ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ความเข้าใจผิด (2)

บทที่ 1 ความเข้าใจผิด (1)


บทที่ 1 ความเข้าใจผิด (1)

"ผมลาออก"

ในห้องสํานักงานที่คับแคบของซีอีโอ ชายร่างสูงคนหนึ่งได้ประกาศอย่างเด็ดขาด

"ผมได้จัดการงานที่ได้รับผิดชอบทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ หมดแล้วครับ เพราะอย่างงั้นผมขอลาออก"

เขาได้กล่าวแสดงความตั้งใจที่จะลาออกไปอย่างใจเย็น ในที่สุดมันก็จบลงเสียที ชื่อของชายผู้นี้คือคังวูจิน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นซีอีโอที่ดูเหมือนคางคก อีกฝ่ายจ้องมองดูเขาพร้อมหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

"ฮ่า!  แกอยากจะลาออกจากงานงั้นเหรอ? แกมันโง่! แกคิดว่าอุตสาหกรรมการออกแบบที่นี่มันกว้างใหญ่เท่ากับของจีนเหรอ? ที่นี่แคบมากด้วยซ้ำไป คิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแกจู่ๆ ก็ลาออกจากงานไป? แกคิดว่างานมันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ เหรอ? หา?"

ซีอีโอโพล่งออกมา คำพูดของเขาผสมระหว่างความรําคาญและเย้ยหยัน  ทว่าคังวูจินที่ยืนอยู่ตรงข้ามกลับนิ่งและไม่ตอบสนองอะไรเลย

‘เปลี่ยนงานแล้วมันยังไง มันไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อย ไอ้เวรคางคกนี้"

ตอนนี้เขาแค่อยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด บริษัทที่คังวูจินกำลังจะลาออกเป็นบริษัทออกแบบธรรมดาๆ ที่มีพนักงานประมาณ 20 คน

เป็นบริษัทที่เล็กที่สุดและมีชื่อเสียงแย่มาก

คังวูจินได้ทํางานด้านการออกแบบตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย จนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้วที่เขาอยู่บริษัทเจ้ากรรม  ตอนนี้เขาอายุ 27 ปี

‘พอมองย้อนกลับไป ฉันก็มีแต่ความทรงจําที่เฮงซวย’

แม้ว่าที่นี่จะเป็นบริษัทออกแบบ แต่เพราะมันเป็นบริษัทขนาดเล็ก หมายความว่ามันมีงานมากมายนับไม่ถ้วนนอกเหนือจากงานออกแบบ แถมยังมีการทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยครั้งด้วย ส่วนค่าล่วงเวลาน่ะเหรอ? พวกเขาให้เงินเพียงเล็กน้อยหรือไม่ให้เลย การทำงานจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แทบกลายเป็นเรื่องปกติ

เรื่องลาหยุดประจําปี? พูดถึงอะไร? หมายถึงลาที่ใช้แบกลากสิ่งของหรือไงกัน?

เพราะเหตุนี้แหละ คังวูจินจึงถึงขีดจํากัดของเขาแล้ว และวันนี้เช้าวันจันทร์. คังวูจินตรงดิ่งมาหาซีอีโอที่เหมือนคางคกด้วยความโกรธ

เฮงซวย ฉันไม่สนโว้ย ฉันจะลาออก

พูดตามตรง จดหมายลาออกของคังวูจินได้ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว ทุกคนเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ซีอีโอที่เหมือนคางคกกลับจ้องมองคังวูจินและโบกมือไปมาอย่างดูถูก

"เหอะ... ไม่อยากจะเชื่อ เชิญ เชิญ ไสหัวไปเลย มีคนจํานวนมากที่มีความสามารถเท่าแก งั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้อย่าเข้ามาที่นี่อีกล่ะ "

คังวูจินที่ยืนนิ่งจึงตอบกลับไปราวกับกำลังรออยู่

“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว แต่รบกวนส่งค่าทำงานล่วงเวลาและเงินชดเชยที่ค้างชําระของผมในจำนวนที่เหมาะสมด้วยนะครับ”

"เฮ้ย แก"

"ผมคำนวณมันไว้คร่าวๆ แล้ว ท่านซีอีโอ ผมเองก็ไม่อยากทําให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ "

เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว คำพูดก็ไหลออกมาจากปากอย่างง่ายดาย คังวูจินกระซิบกับตัวเองและกล่าวคำอำลากับซีอีโอที่มีลักษณะคล้ายคางคกอย่างสุภาพและออกจากออฟฟิศไป ไม่นานนัก เสียงเชียร์และให้กำลังใจก็หลั่งไหลมายังคังวูจิน พวกเขาต่างเป็นพนักงาน แหม คงอิจฉาเขากันล่ะสิ ซึ่งในตอนนั้นเองก็มีคนที่สนิทกับคังวูจินเดินเข้ามา

"ฉันอิจฉานายที่ได้ลาออกชะมัด แต่นายจะทําอะไรหลังจากนี้งั้นเหรอ?"

ฉันจะทําอะไรงั้นเหรอ? อืม บอกตามตรงตัวเขาเองก็รู้สึกกังวลมาก ในอนาคตเขาจะอยู่ยังไงดี? แต่ว่าคังวูในวันนี้ก็ไม่คิดจะสนใจกังวลเรื่องอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาขยับไปนั่งในที่ของเขาและตอบออกไปว่า

"จริงๆ ฉันก็ไม่คิดว่าจะทํางานออกแบบอีกแล้วล่ะ ฉันมีวีซ่าทำงานพร้อมท่องเที่ยวพอดี คิดว่าคงจะไปที่นั่นแหละ"

“วีซ่าทำงานพร้อมท่องเที่ยว? ที่ไหนเหรอ?”

"ออสเตรเลีย"

อีกสิบนาทีต่อมา

คังวูจินจ้องมองไปยังหน้าจออย่างว่างเปล่า เขาเท้าคางด้วยมือของเขา สูญเสียแรงในใจการทำทุกสิ่ง เพราะเขาก็ได้ลาออกไปแล้ว

ในตอนนั้นเอง

ฟุ้บ!

คังวูจินทำหน้าเบื่อหน่ายพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอแสดงข้อความที่ยังไม่ได้อ่านและเวลา

→ 3 กุมภาพันธ์ 2020

→ 10:22 น.

ผ่านไปแค่ 30 นาทีเองเหรอ? เหมือนเวลาหยุดนิ่งอยู่เลยแฮะ

-ปัง!

ทันใดนั้นประตูสํานักงานก็เปิดออก เจ้านายที่เหมือนคางคกก็รีบเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“เฮ้ คังวูจิน!”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียงตะโกนนี้มุ่งเป้าไปที่คังวูจินหรือไม่

"ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! ฉันทนเห็นหน้าแกไม่ไหวแล้ว!!"

ขณะเดียวกัน คังวูจินก็คิดภายในใจว่า

‘ประจวบเหมาะเลย ฉันคงต้องขอบคุณสินะเนี่ย’

***

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ประมาณเที่ยง ภายในอะพาร์ตเมนของคังวูจิน

คังวูจินอาศัยอยู่ในพื้นที่ซูจิของเมืองหย่งหนิง อะพาร์ตเมนของเขามีเสื้อผ้าแขวนอยู่บนผนังอย่างเรียบร้อยจนน่าประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่รักษาความเป็นระเบียบเป็นอย่างมา

กลางห้องสตูดิโอของอะพาร์ตเมน

เขากระโดดลงที่นอนและนอนหลับสนิท แน่นอนว่าคนๆ นี้คือคังวูจิน รูปร่างหน้าตาของเขาตรงกันข้ามกับอะพาร์ตเมนที่เรียบร้อยของเขามาก เขาดูเหมือนคนจรจัดโดยสมบูรณ์ สวมแจ็คเก็ตบุนวมที่เพิ่งใส่ออกไปข้างนอกเมื่อวันก่อนนี้ และตอนนี้ผมที่จัดทรงมาอย่างดีของเขาก็รุงรังเป็นอย่างยิ่ง

ที่แย่ไปกว่านั้นคือมีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงทุกครั้งที่พ่นลมหายใจออกมา นี่คงเป็นเพราะเมื่อคืนเขาและเพื่อนๆ ดื่มกันมากเพื่อเฉลิมฉลองการลาออก

ระหว่างที่เขามีสภาพเช่นนี้ หนึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป

“....อ่า แม่งเอ๊ย”

คังวูจินที่ตื่นจากการนอนหลับได้บ่นพึมพําและคร่ำาครวญขณะนอนราบลงไป

"อ่า...ปวดหัวชะมัดยาก"

คังวูจินกุมศีรษะแล้วมองไปรอบๆ หือ? บ้าน? ฉันกลับถึงบ้านได้ยังไงกันเนี่ย?

"ฉันจําได้ว่า….รอบที่สองเราไปต่อที่..."

ทุกอย่างหลังจากนั้นพลันว่างเปล่า ความทรงจําของเขาคล้ายถูกลบไป เขาพยายามที่จะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนนี้ แต่มันก็ไม่เป็นผล หรือมันเป็นเพราะเขาไม่ได้เมามากขนาดนี้มาสักพักแล้วเหรอ? คังวูจินถอนหายใจยาวผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ เขาได้แต่สะบัดความทรงจําอันสับสนของเขาทิ้งไป

“หืม-ไม่รู้แหละว่ายังไง แต่ฉันคงกลับบ้านมาแล้วแน่”

คังวูจินเปิดแอพส่งอาหารทันที ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็อยากกินบะหมี่เย็น เพื่อรักษาอาการเมาค้าง นั่นแหละเป็นสิ่งแรกที่เขานึกถึง

ในช่วงเวลานั้นเอง

- กริ๊งกริ๊ง กริ๊งกริ๊ง

โทรศัพท์ที่เปิดแอปจัดส่งอาหารส่งเสียงสั่นเป็นเวลานาน มันเป็นสายโทรเข้า ผู้โทรเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของคังวูจินและเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ดื่มเหล้าเลี้ยงฉลองเมื่อคืนก่อนนี้ อีกฝ่ายคือเพื่อนของเขาชื่อคิมแดยอง จากนั้นคังวูจินก็ยังคงนอนตะแคงถือโทรศัพท์แนบหูไว้

“ไง—”

เมื่อได้ยินเสียงที่คล้ายคนกำลังจะตายของคังวูจิน คิมแดยองก็หัวเราะออกมาจากโทรศัพท์

"น้ำเสียงแบบไหนของนายเนี่ย? ไหงฟังดูเหมือนคนกำลังจะตาย? เหอเหอ แต่ดูเหมือนนายจะลากสังขารกลับบ้านได้แบบมีชีวิตอยู่สินะ?”

"อืม ว่าแต่เมื่อวันก่อนเราดื่มไปเท่าไร? ทำไมตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในของฉันกำลังจะเป็นอัมพาตแล้วเนี่ย"

"นายจําไม่ได้เลยเหรอ??"

"ใช่ ฉันจําเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย"

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ คิมแดยองก็สบถออกมาทันที

"ไอ้บ้า จู่ๆ เมื่อวันก่อนนายก็ดันหายตัวไปในขณะที่เรากําลังดื่มอยู่ประมาณ 30 นาที เราถึงกับคิดว่าจะแจ้งความว่านายหายตัวไปด้วยซ้ำ ว่าแต่หลังจากนั้นนายทำอะไรต่อเหรอ?"

"จริงเหรอ? ฉันเองก็จำไม่ได้หรอก ว่าแต่ทําไมนายถึงโทรมาเนี่ย?"

“อ่า ไอ้บ้าเอ๊ย งั้นนายก็คงจำที่เราคุยกันเมื่อวานนี้ไม่ได้เลยใช่ไหม? นายสัญญาว่าจะไปสัมภาษณ์กับฉันแล้วไง”

สัมภาษณ์เหรอ? คังวูจินค่อยๆ เกาคาง เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในสมองเลย

"สัมภาษณ์อะไรกะทันหันแบบนี้? นายทํางานในบริษัทได้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? หรือว่านายต้องการเปลี่ยนงาน? นายจะบ้าเหรอ ทำงานในบริษัทระดับกลางๆ ดีๆ ไม่ชอบ?"

“ไม่เว้ย – นายนี่มันจริงๆ เลย มันไม่ใช่การสัมภาษณ์ของบริษัท แต่เป็นรอบคัดเลือกของรายการ ‘สุดยอดนักแสดง'ต่างหากเล่า!”

‘สุดยอดนักแสดง’ ที่คิมแดยองพูดถึงเป็นรายการวาไรตี้โชว์ที่เพิ่งเริ่มถ่ายทำ สถานีที่ถ่ายทำคือ SBC มันคือรายการวาไรตี้ออดิชั่นที่ออกแบบมาเพื่อค้นหาดาราที่ซ่อนอยู่ดั่งไข่มุกในทะเล พวกเขาได้โปรโมตรายการนี้อย่างหนักมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว

ทว่าคังวูจินเพียงเอียงศีรษะและถามคนที่อยู่ในปลายสายโทรศัพท์มือถือของเขา

“สุดยอดนักแสดง? นายเอาจริงเหรอ? วางแผนที่จะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักแสดงเหรอเนี่ย?”

คิมแดยองเมื่อได้ยินก็ตะโกนใส่ทางโทรศัพท์อีกครั้ง

"ไม่โว้ย! ไอ้โง่! เฮ้อ น่าหงุดหงิดจริงๆ  ฉันบอกนายเมื่อวานนี้แล้วไง...... โอ๊ย ฉันแค่คิดว่าทําไมเราไม่ลองส่งเอกสารและวิดีโอไปสนุกกันดูล่ะ? เพราะว่ารอบแรกฉันดันผ่านแล้วนี้ไง ”

"อ้าว—จริงเหรอ?"

คิมแดยอง เพื่อนของคังวูจินรับงานแสดงเป็นงานอดิเรก ในวันธรรมดาเขาทํางานให้กับบริษัท และในวันหยุดสุดสัปดาห์เขาจะเข้าร่วมชมรมการละคร แน่นอนว่าคังวูจินก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน

"ดูจากที่นายผ่านเข้ารอบไป ฉันคิดว่าพวกเขาคงรับทุกคนที่ส่งสมัครไปแหง”

"หุบปากไปเลย ช่างเหอะ พรุ่งนี้เช้าเป็นรอบแรกของการประเมินและการสัมภาษณ์ แม้ว่าจะไม่ใช่การถ่ายทำอย่างเป็นทางการ แต่ฉันก็กังวลอยู่พอสมควร เพราะงั้นฉันเลยขอให้นายมากับฉันไง"

"เมื่อวันก่อนฉันบอกว่าตกลงไปเหรอ?”

อา นี่มันบ้าอะไรกันล่ะเนี่ย คังวูจินคิดพร้อมเปลี่ยนน้ำเสียงของตนทันที

“พวก ฉันเมานะ เมื่อวันก่อนฉันไม่ใช่ตัวฉันสักหน่อย ทําไมฉันต้องไปที่นั่นด้วยเล่า? แล้วฉันจะทําอะไนตอนที่ฉันอยู่ที่นั่นกัน? แถมพรุ่งนี้นายจะไม่ไปทำงานเหรอ?”

“ฉันจะจัดการเรื่องนั้นเองน่า นายแค่ต้องอยู่กับฉันและให้กำลังใจฉันก็แค่นั้น​  พวกเขาบอกว่าฉันสามารถพาครอบครัวหรือเพื่อนมาได้ สิ่งที่นายต้องทําคือรอข้างนอกเพื่อให้ฉันสัมภาษณ์พอ”

"แต่วันนี้ฉันไม่อยากออกไปไหนเลยนะ"

“เฮ้! ยังไงนายก็ว่างงานอยู่แล้ว! เสร็จแล้วฉันจะเลี้ยงหมูสามชั้นกับโซจูมากเท่าที่นายต้องการเลยเอ้า!”

"อืม-"

คังวูจินลังเล ทำให้คิมแดจองรีบกล่าวเสริมทันที

“ฮงฮเยยอนจะเป็นหนึ่งในกรรมการของวันพรุ่งนี้ด้วยนะ!!”

คังวูจินตัวแข็งทื่อ

คังวูจินชะงักไป ตาของเขาลุกวาว

"...อะไรนะ เมื่อกี้พูดว่าใครนะ?"

“ฮง! ฮเย! ยอน! นายอาจจะได้พบกับฮงฮเยยอนก็ได้นะ”

“จริงเหรอ?”

“จริงสิ ฉันเดิมพันด้วยชีวิตของฉันเลย”

ฮงฮเยยอน เธอเป็นนักแสดงหญิงชั้นนำดาวรุ่งในตอนนี้ เป็นนักแสดงหญิงที่ได้รับการยอมรับในใจของผู้ชายทุกคน แต่ฮงฮเยยอนคนนั้นจะเป็นกรรมการเหรอ? ในไม่ช้า คิมแดยองก็อธิบายทางโทรศัพท์ต่อ

“แต่ละตอนของรายการ ‘สุดยอดนักแสดง’ จะมีกรรมการที่แตกต่างกันไป นายคิดดูสิว่าใครจะเป็นหนึ่งในกรรมการ? อาจเพราะ PD รายการนี้ร่วมทำงานกับฮงฮเยยอนกระมัง เธอจึงมาออกรายการด้วย เป็นรายการที่แบบมาครั้งเดียวน่ะ”

"แล้วนายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?"

“ก็ค้นหาไงเล่าไอ้เจ้าโง่ มันมีอยู่ในเน็ต ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? ว่าไง? ไปกับฉันเถอะนะ”

คังวูจินลุกขึ้น พร้อมตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

"นายควรจะพูดเรื่องเพื่อนกันตั้งแต่แรกสิ ถ้าเพื่อเพื่อนฉันพร้อมยอมทำอยู่แล้ว.... ว่าแต่พรุ่งนี้กี่โมง?”

การตัดสินใจของเขาได้เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วเลยจริงๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์

เวลาประมาณ 10 นาฬิกา สถานที่แห่งนี้คือศูนย์ศิลปะของตึก SBC ในม็อกดง คังวูจินและคิมแดยอง ทั้งสองสวมแจ็คเก็ตบุนวมเข้ามาในตึกห้าชั้นที่มีงานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ คิมแดยองดูหล่อเหลามาก เขามีความสูงใกล้เคียงกับคังวูจินที่ประมาณ 180 ซม. แต่ดูมีรูปร่างส่วนบนแข็งแรงกว่า

แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ

“ว้าว- คนเยอะมากเลย”

คังวูจินรู้สึกประหลาดใจ เพราะล็อบบี้ศูนย์ศิลปะแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีเจ้าหน้าที่หลายสิบคนที่ทางเข้าและผู้เข้าร่วมก็หลั่งไหลเข้ามา อย่างน้อยคง 200 คนเลยใช่ไหม? นี่มันแค่ส่วนหนึ่งของคนเข้าร่วมสมัครเองนะ

จากนั้นคิมแดยองเองก็อธิบายว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้

"ตอนนี้คนคงมากันประมาณ 30% แล้วมั้ง? ฉันได้ยินมาว่าการออดิชั่นครั้งแรกสําหรับรายการ 'สุดยอดนักแสดง' แบ่งออกเป็นช่วงๆ ด้วยนะ "

"นายจะบอกว่าวันนี้มีคนมาคัดเลือกอย่างน้อย 600 คนเนี่ยนะ?"

"ก็ตามนั้นแหละ นายควรดูทีวีบ้างนะ”

"ฉันไม่สน มันไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย"

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการยืนยันข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แล้ว คังวูจินและคิมแดยองจึงเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้เข้าร่วม เดินไปตามป้ายและนิ้วที่ชี้บอกทางของพนักงาน จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในห้องที่มีป้าย "ห้องรอหมายเลข 1" ที่ประตู

เอี๊ยด..

ภายในมีเก้าอี้พลาสติกถูกจัดวางอย่างหนาแน่นในพื้นที่กว้าง และมากกว่าครึ่งมีคนนั่งแล้ว  คังวูจินชี้ไปที่เก้าอี้ว่างทันที

“เฮ้ เราไปนั่งตรงนั้นกันเถอะ”

"ก็ได้"

ทันทีที่พวกเขานั่งลง คิมแดยองก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่แตะหมายเลขที่ติดอยู่ที่หน้าอกของเขา

"ฟิ้ว-ฮึบ ให้ตายเถอะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเลยแฮะ"

คังวูจินผู้ซึ่งดูเหมือนจะไม่สนใจ ก็ได้ปลดซิปเสื้อแจ็คเก็ตบุนวมของเขาและไขว้ขาของเขา

"เฮ้ นายเล่นละครเป็นงานอดิเรกมาสักพักแล้วไม่ใช่เหรอ? มันผ่านมา 3 ปีกว่าแล้วใช่ไหม?"

"ก็ใช่"

“แต่นายก็ยังตื่นเต้นอยู่เนี่ยนะ? ชมรมของนายไม่ได้สอนการแสดงเหรอ?”

"หยุดพูดไปเลย คิดว่ามันระดับเดียวกันหรือไง?”

"แล้วมันต่างกันยังไง? การแสดงก็คือการแสดง ถึงฉันจะไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อยมันไม่น่าจะแตกต่างกันนิ บางทีผ่านรายการวาไรตี้โชว์นี้ไปนายอาจจะกลายเป็นสุดยอดนักแสดงเลยก็ได้นะ”

คิมแดยองได้ปล่อยให้จินตนาการของเขาโลดแล่น

“บ้าจริง… ฉันแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันขนลุกแล้วล่ะ”

คิมแดยองยิ้มอย่างมีความสุขแล้วมองไปรอบๆ พร้อมจับท้องของเขา

"อ่า-เฮ้ ฉันรู้สึกมวนท้อง คงต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“นายบ้าไปแล้วเหรอ รู้ไหมเนี่ยว่าการสัมภาษณ์มันจะเริ่มตอนไหน?”

“ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันได้ยินมาว่าพอพนักงานเรียก เราก็แค่เข้าไป”

"งั้นรีบไปถามแล้วรีบกลับมาเถอะ อย่าเผลอไปท้องเสียในขณะที่กำลังแสดงเข้าล่ะ”

พอได้ยินเช่นนั้น คิมแดยองก็ลุกขึ้นและรีบไปหาพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องรอ หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง เขาก็วิ่งเข้าไปในโถงทางเดินทันที

คังวูจินมองตามหลังเพื่อนแล้วบ่นพึมพำ

"เสียเวลาชะมัด"

เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีมั้ง? คังวูจินขมวดคิ้วดูเวลาในมือถือของเขา เพราะคิมแดยองดูเหมือนใช้เวลานานเกินไป

“ทำไมเจ้าบ้านั่นถึงไม่ยังไม่กลับมาอีกล่ะ?”

ในเวลาเดียวกัน

“คิมแดยอง คิมจุนซู คิมแทจุง!”

ที่หน้าห้องรอ พนักงานชายคนหนึ่งตะโกนบอกชื่อผู้เข้าร่วมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

“คิมแดยอง คิมจุนซู คิมแทจุง !”

นี่เรียงตามลำดับตัวอักษรเหรอ? ชื่อของเพื่อนเขา คิมแดยองถูกเรียกก่อน คังวูจินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ กำลังเริ่มก้าวออกไปหาพนักงานแล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

"ขอโทษครับ"

คังวูจินยกมือขึ้นและเรียกพนักงาน

“ขอโทษครับ ตอนนี้คิมแดยองเพื่อนของผมอยู่ในห้องน้ำ…  ผมจะไปตามเขามาเดี๋ยวนี้ครับ”

“อา เขาอยู่ในห้องน้ำเหรอครับ? อืม งั้นรอสักครู่นะครับ คุณเป็นเพื่อนของเขาใช่ไหมครับ?”

"ใช่ครับ"

พนักงานชายพูดอะไรบางอย่างผ่านวิทยุสื่อสารที่คล้องคอของเขาอยู่ พนักงานชายหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบบางอย่างกลับมา มันเป็นรอยยิ้มซุกซนของทีมงานรายการวาไรตี้ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง

จากนั้นพนักงานชายก็พูดกับคังวูจิน

“ถ้าอย่างนั้นคุณเข้าไปแทนเพื่อนของคุณก่อนได้ไหมครับ”

"อะไรนะครับ?”

บ้าหรือเปล่าเนี่ย? คังวูจินขมวดคิ้ว

"ผมน่ะเหรอครับ?"

"ใช่ครับ เพื่อนของคุณเป็นคนแรกและถ้าคุณคิมแดยองยังไม่มา คงจะถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติครับ คิดเสียว่าคุณไปจองที่ให้เขาข้างในแล้วกันครับ พอคุณคิมแดยองมา เราจะนำทางเขาไปเองครับ”

แสดงว่าขอแค่เป็นใครก็ได้แทนที่มันจะไม่มีใครสินะ? คังวูจินไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเพื่อนของเขา

“แล้วผมต้องไปที่ไหน?”

หลังจากนั้นเอง

เมื่อคังวูจินมาถึงสุดทางเดิน มีผู้เข้าร่วมอีกสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างประตูและคังวูจินก็ถูกพาเข้าไปในห้อง

ต่อมา

"ว้าว..."

คังวูจินรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นด้านในของห้อง มันค่อนข้างตกแต่งแตกต่างจากห้องรอก่อนหน้านี้ โต๊ะทำงานตรงด้านหน้ามีโลโก้ของ ‘สุดยอดนักแสดง’ มีกล้องขนาดใหญ่สองตัวที่ด้านซ้ายของโต๊ะและกล้องขนาดเล็กถูกติดตั้งบนเพดานและที่อื่นๆ อีกมากมาย

มีทีมงานประมาณสิบคน

หนึ่งในทีมงานมีผู้หญิงวัยสามสิบปลาย ๆตัดผมสั้นเดินเข้ามาหาคังวูจิน เธอยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า

“คุณเป็นเพื่อนของคุณคิมแดยองใช่ไหมคะ?”

คังวูจินที่กำลังมองไปรอบๆ ห้องก็พยักหน้าเล็กน้อย

"ใช่ครับ ผมจะโทรหาเพื่อนของผมทันทีถ้าเขามาแล้ว ”

"ก็ได้ค่ะ เอานี่ไปและไปนั่งบนเก้าอี้ตรงนั้นนะคะ”

หญิงสาวส่งเอกสารบางๆ ให้คังวูจินและชี้ไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตรงหน้าโต๊ะตรงนั้น

"นั่นเป็นบทของผู้เข้าร่วมในวันนี้ค่ะ งานในวันนี้คือการแสดงสด สิ่งที่ผู้เข้าร่วมต้องทำคืออ่านบทสั้นๆ แล้วแสดงให้เราดูทันที  แต่ถ้าเป็นคุณก็ลองอ่านไว้แก้เบื่อรอเพื่อนคุณมาก็ได้นะคะ"

"เอ่อ-ครับ"

"เดี๋ยวคณะกรรมการจะมาถึงเร็วๆ นี้แล้วล่ะค่ะ"

คังวูจินจึงถามด้วยความไม่แน่ใจ

"ขอโทษนะครับ ฮงฮเยยอนเป็นหนึ่งในกรรมการหรือเปล่าครับ?”

พนักงานหญิงยิ้มกว้าง

“ใช่แล้วค่ะ แต่คุณไม่สามารถขอลายเซ็นหรือถ่ายรูปได้นะคะ”

เยี่ยมไปเลย คังวูจินรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาซ่อนความตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม

จากนั้นเอง

ฟุ้บ!

ในขณะที่โทรหาคิมแดยอง เขาก็เหลือบมองบทบนตักของเขา มันเป็นการกระทำโดยไม่รู้ตัว เพราะถึงอ่านไป กระดาษแผ่นนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไรกับคังวูจินอยู่แล้ว

แต่ว่า…

“ทำไมไอ้เพื่อนบ้ามันไม่รับสายกัน… หือ ?”

ในขณะที่มองไปที่สคริปต์ คังวูจินก็เริ่มรู้สึกแปลกไป

"นั่นมันอะไรกันเนี่ย?”

คังวูจินจ้องไปที่ช่องว่างข้างบท มันอะไรเนี่ย? มีบางอย่างแปลกๆ จะอธิบายสิ่งนี้ว่ายังไงดี? มันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณกระดาษ A4 ที่มีลวดลายจุดสีดำและสีเทาหมุนวนรอบๆ มันดูแปลกมาก

มันแปลกแบบว่า...

ราวกับต้องมนตร์สะกด คังวูจินค่อยๆ ขยับนิ้วชี้ของเขา เขาแตะลงไปบนสิ่งแปลกประหลาดนี้ จากนั้นคังวูจินก็แตะนิ้วชี้ลงไปตรงกลางของจัตุรัสที่หมุนวนไปมาอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้นปัญหาพลันเกิดขึ้น

"อึก!"

เขาคล้ายดั่งถูกดูดเข้าไปในอะไรบางอย่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด