ตอนที่แล้วตอนที่ 30
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่  32

ตอนที่ 31


ตอนที่ 31

ค่าสเตตัสเดียวที่ผมไม่เพิ่มเลยก็คือ ค่าความรู้

สิ่งที่ได้จากค่าความรู้ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องภาษาอย่างเดียว

แถมความรู้นั้นไม่ได้ด้อยกว่าค่าสเตตัสอื่นเลยด้วยซ้ำ

ข้อมูลที่มีจะเป็นคีย์สำคัญที่มีอิทธิพลมากต่อแผนการทุกแผนการ

ในตอนที่ผมเป็นมนุษย์อยู่นั้น ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้หรือสงครามใด เว้นก็แต่ในโลกเสมือนจริง

ก็อย่างในเกมไง แม้จะเป็นเกมเดียวกันก็ตาม ความเร็วในการเล่นการจบก็ต่างกันอย่างมากระหว่างการเล่นรอบแรกกับเล่นรอบที่สอง

ข้อมูลเกี่ยวกับสกิลของตัวผู้เล่นเองก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในตอนนี้ แต่ที่ยิ่งสำคัญกว่าคือ ระดับความชำนาญที่มีอยู่ในระบบ

คาน่อนนั้นรู้ถึงวิธีการที่มีในโลกนี้ที่เรียกว่า  《การยอมแพ้ 》

คาน่อน รู้ว่าดาร์คเอลฟ์นั้นสามารถใช้เวทย์ไฟได้

คาน่อนเข้าใจถึงผลลัพธ์ของการใช้  《ดูดกลืน 》 ได้ดีกว่าผมที่มีอบิลิตี้นั้นด้วยซ้ำ

― หากรู้ตัวเองและรู้ข้าศึก ไม่ต้องกลัวเลยด้วยซ้ำ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

มาจากคำพูดของซุนซื่อ  ซึ่งก็หมายถึง หากรู้สภาวะของฝ่ายตัวเองและฝ่ายศัตรูได้ดีพอ รบสักร้อยครั้งก็ไม่มีวันแพ้

ผมจำคำพูดนั้นเป็นอย่างดีเลยล่ะ

แม้ผมจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ได้ด้วยการคาดการณ์ คาดเดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงใช้กลยุทธจากหนังสือเล่มนั้น แต่สักวันหนึ่ง ผมอาจจะทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นมาก็ได้

ตัวอย่างก็เช่น หากผมทำการใช้  17 BP ลงไปกับการแปรธาตุ ตั้งแต่แรกด้วยการแตะแถบหัวข้อนั้นเหมือนไอ้บ้าไอ้บอที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ค่าการแปรธาตุคงจะไปถึง แร๊ง B แต่หลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่มีCP เหลือแล้ว

และตอนนี้ พอผมรู้แล้วว่า การจะยกแร๊งค่าสเตตัสจาก B ไปเป็น A ต้องใช้ถึง 50 BP

หากผมไม่รู้ผมคงจะทุ่มเท BP ของตัวเองลงไปอย่างสิ้นหวังเปล่าประโยชน์

ค่าสเตตัสที่ผมไม่เคยใส่ใจมาก่อน อย่างค่าความรู้นั้น เป็นค่าที่สำคัญ

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ―

“เธอเลเวลเท่าไหร่ ?” (ชิออน)

ผมโยนคำถามถามคาน่อน  จริงๆก็รู้กันอยู่ชัดๆแล้วอะนะว่า เธออาจจะเลเวล 3 เป็นอย่างน้อยไม่อย่างนั้นก็คงจะสร้างผู้ร่วมสายเลือดไม่ได้ แต่ทว่า …

“… 3ค่ะ” (คาน่อน)

คาน่อนหลบตาแล้วก็ตอบเสียงงึมงัม

ฟังจากที่เธอแบบนั้นมา ผมเดาว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงทำการ  《ยอมแพ้ 》

ค่าความรู้ของ คาน่อน นั้นคือ แร๊ง  B จ่าย  17 BP เพื่อให้ไปถึง  B หากเป็นจอมมารที่ไม่ได้รับ 10 BP เป็นโบนัส ก็ไม่มีทางที่จะเลือกทำแบบนั้นได้

– ดังนั้นจำนวน BP ที่ได้รับมาตอน เลเวล 3 รวมคือ 20 มาจากBPเริ่มต้น 10 BP และ 10 BPจากการที่เลเวลอัพ 2 ครั้ง

พูดง่ายๆ ในการที่จะทำให้ค่าความรู้ถึง แร๊ง B  ก็จะเหลือแค่เพียง 3 BP เท่านั้น มันเป็นการต้อนให้เธอเองนั้นอยู่ในสถานการณ์ยกระดับค่าสเตตัสจาก E เป็น D ได้เพียงค่าเดียว จากBPที่เหลืออยู่

ไม่สำคัญแล้วว่า จะมีความรู้มากมายเพียงไหน สถานการณ์ของเธอถือว่า โดนรุกฆาตไม่มีทางไปต่อแล้ว

ต่อจะเลือกการสร้าง ลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอก็คงเป็นโคโบ้ล

ผิดกับผม เธอนั้นไม่สามารถมอบอาวุธดีๆอะไรให้โคโบ้ลพวกนั้นได้

แต่หากเอาแต้มที่เหลือไปลงแปรธาตุแทนล่ะ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรหาก ค่าสเตตัสแปรธาตุเป็นค่า D  ?

ตัวอย่างเช่น ซีรี่ย์เหล็ก ยกให้กับลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ก็อบลิน และหากเพิ่มค่ามานาหรือร่างกาย ก็มีแต่จะหายนะเท่านั้

ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เข้าสู่ทางตันอยู่ดี

เธอไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จากการบุกเข้ามาของพวกมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

เอาจริงๆผมก็นับถืออยู่เหมือนกันนะ ที่เธอสามารถเอาชีวิตรอดมาจวบจนถึงตอนนี้ได้

“แล้วอีกค่านอกจากค่าความรู้เธอเพิ่มค่าไหนไปล่ะ ?” (ชิออน)

ผมถามเธอเหมือนคุยเล่นเบาๆ

“อ่า … พอขึ้นเลเวล 3  นอกจากค่าความรู้แล้ว ฉัน ได้เพิ่มทุกคนให้ขึ้นเป็นแร๊ง D ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ…” (คาน่อน)

“เห? …อ่า, โทษทีๆ ถึงอย่างนั้นแล้วทำไมต่อนะ ? พูดต่อเลย ?” (ชิออน)

ผมเผลอหลุดแทรกเสียงขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจก็คำตอบของเธอมันผิดจากที่ผมคาดไว้ คาน่อนเลยหยุดพูดชั่วครู่ ผมเลยขอให้เธอพูดต่อ

“อ่าค่ะ ถึงอย่างไรก็ดี … ดูเหมือนผลจาก 《การยอมแพ้ 》  หัวข้อ  【การสร้าง 】 และ【แปรธาตุ 】…หายไปเลยค่ะ …อาจเพราะฉันไม่ได้เป็นจอมมารแล้วก็ได้มั้งคะ ” (คาน่อน)

คลื่นข้อมูลถาโถมใส่ผม มีเพียงหัวข้อนี้ ที่มีสองสิ่งที่สะกิดกวนใจผม

ช่วงเวลาของ 【สันติชั่วคราว 】 คือ   24 ชั่วโมงสินะ ? น่าจะพอล่ะมั้ง ?

ถ้าเวลาเท่านี้ ค่อยๆถามไปน่าจะดีกว่า

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เธอเลเวล 3 จริงๆถูกไหม ?” (ชิออน)

“ช่ายค่ะ อืม,ท่านก็รู้แล้วนี่คะ~…” (คาน่อน)

“อืมฮึ?” (ชิออน)

“จริงๆฉันรู้นะคะว่า … ไม่ได้อยู่ในจุดที่เรียกร้องอะไรแบบนี้ได้ …” (คาน่อน)

“อะไรเหรอ ?” (ชิออน)

“หากเป็นไปได้ อย่าเรียก ฉันว่า  『เธอ 』ได้ไหมคะ…” (คาน่อน)

“อ่า …” (ชิออน)

คาน่อนขอร้องผม ซึ่งเป็นอะไรที่ยากจะพูดออกมา

พอใช้คำว่า  『เธอ 』 แล้วมันรู้สึกห่างไกลกันราวกับมีกำแพงเย็บเฉียบกั้นระหว่างเรา

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแล้วผมควรจะเรียกเธอยังไงดีล่ะ ? คาน่อน-ซังเหรอ? เติมคำว่า ซัง ต่อด้านคนที่มาเสนอขอ 《ยอมแพ้ 》 เองเนี่ยมันพิลึกชะมัดเลยไม่ใช่รึไง? เธอน่ารักเหมือนแฟรี่ตัวน้อยหรือจะให้เรียกว่า…คาน่อนจังด้วยเหตุนั้นน่ะเหรอ ? ไม่เอาน่า ฮ่าฮ่าฮ่า

นี่ถ้าผมสามารถ เรียกคำว่า จังต่อท้ายใครก็ที่พบกันไม่ถึงชั่วโมงได้แล้วเนี่ย ผมคงไม่เป็นนายเดียวดายแบบนี้หรอก

“เอ่อ ถ้าหากนะคะไม่รบกวนเกินไป…ท่านเรียกฉันว่า คาน่อนด้วยค่ะ…” (คาน่อน)

“คาน่อน…คาน่อน… เข้าใจละ ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ไปข้าจะเรียกเธอว่า คาน่อนนะ” (ชิออน)

ผมทวนชื่อของเธอซ้ำหลายต่อหลายครั้งเพื่อยืนยันว่า จะทำตามที่เธอขอ

“ขอบคุณค่ะ !” (คาน่อน)

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จะว่าไงดีล่ะ …เธอ  เอ้อไม่สิ คาน่อน เธอหยุดเรียกข้าว่า ท่านชิออนได้ไหม ?” (ชิออน)

การเติมท่าน (-ซามะ) ต่อท้ายนี่เป็นอะไรสุดจะน่าอายเลยล่ะ นี่ก็เป็นโอกาสดีที่ผมจะเสนออะไรกลับไปบ้างด้วย

“ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะเรียกคุณว่ายังไงดีล่ะ …?” (คาน่อน)

“แค่ชิออน เฉยๆก็พอ ” (ชิออน)

การที่ถูกผู้หญิงที่เพิ่งเคยพบเจอกันเป็นครั้งแรก เรียกชื่อเธอเนี่ย ผมก็ต้องทำแบบเดียวกันกลับไปด้วยเช่นกัน

สะสะ สถานการณ์แบบนี้มัน ; หรือว่า ไม่ใช่ล่ะมั้ง ?

นี่ผมข้ามขั้นจากนายมืดมนกลายเป็นนายเรียจูไปแล้วอย่างงั้นเหรอ !?

ผมซ่อนความดีใจ และแอบอายไว้ตอนที่พบว่า ตัวเอกสามารถบอกลา คุณสมบัติของนายโดดเดี่ยวที่มีมานานถึง 18 ปีได้

“ไม่ได้ค่ะ , จากรูปลักษณ์แล้ว ท่านแก่กว่าฉันค่ะ ท่านชิออน  เอ่อ อ่า เอาเป็นว่า…ชิออน…ซัง?

แบบนี้แทนได้ไหมคะ ?” (คาน่อน)

อย่างน้อยความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก

“…แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” (ชิออน)

ผมตอบสั้นๆ

“มาคิดๆดูแล้ว คาน่อนบอกว่า ดูจากภาพลักษณ์แล้วเนี่ยข้าดูเป็นยังไงเหรอ ?” (ชิออน)

ในโดเมนผมไม่มีกระจก ผมก็เลยสร้างอะไรที่ใกล้เคียงขึ้นมาแทน แต่ถึงจะมองเข้าไปในโลกเงินเพื่อสะท้อนภาพตัวเองออกมา แต่พอผมวิวัฒนาการกลายเป็นจอมมาร(แวมไพร์) ผมก็ไม่ดูหน้าตาตัวเองอีก

ถึงอย่างนั้นผมก็พอรู้ว่า ตัวเองสูงขึ้นเล็กน้อย มีกล้ามมากขึ้นหน่อยและยังมีผมสีเงิน

แต่ … ผมสงสัยน่ะ ว่าจากมุมมองคนอื่นผมมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

“อืม ก็ … ชิออนซังมีผลสีเงินที่สวยแล้วก็ดูเผินๆเหมือนอายุ 20 ต้นๆ

ฉันว่า คุณดูดีเลยล่ะ ” (คาน่อน)

จากรูปลักษณ์แล้วมันดูแก่กว่าอายุจริง ผมแอบสงสัย ผมควรจะดีใจไหมที่ดูเป็นผู้ใหญ่หรือควรเสียใจที่ดูแก่ล่ะเนี่ย ?

ผมดูดีอย่างนั้นเหรอ ทำเอาดีใจเลยนะเนี่ย

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ … คุณดูเหมือนกำลังป่วย สีหน้าก็ดูแย่มากเลย” (คาน่อน)

“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ” (ชิออน)

ผมพูดขอบคุณกับคาน่อน เพราะหากผมตอบกลับไปว่า  “อันที่จริงแล้วผมอายุ 18 เฟ้ย !”  ผมเดาได้เลยว่า บทสนทนาของเราจะหยุดชะงักอีกครั้ง

ผมเลยกลับไปคุยเรื่องเดิมต่อ

“กลับไปเรื่องเดิมต่อนะ  คาน่อน, เธอเลเวล 3, ใช่ไหม ? แล้วทำไมเธอถึงทำให้ค่าความรู้ถึงแร๊งค์ B และทำให้ทุกค่าเป็น แร๊ง Dได้ล่ะ D?” (ชิออน)

“อ๋อ! คืออย่างนี้ค่ะ …. ตอนที่เปิดแอพ  『โปรเจคช่วยโลก 』 เป็นครั้งแรก ฉันก็เข้าไปหัวข้อ 【พิเศษ 】 คุณก็มีเหมือนกัน ใช่ไหมคะ ชิออนซัง?” (คาน่อน)

“มันมีให้ตอบคำถามอะไรก็ได้หนึ่งคำตอบ แต่แค่ครั้งเดียวถูกไหม ?” (ชิออน)

“ใช่แล้วล่ะ ถูกแล้ว พอฉันเข้าไปถาม ฉันก็ได้คำตอบกลับมาว่า ยอดเยี่ยมมาก และได้รับ 10 BP มาเป็นโบนัส ” (คาน่อน)

“อ่อ เข้าใจแล้ว” (ชิออน)

นั่นมันไม่ใช่สิทธิพิเศษที่จะได้เฉพาะผมคนเดียวหรอกเหรอเนี่ย ? ทีแรกผมคิดแบบนั้นเพราะตัวเองได้รับเลือกเป็นจอมมารเสียอีก

“แล้วเธอถามคำถามแบบไหนไปล่ะ ?” (ชิออน)

“เอ่อ อืม …ก็นะ …งืออ …” (คาน่อน)

ทีแรกเหมือนเธอลังเลอยู่ แต่ก็ยอมตอบ

“ฉันถามไปว่า   『จำเป็นที่ต้องช่วยโลกนี้จริงๆเหรอ ?』 ค่ะ” (คาน่อน)

สมเหตุสมผล …

คาน่อนนี่ช่างเหมือนแฟรี่ตัวน้อยจริงๆ

ผมต้องไม่ลืมว่า ถึงตอนนี้เธอจะตอบคำถามผมอย่างว่าง่าย แต่ก่อนหน้านี้

เธอเองก็เคยเป็นจอมมารมาก่อน บุคคลที่ถูกจัดว่าเป็นพวก 【โกลาหล 】 จากการทดสอบความถนัด

ถึงเธอจะดูน่ารักและพูดจาแบบนี้ แต่เอาจริงๆแม่นี่ก็อันตรายน่าดูไม่ใช่หรือไงกัน  ?

ผมเริ่มมองแฟรี่ตัวน้อยที่บินไปยิ้มไป อย่างคาน่อน อดีตจอมมารด้วยมุมมองใหม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด