ตอนที่แล้วตอนที่ 275 เกมของทั้งสองฝ่าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 278 คุกมืดและระดับเทียม

ตอนที่ 276 ดินแดนใต้พิภพของสหพันธรัฐ(อ่านฟรี)


ตอนที่ 276 ดินแดนใต้พิภพของสหพันธรัฐ

ที่ผ่านมาแผนการแท้จริงของแซมสันนั้นเริ่มต้นที่เมืองหลวงของสหพันธรัฐมาโดยตลอด เขาไม่เคยโฟกัสไปที่อื่นเลยแม้แต่นิดเดียว

เริ่มตั้งแต่การโจมตีในรอบก่อน ๆ และเมื่อครั้งอดีตที่ไม่ถูกบันทึกไว้เช่นกัน แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยสำเร็จมาก่อน

“คราวนี้จะไม่เหมือนเดิมอีก”

สิ้นคำพูดของแซมสันก็เกิดแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งเมืองและตามมาด้วยเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง นี่คือการระเบิดเมืองหลวงโดยรอบ

...

ในเมืองหลวงของสหพันธรัฐเหลือกองกำลังทหารประจำการอยู่ราว ๆ หนึ่งแสนนายเท่านั้น

เมื่อเทียบกับกำลังทหารทั้งหมดของสหพันธรัฐที่ยิ่งใหญ่แล้วจำนวนนี้ถือว่าน้อยมาก เพราะทหารที่เข้าประจำการของสหพันธรัฐมีมากถึง 10 ล้าน แต่จำนวนนี้หมายถึงทั่วทั้งสหพันธรัฐ ซึ่งยังไม่นับกองกำลังฮันเตอร์

แถมก่อนหน้านั้นที่เกิดการต่อสู้กันสหพันธรัฐได้ส่งทหารออกไปสู้รบกับกองทัพเทพอนันต์ซึ่งเกิดขึ้นทุกเมืองทั่วทั้งสหพันธรัฐ ทำให้กำลังพลของสหพันธรัฐกระจายไปกันออกไปยังทุกพื้นที่

กำลังรบที่เมืองหลวงสหพันธรัฐจึงเหลือแค่ห้าแสนกว่านายเท่านั้น

การบุกโจมตีด้วยกองยานของกองทัพเทพอนันต์ทำให้สหพันธรัฐต้องเรียกกำลังพลโดยรอบกลับมาที่เมืองหลวงสหพันธรัฐ เพื่อรับมือกับกองยานของกองทัพเทพอนันต์

แต่ถึงอย่างนั้นก็รวบรวมกำลังพลได้ราว ๆ ห้าแสนนายบวกกับฮันเตอร์อีกหนึ่งแสนนาย รวมแล้วสหพันธรัฐมีกำลังพลที่ใช้ต่อสู้กับกองยานของสหพันธรัฐแค่หนึ่งล้านหนึ่งแสนนายเท่านั้น

แถมหนึ่งล้านนายก็พึ่งจะส่งไปประจำการที่แนวเทือกเขาเฮลล์ ส่วนที่เหลืออยู่ที่เมืองหลวงของสหพันธรัฐ

และทหารหนึ่งแสนนายที่ประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของเมืองหลวงในตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ในความโกลาหลจากระเบิดที่เกิดขึ้นทั่วทั้งเมือง

แซมสันมองดูด้วยแววตาสงบนิ่ง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากแผนการของเขาที่วางไว้อย่างยาวนานและเขากำลังจะเปิดเผยมันทั้งหมดออกมาในเวลานี้

ระเบิดที่เกิดขึ้นทั่วทั้งเมืองเป็นเพียงเสียงระฆังยกแรกเท่านั้น และระฆังยกสองก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่ออยู่ ๆ ปรากฏทหารพลีชีพจำนวนมากในหมู่ของทหารของสหพันธรัฐ

แน่นอนว่าทหารเหล่านี้ไม่ใช่ทหารระดับสูงหรือเหนือมนุษย์ใด ๆ แต่เป็นทหารยศต่ำเท่านั้น พวกเขาเป็นทหารที่ถูกเรียกมารวมพลฉุกเฉินในก่อนหน้านั้น

นี่คือตัวตนหน้าฉากของพวกเขา และที่ต้องใช้หน้าฉากนี้ เพราะถ้าเป็นทหารระดับสูงจะถูกตรวจสอบในระดับชีวภาพและยังถูกจับตามองได้ง่าย

ต่างจากทหารทั่วไปที่มีนับแสนแถมช่วงวันสองวันหลังทหารจำนวนมากยังถูกเรียกตัวฉุกเฉินเข้ามายิ่งทำให้การตรวจสอบ ทำให้เหมาะกับการส่งสายลับเข้าไป

ส่วนตัวตนจริงพวกเขา แท้จริงก็คือทหารโคลนนิ่งที่ถูกกองทัพเทพอนันต์สร้างขึ้น โดยอาศัยต้นแบบของทหารสหพันธรัฐที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนและถูกปล่อยตัวกลับเข้ากองทัพโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

โคลนนิ่งทหารเหล่านี้มีแค่สองความทรงจำที่ถูกยัดเข้าไปให้หนึ่งคือความทรงจำของร่างต้นและสองคือความทรงจำในฐานะสายลับผู้มีความสามารถในการก่อวินาศกรรมด้วยระเบิด แต่ความทรงจำส่วนหลังนี้จะถูกซ่อนไว้

ซึ่งแม้แต่ตัวโคลนนิ่งเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคือทหารโคลนนิ่งของกองทัพเทพอนันต์ จนกระทั่งได้รับสัญญาณเตือนและสัญญาณที่ว่านั้นก็คือการมาถึงของกองยานกองทัพเทพอนันต์

หลังจากนั้นไม่นานระเบิดทั้งหมดก็ถูกติดตั้งโดยที่ไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัย เพราะทุกคนมัวแต่สนใจการต่อสู้ที่เทือกเขาเฮลล์ ต่อให้สหพันธรัฐจะมีไกอาช่วย แต่ก็ไม่มีทางที่จะตรวจสอบทุกคนได้ โดยเฉพาะเมื่อแม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพียงร่างโคลนนิ่งด้วยซ้ำ

ระเบิดในครั้งแรกเน้นไปที่การทำลายอาคารต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความโกลาหลและระเบิดครั้งที่สองมาจากทหารโคลนนิ่งที่พลีชีพ ทหารโคลนนิ่งที่ไร้ความหวาดกลัวต่อความตายต่างก็ใช้ระเบิดของตัวเองที่ผูกติดไว้กับตัวระเบิดในระยะประชิดกับทหารที่ตนเองปะปนอยู่ จึงสร้างหายนะต่อชีวิตและยุทโธปกรณ์จนเรียกว่าทำลายล้าง

ถ้าสนามรบที่เทือกเขาเฮลล์คือสงครามที่ป่าเถื่อน อย่างนั้นที่นี่ก็เรียกว่าการกวาดล้างในพริบตา

ทหารและฮันเตอร์รวมหนึ่งแสนนายเหลือกันอยู่หลักพันเท่านั้นและเป็นพวกที่ออกไปตรวจสอบระเบิดในรอบแรก ๆ จึงรอดจากระเบิดพลีชีพ ทหารเหล่านั้นต่างก็อึ้งและสั่นสะท้านไปจนถึงวิญญาณ

ถ้าไม่...ถ้าไม่ออกมาพวกเขาคงหายไปไม่เหลือแม้แต่ศพด้วยซ้ำ

ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงแทบพ่ายแพ้จนสิ้นหมดแล้ว แต่ยิ่งเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้แซมสันระวังมากขึ้น

...

สำนักงานกลางสถานที่หลงเหลือแต่เพียงซากเผย

แซมสันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับคนของตนเองที่สวมฮูดปกปิดตัวตนราวกับยมทูตที่มาเก็บดวงวิญญาณคนตายจากระเบิด เพียงแต่เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ใต้สำนักงานกลาง

ความลับของสำนักงานกลางเจ้าหน้าที่น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประชาชนทั่วไป พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้ถึงการมีอยู่ด้วยซ้ำ

ทุกคนรู้แต่เพียงว่าสำนักงานกลาง คือศูนย์รวมอำนาจของสหพันธรัฐสถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสภาสูงและที่ทำงานของผู้นำสหพันธรัฐแต่นั่นเป็นแค่สิ่งบังหน้าที่ปกปิดความจริงเบื้องลึกของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสหพันธรัฐ

ราชาโกเลมยกมือขึ้นดินหินและเศษซากทั้งหมดต่างก็พากันก่อนตัวขึ้นมาเป็นโกเลมสูงสิบกว่าจนถึงร้อยเมตรหลายสิบหลายร้อยตัวเดินออกไปจากสถานที่เคยเป็นที่ตั้งของสำนักงานกลาง

โกเลมเหล่านั้นหันหน้าออกไปและยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินที่คอยปกปักรักษาไม่ให้สิ่งที่ไม่ควรผ่านได้ผ่านไป

แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะแทบทุกคนไม่มีใครละสายตาไปจากสิ่งที่เหลืออยู่ได้

“ในที่สุดข้าก็มาถึงมันจนได้ประตูทางเข้า” แซมสันเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่แกชรา

“หึ พวกเจ้าจะรอตรงนี้หรือจะบุกเข้าไป”

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายใต้ฮูดเธอไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจะเป็นองค์หญิงเทพอสูรหรือคือเจนในร่างที่โดนยึดไป

“ข้าก็แค่ยินดีเท่านั้นและนึกถึงช่วงเวลาที่ต่อสู้เพื่อวันนี้เท่านั้น”

“ก็แค่เวลาน้อยนิดไม่กี่สิบปีจะมาอาลัยอาวรณ์ไปทำไม” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวอย่างดูแคลน

แม้น้ำเสียงของเธอจะทำให้เหนือมนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่พอใจ แต่ไม่มีใครกล้าแสดงมันออกมา แม้แต่ราชาโกเลมก็ตาม

ตัวตนของเธอหลายคนจะไม่ล่วงรู้ แต่พวกเขารู้อย่างหนึ่งแซมสันยำเกรงเธอเป็นอย่างมาก ส่วนราชาโกเลมที่คาดเดาได้ก็ยิ่งหวาดกลัวกว่าคนอื่น ๆ

ยิ่งรู้มาก...ก็ยิ่งต้องเกรงกลัวมากเท่านั้น

...

ประตูที่เผยต่อหน้าทุกคนในตอนนี้คือประตูเหล็กที่ซ่อนสถานที่ลึกลับที่เกริ่นไปก่อนหน้านั้น ขนาดประตูใหญ่กว่า 100 เมตร แต่มันแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เหมือนกับวงแหวนที่สามารถเปิดออกได้ทีละชิ้น ความทนทานของประตูมากพอจะป้องกันระเบิดนิวเคลียร์ได้

แม้แต่อาคารสำนักงานกลางที่ทนทานราวกับป้อมปราการจะหายไปจากแรงระเบิด แต่ประตูกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่นิดเดียว

แซมสันไม่ได้ลงมือเปิดประตูเอง แต่ชายสวมฮูดคนหนึ่งก้าวเดินออกมาย่อตัวและมือสัมผัสกับประตูบานนั้น

“กลืนกิน!”

ร่างของชายใต้ฮูดสั่นเทาอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าเขากำลังต่อสู้กับบางสิ่งด้วยชีวิต ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ที่เท้าก็เริ่มปรากฏรอยเลือดที่ไหลซึมออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย

“อ๊ากกก!!! กลืนกิน! กลืนกิน!! กลืนกิน!!!”

แต่ชายภายใต้เสื้อฮูดกลับไม่ยอมแพ้เขาคำรามออกมา ในพริบตานั้นประตูก็เริ่มสั่นสะเทือน คนทุกคนต่างก็พากันถอยหนีออกไปจากระยะก่อนที่พริบตาต่อมาประตูทั้งบานรวมทั้งพื้นที่รอบ 500 เมตรจะหายไปในความว่าง

ตุบ!

ร่างของชายคนนั้นหล่นลงไปยังก้นหลุมที่ปรากฏขึ้นหลังจากการหายไปของประตูและพื้นที่รอบ ๆ

ทุกคนต่างกระโดดลงไปในหลุมตามแซมสัน มีสองคนช่วยพยุงเหนือมนุษย์คนนั้นออกไปและหายไปจากพื้นที่นี้ ส่วนคนที่เหลือต่างก็เดินไปยังช่วงสี่เหลี่ยมที่ลึกลงไปจนเห็นแต่เพียงความมืดที่ปลายทาง

ช่องทางนี้ก่อนหน้านั้นมีลิฟต์ที่ใช้ลงไปอยู่ แต่มันหายไปแล้ว

แซมสันและทุกคนต่างก็พากันกระโดดลงไปอย่างไม่เกรงกลัว

...

พอทุกคนลงมาถึง แม้แต่พวกที่ใส่ฮูดอยู่ก็ยังต้องอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้า มีเพียงแค่แซมสันที่ยังแสดงออกถึงความสงบนิ่ง ส่วนองค์หญิงเทพอสูรกลับเผยแววตาหยามเหยียดและราชาโกเลมเพียงแค่แสดงความสนใจออกมาเท่า

การแสดงท่าทางทุกคนต่างกันไปก็เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่นี้แท้ที่จริงมันคือเมืองใต้ดินที่สร้างอยู่ในอุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์ พวกเขาไม่ต่างจากมดตัวเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของสถานที่แห่งนี้

“ดินแดนใต้พิภพของสหพันธรัฐในตำนานน่าสนใจ” ราชาโกเลมสัมผัสกับพื้นที่เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับตัวเอง

“พวกนั้นรอเจ้าอยู่” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวติดตลก เพราะรู้สึกขำขันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ข้าไปจะเจอพวกเขา เจ้าจะไปไหม” แซมสันกล่าวขณะที่สายตาที่แก่ชรายังคงจ้องมองไปด้านหน้า

ไม่ต้องรอให้องค์หญิงแทบอสูรตอบ แซมสันก็ก้าวเดินไปเพียงลำพังแล้ว

“หึ” เธอพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะแสดงสีหน้าเย็นชาราวกับไม่แยแสต่อสิ่งที่รออยู่และตามหลังแซมสันไป

ส่วนคนอื่น ๆ กลับหายไปในความมืดตั้งแต่ที่แซมสันก้าวเท้าแรกแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด