ตอนที่แล้วChapter 1448 สืบสวนจักรพรรดินิหลิงเหยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1450 มหากาพย์ที่สามสำเร็จ

Chapter 1449 วัยเด็กของหัวเหม่ยกุ้ย


ภารกิจมากมายที่ยังคงดำเนินไป รอคอยให้ถึงเวลาคำนวณความสำเร็จ ในช่วงระยะเวลานี้จุนซ่างเซียว ก็วางแผนที่จะเอาคืนจักรพรรดินิหลิงเหยา.

ภารกิจใหม่ของนิกายที่ปรากฏขึ้นเป็นระยะ ๆ ศิษย์สามารถทำคนเดียวและออกไปทำเป็นทีมได้ หลังจากทำสำเร็จ ยังได้รับรางวัลมากมายอีกด้วย.

“เจ้านิกาย.”

หลี่ชิงหยางเอ่ย “ทรัพยากรวิถียุทธ์ในเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ มันไม่เหมาะที่จะใช้แล้ว.”

ภารกิจนิกายหลังจากทำเสร็จแล้ว ก็จะได้แต้มบุญ และนำไปซื้อสินค้าในร้านค้าสำหรับศิษย์ ทว่าตั้งแต่มาถึงพิภพเบื้องบน เพราะไม่ได้ยกระดับ ดังนั้นสินค้าต่าง ๆ นั้นจึงไม่ทันสมัย แต้มที่ได้มานั้นจึงแทบจะไม่ได้ใช้.

“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ให้ทุกคนเก็บคะแนนไว้เยอะ ๆ หลังจากนี้เมื่อยกระดับแล้ว จะต้องมีสินค้ามากมายแน่นอน.”

เพราะไม่สามารถซื้อของได้ ทำให้ทุกคนทำได้แค่เก็บแต้มบุญไว้ก่อน รอให้ยกระดับเป็นเวอร์ชันที่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้อย่างหนำใจ.

“โทษทีนะ.”

ระบบเอ่ย “ร้านค้าศิษย์นั้นโฮสน์สามารถยกระดับได้ตลอดเวลา โดยใช้แต้มความสำเร็จหรือแต้มชื่อเสียง.”

“......”

จุนซ่างเซียวเอ่ยคำราม “ระบบเวอร์ชันเบื้องบนมีอะไรบ้างที่ไม่ต้องจ่ายฟ่ะ!”

“มี ทุก ๆ เดือนรีเฟรชได้ฟรีห้าครั้งไง!”

“......”

ผงรวมวิญญาณและสินค้าต่าง ๆ ในพิภพเบื้องล่าง ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วในเวลานี้ สินค้าใหม่ก็ยังไม่มี ดังนั้นมีเพียงแค่ต้องยกระดับอย่างเดียวเท่านั้น.

ระบบเวอร์ชันพิภพเบื้องบน เก็บทุกเม็ดทุกหน่วย เรียกว่าขูดเลือดปูเลย.

อย่างไรก็ตาม โชคดี ที่ร้านค้าศิษย์นั้นสามารถใช้แต้มความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ต้องใช้แต้มสนับสนุนและแต้มชื่อเสียงก็ได้.

“เฮ้อ.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “คิดว่าแต้มความสำเร็จไม่มีประโยชน์ แท้จริงนำมาใช้เช่นนี้นะเอง.”

ระบบเอ่ย “กล่าวจริง ๆ นะ ระบบเวอร์ชันเบื้องบน หากใส่ใจเกี่ยวกับภารกิจนิกาย แต้มต่าง ๆ ที่ได้รับล้วนแต่ใช้ซื้อสินค้าได้หมด แม้แต่แต้มความสำเร็จ ดีกว่าใช้ในการยกระดับสิ่งก่อสร้างอย่างเดียว.”

“มีเหตุผล.”

ในพิภพเบื้องล่างนั้น เมื่อทำภารกิจนิกายสำเร็จจะได้รับคะแนนความสำเร็จในการยกระดับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆเท่านั้น ไม่ได้อเนกประสงค์เหมือนกับพิภพเบื้องบน.

นอกจากนี้แต้มภารกิจที่ปรากฏขึ้นใหม่ทุกวัน เพียงแค่กำชับศิษย์ของเขาให้ขยันขันแข็ง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้.

เพื่อทำให้นิกายทรงพลัง เมื่อขึ้นมาพิภพเบื้องบน จำเป็นต้องให้ทุกคนทำงานด้วย.

“แล้วต้องใช้แต้มเท่าไหร่ยกระดับร้านค้าศิษย์?”

“สิบล้านแต้ม.”

จุนซ่างเซียวที่ปวดหัวขึ้นมาทันที “นี่กะเอาให้ล้มละลายกันไปข้างหนึ่งเลยรึไง!”

ระบบเอ่ย “หากโฮสน์ไม่ชอบ สามารถใช้แต้มชื่อเสียงหนึ่งหมื่นแต้มได้.”

“ไสหัวไป!”

จุนซ่างเซียวที่ตะโกนเสียงดัง.

......

เพื่อที่จะยกระดับร้านค้าศิษย์ ดังนั้นจุนซ่างเซียวจึงสั่งการให้ใครที่ว่างออกไปทำภารกิจ แม้แต่คิดวางแผนว่าควรให้แต่แต่ละคนจำเป็นต้องทำภารกิจเท่าไหร่ในแต่ละเดือน.

“คิดอะไรอยู่รึ?”

หัวเหม่ยกุ้ยที่ก้าวออกมาจากด้านนอก.

จุนซ่างเซียวที่เหม่ออยู่ ได้ยินเสียงที่นางเอ่ย ทว่าเวลานี้นางได้ก้าวเข้ามาในห้องของเขาแล้ว พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“ข้าเคาะประตูตั้งหลายครั้ง ไม่ได้ยินเหรอ.”

ใช่.

โกวเซิ่งที่กำลังจะกล่าว’เจ้าจะเคาะหรือไม่เคาะแต่ก็เปิดเข้ามาข้างในเองแล้ว’ ทว่าก็กลืนคำพูดดังกล่าวไป ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า“ข้ากำลังคิดว่าต้องการให้ศิษย์แต่ละคนออกไปทำภารกิจในแต่ละเดือนจำนวนเท่าไหร่ดี.”

“ท้ายที่สุดสามีก็เห็นแล้ว?”

“เห็นอะไร?”

จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นงงงวยเล็กน้อย.

จักรพรรดินิเหม่ยกุ้ยเอ่ย “ข้ารู้สึกว่านิกายนิรันดรของเราที่ผ่านมาไม่เหมือนกับนิกายเลย ข้ารู้สึกดูเหมือนกับครอบครัวใหญ่มากกว่า.”

“ใช่แล้ว.”

จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ ”นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการเห็น.

ตั้งแต่เป็นสำนักไท่กู่เจิ้ง จนกลายเป็นนิกายนิรันดร เช่นทุกวันนี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอิทธิ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากมาย เพื่อรักษาครอบครัวใหญ่ เขาเป็นดั่งบิดาผู้พิทักษ์ เห็นศิษย์เป็นเหมือนกับบุตร เลี้ยงดูให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาช้า ๆ อย่างตั้งใจ.

หัวเหม่ยกุ้ยเอ่ย “ในโลกต่อสู้ที่โหดร้าย ศิษย์ทุกคนจำเป็นต้องปรับตัวยืนขึ้นให้ได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจะต้องกางปีกบินทะยานสู่ท้องฟ้าในสักวัน พวกเขาไม่ควรที่อยู่แต่ในบ้าน คอยรับความช่วยเหลือไปตลอดกาล ใช้ชีวิตแบบงอมืองอเท้า.”

“เจ้ากำลังจะเอ่ยอะไร?”จุนซ่างเซียวขมวดคิ้วไปมา.

หัวเหม่ยกุ้ยที่ก้าวเดินไปมา เอ่ยออกมาว่า“สนใจฟังเรื่องราวของข้าในอดีตใหม?”

“ไม่สนใจ!”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

“เจ้าคนปากอย่างใจอย่าง”

หัวเหม่ยกุ้ยที่ก้าวเข้ามาหาเขา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยินดีหรือไม่ นางได้ใช้วิชาลับผสานเข้าไปในร่างของเขาแล้ว.

มา มาแล้ว!

จุนเหม่ยกุ้ย!

การผสานของพวกเขาเวลานี้ ผมของจุนซ่างเซียวไม่ได้เป็นสีเขียว การผสานเข้ามานั้นเป็นการนำอีกฝ่ายเข้าไปในโลก ๆ หนึ่ง ที่ด้านในนั้นมืดมิด สถานที่ดังกล่าวเหมือนกับอยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่ง ที่ด้านในมีเด็กอายุสิบกว่าขวบหลายคนที่กำลังไล่ล่าต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง.

พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งนัก ทว่ากับดุร้ายบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก.

ที่ใจกลางเวทีนั้น มีอาหารมากมาย คนที่สามารถเอาชนะคนอื่นได้ก่อนเท่านั้น ถึงจะได้รับ.

จุนซ่างเซียวที่เป็นร่างจิตวิญญาณ เป็นผู้เฝ้าสังเกตเหตุการณ์ จนกระทั่งเห็นสตรีเผ้าผมกระเซอะกระเซิงผมไม่ได้หวีอยู่ที่มุม แม้นว่าจะไม่สูง ดูแคระแกรน ทว่ารูปลักษณ์นั้นเหมือนกับหัวเหม่ยกุ้ยเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาว่า“เป็นบุตรสาวของเจ้ารึ?”

“นี่คือเหล่าเหนียงตอนเด็ก!”

“......”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุกเอ่ยออกมาว่า“เจ้านำข้ามายังความทรงจำวัยเด็กอย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”

“......”

จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก.

เจ้าต้องการระลึกความทรงจำ ทำไมต้องนำข้าเข้ามาด้วย!

จุนซ่างเซียวที่จับจ้องมองโลกวัยเด็กของหัวเหม่ยกุ้ย เอ่ยออกมาว่า“เจ้าวัยเด็กกับตอนโตก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก.”

“ตูมมมม!”

“ตูมมมม!”

เหล่าเด็กน้อยที่ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่ออาหาร ต่อสู้กันนานเหมือนกัน จนแทบจะหมดแรง.

“ยังไม่ตัดสินแพ้ชนะอยู่อีกรึ?”

เสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากบนท้องฟ้า “เช่นนั้นวันนี้พอแค่นี้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่.”

“ฟิ้ว!”

อาหารบนแท่นตรงกลางได้หายไป.

จากนั้นความทรงจำที่เร่งเวลาเร็วขึ้น จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ที่เดิม ทว่าเวลานี้เหล่าผู้เยาว์ได้เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง แม้นว่าบางคนจะมีบางคนได้อาหารเป็นครั้งคราว ทว่าก็มีคนที่ต้องอดอาหารมากมายกว่า.

“โหดร้ายมาก.”

“หากไม่สามารถมีชีวิตรอดที่นี่ได้ แล้วจะมีชีวิตรอดในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร.”

“ดี.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วทำไมเจ้าถึงยืนอยู่แต่ที่มุมล่ะ?”

“เพราะว่าข้ายังไม่หิว.”

“......”

เหตุผลดังกล่าวโกวเซิ่งไม่ค่อยเชื่อนัก.

อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้ผ่านไปหลายครั้ง เด็กน้อยหัวเหม่ยกุ้ยก็ลงมือ.

เธอไม่สนใจที่จะเข้าปะทะกับเด็กหญิงด้วยกัน ทว่านางโจมตีไปยังเด็กผู้ชาย ทั้งทิ่มตา เตะไข่ โจมตีอย่างโหดร้าย.

“......”

โกวเซิ่งที่เสียววาป ลอบคิดในใจ“ข้าต้องระวังนางบ้างแล้ว เดี๋ยวโดนนางกัดเอา!”

เพราะหัวเหม่ยกุ้ยนั้นโหดร้ายทารุณเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะเอาชนะเพื่อให้ได้อาหารมา.

จากนั้น.

ความทรงจำที่เร็วขึ้นอีก.

ทุกคนที่นางเข้าต่อสู้และเอาชนะก็จะข้ามไปยังอีกฉากต่อไป.

“ฟิ้ว!”

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายหัวเหม่ยกุ้ยก็แยกออกมาจากร่างจุนซ่างเซียว ภาพทุกอย่างหายไป คืนกลับสู่ความเป็นจริง หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เขาก็เอ่ยปากออกมาว่า“เจ้าต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนั้นนานเท่าไหร่?”

“หนึ่งปี.”

“หากแย่งอาหารไม่ได้ล่ะ?”

“ตาย.”

จุนซ่างเซียวที่กลับไปสู่ความเงียบ ก่อนที่จะหันหน้าไปมองนาง เอ่ยอย่างจริงจัง“เจ้าให้ข้าดูความทรงจำ ต้องการบอกข้าว่า คนที่จะอยู่รอดมีชีวิตได้ในโลกนี้จะต้องผ่านประสบการณ์ที่โหดร้ายอย่างงั้นรึ?”

“ธรรมชาติคัดสรร ผู้ชนะมีชีวิตรอด มันเป็นหลักการเช่นนี้มาตลอด.”

“......”

“สามีเป็นห่วงเป็นใยศิษย์ กังวลว่าพวกเขาจะพบเข้ากับอันตราย ทว่าหากพวกเขาไม่เคยผ่านพายุใหญ่ แล้วจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในพิภพเบื้องบนได้อย่างไร?”

“......”

“เจ้าถามข้าก่อนหน้านี้ว่าควรให้ศิษย์ทำภารกิจมากขนาดใหนในแต่ละเดือน เชื่อว่าเจ้าเห็นความทรงจำในวัยเด็กของข้าแล้ว ภายในใจควรจะพบคำตอบแล้ว.”

“มีแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ยอย่างจริงจัง.

ใบหน้าของหัวเหม่ยกุ้ยที่เผยยิ้มออกมา.

“.”

จุนซ่างเซียวหยุดและเอ่ยต่อ“ข้าจะไม่ฝึกฝนศิษย์ด้วยวิธีเดียวกับเผ่าวิญญาณ เพราะว่าข้าไม่ต้องการให้พวกเขาเติบโตด้วยสภาพจิตใจไร้ซึ่งความหวัง ที่จริงมันมีอีกมากมายหลายวิธีที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้เช่นกัน!”

หัวเหม่ยกุ้ยเอ่ย “ข้าเพียงแค่แนะนำสามีเท่านั้น.”

จากนั้น นางก็หันหลังเดินจากไป.

“เดี๋ยวก่อน.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวเรียกนาง พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“ที่จริง...เจ้าตอนเด็กน่ารักมาก.”

หัวเหม่ยกุ้ยที่หยุดที่หน้าประตูเล็กน้อย ก่อนที่จะตั้งสติได้เผยยิ้มหันกลับมาทันที“สามีชมข้าอย่างงั้นรึ?”

คนล่ะ!

อ้าว หาย!

จุนซ่างเซียวที่หายไปยังห้องหนังสือแล้ว พร้อมกับกุมหน้าซบไปบนโต๊ะ คำรามลั่นในใจ“นี่! ข้าพูดคำน่าอายเช่นนั้นออกไปได้อย่างไร!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด