ตอนที่แล้วChapter 1407 เพียงแลมองก็สั่นสะท้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1409 ไม่เคยตาย อย่าได้เอ่ยถึงความเจ็บปวด

Chaper 1408 เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยถึง


ด้วยการอาศัยอยู่ในเผ่าสัตว์อสูรมาเป็นเวลานาน ทำให้แววตาของเย่ซิงเฉินดูดุร้ายไม่ต่างจากสัตว์.

หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่นเองก็มี แต่เพราะนิสัยของพวกเขา ทำให้สะกดมันเอาไว้.

เย่ซิงเฉินนั้นต่างออกไป.

ตัวตนที่อหังการเป็นต้นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้สะกดความกระหายโลหิตของสัตว์เอาไว้ แม้แต่ปล่อยออกมาคุกคามผู้จดจ้องมองมาอีกด้วย.

แล้วคนทั่วไปจะทนได้อย่างงั้นรึ?

หากไม่คุ้ยเคยกับการต่อสู้กับสัตว์ร้าย บางคนจะต้องล้มลงกับที่อย่างไม่ต้องสงสัย.

เหล่าศิษย์นิกายที่อยู่ห่างออกมาถึงกับตื่นตะลึง ลอบคิดในใจ“ดุร้ายเกินไปแล้ว!”

“ศิษย์ของข้าดูดุร้ายเล็กน้อย.”

จุนซ่างเซียวที่ไม่คาดคิดเช่นกัน เพียงแค่สายตาของเย่ซิงเฉิน ก็ทำให้ศิษย์นิกายอื่นต้องถอยกรูดด้วยความตกใจแล้ว.

ศิษย์พี่ใหญ่นิกายจ้านชิงเจิ้นที่เผยท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที.

แววตาดุร้ายที่ไม่ต่างจากสัตว์อสูรที่มองมานั้น ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน หากเลือกได้ พวกเขาไม่ต้องการพบกับคนผู้นี้ตั้งแต่รอบแรกเช่นกัน!

ยังไม่สู้ก็หวาดกลัวแล้ว.

นี่ถือว่าเป็นการข่มขู่กันชัด ๆ

เหล่านิกายอื่นที่กลายเป็นงงงวยเช่นกัน.

ต่างก็คิดว่านิกายระดับเจิ้นทั้งสี่คงแย่งชิงกันเอง ไม่คาดคิดเลยว่าจะปรากฏนิกายนิรันดรขึ้นมาอีก.

“ขออย่าให้เจอรอบแรกเลย!”

คนทั้งห้าที่ก้าวเข้ามา หนึ่งในนั้นมีสายตาดุร้ายจนทำให้พวกเขาได้แต่ภาวนาขออย่าให้เจอ.

“จับฉลาก ตัดสินคู่ต่อสู้รอบแรก!”เจ้าเมืองเถาประกาศ.

ในเวลานั้นผู้เข้าร่วมที่ก้าวขึ้นมาจับฉากซึ่งเป็นกล่องมีค่ายกลปกคลุมเอาไว้.

ในเวลานั้น.

นิกายนิรันดรที่ก้าวขึ้นไปจับฉลาก.

ลู่เชียนเชียน เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่นต่างก็จบฉลากในกล่องขึ้นมา ไม่มีใครสนใจนัก ทว่าขณะเย่ซิงเฉินเดินไป ผู้คนที่จับจ้องด้วยใจกระวนกระวายใจ แม้แต่พูดคุยกันเสียงเบา.

แววตาที่ไม่ต่างจากสัตว์ป่าของอีกฝ่าย ทำให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันหวาดกลัวนั่นเอง.

“หมายเลขสาม!”

กรรมการที่ประกาศเสียงดัง.

ทุกคนที่จับจ้องมองแผ่นป้ายของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ พอรับรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกฝ่ายก็หายใจโล่ง.

อย่างไรก็ตามหมายเลขสี่ เวลานี้ดูเหมือนว่าแข้งขาอ่อนทรุดไปกองบนพื้น จนทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องยกปีกแขนเขาเอาไว้.

“โชคดี โชคดีจริง ๆ.”

ศิษย์คนหนึ่งที่จ้องมองไปยังซูเซียวโม่ที่ไร้พิษภัย เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“คู่ต่อสู้ข้าเป็นเขา!”

เพราะว่าสายตาที่ดุร้ายของเย่ซิงเฉิน ทำให้ผู้เข้าร่วมหลายคนหวาดกลัว ทว่าคนอื่น ๆ กับดูไร้พิษภัยพวกเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร.

และคนที่ได้ต่อสู้กับลู่เชียนเชียนถึงกับดีใจร้องลั่นทีเดียว ต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าอีกฝ่ายไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ อย่างน้อยเขาก็ได้ปะทะกับสตรีผู้งดงาม ได้ต่อสู้กับเทพธิดา.

“ผลการจับฉลาก หมายเลข 1 Vs 2  3 Vs 4  80 Vs 90 ซึ่งถูกจัดให้ขึ้นเวทีที่แตกต่างกัน.

หลังจากจับฉลากเสร็จ เจ้าเมืองเถาที่ประกาศเสียงดัง.

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ทุกคนที่แยกย้ายขึ้นเวทีที่อยู่รอบ ๆ.

เย่ซิงเฉินที่ก้าวขึ้นเวทีเช่นกัน ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาที่ยืนขาสั่นกล้า ๆ กลัว ๆ ทำให้เขาต้องเอ่ยอย่างผิดหวัง“ขยะ!”

“เฮ้อ.”

เหล่าแขกผู้มีเกียรติ เหล่าคนระดับสูงที่มาชม ต่างก็ส่ายหน้าไปมา.

งานแข่งขันครั้งนี้มีสี่นิกายระดับเจิ้นที่เป็นตัวเก็ง พวกเขาที่ไม่คิดว่าจะต้องพยายามอะไรตั้งแต่รอบแรก ทว่าใครจะคิดว่าศิษย์ของพวกเขากับกล้า ๆ กลัว ๆ ขาดซึ่งความมั่นใจ แม้แต่กลัวจะไม่ผ่านรอบแรก.

แพ้ก็แพ้สิ.

แต่อาการขี้ขลาดแม้แต่ภาวนาต่อหน้าผู้คนมากมายนี้มันอะไร.

“เริ่มได้!”

ในเวลานั้น กรรมการที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.

อย่างไรก็ตาม สิ้นเสียง มือที่ยกขึ้นมายังไม่ได้ชักลงด้วยซ้ำ “ข้า....”

“ตูมมมม!”

ฝ่ามือของเย่ซิงเฉินที่ตวัดตบฝ่ายตรงข้ามนอนหมอบบนพื้นแล้ว พร้อมกับเอ่ยด้วยแววตาเย็นชา“เป็นผู้ชายก็มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้กว่านี้หน่อย!”

กล่าวได้ว่า อีกฝ่ายที่ขาสั่นแทบหมดสติตั้งแต่เห็นสายตาที่ดุร้ายของเย่ซิงเฉินแล้ว.

เริ่มต้น และจบลงอย่างรวดเร็ว.

กรรมการที่งงงันก่อนที่จะตั้งสติและประกาศออกมาว่า“นิกายนิรันดรเย่ซิงเฉิน เข้าสู่รอบถัดไป.”

“......”

เหล่าผู้ชมที่เผยใบหน้าท่าทางเหรอหราออกมา.

มันจะจบลงเร็วเกินไปแล้ว เปลือกเม็ดแตงยังแกะไม่เสร็จด้วยซ้ำ.

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่สะบัดแขน กระโดดลงเวที แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง.

ซูเซียวโม่ที่ยกนิ้วให้ “ศิษย์น้องเย่ไม่ใช่ศิษย์น้องเย่คนเดิมที่พ่ายแพ้ ศิษย์น้องซุนมู่เซิ่งอีกต่อไปแล้ว.”

เย่ซิงเฉินที่ใบหน้ามืดครึ้ม.

เรื่องอับอายข้าในอดีต จะเอ่ยมาทำบ้าอะไรกัน!

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองการต่อสู้อยู่ พบว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันส่วนมากอยู่ในระดับครึ่งปราชญ์และปราชญ์ยุทธ์ จึงได้แต่ส่ายหน้า“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เสียเวลาถ่อมาถึงที่นี่จริง ๆ.”

......

การประลองยังคงดำเนินไป.

ลู่เชียนเชียนที่ก้าวขึ้นเวทีคนที่สอง.

ผู้เข้าร่วมแข่งขันที่เป็นสตรีนั้นหายากมาก ยิ่งคนที่งดงามราวกับเทพธิดา ทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คน แม้แต่คู่แข่งขันยังพ่ายแพ้ความงดงามของนางไปแล้ว ทว่าเพียงแค่เริ่มต้นอีกฝ่ายก็กระเด็นลอยหลุดจากเวทีไปแล้ว.

“เอ๊ะ?”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ“ศิษย์หญิงใหญ่ของข้า บ่มเพาะวิชาของเผ่าฟินิกซ์เหมันต์ด้วยรึ?”

“ศิษย์นิกายนิรันดร เข้าสู่รอบต่อไป!”

หลังจากกรรมการประกาศ ในเวลานั้นผู้คนที่เริ่มพูดคุยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาทันที.

ต้องไม่ลืมว่าผู้คนมากมายที่จับตานางอยู่ แต่ไม่คาดคาดคิดแม้แต่น้อย ว่านางจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พริบตาเดียวก็เอาชนะศิษย์นิกายระดับเจิ้นแล้ว.

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ซูเซียวโม่ที่ขึ้นเวที ท่าเท้าที่เคลื่อนไหว มองเห็นราวกับเขาแยกร่างกระจายออกไปรอบ ๆ หมุนวนรอบคู่ต่อสู้ จนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหล่นลงเวทีตอนใหน.

“มีความเร็วที่ยอดเยี่ยม!”

“ศิษย์คนนี้ฝีมือไม่เลว!”

ผู้คนที่อุทานเสียงดัง.

จากนั้นหลี่ชิงหยางที่ก้าวขึ้นเวที เพราะว่าจิตใจที่มั่นคง ทำให้เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างจืดชืดธรรมดา ไม่ได้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงแต่อย่างใด.

“ฟู่!”

เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ พ่นลมหายใจ กล่าวในใจ“อย่างน้อยก็มีคนธรรมดาสักคนล่ะ.”

นิกายที่เพิ่งขึ้นมา ศิษย์สามคนที่เอาชนะในทันที มันเหลือเชื่อเล็กน้อย ดังนั้นการเอาชนะของหลี่ชิงหยางที่ธรรมดา ๆ ทำให้พวกเขาผ่อนคลายหน่อย.

และเซียวจุ้ยจื่อคนสุดท้ายของนิกายนิรันดร เขาที่คิดจะเก็บงำพลังและถ่อมตนให้เหมือนกับศิษย์พี่รอง ทว่าฝ่ายตรงข้ามกับถูกหมัดของเขาหล่นเวทีเพียงแค่หมัดเดียว.

“หะ.”

เขาที่แทบทรุดกล่าวในใจ“ข้าใช้พลังนิดเดียวเองนะ!”

กลายเป็นแสดงความโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจไปซะอย่างงั้น.

......

รอบแรก.

ศิษย์นิกายนิรันดรที่เข้ารอบอย่างสบาย ๆ.

แม้นว่าจะสะกดพลังเอาไว้ ทว่าก็ผ่านเข้ารอบสอง และเข้าสู่รอบสามได้อีก.

“ไม่เลว ไม่เลว.”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มอย่างพอใจ.

การเข้าร่วมงานประลองสุดยอดนิกาย แม้นว่าจะเพื่อรางวัล ทว่าเหตุผลหลักก็เพื่อทดสอบความสามารถของศิษย์เขาตลอดสองปีแล้ว ดูเหมือนว่าผลที่ได้จะไม่เลวเลย.

เรื่องนี้ทำให้เขามีความสุข.

ทว่าเหล่าเจ้านิกายอื่นกับเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย.

รอบต่อไปคู่ต่อสู้ควรจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าศิษย์นิกายนิรันดรกับชนะได้อย่างง่ายดาย ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า แท้จริงแล้วไม่เพียงแค่เย่ซิงเฉินเท่านั้นที่แข็งแกร่ง อีกสี่คนก็น่าเกรงขามด้วยเช่นกัน!

“หมดหวัง!”

“ผู้ชนะเลิศต้องเป็นนิกายนิรันดรแหงแซะ!”

“นึกว่าการแข่งขันครั้งนี้จะง่ายดาย แม้แต่คนที่หลี่ชิงหยางนั้น ดูธรรมดาที่สุด แต่กับเอาชนะศิษย์นิกายระดับเจิ้นได้ง่ายดายเช่นกัน!”

เหล่าศิษย์นิกายอื่น ๆ ต่างก็บ่มพึมพำกันไปมา ที่เห็นกลุ่มหลี่ชิงหยางเอาชนะผ่านไปเรื่อย ๆ.

แน่นอน.

นิกายระดับเจิ้นนั้นส่งศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งไม่เลวเข้าร่วม ยกตัวอย่างศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายจ้านชิงเจิ้น.

ซึ่งรอบถัดไปต้องปะทะกับเย่ซิงเฉินแล้ว.

“เท่าที่ข้ารู้มา ซุยอู๋ชิงได้ตัดสามอารมณ์ ทำให้มีความแข็งแกร่งก้าวสู่ระดับหมุนแกน ซึ่งกำลังจะปะทะกับศิษย์นิกายนิรันดรรอบต่อไป!”

“หากเขาไม่ชนะ คงไม่มีใครสู้ได้แล้วล่ะ.”

ผู้คนไม่น้อยที่หวังจะให้ศิษย์พี่ใหญ่นิกายจ้านชิงเจิ้นหยุดศิษย์นิกายนิรันดรให้ได้สักคน.

“ตัดสามอารมณ์?”

จุนซ่างเซียวที่ได้ส่ายหน้าไปมา “เทียบกับศิษย์ข้าที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความแค้นที่ถูกสตรีหักหลัง ดูจะโหดร้ายกว่า!”

ระบบที่อดไม่ได้ต้องเอ่ยแสดงแทนเย่ซิงเฉิน“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยออกมาอีกได้ไหม!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด