ตอนที่แล้วบทที่ 2 ความเข้าใจผิด (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ความเข้าใจผิด (4)

บทที่ 3 ความเข้าใจผิด (3)


บทที่ 3 ความเข้าใจผิด (3)

ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดเครา เขาชื่อซงมันวู เขาเป็นพีดีรุ่นเก๋าฝีมือดีและมีประสบการณ์ในการหาตัวนักแสดง เขากำกับอยู่ที่ช่อง SBC  และเป็นคนค่อนข้างเรื่องมาก

ซึ่งเขาก็มีความสามารถพอที่จะเป็นเช่นนั้น

เพราะเขากำกับละครมาเกือบ 20 ปีแล้ว เขาสร้างผลงานมาอย่างน้อย 15 เรื่อง ผลงานหลายเรื่องได้รับความนิยม ซึ่งนี่เป็นรายการแรกที่เขาถูกเชิญให้มาเป็นผู้ตัดสินสำหรับการออดิชั่นรอบแรกของรายการ “สุดยอดนักแสดง”

อย่างมากคงมีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่จะผ่านการออดิชั่นรอบแรกจาก 1,000 คน

ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็คงไม่ต่างจากขยะหรอก ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนแรกคงเป็นคนที่ต้องโชคร้ายมากแน่ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันคนนั้นคือคังวูจิน

ความประทับใจครั้งแรกของซงมันวูที่มีต่อคังวูจินคือ

"ใบหน้าของเขามันเหมือนสกรูที่ไม่ได้ไข"

เขาดูเหมือนคนที่ทึ่มมาก ซึ่งคนที่กล่าวเห็นด้วยกับเขาก็คือนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าอย่างฮงฮเยยอนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขา

“ผู้กำกับคิดเหมือนฉันไหมคะ? เขาเหมือนคนปัญหานิ่มมากเลยว่าไหม?”

ผู้อำนวยการคัดเลือกนักแสดงจากบริษัทโปรดักชั่นชั้นนำนั่งอยู่ด้านขวาของเธอ ก็แสดงความคิดเห็นของตนออกมาเช่นกัน

"ผมเห็นด้วย ดูท่าคงงานหินตั้งแต่เริ่มเลยสินะเนี่ย"

คังวูจินดูเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ ซงมันวูก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีชีวิตชีวาเลย การแสดงของเขาคงจะไม่ต่างกันนักหรอก

ยิ่งไปกว่านั้น

“ขอโทษนะคะ ขอฉันแจ้งอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”

ผู้กำกับรายการ  ‘สุดยอดนักแสดง’ เป็นผู้กำกับหญิงผมสั้น เธอกระซิบบอกซงมันวู

“เขาไม่ใช่ผู้เข้าแข่งข้นตัวจริงค่ะ เขามากับเพื่อนและตอนนี้เพื่อนเขาอยู่ในห้องน้ำ”

"แล้ว?"

“ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนแรกถูกคัดออก บรรยากาศคงจะไม่ดีตั้งแต่เริ่มต้น ทำไมเราไม่ปล่อยให้เขาแสดงอะไรสักหน่อยเพื่อฆ่าเวลาล่ะคะ?”

“ฆ่าเวลาเหรอ?”

"ใช่ค่ะ ถ้าตัดมาได้สักช็อต เราก็จะได้เอาไปเป็นตัวอย่างลงใน YouTube ค่ะ"

กล่าวอีกอย่างก็คือ นั่นไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขันตัวจริงด้วยซ้ำ

“งั้นคุณก็คิดจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อสินะ?”

“แหม- เหยื่อก็ฟังดูโหดร้ายไป เรียกว่าให้เขาลองดูจะดีกว่านะคะ”

“... เอาเถอะ ในฐานะที่คุณเป็นพีดี จะทำยังไงมันก็เรื่องของคุณเลย แต่คุณควรต้องไปขอความยินยอมจากเขาก่อนดีกว่าไหม?”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ฉันรู้ดีว่าการถ่ายทำรายการมันไม่เหมือนวันเก่าๆ แล้ว”

คังวูจิน เป็นเพียงคนธรรมดาที่เสียสละแทนเพื่อน นี่คือบทสรุปของกรรมการทั้งสาม รวมถึงผู้กำกับซงมันวู ด้วยเหตุนี้การแสดงของคังวูจินก็เริ่มขึ้น

บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างมากภายในเวลาเพียง 5 วินาที

“หือ? แค่ก!”

การแสดงของคังวูจินทำให้ผู้กำกับซังมันวูตกตะลึง สีหน้าของนักแสดงหญิงฮงฮเยยอนก็ดูเปลี่ยนไปเช่นกัน

หนึ่งนาทีผ่านไป

ทุกคนในห้องต้วแข็งทื่อ ไม่เพียงแต่ผู้ตัดสินที่มองดูคังวูจินที่กำลังร้องไห้อยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง แต่ยังมีทีมงานของรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ กว่าสิบคนอีกด้วย

ผลกระทบจากการแสดงของคังวูจินนั้นรุนแรงมาก

ในเวลาเพียงหนึ่งนาที เขาก็ได้ดึงดูดสายตาของทุกคน

"อ๊าก! แฮ่กแฮ่ก-"

มันดูสมจริงมาก แม้จะไม่ได้ดูบท แต่พวกเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าคังวูจินอยู่ในป่าและกำลังถูกไล่ล่าโดยชายแปลกหน้า

เมื่อเห็นสิ่งนี้ต่อหน้าต่อตา ผู้กำกับซงมันวูถึงกับคิดว่า

‘นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของพรสวรรค์หรือความสามารถแล้ว นี่คือสิ่งที่จะได้รับการฝึกฝนมาอย่างน้อย 5 ปี บางทีอาจจะเป็น 10 ปีด้วยซ้ำถึงจะมีฝีมือได้ขนาดนี้’

เขาประเมินตัวของคังวูจินใหม่ทันที ทักษะที่อีกฝ่ายแสดงออกมา แม้แต่นักแสดงชั้นนำที่มีผลงานมากมายก็คงไม่อาจเทียบเท่าได้

“อารมณ์กลายเป็นทัศนคติ ความรู้สึกกลายเป็นกิริยา”

“ความกังวลแสดงออกมาทางสีหน้า กลิ่นกลายเป็นภาพลวง”

ทั้งหมดนี้ผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างการแสดงออกของตัวละครออกมา การแสดงเช่นนี้มนยากมากที่จะฝึกฝน ยากมากที่จะแสดงเพียงครั้งเดียวแล้วจะได้เช่นนี้

นักแสดงต้องแสดงซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ เพื่อให้ได้การแสดงเช่นนี้

นักแสดงหลายคนในประเทศก็เป็นแบบนี้ แม้แต่ดาราชั้นนำและนักแสดงที่มีประสบการณ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดต่างต้องทำเช่นนี้กันทั้งนั้น

แต่เขา...

“เขาเริ่มแสดงหลังจากอ่านบทจริงเหรอ?”

คังวูจินทำมันได้อย่างง่ายดาย มันไม่ได้อยู่ในระดับแค่แสดงเก่งเท่านั้น ตอนนี้คังวูจินเป็นเหมือนตัวละครที่อยู่ในบท แต่ความตกตะลึงของพวกเขาไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ เป็นเพราะคำตอบอันนิ่งสงบของคังวูจินต่างหาก

“ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

เรียนรู้ด้วยตัวเอง? เขาแสดงได้ระดับนี้โดยการเรียนรู้ด้วยตนเองงั้นเหรอ?

‘เขาต้องฝึกฝนมันมานานมากขนาดไหนกัน?’

ด้วยเหตุนี้ คังวูจินจึงทำให้ทุกคนตกใจมาก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้า พีดีรุ่นเก๋า และทีมงานคนอื่นๆ ที่มาร่วมงาน

-ทุกๆ อย่างคล้ายเงียบลงไป

เขาออกจากห้องไปอย่างใจเย็น ไม่มีใครหยุดเขาได้ ทุกคนต่างตกตะลึง

หลังจากนั้นเอง

“ผมขอโทษนะครับ!!”

ผู้เข้าแข่งขันคนแรกตัวจริง เพื่อนของคังวูจินก็ได้เดินเข้ามา นี่คือคิมแดยองที่มักจะมีสีหน้ายิ่งผยองอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก ซึ่งทันทีที่เข้ามาเขาก็ได้ยินคำถามแรกจากผู้กำกับซงมันวูคือคำนี้

“เพื่อนคนนั้นที่มากับคุณ เขาทำงานอะไรงั้นเหรอ?”

"…อะไรนะครับ? เอ่อ เขาทำงานด้านการออกแบบ ทำไมถึงถามงั้นเหรอครับ?”

“ทำแค่งานออกแบบ?”

“ใช่ครับ เขาทำแค่งานออกแบบเท่านั้น…”

คำตอบทั้งหมดที่คังวูจินได้ให้ไว้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง รวมทั้งเรื่องเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย ซงมันวูรู้สึกราวกับว่าคังวูจินเป็นเพรชในตมที่ไม่มีใครรู้จักและมีความสามารถที่ซ่อนอยู่

“เข้าใจแล้วครับ คุณคิมแดยอง เรามาเริ่มกันที่การแสดงของคุณเลยเถอะ”

เขาหันไปมองคิมแดยอง

"ได้ครับ"

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่การแสดงของคิมแดยองออกจะ...

“คัต พอแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณนะคะ”

ม่านฉากได้ตกลงมาในเวลาเพียง 15 วินาที

10 นาทีต่อมา ป้ายรถเมล์หน้าศูนย์ศิลปะสำนักงานใหญ่ของ SBC

มีคนมากมายอยู่ที่นี่ รวมถึงครอบครัวและเพื่อนๆ ที่มาร่วมการแข่งขันในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือคังวูจินที่ดูเหมือนอยากหนีออกจากศูนย์ศิลปะแห่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“อ่า....แม่งเอ๊ย”

เขาอยู่บนเก้าอี้ป้ายรถเมล์แล้วกดขมับแรงๆ เขาปวดหัวมาก ดูเหมือนคงกำลังคิดถึงเหตุการณ์อันน่าตกใจที่เพิ่งเกิดขึ้น

‘มีช่องสี่เหลี่ยมสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าบทใช่ไหม? ตอนฉันแตะมัน ฉันก็ถูกดูดเข้าไปในพื้นที่แปลกๆ ได้ยังไงกัน?’

ความว่างเปล่าที่ปกคลุม เต็มไปด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด

'ฉันรับบทมา กำลังนั่งลอยชายอยู่ที่เวรนั่น และเมื่อฉันกดลงไปที่มัน...จู่ๆ ฉันก็ถูกส่งไปยังป่าบัดซบ ฉันมั่นใจว่าฉันตายที่นั่นแน่ๆ '

ถูกต้องแล้ว คังวูจินตายไปแล้วในภูเขาที่มืดมิดและมืดมนนั้น โดยชายแปลกหน้าผู้มีใบหน้าสีดำ มันไม่ใข่ความฝัน ไม่ใช่จิตนาการหรือความทรงจำของเขา

เขาได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง ราวกับว่าร่างกายของเขาอยู่ที่นั่น

มันเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถแสดงอารมณ์และจำภาพเหตุการณ์ในป่าได้ตลอดเวลา รู้สึกเหมือนมันกำลังหยั่งรากลึกลงไปในตัวเขา

"มันเหมือนฉันได้ย้อนเวลาข้ามผ่านมิติอะไรทำนองนั้นเลยแฮะ?"

พื้นที่ต้องคำสาปบ้านั้นคืออะไร? มันทำให้เขาที่อยู่ท่ามกลางคนมากมายไปตายอยู่กลางป่าได้ยังไง?

“มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?”

และตอนนั้นเอง

- บี๊บบี๊บ

โทรศัพท์ของคังวูจินในกระเป๋าก็สั่น มันเป็นสายจากคิมแดยอง

ตั้งแต่นั้นมาเวลาก็ผ่านไปห้านาทีแล้ว

คิมแดยองวิ่งมาแต่ไกลอย่างกระฉับกระเฉง

"เฮ้ เฮ้! คังวูจิน!"

ทันทีที่คังวูจินเห็นเพื่อนของเขา ก็คว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายทันที

“ไอ้เวรนี้! แกไปขี้หรือไปเที่ยวต่างประเทศกันแน่ หา?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ขอโทษด้วยนะ พอดีข้าศึกมันมาเรื่อยๆ เลย ฉันนึกว่าฉันจะตายซะแล้ว”

"หุบปากเลย ฉันเกือบตายเพราะนายจริงๆ นะ”

"อะไรนะ?"

คิมแดยองดูสับสน แต่ในไม่ช้าคังวูจินก็ปล่อยคอเสื้อที่เขาคว้าไว้แล้วถอนหายใจยาวออกมา

“เอาเถอะ แล้วรอบแรกล่ะเป็นไง?”

"โอ้ เหรอ? ก็ได้แสดงแหละ โอ้? ว่าแต่นายเข้าไปแสดงแทนฉันหรือเปล่า?”

"ทำไมเหรอ?"

“ก็กรรมการผู้ตัดสินเอาแต่ถามถึงนาย เกิดอะไรขึ้นกับนาย นายเข้าไปทำอะไรในนั้นเหรอ?”

เมื่อคิดถึงความอับอายก่อนหน้านี้ คังวูจินก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“หึ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วนายผ่านหรือเปล่า?”

“ไม่มั้ง? พวกเขาตัดการแสดงของฉันหลังจากผ่านไป 15 วินาที ฉันเลยเดินออกไปข้างนอก”

“ยินดีด้วยนะไอ้เวร”

“ฉันไม่สนใจหรอกน่า เพราะฉันไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว ว่าแต่นายเหอะ เห็นฮงฮเยยอนหรือเปล่า? นายเห็นเธอใช่ไหม? เธอน่าทึ่งมากเลยว่าปะ?”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้า ใบหน้าของคังวูจินก็เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีปรีดา

“เธอเหมือนเทพธิดาเลย ไม่สิ เธอเป็นเทพธิดาจริงๆ”

“คนเราจะสวยขนาดนั้นได้ยังไง? ฉันน่ะถึงกับสบถออกมาเพราะความสวยของเธอเลยล่ะ”

"ฉันเห็นด้วย เมื่อไหร่กันนะที่เราจะได้เห็นฮงฮเยยอนอย่างใกล้ชิดอีกครั้งในชีวิตของเรา? ฉันได้คุยกับเธอด้วยนะ"

“ฉันว่าช่วงชีวิตนี้เราคงไม่ได้เจอเธออีกแล้วล่ะ แต่ฉันคิดว่าฉันจะจำช่วงเวลานี้ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

"จริง ดีใจชะมัดที่ได้เห็นฮงฮเยยอนในวันนี้ ส่วนเรื่องอื่นช่างหัวมัน"

จากนั้นเอง

ฟุ้บ!

คังวูจินเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งยัดอยู่ด้านข้างของคิมแดยอง มันสะดุดตาเขามาก มันเป็นบท 3 หน้าที่เขาเคยเห็นมาก่อน เขาจ้องไปที่บทแล้วก็เอื้อมมือออกไปทันที

“เฮ้ เอาบทนั้นมาให้ฉันหน่อย”

“หือ? โอ้ ได้”

บทในมือของคิมแดยองเป็นเพียงแผ่นกระดาษบท ไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่ทันทีที่บทมาถึงมือของคังวูจิน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที

‘อา-เชี่ยไรเนี่ย’

ถัดจากหน้ากระดาษบท มันมีสี่เหลี่ยมสีดำที่ไม่เคยมีอยู่ได้ปรากฎขึ้นมา รูปร่างของมันหมุนวนไปมาในเฉดสีเทาและดำ ราวกับมันเป็นเงาของแผ่นกระดาษ

‘ฉันบ้าอีกแล้วเหรอ? เอาจริงเหรอเนี่ย?!’

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สี่เหลี่ยมสีดำก็ยังคงปรากฏขึ้นเหมือนเดิม ซึ่งหมายความว่าถ้าเขาสัมผัสมันด้วยนิ้วชี้ของเขา เขาจะถูกดูดเข้าไปในพื้นที่บ้านั้น แต่ในยามนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก

-ฟึบ

คังวูจินเปิดบทด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า หากพูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาอ่านมัน ทันทีที่เขาอ่านบรรทัดแรกของบท เขาก็แน่ใจ

"อย่างที่ฉันคิด มันเหมือนกับ… สิ่งที่ฉันเจอมาไม่มีผิด"

เนื้อหาของบทเหมือนกับประสบการณ์ของคังวูจินในป่า

ชายผู้หวาดกลัวในเสื้อโค้ทสีน้ำตาล อารมณ์ ความรู้สึกของเขา การปรากฏตัวของคนแปลกหน้าที่ไม่ทราบแน่ชัด เหตุการณ์เกิดขึ้นในป่า ใบไม้กรอบแกรบ ลมพัดโชย ถูกแทงโดยบางสิ่งบางอย่าง เสียงกรีดร้องของชายที่หวาดกลัว ร้องขอชีวิต และถูกแทงอีกครั้ง

‘ฉันเลือกชายผู้หวาดกลัวใช่ไหม? ตัวละครและเรื่องในฉากเลยเกิดขึ้นกับฉัน...’

ใครมันจะไปเชื่อคำพูดบ้าๆ แบบนี้กัน? แต่คังวูจินก็มั่นใจว่าในตอนนี้เขาต้อง…

‘ฉันต้องตรวจสอบบางอย่าง’

เขาต้องทดลองกับมันอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ จากนั้นค่อยว่ากันว่าควรทำยังไงกับมันดี

ในไม่ช้า

“เฮ้”

คังวูจินหันไปถามคิมแดยองที่มองเขาอย่างแปลกๆ

“บ้านของนายอยู่ในพันกโยใช่ไหม?”

“อืม ทำไมจู่ๆ นายถามถึงบ้านของฉันล่ะ?”

“ที่บ้านนายมีบทอีกไหม? เหมือนอันนี้ ประเภทบทอะไรก็ได้ไม่สำคัญหรอก”

“... ฉันก็พอมีอยู่บ้าง น่าจะประมาณหนึ่งมั้ง ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ถึงสนใจบทอะไรแบบนี้ล่ะ? นายแทบจะไม่ดูทีวีเลยด้วยซ้ำนะ”

“ช่างเหอะน่า”

คังวูจินเปิดโทรศัพท์แล้วเปิดแอปพลิเคชั่นแท็กซี่

“ไปบ้านของนายกันเถอะ”

ประมาณสองชั่วโมงต่อมา บ้านของคิมแดยอง

คิมแดยองพักอยู่กับพ่อแม่ของเขาในอพาร์ตเมนต์ใกล้กับสถานีพันกโย ทว่าตอนนี้พ่อแม่ของเขาไม่อยู่บ้าน และคังวูจินก็เข้าไปในห้องของคิมแดยองทันที

คังอูจินถึงกับขมวดคิ้วทันที

“ว้าว -นี่นายอึบนที่นอนเหรอ? กลิ่นเหม็นนี่มันอะไรกันเนี่ย?”

มีกลิ่นฉุนบางอย่างในอากาศ แต่คิมแดก็ยังยักไหล่ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่

“นี่แหละคือห้องของผู้ชายที่ควรจะเป็น มันควรมีกลิ่นบ้าง บ้านของนายที่มีกลิ่นหอมต่างหากที่มันผิดปกติมาก”

“เหลวไหล! เปิดหน้าต่างระบายอากาศเลยไป”

คิมแดยองเปิดหน้าต่างทันที จากนั้นคังวูจินก็ยื่นมือไปหาคิมแดยอง

“บท?”

"อ่า เดี๋ยวก่อนนะ ขอฉันหาอันล่าสุดก่อน อันที่ฉันเคยอ่านน่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

ไม่นานคิมแดยองก็เริ่มค้นดูชั้นหนังสือ คังวูจินมองเขาด้วยความดูถูกเล็กน้อยและ 3 นาทีต่อมา คิมแดยองก็เอาบทให้เขาดู

"ฉันเจอแล้ว บทละครสองบทและฉากภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง 3 อันพอไหม?”

"อืม"

บทที่ถูกผูกไว้อย่างเรียบร้อยสองบท และกองกระดาษของบทภาพยนตร์ ทั้งหมดรวมกันเป็นสามชุด พวกมันถูกส่งไปให้คังวูจิน จากนั้น...

‘อย่างที่ฉันคิด’

สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดําปรากฏขึ้นถัดจากบททั้งสองและบทภาพยนตร์ แต่ละสี่เหลี่ยมขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เมื่อคังวูจินยืนยันเสร็จแล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจลึกๆ

กึก…

เขาตรวจสอบเวลาปัจจุบัน เวลา 11:41 น. คังวูจินตบอากาศด้วยนิ้วชี้ที่สั่นเล็กน้อยของเขาและคิมแดยองที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็ได้แต่หัวเราะคิกคัก

"ในที่สุดนายก็เสียสติแล้วเหรอ? ทำอะไรของนายกันเนี่ย?"

คังวูจินตอบเพื่อนของเขาอย่างเคร่งขรึม

"แค่ดูไปเถอะน่า เข้าใจไหม?"

“ฉันก็กำลังดูอยู่นี้ไง”

ณ ตอนนี้เอง

พรืบ!

นิ้วชี้ของคังวูจินจิ้มไปที่สี่เหลี่ยมสีดําอันหนึ่ง ซึ่งเป็นบทหนึ่งที่เขาเอามา จากนั้น

"อึก!"

มีความรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังสับสน คล้ายความว่างเปล่าได้ดึงคังวูจินออกมา เขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างไร้เหตุผล

“ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งแล้วสินะ”

ก่อนที่เขาจะรู้ตัว สิ่งที่เขาเห็นคือพื้นที่มืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขาเข้าไปในพื้นที่อีกครั้ง และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ความรู้สึกของการล่องลอยไปมายังคงเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม...

"ไหนดูสิ..."

อาจเป็นเพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน คังวูจินจึงค่อนข้างสงบลงแล้วในตอนนี้ เขารู้สึกใจเย็นพอสมควร แต่ความกลัวและความกังวลของเขายังคงอยู่ แต่คังวูจินต้องใจเย็นเข้าไว้

วู้บบ!

เขาหันกลับมาตรวจสอบด้านหลังของเขา ที่นั่น—สี่เหลี่ยมสีขาวลอยอยู่ที่ความสูงของหน้าอกของเขา ที่น่าสนใจคือ

“มันเพิ่มขึ้นงั้นเหรอ?”

มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อน จุดนี้ไม่ใช่สี่เหลี่ยมสีขาวหนึ่งอัน แต่เป็นสองอัน

พูดอีกอย่างหนึ่งว่า…

“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยแฮะ”

หมายความว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคังวูจินได้รับบทหรือฉากใหม่ เขายังไม่ได้ตรวจสอบมัน แต่สี่เหลี่ยมสีขาวที่สองน่าจะเป็นบทตัวเขาเพิ่งสัมผัสแน่

แต่ว่าครั้งนี้ คังวูจินไม่ได้เข้าใกล้สี่เหลี่ยมสีขาวที่ลอยอยู่

“ก่อนอื่นเลย…”

ขั้นแรกต้องทดสอบบางอย่างก่อน

"ออก"

เขาตะโกนเสียงดัง แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

"ออก! ออกจากระบบ! ภายนอก!”

คังวูจินยังคงตะโกนคำอื่นที่คล้ายกันต่อไป

"ย้อนกลับ! เฮ้ย! พวก! ปล่อยฉันออกไป! ปิดระบบ!"

ประมาณ 5 นาทีผ่านไปทั้งอย่างนี้

ในยามนั้นเอง

"อ๊าา - เวรเอ๊ย! ทางออก!!"

ด้วยคำว่า ‘ทางออก’ สีเทาก็กวาดไปทั่วคังวูจิน มันเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

"หือ?"

ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งเสียงคร่ำครวญออกมาโดยไม่รู้ตัว ในไม่ช้า เสียงของคิมแดยองก็ดังขึ้นในหูของคังวูจิน

“เฮ้! จู่ๆ เกิดอะไรขึ้น? นายเป็นอะไรไหมเนี่ย?”

ในสายตาของคังวูจิน ขณะที่เขาค่อยๆ หันศีรษะไปทางคิมแดยอง เขาก็กลับมายังห้องของคิมแดยองแล้ว เขารู้สึกสับสนพอสมควร แต่เขาได้ออกมาจากมิติพื้นที่ว่างเปล่าแล้วอย่างแน่นอน

คำตอบมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น

"ทางออก นั่นคือคำสั่งที่จะใช้ออกไปสินะ"

คังวูจินมองเวลาปัจจุบันทันที ตอนนั้นเป็นเวลา 11:41 น. เวลาเดียวกับที่เขาเข้าไปในพื้นที่ที่บ้าบอนั้น

"ฉันอยู่ที่นั่นประมาณ 5 นาที แต่เวลาไม่เปลี่ยนแปลงเลย"

เมื่อเขาเข้าสู่พื้นที่ที่ไร้ขอบเขตนั้น เวลาภายนอกจะหยุดลง หรืออย่างน้อยมันก็อาจชะลอตัวลงพอสมควร คังวูจินได้คำตอบที่สมเหตุสมผลแล้ว เขาจึงถามคิมแดยองออกไป

“เมื่อกี้ฉันเป็นอย่างยังไง?”

"นายหมายความว่ายังไง ฉันก็เห็นแค่นายชี้นิ้วไปมาเหมือนคนปัญญาอ่อน "

"ต่อไป"

“จู่ๆ นายก็ชะงักไปแล้วอ้าปากค้าง เฮ้ พวก นายโอเคไหมเนี่ย?”

ตัดสินจากปฏิกิริยาของเพื่อนเขา คังวูจินก็ได้แต่ลูบคางของตน

"ฟังที่นายพูดมาก็ตลกดีแฮะ แต่มาทดลองต่อแล้วกัน-"

คังวูจินกำลังจะยื่นนิ้วออกมาอีกครั้ง

กริ้ง กริ้ง

โทรศัพท์ของคิมแดยองบนโต๊ะได้ดังขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วมองดูคังวูจินอย่างเป็นห่วง

“ครับ-สวัสดีครับ”

ในไม่ช้า คิมแดยองที่กำลังคุยอยู่กับใครบางคนก็สบตากับคังวูจินที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา

"ครับ ครับ ครับ อา! ใช่ครับ? เอ่อ ครับ ได้ครับ รอสักครู่นะครับ ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ”

พอพูดจบ คิมแดยองก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้คังวูจินแล้วกระซิบเบาๆ

“พีดีรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ ต้องการพูดกับนาย”

คังวูจินขมวดคิ้วทันที แต่เขาก็รับโทรศัพท์มาแต่โดยดี

"ครับผม"

เสียงผู้หญิงที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อยมาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์

“คุณคังวูจินใช่ไหมคะ?? โอ้ แหม เราตกใจมากเลยนะเมื่อจู่ๆ คุณก็ดันหายตัวไป!”

ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของเธอ ความประหม่าก็ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง เพราะความอับอายครั้งก่อนที่เขาได้แสดงออกไปยังไม่หายไปไหน

"อืม เอ่อ ครับ"

“เอ่อ-คุณคังวูจินคะ? คุณวางแผนที่จะมาในรายการ ‘สุดยอดนักแสดง‘ อีกครั้งหรือเปล่าคะ?”

"ทำไมเหรอครับ?"

"เพราะคุณผ่านไงคะ! คุณผ่านรอบแรกแล้วค่ะ! คงจะดีไม่น้อยหากคุณสามารถผ่านเข้าสู่รอบที่สองของไปได้!! แถมเรื่องนี้ยังฟังดูมีสตอรี่เอามาใช้กับรายการได้อีก คุณมากับเพื่อนของคุณ แต่สุดท้ายคุณก็ดันผ่านไปแทน? ฟังดูไม่สนุกเหรอคะ?”

นี่เธอต้องการที่จะทำให้ฉันเป็นตัวตลกให้พวกเธอหัวเราะเหรอ? กำลังพูดเรื่องไร้สาระบ้าบออะไรอยู่ คังวูจินตอบสายพีดีที่ดูกระวนกระวายด้วยเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่นผ่านโทรศัพท์ เพราะสิ่งสำคัญที่เขาต้องทำตอนนี้คือการรักษาภาพลักษณ์ของเขา

"ผมไม่ต้องการ"

ในขณะที่แสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นของเขาแล้ว เขาก็ได้เพิ่มข้ออ้างเพื่อขจัดความอับอายก่อนหน้านี้

“เพราะยังไงมันก็แค่การฆ่าเวลาอยู่แล้วครับ”

เขาบอกไปว่ามันเป็นเพียงการฆ่าเวลา เพื่อที่จะทำให้พีดีคนนี้ลืมๆ มันไปเถอะ ทว่าพีดีของรายการ "สุดยอดนักแสดง" ที่ปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์กลับดูเหมือนจะตีความแตกต่างออกไป

“การแสดงนั้น…เป็นแค่การฆ่าเวลางั้นเหรอคะ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด