ตอนที่แล้วบทที่ 22 คุณแม่มาตามหาญาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 นักเรียนหญิงหมอดู

บทที่ 23 ช่างบังเอิญเสียจริง


หลินชิงอิ่นลูบๆ เปลือกเต่าแล้วพูดว่า "เธอกับแม่มีสายสัมพันธ์กันบางเบา จากโครงหน้าของเธอมองไม่ออกถึงสถานการณ์ของแม่แท้ๆ เธอมีรูปถ่ายของแม่ไหม ต้องคมชัด ไม่แต่งรูป"

"มีค่ะ!" หลี่หยู่ซวนได้ยินคุณย่าเล่าเกี่ยวกับการไปหาท่านปรมาจารย์น้อยดูดวงครั้งก่อนแล้ว ก่อนมาเธอเลยหาข้ออ้างถ่ายรูปผู้หญิงคนนั้นมาด้วย ไม่เพียงไม่แต่งรูป แต่ยังถ่ายแบบ close-up เผื่อกลัวหลินชิงอิ่นจะมองไม่ชัด

หลินชิงอิ่นชอบลูกค้าที่เตรียมตัวมาพร้อมแบบนี้มาก ไม่เสียเวลา

รับโทรศัพท์มือถือจากหลี่หยู่ซวน หลินชิงอิ่นมองรูปพลางถามว่า "แม่ชื่ออะไร มีดวงเกิดแปดตัวอักษรของแม่ไหม"

หลี่หยู่ซวนรีบตอบทันที "เธอชื่อหวังไช่เซีย ตอนที่เธอมา ฉันเคยดูบัตรประชาชนเธอ แต่รู้แค่วันเกิด ไม่รู้ดวงเกิดแปดอักษร"

"มีแค่วันเกิดก็ได้ เดาดวงเกิดแปดตัวอักษรจากโครงหน้าได้!" หลินชิงอิ่นเปิดกระเป๋า หยิบปากกาลูกลื่นออกมาจากกระเป๋าดินสอที่แน่นเอี๊ยด ยื่นให้หลี่หยู่ซวน แล้วหยิบสมุดฉีกออกมาให้เธออีกเล่ม

หลี่หยู่ซวนจดวันที่เกิดลง หลินชิงอิ่นใช้นิ้วจิ้มๆ รูปของหวังไช่เซีย "บนจมูกเธอมีแผลเป็น เทียบกับวันเดือนปีเกิด เธอน่าจะเป็นคนหย่าร้าง"

หลี่หยู่ซวนเองก็ไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของหวังไช่เซีย จริงๆ แล้วเธอไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ สำหรับคนที่เคยทิ้งเธอ แล้วจู่ๆ ก็มาทำลายชีวิตที่สงบสุขของเธอ หลี่หยู่ซวนไม่มีความรู้สึกที่ดีกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายมาที่บ้านอีกต่างหาก

เมื่อเห็นว่าทำอะไรกับหลี่หยู่ซวนไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เลยไปสานสัมพันธ์กับแม่ของเธอทุกวัน ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรกันแน่

"ในชะตาของหวังไช่เซีย มีลูกสาวหนึ่งคนและลูกชายหนึ่งคน ความผูกพันกับลูกสาวบางเบามาก แต่กลับสนิทกับลูกชาย แต่ก็กำลังจะสูญเสียลูกหลานไปอีก"

หลี่หยู่ซวนใจสั่น เดาได้ว่านี่คือประเด็นหลักที่ทำให้หวังไช่เซียมา "ท่านปรมาจารย์ หมายความว่าลูกของลูกชายเธอมีปัญหางั้นเหรอคะ"

หลินชิงอิ่นคืนโทรศัพท์ให้หลี่หยู่ซวน "ดูลักษณะหน้าตาคนข้ามรุ่นได้แค่นี้ละ"

หลี่หยู่ซวนได้คำตอบคลุมเครือก็รู้สึกผิดหวังไปบ้าง กำลังจะหยิบเงิน ก็ได้ยินหลินชิงอิ่นพูดขึ้นมา "งั้นฉันเสี่ยงทายให้ลูกชายของหวังไช่เซียโดยตรงดีกว่า จะเห็นชัดเจนกว่านี้"

หลี่หยู่ซวนไม่คิดว่าจะมีเรื่องดีแบบนี้ เธอพยักหน้าหงึกหงัก!

หลินชิงอิ่นหยิบเปลือกเต่า แล้วเอาเหรียญโบราณสามเหรียญจากกระเป๋าใส่ลงไปในนั้น ตอนชาติก่อน หลินชิงอิ่นมักใช้เหรียญหกเหรียญในการเสี่ยงทาย บางทีก็ใช้ถึงสิบแปดเหรียญ

คนที่มาดูดวงมักจะเห็นหลินชิงอิ่นลูบๆ เปลือกเต่า แต่ไม่ค่อยเห็นเธอใช้ ทุกคนตื่นเต้นเข้ามารุมล้อมดู

โดยปกติ ผังหมากรุกที่สมบูรณ์จะประกอบด้วยหกเส้น คนที่เข้าใจเรื่องนี้ส่วนใหญ่มักมีความสามารถจริงๆ แต่คนทั่วไปต้องใช้ปากกากระดาษจดผังหมากรุกลงไปทีละรอบ รอจนกระทั่งผังหมากรุกออกมาครบ ถึงค่อยวิเคราะห์ แต่หลินชิงอิ่นข้ามขั้นตอนนี้ไปนานแล้ว เธอเขย่าเหรียญโบราณทีละสามเหรียญ หกครั้งติดต่อกัน ผังหมากรุกจะปรากฏในหัวของเธออย่างครบถ้วน เธอสามารถแก้ไขหมากรุกนี้ได้ภายในชั่วพริบตา

ลูบๆ เหรียญโบราณ หลินชิงอิ่นพูดว่า "ลูกชายเขามีชีวิตคู่ที่ขรุขระ อีกทั้งยังมีโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อการมีบุตร ทายาทเดียวที่มีก็มีข้อบกพร่องแต่กำเนิด คงอีกไม่กี่วันนี้ละมั้ง"

หลี่หยู่ซวนงุนงง "แล้วเธอมาทำไม ลูกชายไว้ใจไม่ได้ เลยคิดจะให้ฉันมาเลี้ยงดูยามแก่เหรอ"

หลินชิงอิ่นมองหน้าอีกฝ่ายแล้วส่ายหัว "ลูกชายเธอมีปัญหาในการออกจากรังไปใช้ชีวิตอิสระ แม่เธอน่าจะมาเพื่อลูกชายของเธอ"

สีหน้าของหลี่หยู่ซวนเปลี่ยนไปทันที ในดวงตามีแววเกลียดชัง "นอกจากจะทิ้งฉัน เธอยังคิดจะมาขโมยลูกชายฉันไปด้วยเหรอ"

หลินชิงอิ่นเก็บเหรียญโบราณกับเปลือกเต่าเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างลวกๆ "โชคชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามสถานการณ์ ถึงแม้ในดวงชะตาจะมีอุปสรรคนี้ แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ เธอแค่คอยสังเกตลูกชายให้ดีๆ ก็ไม่น่าจะมีอันตรายใหญ่หรอก"

หลี่หยู่ซวนพยักหน้า ควักเงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนกับซองแดงอีกใบออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้หลินชิงอิ่น "ครั้งก่อนต้องขอบคุณคำแนะนำของท่านปรมาจารย์ จึงทำให้แม่ของฉันตัดสินใจผ่าตัด นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่าน ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ"

หลินชิงอิ่นรู้สึกเกรงใจ แต่ก็รับเงินก้อนโตมาไว้ในมือ เงินปึกใหญ่ทำให้ใจเธอพองโต ความอึดอัดจากการสอบวันนี้ระเหยหายไปพร้อมกับเงินที่ได้มา

เงินที่เก็บสะสมไว้เดิม บวกกับเงินที่หามาได้วันนี้ คงพอซื้อหยกเกรดดีก้อนหนึ่งได้แล้ว!

หลินชิงอิ่นเอาเงินใส่กระเป๋า คนที่สองเป็นป้าวัยห้าสิบถึงหกสิบ เธอรีบนั่งลงตรงข้ามหลินชิงอิ่นทันทีด้วยความใจจดใจจ่อ แต่ท่าทางการพูดกลับไม่คล่องแคล่วเท่าการกระทำ กลับอึกอักเล็กน้อย "ท่านปรมาจารย์ จริงๆ ฉันอยากให้ท่านช่วยดูดวงให้ลูกชายและลูกสะใภ้ พวกเขากำลังทะเลาะกันเรื่องหย่าร้าง แต่ลูกสะใภ้ฉันเป็นคนดีมาก ฉันไม่ยอมให้เธอจากไป"

"ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่อยากหย่า ฉันอาจจะช่วยไกล่เกลี่ยได้ แต่ฉันไม่สามารถบังคับให้ใครทำตามความเห็นของอีกฝ่ายได้หรอก" หลินชิงอิ่นพูดอย่างหนักแน่น "เรื่องที่เกี่ยวกับกรรมของคนอื่น ฉันไม่มีทางทำแน่นอน"

ป้าได้ยินแล้วก็ร้อนใจจนตาแดง แม้จะรู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องในบ้านมาเล่าให้คนนอกฟัง แต่เธอก็เล่าความจริงให้หลินชิงอิ่นฟังอยู่ดี "จริงๆ แล้วลูกชายกับลูกสะใภ้ฉันรักกันดีนะ แต่ที่ต้องมาทะเลาะหย่าร้างกันก็เพราะเรื่องลูกนี่แหละ ก่อนหน้านี้ลูกสะใภ้ฉันเคยมีลูกชายคนหนึ่ง แต่เสียชีวิตตอนอายุสี่ขวบ ส่วนลูกชายของพี่สาวลูกสะใภ้ฉันก็ป่วยจนเสียชีวิตตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ลูกชายฉันดันไปพูดไม่เข้าหูว่า ในตระกูลนี้มีโรคทางพันธุกรรมหรือเปล่า ไม่งั้นทำไมถึงเลี้ยงลูกไม่รอด ลูกสะใภ้ฉันโกรธมาก บอกว่าหลานสาวของพี่สาวเธออายุสิบขวบแล้วก็ยังแข็งแรงดี จะไปโทษว่าคนในตระกูลเธอมีปัญหาสุขภาพได้ยังไง"

คุณป้าถอนหายใจอย่างกังวลใจ "ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ลูกสะใภ้ฉันถึงได้อยากหย่า บอกว่าไม่อยากให้ลูกชายฉันต้องลำบาก แต่จริงๆ แล้วลูกชายฉันไม่ได้คิดจะหย่าเลยนะ แต่ช่วงนี้ถูกลูกสะใภ้ตะโกนใส่บ่อยๆ เขาเลยเริ่มโมโหและคิดจริงจังกับเรื่องหย่าแล้ว"

อ้วนหวังที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกสิ้นหวัง "ป้าครับ โรคทางพันธุกรรมบางชนิดถ่ายทอดไปยังลูกผู้ชายเท่านั้น ไม่ได้ถ่ายทอดไปยังลูกผู้หญิง บางทีลูกสะใภ้ของป้าอาจจะมียีนของโรคนี้อยู่ก็ได้ ไปตรวจที่โรงพยาบาลไม่ดีกว่าเหรอครับ พวกเราท่านปรมาจารย์น้อยเป็นหมอดู ไม่ใช่หมอรักษาคนไข้นะ"

หลินชิงอิ่นรีบพยักหน้าเห็นด้วย ตั้งแต่ที่เธอเคยทำนายว่านายตำรวจเสี่ยวหม่ามีมะเร็งกระเพราะอาหาร ก็มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ขี้เกียจไปโรงพยาบาล อยากให้หลินชิงอิ่นช่วยตรวจร่างกายให้ หลินชิงอิ่นจึงให้อ้วนหวังปฏิเสธงานพวกนี้ทั้งหมด แต่ละอย่างก็มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของมัน หลินชิงอิ่นสามารถมองเห็นภาพรวมได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียด เรื่องอย่างโรคกระเพาะอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร เธอช่วยอะไรไม่ได้เลย พวกคุณไปส่องกล้องตรวจกระเพราะอาหารไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาให้คนดูดวงอย่างเธอมาตรวจร่างกายด้วย!

"ในฐานะแม่สามี ฉันจะไปพูดให้ลูกสะใภ้ไปตรวจสุขภาพได้ยังไงกัน ช่วงนี้ลูกสะใภ้ฉันรู้สึกไวต่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าฉันพูดอะไรออกไปอีก เธอคงคิดว่าฉันก็รังเกียจเธอเหมือนกัน!" คุณป้าถอนหายใจ "ลูกสะใภ้ฉันเป็นคนดีจริงๆ นะ จริงๆ แล้วฉันรู้จักลูกสะใภ้ฉันก่อนด้วยซ้ำ ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันขี่จักรยานออกไป ฝนตกหนักพอดี ฉันล้มลงข้างทาง รถจักรยานก็ล้มทับ คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย มีแต่ลูกสะใภ้ฉันคนเดียวที่ประคองฉันลุกขึ้นและพาฉันกลับบ้าน"

"หลังจากสามีฉันเสียชีวิต ลูกสะใภ้ฉันก็ชวนฉันไปอยู่ด้วย ลูกชายคนเล็กของฉันกลับมาจากต่างประเทศ ไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูกสะใภ้จะชวนเขามากินข้าวที่บ้านทุกครั้ง เธอเอ็นดูคนในครอบครัวเราเหมือนญาติผู้ใหญ่จริงๆ" คุณป้าพูดไปก็ยิ่งรู้สึกแย่ "ท่านปรมาจารย์ ช่วยดูทีเถอะค่ะ ฉันเสียดายลูกสะใภ้จริงๆ นะ"

อ้วนหวังได้ยินแล้วก็รีบแนะนำ "ป้าครับ เวลาของท่านปรมาจารย์น้อยเรามีจำกัดจริงๆ นะ วันนี้แม้แต่มื้อเย็นเขายังไม่ได้กินเลย เพื่อจะได้มีเวลามาที่นี่ เดี๋ยวดูดวงให้ครบห้าคนแล้ว เขาก็ต้องกลับไปทำการบ้านแล้ว คุณพาลูกชายกับลูกสะใภ้มาหาเองดีกว่า..." อ้วนหวังดูนาฬิกาแล้วบอก "ก่อนสองทุ่มครึ่งนะ"

หลินชิงอิ่นพยักหน้า ไม่รับเงินจากคุณป้า แล้วหันไปดูดวงให้คนต่อไปเลย

คุณป้าเดินไปด้านข้างแล้วถอนหายใจอย่างลำบากใจ "พวกเขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก ไม่งั้นฉันคงลากพวกเขามานานแล้ว!"

คุณป้าอีกคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ดึงคุณป้าคนนั้นไปคุยกระซิบๆ ให้คำแนะนำ "คุณบอกลูกชายกับลูกสะใภ้ไปสิว่าคุณข้อเท้าแพลง ให้พวกเขามารับ"

คุณป้าได้ยินก็ลังเลใจ อีกคุณป้ารีบเร่งเร้าเธอ "นี่ก็จะสองทุ่มแล้วนะ เดี๋ยวถ้าท่านปรมาจารย์น้อยกลับไปก่อน ถึงคิวคุณอีกทีไม่รู้จะเมื่อไหร่"

ประโยคนี้ทำให้คุณป้าตัดสินใจได้ทันที เธอต่อคิวมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป กลัวว่าลูกชายกับลูกสะใภ้จะหย่ากันจริงๆ เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เดินไปคุยที่มุมหนึ่ง

หลินชิงอิ่นดูดวงให้คนที่เหลืออีกสามคนเสร็จแล้ว เธอมองไปรอบๆ พูดเสียงดังฟังชัดว่า "คืนนี้มาถึงแค่นี้ก่อนนะคะ ใครจะเดินเล่นก็เดินเล่นได้ ใครจะกลับบ้านก็กลับได้ แยกย้ายกันไปเถอะ"

คุณป้าได้ยินก็ใจร้อนรน วิ่งเข้ามาดึงแขนหลินชิงอิ่นพูดว่า "ท่านปรมาจารย์น้อยบอกว่ารอถึงสองทุ่มครึ่งไม่ใช่เหรอคะ นี่เพิ่งสองทุ่มยี่สิบเอง รออีกนิดนะคะ ลูกชายกับลูกสะใภ้ฉันกำลังมาแล้ว"

หลินชิงอิ่นมองเธอยิ้มๆ "ก็ฉันทำแบบนี้เพื่อจะได้มีที่ให้คุณคุยกับลูกชายลูกสะใภ้ไงล่ะ"

คุณป้าถอนใจอย่างโล่งอก

คนที่ยืนอยู่รอบๆ เข้าใจความหมายในคำพูดของท่านปรมาจารย์น้อย พากันชักชวนให้แยกย้ายกันไป อีกไม่นานในศาลาก็เหลือแต่คุณป้าที่รอลูกชายอยู่ กับครอบครัวลุงหลี่ที่มาขอบคุณที่ช่วยตามหาลูกชายจนเจอ

ป้าหลี่พาลูกชายคนโตเข้ามาหาท่านปรมาจารย์น้อย เธอดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง "ท่านปรมาจารย์น้อย นี่คือลูกชายที่หายไปสามสิบปีของฉัน ตอนนี้เขาชื่อจางอี้ (张易)" เธอชี้ไปทางชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ บอกว่า "ส่วนนี่คือลูกชายคนเล็กของฉัน หลี่ฮุย วันนั้นเขาทำตามคำแนะนำของท่านปรมาจารย์แล้วก็ตามหาลูกชายคนโตของฉันเจอ"

พอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ป้าหลี่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝัน "ท่านปรมาจารย์น้อยเก่งมากจริงๆ เลยค่ะ ตอนที่ฉันไปเล่าให้ญาติๆ ฟัง พวกเขาไม่ยอมเชื่อ บอกว่าแค่ดูรูปกับดวงเกิดแปดตัวอักษรก็จะตามหาคนเจอเหรอ คิดว่าฉันละเมอกลางวันอยู่ได้ ผลสุดท้ายพอหลี่ฮุยพาเสี่ยวอี้กลับมา ทุกคนอึ้งกันไปเลย"

หลี่ฮุยรู้สึกผิดนิดหน่อย จริงๆ แล้วตอนแรกที่รับโทรศัพท์มา เขาก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แถมยังแซวกับจางอี้อีก ผลสุดท้ายยิ่งคุยยิ่งเข้ากัน ไม่คิดเลยว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจะเป็นพี่ชายที่พลัดพรากไปนานถึงสามสิบปี

ประสบการณ์การตามหาญาติอันน่าอัศจรรย์ครั้งนี้ทำให้มุมมองชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็อยากจะลองเสี่ยงทายดูก่อนทั้งนั้น

พอได้เจอกับท่านปรมาจารย์น้อยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ดวงตาของหลี่ฮุยก็เป็นประกาย ถ้าไม่ติดว่าคนที่ต่อคิวรอท่านปรมาจารย์น้อยมีเยอะเกินไป ไม่รู้ว่าจะถึงคิวเขาเมื่อไหร่ เขาคงให้ท่านช่วยเสี่ยงทายจนตัวเองล้มละลายไปแล้ว!

จางอี้ที่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้งนั้น เติบโตมาจากฮ่องกง คนที่นั่นเชื่อถือเรื่องฮวงจุ้ยและการดูดวงเป็นพิเศษอยู่แล้ว แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งก็ยังมีสาขาวิชาฮวงจุ้ยโดยเฉพาะ ผลิตนักพยากรณ์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงออกมามากมาย

จางอี้เป็นนักธุรกิจ แต่เดิมเขานับถือศาสนาพุทธ วันนั้นที่ขึ้นเขาไปก็เพื่อไปไหว้พระที่วัด ระหว่างทางเขาได้เจอกับหลี่ฮุย ทั้งสองคุยกันถูกคอดี คุยกันจนสุดท้ายยังไม่ทันไหว้พระเลย ก็มารู้ว่าเป็นพี่น้องกันซะแล้ว จางอี้เลยรู้สึกกังวลใจ เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนความเชื่อทางศาสนาด้วยหรือเปล่านะ

ครอบครัวจางอี้ยื่นของขวัญที่เตรียมมาให้กับท่านปรมาจารย์น้อย จางอี้ยังหยิบซองหนาๆ ออกมาอีกใบ "ตั้งแต่แรกอยากมาพบท่านปรมาจารย์น้อยอยู่แล้ว แต่ท่านปรมาจารย์หวังบอกว่าท่านเรียนหนัก พวกเราเลยไม่กล้ามารบกวน นี่เป็นของเล็กๆ น้อยๆ รบกวนท่านรับไว้ด้วยนะครับ"

หลินชิงอิ่นรับซองที่ดูหนาเตอะนั้นมา ยิ้มอย่างมีความสุข "คุณจางทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใช่ไหมคะ"

"ใช่ครับ พ่อผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเกษียณแล้ว ผมก็รับผิดชอบงานของบริษัทแทน" เมื่อจางอี้พูดถึงพ่อบุญธรรมก็รู้สึกอบอุ่นใจ "ครั้งนี้ที่ผมมาตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง พ่อบุญธรรมก็สนับสนุนนะ จำได้ว่าตอนที่ผมถูกพวกลักพาตัวเด็กพาตัวไป พ่อบุญธรรมป่วยหนักมาก พวกค้ามนุษย์พาผมเร่ร่อนไปหลายที่ สุดท้ายพอเห็นว่าผมป่วยจนเกือบตาย พวกมันก็ทิ้งผมไว้ แล้วผมก็ได้เจอกับพ่อบุญธรรมในตอนนั้นนี่แหละ"

หลินชิงอิ่นยิ้มให้เขา "คุณมีบุญวาสนามาก ถ้าไม่นับช่วงวัยเด็กที่ลำบาก ชีวิตที่เหลือก็ค่อนข้างราบรื่น"

เมื่อจางอี้ได้ฟังแบบนี้ก็ร่าเริงยิ้มแย้มทันที เขากล่าวขอบคุณ ถึงแม้หลินชิงอิ่นจะอายุยังน้อย แต่จางอี้ชื่นชมเธอจากใจจริง เธอไม่จำเป็นต้องถามอะไรเลย แต่สามารถทำนายเรื่องของเขาได้ชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้ คุณจะเชื่อหรือไม่ล่ะ!

"บริษัทของพวกเราพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในฮ่องกงและภาคใต้ จริงๆ แล้วไม่กี่ปีนี้ก็ยังไม่มีแผนขยายตลาดอะไร แต่หลังจากรู้ว่ามีญาติอยู่ที่นี่ ผมก็เลยคิดอยากจะพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่นี่บ้าง" จางอี้มองไปที่พ่อแม่วัยชราข้างๆ "ผมอยากสร้างบ้านที่ดีที่สุดให้พ่อกับแม่ อยากให้มีสวนใหญ่ๆ ที่บ้าน"

"สวนใหญ่ๆ นี่นา..." พอได้ยินถึงตรงนี้ หลินชิงอิ่นรู้สึกอิจฉานิดหน่อย ในชาติก่อนเธอยึดครองยอดเขาทั้งลูกอยู่คนเดียว แต่ชาตินี้อย่าว่าแต่ยอดเขาเลย แม้แต่บ้านก็ยังเก่าและเล็กอีก เธออยากมีสวนเหมือนกัน

ราวกับจางอี้ได้ยินเสียงในใจของหลินชิงอิ่น เขาพูดขึ้นว่า "ผมเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยมากครับ บ้านที่ดีต้องมีฮวงจุ้ยที่ดี ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์น้อยจะกรุณาช่วยแนะนำหน่อยได้ไหม เดี๋ยวพอสร้างบ้านเสร็จ ท่านชอบหลังไหนก็เลือกไปเลยนะ ผมขอมอบให้เป็นของขวัญ"

หลินชิงอิ่นยิ้มมุมปาก "ได้สิคะ ถึงแม้ที่ดินที่ซื้อมาจะมีฮวงจุ้ยไม่ดีนัก ก็ยังปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ด้วยการออกแบบและใช้เครื่องรางนะคะ"

บ้านหลังหนึ่งถึงจะไม่ถูก แต่การได้ผูกมิตรกับท่านปรมาจารย์ที่มีฝีมือจริงๆ แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ต่อไปถ้าชื่อเสียงของท่านปรมาจารย์น้อยโด่งดังออกไป ไม่ต้องพูดถึงบ้านหลังหนึ่งเลย ขนาดบ้านหรูก็ไม่แน่ว่าท่านจะสนใจ

เราได้เปรียบคนอื่นตรงที่มาติดต่อท่านปรมาจารย์น้อยก่อนที่ท่านจะโด่งดัง ต่อไปที่ที่ท่านปรมาจารย์น้อยต้องเหนื่อยใจมีอีกเยอะแยะ

ท่านปรมาจารย์น้อยต้องไปดูดวงให้คนอื่นอีก จางอี้ไม่กล้ารบกวนเวลาของท่านนานเกินไป พวกเขาแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันแล้วก็แยกย้ายกันไป

มองจางอี้กับครอบครัวเดินจากไป ทันใดนั้นหลินชิงอิ่นก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เหมือนจะมีเรื่องไม่ดีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

คนในสำนักเซินสวนมีสัญชาตญาณที่แม่นยำมาก ถึงแม้พวกเขาจะดูดวงให้ตัวเองไม่ได้ แต่สัญชาตญาณที่มีต่อความปลอดภัยของตนนั้นแม่นยำกว่าการเสี่ยงทายเสียอีก ตอนนี้ในหัวของหลินชิงอิ่นมีความคิดเดียว คือต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้วกลับบ้านให้เร็วที่สุด

หลินชิงอิ่นคว้ากระเป๋าหนังสือขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืนทันที คุณป้าเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ รีบจับแขนเธอไม่ให้ไป "ท่านปรมาจารย์น้อย ช่วยรออีกสักนิดนะคะ พวกเขามาถึงแล้ว"

ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจของหลินชิงอิ่นยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ เธออยากจะดึงมือกลับมาทันที "วันนี้ไม่ดูแล้วนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาคุณใหม่"

"อ๊ะ ท่านปรมาจารย์น้อย พวกเขามาแล้ว!" คุณป้าชี้ไปนอกศาลา หลินชิงอิ่นเงยหน้ามองไป เห็นผู้ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคนกำลังวิ่งหอบเข้ามา "แม่ คุณไม่เป็นไรนะ!"

คุณป้าชี้ไปที่ชายหญิงคู่หนึ่งพร้อมกับพูดอย่างดีใจ "ท่านปรมาจารย์น้อย ดูนั่นสิ นั่นคือลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉัน ช่วยดูดวงให้พวกเขาทีเถอะค่ะ!"

หลินชิงอิ่นไม่ได้มองทั้งสองคน แต่กลับหันไปมองคนที่เหลืออีกคนด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกไม่สบายใจ!

อาจารย์ภาษาอังกฤษทำไมต้องตามมาด้วยเนี่ย!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด