ตอนที่แล้วบทที่ 8: แนวคิด (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 – สัญญา (2)

บทที่ 9 – สัญญา (1)


บทที่ 9 – สัญญา  (1)

สำหรับการแสดงของคังวูจินในบทรองหัวหน้าพัค นักเขียนชื่อดังพัคอึนมีผู้เขียนเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็กล่าวว่า

“เอาล่ะ คุณเริ่มได้เลย”

เธอไม่อาจละสายตาจากคังวูจินที่อยู่ตรงข้ามกับเธอได้แม้แต่นิดเดียว เธอต้องเก็บทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง ท่าทาง การหายใจและสีหน้าของเขา

“ฉันเหยียบอึสุนัข...”

เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก

'ทำไม... เขาถึงสามารถถ่ายทอดตัวละครที่ฉันสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมขนาดนี้กัน? ไม่นะ นี่มันเรียกว่าเกินกว่าเหมาะสมไปแล้ว'

แม้ตัวละครที่เขาแสดงนั้นเหมือนกับรองหัวหน้าพัคที่เธอสร้างขึ้น แต่การแสดงของคังวูจินดูมีชีวิตชีวาและสมจริงมากกว่า อ่า หากพูดว่า 'มีชีวิตชีวา' นั้นจะสมเหตุสมผลไหม เพราะมันเหมือนตัวละครนี้กำลังมีชีวิตอยู่เลย ความคิดของนักเขียนพัคอึนมีสับสนไปมาเพราะความประหลาดใจ

'มันเหมือนกับรองหัวหน้าพัคกำลังอยู่ตรงหน้าฉัน'

ตัวละครที่เธอสร้างขึ้นผ่านคืนวันที่แสนทนทุกข์ทรมานและไร้การพักผ่อนนั้นได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเองแล้ว นั่นคือรองหัวหน้าพัค ตัวละครที่เต็มไปด้วยความโรคจิต พัคอึนมี นักเขียนสาวรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน

ตัวละครในผลงานนั้นถูกวาดขึ้นโดยนักเขียน แต่เป็นนักแสดงที่ได้ถ่ายทอดออกมา

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการแสดงที่สมบูรณ์แบบจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าการวิเคราะห์เรียนรู้ตัวละครของนักแสดงจะยอดเยี่ยมแค่ไหน นักแสดงก็ไม่สามารถเข้าไปในใจของผู้เขียนได้ เป็นการยากที่จะถ่ายทอดทุกรายละเอียดของฉากที่ผู้เขียนสร้างขึ้นให้ตัวนักแสดงรับรู้ได้

ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงต้องผ่อนปรนในระดับหนึ่ง

แม้จะมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในการแสดงของนักแสดง แต่พวกเขาก็ต้องจำใจยอมรับ ต้องรับให้ได้กับความแตกต่างของน้ำเสียงในบทสนทนา และเข้าใจหากการกระทำแตกต่างไปจากต้นฉบับ

สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับนักเขียนพัคอึนมีเท่านั้น

มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่นักเขียนบททุกคนในเกาหลีหรือทั่วโลกต้องเผชิญ และยิ่งพวกเขารับรู้ช่องว่างระหว่างฉากจริงกับวิสัยทัศน์ของนักเขียนได้เร็วเท่าไร นักเขียนก็จะเติบโตเร็วขึ้นเท่านั้น

ทว่า…

'ฉันเขียนตัวละครนี้ขึ้นมาก็จริง…แต่ทำไมมันเหมือนฉันไม่อาจมองเห็นงานเขียนของฉันได้เลยกัน'

นักแสดงอัจฉริยะตรงหน้าได้แสดงออกมาอย่างไม่ยั้งมือ คังวูจินยามนี้กำลังบดบังบทที่เขียนไว้จนมิดชิด

หากนักเขียนพัคอึนมีรู้สึกเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็คงรู้สึกเหมือนกัน

ตัวละครที่เธอสร้างขึ้น เขากำลังแสดงเป็นตัวละครนั้นไว้ได้อย่างมั่นคง ไม่หวั่นไหวและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับตัวละครนั้นมากขึ้นหลายสิบเท่า นั่นคือคังวูจินในตอนนี้

และนี่คือ...

“······”

ภาพที่แม้แต่พัคอึนมี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนชื่อดังในเกาหลีก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหลงใหล เธอเคยร่วมงานกับนักแสดงมาหลายร้อยหลายพันคนแล้ว

แต่เขาเป็นคนแรกในบรรดานักแสดงเหล่านั้นเลย

'ต้องเป็นคังวูจิน ฉันต้องดึงตัวเขามาให้ได้'

คำว่า 'ล้ำค่า' ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายเขา เขาเป็นนักแสดงที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเธออาจจะไม่มีวันได้พบเจออีกเลย นั่นคือความคิดในตอนนี้ของพัคอึนมี ผู้ซึ่งเพิ่งได้พานพบกับคนที่มากความสามารถ

-กึก

ไม่ว่าสายตาหรือการตัดสินของคนอื่นในห้องจะมีความสำคัญแค่ไหน พัคอึนมีก็ไม่สนใจแล้ว

“คุณคังวูจิน ได้โปรดรับบทบาทรองหัวหน้าพัคด้วยค่ะ มันจะต้องเป็นคุณเท่านั้น”

จะมีโอกาสไหนที่นักเขียนจะได้พบกับตัวละครที่พวกเขาสร้างขึ้นจากงานเขียนของพวกเขาบนโลกความเป็นจริงอีก? ด้วยเหตุนี้ พัคอึนมีจึงต้องการเอาตัวคังวูจินไว้ให้ได้ แม้ว่าเธอจะต้องขอร้องก็ตาม เพราะเธอเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณภาพงานของเธอ

ดังนั้น

“······”

“······”

ไม่มีใครในห้องประชุมพยายามหยุดนักเขียนพัคอึนมีเลย พวกเขาไม่ได้แนะนำให้เธอรักษาหน้า ซงมันวูและนักแสดงชั้นนำฮงฮเยยอน หรือสมาชิกหลักของบริษัทผู้ผลิต พวกเขาทั้งหมดต่างแค่นั่งอยู่ในที่ของตน มองดูใบหน้าอันแสนจริงจังและไม่ออกความคิดเห็นใดออกมา

เพราะพวกเขาก็เข้าใจความรู้สึกของพัคอึนมีเช่นกัน

พัคอึนมีตอนนี้กำลังกำมือของคังวูจินเอาไว้ แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนา แม้จะมองไม่เห็นเปลวไฟ แต่แรงฮึดของเธอนั้นดุจหม้อไฟเดือดปุดๆ

ทว่า

“ผมตกใจมากเลยนะตอนที่จู่ๆ คุณก็จับมือผม”

ในห้องประชุมแห่งนี้ มีเพียงแค่คังวูจินเท่านั้นที่ไม่รู้สึกประหลาดใจ กลับกัน เขายังรู้สึกเกรงๆ พัคอึนมีอยู่เล็กน้อย ใครกันจะไม่รู้สึกแบบนั้นบ้างถ้าจู่ๆ มือของตัวเองกลับถูกใครสักคนคว้าไป

'ถ้าเธอปล่อยมือฉันแล้วคุยกันก็น่าจะดีกว่านะ แต่เอาเถอะ พอได้เห็นปฏิกิริยาของนักเขียนดังคนนี้ ก็คงรู้แล้วล่ะว่าความสามารถจากพื้นที่มิติว่างเปล่าของฉันนั้นค่อนข้างน่าทึ่งพอดูเลย'

ขณะรักษาท่าทีอันเคร่งขรึมเอาไว้ ปล่อยให้ทุกอย่างดูเหมือนจะไหลไปเองตามธรรมชาติ เอาล่ะ สงสัยฉันคงต้องเล่นตามน้ำไปก่อนสินะ

แน่นอนว่าเขาไม่รู้อะไรเลย

'อยากรู้แฮะว่าฉันจะขอคลิปวิดีโอการแสดงนี้กลับไปด้วยได้ไหมนะ?'

เขาไม่รู้เลยว่าช่วงเวลานี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา

ยามนั้นเอง คังวูจินผู้ที่ถูกคว้ามือไว้ก็เอ่ยปากกับพัคอึนมีเบาๆ

“คุณพัคอึนมีครับ ก่อนอื่นปล่อยมือผมก่อนได้ไหมครับ?”

ตอนนั้นเองที่นักเขียนพัคอึนมีรู้สึกตัวและปล่อยมือเขาไป

“โอ้ ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ตัวเลย”

“ไม่เป็นไรครับ”

คำถามดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้อง ประโยคนี้มาจากPDซงมันวู

“ว่าแต่ทำไมคุณถึงเลือกบทรองหัวหน้าพัคครับ? บทอื่นๆ ก็ง่ายต่อการแสดงมากกว่าเยอะเลยนะครับ”

พัคอึนมีพูดแทรกพร้อมกับยกมือขึ้น

“ถูกต้อง! ฉันก็อยากรู้เรื่องนั้นเหมือนกันค่ะ”

“ฉันด้วย ทำไมต้องเป็นรองหัวหน้าพัคล่ะคะ?”

ในท้ายที่สุด สายตาของทุกคนก็จ้องกลับมาที่คังวูจิน ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่าคังวูจินยังคงนิ่งเฉย

'ก็ได้ งั้นฉันจะแถลงไขบอกความจริงให้เอง'

พอคิดเช่นนั้น คังวูจินจึงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“เพราะมันสั้นครับ”

มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา นี่ไม่ใช่การแสดงเป็นเคร่งขรึมหรืออะไรเลย แต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของคังวูจิน จนทำให้กระทั่งPDซงมันวูที่ขมวดคิ้วถึงกับถามออกมาทันที

"…คุณหมายความว่ายังไงกันครับ?"

“บทมันสั้นครับ”

“คุณเลือกบทบาทของรองหัวหน้าพัคเพราะว่า...บทมันสั้นเหรอครับ?”

"ใช่ครับ"

มันเป็นคำพูดที่จริงใจ ไร้ซึ่งการโกหกหลอกลวง ทว่าคนอื่นๆ ในที่นั้นกลับมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน

PDซงมันวู

'สั้นเหรอ? เขาเลือกบทที่ยากนี้เพียงเพราะบทมันสั้นเหรอ? แต่ยิ่งสั้นลง มันก็ต้องวิเคราะห์ตัวละครเพื่อนำไปแสดงยากยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?'

นักเขียนพัคอึนมี

‘สมองเขาเป็นอะไรไป! ปกติแล้วนักแสดงส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงบทบาทที่ท้าทายอย่างรองหัวหน้าพัคนะ แต่อะไรนะเนี่ย? เพราะบทมันสั้นงั้นเหรอ??? เขาเป็นคนโง่หรือเป็นอัจฉริยะกันแน่?’

และดาราสาวฮงฮเยยอน

‘อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว เขาแกล้งทำตัวสุภาพ แต่ขณะเดียวกันก็กำลังอวดฝีมือ เขาคงจะบอกว่าบทบาทแบบนี้ง่ายสำหรับเขาสินะ’

แน่นอนทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง

ขณะนั้นเอง

– ตึบ ตึบ

คังวูจินซึ่งที่นั่งอยู่อย่างเงียบๆ ในห้องประชุมที่คุกรุ่นไปด้วยความตื่นเต้น จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาได้หันไปหานักเขียนพัคอึนมีที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดเบาๆ

“คือว่าขอผมคิดดูก่อนนะครับ เกี่ยวกับข้อเสนอของคุณ”

สักพักหนึ่ง

แล้วคังวูจินก็เดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินลงทางเดินช้าๆ เขาเดินผ่านพนักงานหลายคนของสตูดิโอซีบูลไปประมาณห้าก้าว

–วูบ

เขาเหลือบมองไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว และสลัดทิ้งท่าทางที่เขาแสดงทันที

"ฮู้วว"

ความเครียดคล้ายถูกปลดเปลื้องออกไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นในห้องประชุมนั้นกันเนี่ย? ขณะที่คังวูจินใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้า เขาก็กดปุ่มลิฟต์

ในเวลาเดียวกัน…

"คุณคังวูจินคะ”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง เขาหันไปมองและเห็นผู้หญิงผมยาวรูปร่างดีเดินเข้ามาหาเขา เธอคือฮงฮเยยอน

นั่นทำให้คังวูจินถึงกับอุทานด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง

'ว้าว-ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินวันที่ฮงฮเยยอนเรียกชื่อฉันออกมาดังๆ แบบนี้'

อย่างไรก็ตาม เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขาได้กลับมาทำหน้าตายเช่นเดิม

"ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

แน่นอนว่าฮงฮเยยอนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยืนอยู่ตรงหน้าคังวูจินทันที จากนั้นเธอจึงได้ถามคังวูจินที่กำลังหลงใหลในกลิ่นหอมของเธออยู่

“ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับข้อเสนอการคัดเลือกนักแสดงในทันทีกันล่ะคะ?”

ทำไมเหรอ? มันก็แค่

เหตุผลที่คังวูจินบอกว่าเขาจะคิดดูก่อนนั้นค่อนข้างง่าย เพราะมันคงรู้สึกแปลกๆ หากอัจฉริยะที่โอ้อวดฝีมืออย่างเขาจะรับข้อเสนอการคัดเลือกนักแสดงไปโดยดีไงล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น

'ถ้าฉันเกิดตอบตกลงทันที มันคงดูไม่หล่อเท่ ปกติในหนัง สถานการณ์แบบนี้ตัวเอกมักจะต้องใช้เวลาตัดสินใจสิ'

อีกอย่าง การทำแบบนี้มันเป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของเขาเอาไว้ แต่เขาพูดตรงๆ ไม่ได้ คังวูจินจึงจ้องตากับฮงฮเยยอน พยายามกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัว

“ผมก็หมายความตามสิ่งที่เพิ่งพูดไป ผมต้องใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน”

"..."

ฮงฮเยยอน นักแสดงหญิงชื่อดังมองคังวูจินอยู่นาน ว้าว เธอสวยมากจริงๆ หัวใจของคังวูจินเต้นแรงระรัวโดยไม่รู้ตัว เธอจะได้ยินเสียงหัวใจฉันไหมนะ?

แต่โชคดี

"เอ่อ ว่าแต่คุณคังวูจินคะ"

ฮงฮยอนเปลี่ยนหัวข้อคุย ดูเหมือนเธอคงไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นสินะ

“คุณมีสังกัดหรือเปล่าคะ?”

"···ไม่มีครับ"

"ทำไมล่ะ? ทำไมคุณถึงไม่มีล่ะคะ?”

“ผมจำเป็นต้องมีเหตุผลที่ไม่มีหรือเปล่า?”

"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่ว่า... คุณไปอยู่ต่างประเทศจริงๆ เหรอคะ?"

"······"

คังวูจินปิดปากลงเมื่อเธอถามคำถามนั้น เขาต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดูเป็นคนเข้าใจยากเอาไว้ ซึ่งพอฮงฮเยยอนเห็นเช่นนั้นและรู้ตัวว่าเธอถามจี้เกินไป จึงได้กระแอมไอออกมา

"อ๊ะ ขอโทษค่ะ ฉันลืมตัวไป ว่าแต่คุณอายุเท่าไหร่คะ คุณคังวูจิน?"

"ผมอายุ 27 ครับ"

"ฉันอายุมากกว่าคุณสองปีสินะคะเนี่ย"

ฮงฮเยยอนพูดด้วยน้ำเสียงดูค่อนข้างเขินอายเล็กน้อย เธอถอนหายใจและเลือกคำพูดของเธออย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะถามอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง

"ฉันจะพั...คุณพัฒนาทักษะการแสดงของคุณได้ยังไงเหรอคะ...?"

เธอต้องการพูดว่า "ฉันจะพัฒนาฝีมือการแสดงให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง" แต่เธอก็พยายามกลั้นใจเอาไว้

ฮงฮเยยอน เป็นนักแสดงหญิงชั้นนำ

เธอโด่งดังในวงการแสดง มีความทะเยอทะยานที่จะเป็นนักแสดง สำหรับฮงฮเยยอน ไม่มีคำว่า "ดีพอ" บางคนในวงการแสดงถึงกับหลีกเลี่ยงการร่วมงานกับเธอด้วยซ้ำเพราะความจริงจังของเธอ

ซึ่งเมื่อเธอเห็นคังวูจินครั้งแรก เธอก็รู้สึกอิจฉา

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันฮงฮเยยอนคือนักแสดงเบอร์ต้นๆ ของเกาหลี การไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงที่ยังไม่มีชื่อเสียงนั้นค่อนข้างน่าอายเล็กน้อย ถ้าข่าวลือแว่วออกมา มันคงเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเธอในฐานะนักแสดงเบอร์ต้นๆ ได้เลย

เมื่อไม่มีทางเลือก ฮงฮเยยอนจึงเปลี่ยนคำถามของเธอ

“คือว่าไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่สรุปว่าคุณยังไม่มีสังกัดใช่ไหมคะ?”

"ใช่ครับ"

ในช่วงเวลานี้เอง

– ติ้ง

ลิฟต์ที่มาถึงชั้นที่ต้องการก็เปิดประตูออก คังวูจินเดินเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเขามองไปที่ฮงฮเยยอน เธอก็โบกมือให้เขาด้วยดวงตาที่ยิ้มแย้ม

“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในงานแสดงนะคะ”

ประโยคนี้จบลง ประตูลิฟต์ก็ปิดสนิท ขณะเดียวกัน คังวูจินที่มากก็ถึงกับทรุดตัวลง

“ฮู้ว…เกือบไปแล้ว เกือบจะเก็บอาการไม่อยู่แล้ว”

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่แล้ว เพราะเขาเพิ่งคุยกับฮงฮเยยอนแบบใกล้ชิด มันเป็นปาฏิหาริย์เลยด้วยซ้ำที่เขายังสามารถคุยกันแบบสบายๆ แบบนี้ได้

“ว้าว – เจ๋งไปเลย ถึงฉันจะเอาเรื่องนี้ไปคุยโม้ไม่ได้ก็เถอะ แต่นี้มันสุดยอดมากเกินไปแล้ว”

ในทางกลับกัน ฮงฮเยยอนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมก็กล่าวกับตนเองว่า

“เฮ้อ…เหมือนความภาคภูมิใจของฉันจะถูกกลบหมดเลยแฮะ”

เธอจ้องมองไปที่ประตูลิฟต์ที่คังวูจินหายลับไป ด้วยท่ากอดอกและเคาะเท้า เหมือนกำลังงอนอยู่นิดหน่อย

นี่เป็นเพราะเธอไม่เคยพบใครที่ปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชาขนาดนี้มาก่อน

"ฉันสงสัยชะมัดว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย...ไม่รู้เลยจริงๆ"

ความเข้าใจผิดของเธอทวีความรุนแรงขึ้น

“ช่างเถอะ โชคดีที่เขายังไม่มีสังกัด”

ในวันเดียวกัน ดึกมากแล้ว ภายในห้องทำงานของนักเขียนบทพัคอึนมี

ตอนนั้นประมาณตี 1 มีคนสี่คนอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ ไม่มีผู้ช่วยนักเขียน แต่พวกเขากำลังมุงรวมกันอยู่ที่โต๊ะครัว คนเหล่านั้นคือ PDซงมันวู นักเขียนบทพัคอึนมี ผู้จัดการสตูดิโอซีบลูและผู้อำนวยการคัดเลือกนักแสดง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนเหล่านี้คือคนที่มาดูคังวูจินตอนบ่าย แต่ฮงฮเยยอนไม่อยู่ที่นั่น

ด้านหน้าของพวกเขามีเอกสารบทและแฟ้มใสต่างๆ มากมาย ดูเหมือนพวกเขาจะอยู่ระหว่างการประชุมวางแผน ทว่ากลับไม่มีการสนทนาใดๆ และบรรยากาศก็อึมครึมยิ่ง

“……”

“……”

ทุกคนดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนล้า ทำไมน่ะเหรอ?  เพราะพวกเขายังคงคิดไม่ตกเรื่องนักแสดงสุดเพี้ยน คังวูจิน

ยามนั้นเอง

“…พูดตามตรงนะ”

ชายผู้รับผิดชอบการผลิต 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ได้เปิดปากทำลายความเงียบ

"ผมก็คาดหวังอยู่บ้างหลังจากที่ได้ยินPDซงมันวูพูด แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นขนาดนั้น"

ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้อำนวยการคัดเลือกนักแสดงที่ใส่แว่นก็พูดแทรกขึ้นมาต่อ คงเพราะว่านี้เป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดกระมัง

“ผมเป็นผู้อำนวยการการคัดเลือกนักแสดงมาแปดปีแล้ว คิดว่าผมมีประสบการณ์พอสมควรในหมู่ผู้อำนวยการการคัดเลือกนักแสดง แต่ผมก็ยังหานักแสดงคนนี้ไม่เจอ ราวกับว่าเขาไม่มีอยู่จริง ไม่เคยมีมาก่อน”

“เขาดูเหมือนจะอยู่เหนือกว่าขั้น ‘การแสดงเป็นตัวละคร’ ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“…แบบนั้นมันถึงขั้นดูอันตรายไปหน่อยนะ จำได้ไหมว่ามันเกิดขึ้นบ่อยเหมือนกันเรื่องนี้ในฮอลลีวู้ด นักแสดงส่วนใหญ่ต่างก็เกิดโรจทางจิตกันเพราะหมกมุ่นกับบทบาทมากเกินไป แต่นี่มันดูรุนแรงกว่านั้นเสียอีก”

“แต่ว่าเขาก็เปลี่ยนกลับมาเป็นตัวเองทันทีที่แสดงเสร็จเลยนะ? ไม่น่าจะเหมือนกันหรอก มันเปลี่ยนแบบปุ๊บปั๊บเลย”

ณ จุดนี้เอง

“จริงด้วย”

PDซงมันวู ที่กอดอกอยู่เอ่ยขึ้น

“เขาสามารถกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเทคนิคที่แม้แต่นักแสดงชั้นนำหลายคนยังไม่มี”

“นั่นก็จริง”

นักเขียนพัคอึนมีที่กำลังขยุกขยิกกับบทของเธอ หันศีรษะไปทางPDซงมันวูที่นั่งอยู่ข้างๆ

“จะว่าไปก่อนหน้านี้คุณคาดเดาว่าคังวูจินไปเรียนที่ต่างประเทศมาใช่ไหม?”

“ใช่ ผมพูดเอง”

“คุณคิดว่าเขาอยู่ต่างประเทศจริงๆ เหรอคะ? ฉันเองก็อยากรู้เกี่ยวกับอดีตของเขามากเลย”

“คุณคิดว่าผมจะรู้เหรอ? เรื่องอยู่ต่างประเทศนั่นมันแค่เป็นการเดาของผมเอง แต่…”

PDซงมันวูที่กำลังยักไหล่ จู่ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คุณเห็นการแสดงของเขาก่อนหน้านี้ใช่ไหม? มันไม่ใช่อะไรที่ทำง่ายๆ ได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น เรียนรู้ด้วยตัวเองเนี่ยนะ? ผมไม่รู้เลยจะเรียกเขาว่ายอดเยี่ยมหรือบ้าดี”

ในไม่ช้า นักเขียนพัคอึนมีก็อดใจไว้ไม่อยู่ ชี้ไปที่แท็บเล็ตที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ แท็บเล็ตนี้มีวิดีโอการแสดงก่อนหน้านี้ของคังวูจินในบท ‘รองหัวหน้าพัค’ อยู่

“……”

“……”

ทุกคนต่างดูการแสดงของคังวูจินในวิดีโออีกครั้ง มันยิ่งตอกย้ำความต้องการของนักเขียนพัคอึนมี

“อ๊ะ!”

ทันใดนั้น เธอก็เอามือทั้งสองข้างปิดหน้าตัวเอง

“ยิ่งดูก็ยิ่งโลภมากขึ้นไปอีก คุณรู้ไหมคุณPD นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ฉันรู้สึกแบบนี้ตอนเขียนบท”

“ผมก็รู้สึกเหมือนกัน”

“แต่… ถ้าเกิดคังวูจินปฏิเสธหลังจากได้แสดงอย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ล่ะคะ?”

"ห๊ะ?"

“ก็…ถ้าคังวูจินไม่อยากรับบทรองหัวหน้าพัคล่ะคะ?”

“เอ่อ”

นักเขียนพัคอึนมีที่มีผมดัดยาวดูยุ่งเหยิงครางออกมาเบาๆ

“จะมีใครโดดเด่นได้กว่าคังวูจินอีก?”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณภาพของนักแสดงตัวละครนี้ได้รับการยกระดับขึ้นไปแล้วเพราะคังวูจิน ทั้งในสายตาของนักเขียนพัคอึนมีและPDซงมันวู พวกเขาต่างเห็นด้วยกัน อาจเพราะพวกเขาเป็นคนที่คล้ายกัน พวกเขาจึงได้ร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้ว

พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่องานของพวกเขา

ณ ตอนนี้เอง

“อืม-แต่ว่า...”

ผู้จัดการฝ่ายผลิตที่ฟังอยู่เงียบๆ ไขว้ขาด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า

"คังวูจิน เขาเป็นคนน่าทึ่งจริงๆ แต่เขาดันบอกว่าเขาขอเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย..."

คำถามพลันผุดขึ้นมาจากปากของPDซงมันวูทันที

"คุณรู้อะไรงั้นเหรอ?"

“ก็มันไม่ชัดเจนเหรอ? ใครคือผู้กำกับของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'? ใครเป็นนักเขียน? นั่นคือPDซงมันวูที่มีชื่อเสียงเลื่องลือและนักเขียนพัคอึนมีไม่ใช่เหรอ?”

ทั้งคู่เป็นยักษ์ใหญ่ที่น่าเกรงขามในอุตสาหกรรมแห่งนี้

“ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ แต่มีนักแสดงชั้นนำหลายคนที่ถึงขั้นยกเลิกงานที่ทำเพื่อมาคัดตัวนักแสดงของพวกคุณ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเราเสนอบทบาทของ 'รองหัวหน้าพัค' พวกเขาก็จะต้องรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้”

“อืม คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ”

"แต่ทั้งคุณที่เขียนบทและคุณPDต่างบอกว่าจะให้คนแสดงตัวละคร 'รองหัวหน้าพัค' เน้นไปที่ความสามารถการแสดงมากกว่าชื่อเสียงของนักแสดง ผมก็เห็นด้วยเรื่องนั้นเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมปฏิเสธนักแสดงทุกคนที่เข้ามาวุ่นวาย"

ณ จุดนี้เอง ผู้จัดการฝ่ายผลิตก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาพูดว่า

“เขาต้องรู้ถึงเรื่องนี้เป็นแน่ ซึ่งถึงเขาจะไม่รู้ก็เถอะ แต่เขาอาจจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่า? เพราะคิดดูสิครับ มีPDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมีนั่งอยู่ตรงหน้าเขาเชียวนะ”

เขาอ้าปาก กำลังคิดถึงภาพของคังวูจินเมื่อช่วงบ่าย

“แต่การที่เขาพูดตรงๆ ว่าจะขอพิจารณาดูก่อน มันดูอวดดีเกินไปสำหรับผมนะ ปกติแล้วคนทั่วไปควรจะซาบซึ้งแล้วตอบตกลงกับโอกาสนี้ไปเลยไม่ใช่เหรอ?”

ใครๆ ในวงการก็อาจจะมีความคิดเห็นคล้ายๆ กัน  แต่สำหรับ PDซงมันวู คนที่ได้เจอกับคังวูจินก่อนใครที่นี่ กลับแค่ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา

“มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เหมือนกับสามัญสำนึกมันใช้ไม่ได้กับเขาเลย”

"ยังไงนะครับ?"

“เหมือนที่จริงเขาไม่แคร์อะไรด้วยซ้ำว่าเราคิดอะไรอยู่ไงล่ะ รู้จักไหมคำที่เด็กๆ สมัยนี้เขาใช้กัน? อะไรนะ-อ๋อ ใช่แล้ว ‘นี่คือทางของฉัน หากไม่ยอมรับก็เชิญ’ แบบนั้นแหละ”

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการฝ่ายผลิตกลับถอนหายใจอย่างหงุดหงิด

“อย่างที่คุณทราบนะคุณ PD บทบาทของ 'รองหัวหน้าพัค' ไม่ใช่บทบาทตัวประกอบ! มันคือบทรองพระเอกเลยไม่ใช่เหรอ?? มีอะไรให้ต้องคิดอีก?”

จู่ๆ PDซงมันวูก็ลูบเคราของเขาและกอดอกพลางนึกภาพใบหน้าของคังวูจิน

“เขาบอกว่าเขาขอคิดเรื่องนี้ บางทีเขาอาจมีแผนอื่นอยู่ในใจแล้วหรือเปล่า?”

“แผนเหรอ? แผนอะไร??”

เมื่อได้ยินคำถาม รอยยิ้มอันแฝงความหมายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ PDซงมันวู เขาตอบเบาๆ

“นั่นสิ... บางทีเขาอาจจะกำลังต่อรองค่าตัวอยู่ก็ได้นะ”

เขาอาจกำลังพูดถึงค่าตัว

อ๋อ เป็นอย่างนั้นเองสินะ

“ให้เวลาผม แล้วผมจะพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง เขาคงอยากพูดแบบนั้นหรือเปล่า?”

ซึ่งที่จริงแล้ว…มันเป็นคำตอบที่ตัวคังวูจินยังแทบไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ

*****

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด