพที่เธอฝังร่างของทั้งสองคนเอาไว้

ที่บอกว่าทั้งสองก็เพราะศพของวอลอยู่ในท้องของสุนัขเพลิงทมิฬทำให้ไม่มีศพเอาไว้ฝัง แต่เธอก็เอาโล่สองมือที่เป็นอาวุธของเขามาฝังไว้ให้แทน

“...” ชายหนุ่มยืนพิงต้นไม้อยู่เงียบ ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดคลุมสีฟ้าที่ส่วนหมวกมีร่องรอยถูกตัดหายไป มันคือชุดของไมเคิลนั่นเอง ชายหนุ่มขอยืนมาใส่ก่อน

‘มันสำคัญด้วยรึ? การมานั่งร่ำไห้ ให้กับผู้เสียชีวิตไปแล้วแบบนี้ ?’ ชายหนุ่มคิดในใจเงียบ ๆ เขาต่อสู้ในสนามรบมาโดยตลอด เมื่อมีเพื่อนร่วมโลกตายจากมอนสเตอร์ ต่อให้ต้องใช้ศพนั้นเป็นโล่ป้องกัน เขาก็จะทำโดยไม่คิดแม้แต่น้อย

เพื่อให้โลกปลอดภัย เขาทำได้ทุกอย่าง มันเป็นตัวตนของเขาที่ถูกสร้างมา...

แต่หารู้ไม่ ว่าตัวเขาหลังจากนี้จะเริ่มเปลี่ยนไปช้า ๆ จนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว...

“ขอบคุณที่ช่วยนะ” หลังเสร็จจากการฝังเพื่อนที่ร่วมสู้กันมา หญิงสาวก็หันมากล่าวขอบคุณชายหนุ่ม

เธอรู้ว่าความจริงชายตรงหน้าไม่จำเป็นต้องมาช่วยเธอตามหาศพของคนที่เขาไม่รู้จักด้วยเลยสักนิด แต่ชายหนุ่มก็ช่วยเธอโดยไม่ได้บ่นอะไรออกมาสักคำ

“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบกลับหญิงสาวไป

อี๊ด อี๊ด อี๊ด

เสียงร้องของหมูดังสนั่นมาแต่ไกล พร้อมกับต้นไม้ที่หักโค่นมาตามทาง ดูเหมือนฝูงมอนสเตอร์หมูป่าจะตามกลิ่นของทั้งสองคนจนเจอเสียแล้ว

“แย่แล้ว! พวกนั้นมีกันเยอะมาก เรารีบหนีกันเถอะ!” หญิงสาวกล่าวออกมา เธอคิดว่าต้องเป็นฝูงมอนสเตอร์หมูป่ากลุ่มเดียวกับที่ไล่ตามพวกเธอมาตอนแรกแน่ ๆ

“พวกมันฝีมือเป็นยังไง สู้สุนัขตัวก่อนหน้านี้ได้ไหม” ชายหนุ่มแกล้งถามไปทั้ง ๆ ที่เขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“ไม่ได้ แต่พวกมันมีกันเยอะ เกือบสิบตัว ฉันว่าการหนีจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า!” เซรีนตอบกลับไปก่อนมองหาทางที่น่าจะหนีไปได้

ครึ่งหลัง

“เราหนีไม่ทันแล้วล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมา

หลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวจบก็พบว่ารอบบริเวณถูกมอนสเตอร์หมูป่าขนเหล็กล้อมเอาไว้หมดแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะฉลาดไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้พวกมันไล่มาเป็นทางเดียวกันทำให้มนุษย์ตรงหน้าหนีไปได้

คราวนี้พวกมันเลยกระจายตัวกันจากหลายทิศทาง เพื่อปิดล้อมเอาไว้ไม่ให้มีมนุษย์หนีไปได้อีก ด้วยจำนวนมากถึงสิบตัว คงมีน้อยคนนักที่จะหนีไปได้!

“ไม่จริงน่า! ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสู้แล้ว!” เซรีนกล่าวพร้อมกับชักดาบออกมาเตรียมเข้าต่อสู้ อย่างน้อยชายหนุ่มด้านข้างของเธอก็น่าจะจัดการได้หลายตัว ขอแค่เธอถ่วงเวลาเอาไว้ได้สักหน่อย พวกเธออาจจะมีหวังที่จะรอดไปได้บ้าง

“ข้าจัดการเอง” ชายหนุ่มกล่าวจบร่างของเขาก็พุ่งเข้าหามอนสเตอร์ฝูงนั้นด้วยความรวดเร็ว เวลานี้พละกำลังโดยรวมของเขาเพิ่มขึ้นมากหลังจากกลืนกินสุนัขเพลิงทมิฬ

ฟิ้ว ตู้ม! โพละ!!

หมูป่าตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกชายหนุ่มใช้หมัดซัดเข้ากลางหัวอย่างแรง จนสมองของมันระเบิดออกมาในหมัดเดียว

“...” หญิงสาวที่กำลังจะเข้าต่อสู้ เมื่อเห็นภาพนี้เข้าเธอก็ยืนอึ้งคิดอะไรไม่ออกอยู่นาน

“อ่อนแอเหลือเกิน” ชายหนุ่มมองกำปั้นของตัวเองที่เต็มไปด้วยเศษซากและเลือดหมูป่าก่อนจะกล่าวออกมา

อี๊ดดด อี๊ด

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นเหล่าหมูป่าขนเหล็กที่เหลือก็ส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธเคือง ตาของพวกมันพากันเรืองแสงก่อนจะพุ่งเข้าหาชายหนุ่มที่จัดการพวกพ้องของพวกมันอย่างไม่คิดชีวิต!

ฟิ้ว! วืด

หมูป่าบางตัวได้สะบัดขนที่แข็งดุจเหล็กกล้าของมันเข้าใส่ชายหนุ่ม แต่เขาก็หลบมันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทั้งการพุ่งเข้าชน ขวิด ยิงขนเหล็กเข้าใส่ ชายหนุ่มล้วนอาศัยช่องว่างหลบรอดไปได้ทั้งหมด

ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ

ชายหนุ่มริวหมัดเข้าตามข้อต่อของเหล่าหมูป่าขนเหล็กทุกตัวเมื่อเขาเคลื่อนตัวผ่าน ทุกหมัดของเขาแม้จะใช้พลังไปแค่หนึ่งในสิบ ก็ทำให้ข้อต่อและเส้นเอ็นของหมูป่าเหล่านั้นเสียหายจนหมดสิ้น พวกมันล้วนร้องโอดโอยพลางนอนทรุดอยู่กับพื้น ทำได้แค่รอความตาย

“เจ้า มาจัดการพวกมัน” ชายหนุ่มหยุดอยู่ด้านหน้าหมูป่าเหล่านั้น แล้วกล่าวออกมา

“หะ ฉันเนี่ยนะ” หญิงสาวที่เพิ่งได้สติชี้หน้าตัวเองก่อนจะกล่าวตอบ

“ใช่ มาจัดการซะ” ชายหนุ่มกล่าวจบก็ยืนเงียบ ๆ ไม่กล่าวอะไรอีก

“ทำไมล่ะ แค่นายต่อยพวกมันอีกไม่กี่ทีก็ตายแล้วนะ” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ

“...” แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบจากชายหนุ่มด้านหน้า เธอจึงได้แต่เดินไปใช้ดาบในมือฟาดฟันเหล่าหมูป่าไร้ทางสู้พวกนั้น

แต่ถึงจะเป็นการฟาดฟันอยู่ฝ่ายเดียว การจะฆ่าพวกมันสักตัวก็นับว่าลำบากมาก ด้วยความต่างของเลเวลและทักษะ ทำให้เธอต้องฟันที่จุดอ่อนของหมูป่าพวกนี้ซ้ำ ๆ ถึงจะฆ่ามันได้

“ขอบคุณนะ เพราะนายทักษะการฟาดดาบ กับเลเวลของฉันถึงอัพขึ้นมาได้” หญิงสาวโค้งตัวกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่

“อืม” ชายหนุ่มเพียงตอบสั้น ๆ รับคำ เขาต้องการจะดูว่าฝีมือระดับหญิงสาวตรงหน้าถ้าจัดการมอนสเตอร์พวกนี้ที่ไร้ทางสู้ จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูล

อีกทั้งถึงเขาจะลงมือฆ่าพวกมันไปก็ยังไม่ได้อะไรอีกด้วย

[“ต้องการดูดกลืนหมูป่าขนเหล็กx10 หรือไม่”] มีเสียงบางอย่างดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง

[“ไม่”] ชายหนุ่มไม่ลังเล คิดในใจตอบกลับไป เขาคิดว่ามันคงเป็นอะไรสักอย่างที่อยู่ในตัวเขา ถึงจะอธิบายไม่ได้แต่เขารู้สึกว่ามันมีอยู่

“นายเป็นผู้ปลุกพลังรึเปล่า ? ทำไมฉันไม่เห็นนายจะมีพวกป้ายของสมาคมเลยล่ะ” หญิงสาวกล่าวถามหลังจากสังเกตอยู่นาน ถึงเธอจะถามออกมาแต่ก็แทบจะรู้สึกว่ามันไร้สาระจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ผู้ปลุกพลังชายหนุ่มตรงหน้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง!

“ข้าเป็นแค่คนธรรมดา” ชายหนุ่มตอบกลับไป เขาไม่เข้าใจว่าผู้ปลุกพลังคืออะไร ดังนั้นตอบไปตามจริงก่อนอาจจะดีกว่า

แต่หารู้ไม่ว่าคำตอบของเขาได้ทำให้หญิงสาวตกใจจนแทบช็อคไปเลย…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด