จอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 98 บางสิ่งที่แปลกประหลาด
กลับมายังที่ถ้ำพำนัก ซูสือโม่วมิได้รีบเร่งในการเริ่มต้นปรุงยาอายุวัฒนะ แต่กลับนั่งขบคิดถึงทุกสิ่งที่มันได้เรียนรู้มาในวันนี้ และจดจำข้อสงสัยของตนเอาไว้
หลังจากนั้น มันก็จำสูตรยารวบรวมวิญญาณได้ และวันทั้งวันก็ผ่านพ้นไป
บรรยากาศยามค่ำคืนค่อยๆ ปรากฏ
ตามแผนการก่อนหน้านี้ ซูสือโม่วควรจะนอนอยู่บนแท่นหิน เพื่อฝึกคัมภีร์ลับ12ราชันอสูรมหาแดนทุรกันดาร
อย่างไรก็ตาม เพราะมันไม่อาจฝึกฝนในภาคชำระไขกระดูกได้อีกต่อไป ซูสือโม่วจึงได้แต่นอนพร้อมปฏิบัติเคล็ดวิชาการหายใจเข้าออกตามสามภาคแรก อันได้แก่ การขัดเกลาสรีระ การเปลี่ยนแปลงเส้นเอ็น และการเสริมสร้างกระดูก
โชคดีที่มันเพิ่งจะศึกษาถึงภาคชำระไขกระดูกเท่านั้น การชำระไขกระดูกจึงยังไม่เคยเป็นความเคยชินสำหรับมัน
วันรุ่งขึ้น มันตื่นแต่เช้าตรู่ และเริ่มควบแน่นปราณของตน หยิบศิลาวิญญาณออกมาจากถุงเก็บของ และก็กำศิลาวิญญาณเอาไว้แน่น แล้วเริ่มฝึกเทพยุทธ์
หลังจากบรรลุขอบเขตสกัดปราณระดับ 5 แล้ว ซูสือโม่วสัมผัสได้ถึงความชะงักงันในพลังการฝึกเทพยุทธ์ของตน
หากเพียงแค่ดูดซึมปราณวิญญาณจากศิลาวิญญาณอย่างเดียว มันก็คงจะทำได้แต่บรรลุขอบเขตสกัดปราณระดับ 8 เท่านั้นในตอนสุดท้าย
ท้ายที่สุดแล้ว มันต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรุงยาอายุวัฒนะและการศึกษาเคล็ดวิชาต่อสู้ด้วย
พริบตาเดียวก็ผ่านพ้นไปจนยามเที่ยงวัน
ซูสือโม่วก็ออกจากที่ถ้ำพำนักของตนอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังยอดเขายาอายุวัฒนะด้วยกระบี่บิน
มันต้องประหลาดใจ ผู้ที่อธิบายการปรุงยาวันนี้ คือเจ้าขุนเขาแห่งยอดเขายาอายุวัฒนะเอง! เด็กหนุ่มผมน้ำตาล
เมื่อเปรียบกับป๋อเสวี่ยเจิ้น เด็กหนุ่มผมน้ำตาลมีความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาอายุวัฒนะนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่า
ในระหว่างการอธิบายนั้น สายตาของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลมักจดจ้องไปยังซูสือโม่วเป็นระยะๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง
หลังจากฟังการอธิบายไปหนึ่งชั่วโมง ซูสือโม่วก็รู้สึกว่าความเข้าใจการปรุงยาอายุวัฒนะของตนได้ลึกซึ้งขึ้น ด้วยข้อสงสัยก่อนหน้านี้ก็กระจ่างขึ้น
หลังจบการอธิบาย ในตอนที่ซูสือโม่วกำลังจะจากไป เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็เรียกอีกฝ่ายกลับมาพร้อมโบกมือเรียก
ซูสือโม่วก็รีบเดินกลับไป
"เป็นอย่างไรบ้าง? เข้าใจที่อธิบายหรือไม่?" เด็กหนุ่มผมน้ำตาลถามด้วยรอยยิ้มและท่าทางอันเป็นมิตร
แม้เจ้าขุนเขาแห่งยอดเขายาอายุวัฒนะจะดูอ่อนเยาว์ แต่น้ำเสียงกลับไม่ต่างจากชายชราแต่อย่างใด ปรากฏการณ์นี้บ่งบอกชัดว่าคนผู้นี้ได้กลับคืนสู่วัยเยาว์อีกครั้ง
"เข้าใจ ก็ไม่เลวเลย" ซูสือโม่วพยักหน้ารับ
"เจ้ามีข้อสงสัยอื่นอีกหรือไม่?"
ซูสือโม่วครุ่นคิดสักพักก่อนเอ่ย "ข้าพเจ้าได้ยินศิษย์พี่ป๋อกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยาอายุวัฒนะทุกชนิดมีพิษอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นเฉพาะยาอายุวัฒนะสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่ไม่มีสิ่งเจือปน สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อการฝึกเทพยุทธ์ของผู้ฝึกหรือไม่หากพวกมันกลืนกินยาเหล่านั้น?"
แววตาที่เห็นด้วยฉายแววผ่านดวงตาของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่พยักหน้ารับ "มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังว่าเพราะเหตุใด พวกเราจึงกำหนดให้ยาอายุวัฒนะระดับต่ำสุดมีสิ่งเจือปนได้ไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้เป็นข้อสรุปที่บรรพบุรุษได้ค้นพบมาจากประสบการณ์และการสั่งสมมาอย่างยาวนาน ดังนั้น ไม่ว่ายาจะอยู่ในระดับใด ถึงแม้จะด้อยคุณภาพที่สุด ก็ไม่ทำอันตรายแก่ผู้ฝึกเทพยุทธ์"
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหยุดชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ "แต่บรรพบุรุษได้กล่าวไว้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการฝึกเทพยุทธ์ หากผู้ฝึกกลืนกินยาอายุวัฒนะเกินขนาด จนทำให้สิ่งเจือปนตกค้างเป็นตะกอนภายในร่างกายและไม่สามารถขับถ่ายออกได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในโลกการฝึกเทพยุทธ์มีทฤษฎีมากมายหลากหลาย แต่ยังไม่มีใครค้นพบผลกระทบเฉพาะเจาะจงที่อาจจะเกิดขึ้นได้"
ซูสือโม่วพยักหน้ารับ
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลตบบ่าของซูสือโม่วพลางเอ่ย "กลับไปฝึกฝนเถิด การปรุงยาอายุวัฒนะง่ายกว่าการหลอมอาวุธมาก อ้วนน้อยจะชำนาญเองเมื่อฝึกฝนบ่อยครั้ง ด้วยปรากฏการณ์ไฟวิญญาณระดับ 3 ข้าพเจ้ามั่นใจว่าอ้วนน้อยจะทำสำเร็จได้แน่นอน หากมีข้อสงสัยใดในอนาคต ก็มาหาข้าพเจ้าได้ตลอดเวลา"
ทันใดนั้นซูสือโม่วก็ตระหนักได้ มันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มผมน้ำตาลมาบรรยายในวันนี้ก็เป็นได้!
ซูสือโม่วรู้สึกซาบซึ้งใจ จึงพยักหน้ารับ
หนุ่มผมน้ำตาลส่งถุงเก็บของให้ซูสือโม่ว "ในนี้มีสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากน่าจะเพียงพอต่อการฝึกฝนของอ้วนน้อย จงรับไว้เถิด"
ซูสือโม่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับถุงเก็บของไปและโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
กลับมายังถ้ำพำนัก ซูสือโม่วหยิบเตาปรุงยาอายุวัฒนะออกมาและเตรียมพร้อมสำหรับการปรุงยาครั้งแรก
ตรงหน้า มีส่วนผสมทั้งสี่ชนิดจัดเรียงไว้เป็นระเบียบตามประเภท ซูสือโม่วได้จดจำสูตรไว้แล้ว ขั้นตอนแรกของการเลือกวัสดุจึงเสร็จสิ้นลง
ขั้นตอนที่สอง การสกัด ตามที่ชื่อบ่งบอก ขั้นตอนนี้ต้องใช้ไฟวิญญาณในการกำจัดสิ่งเจือปนออกจากสมุนไพรวิญญาณ เพื่อสกัดเอาสารสำคัญออกมา
แตกต่างจากการหลอมอาวุธ ระดับไฟวิญญาณไม่ได้เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ในการสกัดสำหรับการปรุงยา สมุนไพรวิญญาณมีปริมาณวิญญาณสูงและไม่แข็งมากนัก ต้องอาศัยความร้อนจากไฟที่รุนแรงและต่อเนื่อง
สมุนไพรวิญญาณส่วนใหญ่นั้นเปราะบาง และแต่ละชนิดทนความร้อนได้ไม่เท่ากัน หากอุณหภูมิสูงเกินไป สมุนไพรวิญญาณก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน และต้องทำการสกัดใหม่ แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไป ก็จะไม่ผลลัพธ์ที่ต้องการในการสกัด
นั่นคือเหตุผลที่ปรมาจารย์การปรุงยาอายุวัฒนะต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจอุณหภูมิที่ต้องการของสมุนไพรวิญญาณแต่ละชนิด
ซูสือโม่วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หยิบสมุนไพรวิญญาณขึ้นมาและเริ่มกระบวนการสกัด "พรึบ"!
ทันทีที่เปลวไฟถูกจุดขึ้น สมุนไพรวิญญาณก็กลายเป็นเถ้าธุลีไปในพริบตา
พยัคฆ์วิญญาณที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างได้แต่หัวเราะเยาะหยัน
ซูสือโม่วจ้องมองไปยังพยัคฆ์วิญญาณด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะสงบสติอารมณ์ โดยหยิบต้นสมุนไพรวิญญาณขึ้นมาอีกครั้งเพื่อลองใหม่
ล้มเหลว! อีกครั้ง!
แม้จะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซูสือโม่วก็ยังไม่ยอมแพ้...
การจ้องมองของซูสือโม่วนั้นมั่นคงและแน่วแน่ ขณะกำลังพยายามปรับอุณหภูมิพลังไฟครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุด ภายใต้ความร้อนของเปลวไฟ ต้นสมุนไพรวิญญาณก็กลายสภาพเป็นสารสำคัญในรูปแบบผง
ซูสือโม่วนำผงนั้นไปวางไว้ที่มุมหนึ่งของเตาปรุงยา แล้วดำเนินการสกัดสมุนไพรวิญญาณชนิดอื่นต่อไป
มันล้มเหลวอยู่หลายรอบ จนกระทั่งมันสามารถวางผงจากต้นสมุนไพรวิญญาณอันที่สอง ไว้คนละมุมกับอันแรกในเตาปรุงยา
หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมง หน้าผากของซูสือโม่วก็เต็มไปด้วยเหงื่อ และปราณวิญญาณก็ใกล้จะหมดลง ในที่สุดมันก็สามารถสกัดสารสำคัญจากต้นสมุนไพรวิญญาณสี่อันเสร็จสมบูรณ์ โดยวางไว้ครบทั้งสี่มุมของเตาปรุงยา
ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันก็นั่งขัดสมาธิดอกบัวเพื่อฟื้นฟูปราณวิญญาณอย่างแผ่วเบา
หลังจากหายใจรับปราณใหม่พอประมาณ ซูสือโม่วก็ลุกขึ้นเริ่มขั้นตอนที่สามของการปรุงยา -- การผสานรวม
ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องผสมผงสารสำคัญสมุนไพรด้วยอัตราส่วนและลำดับที่กำหนดไว้ตามสูตร
เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างง่าย เนื่องจากมีการระบุอัตราส่วนและลำดับไว้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลให้ยาอายุวัฒนะที่ปรุงได้ผิดคุณสมบัติ หรือในกรณีที่แย่ที่สุด ก็เท่ากับการล้มเหลวในการปรุงยาทั้งหมด
หลังจากผสานรวมสำเร็จแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนที่สี่ คือการสกัดชั้นที่สอง หรือการสกัดขั้นรอง
นี่คือขั้นตอนการสกัดที่สำคัญที่สุด
ความล้มเหลวในขั้นตอนนี้จะทำให้ความพยายามทั้งหมดในขั้นตอนก่อนหน้ากลายเป็นสูญเปล่า
การผสานพลังจากสารสำคัญของสี่สมุนไพรวิญญาณที่แตกต่างนั้น จะทำให้โครงสร้างสารเปลี่ยนแปลงเป็นสภาพที่สามารถทนต่อความร้อนสูงได้ นี่เป็นขั้นตอนที่ต้องการพลังเปลวไฟรุนแรง
ซึ่งนี่คือจุดที่ได้เปรียบของซูสือโม่วที่มีไฟวิญญาณระดับ 3 อันทรงพลัง
ยาอายุวัฒนะที่ปรุงขึ้นจะมีคุณภาพอยู่ในระดับใด ย่อมขึ้นอยู่กับว่าสามารถกำจัดสิ่งเจือปนออกไปได้ในปริมาณมากน้อยเพียงใดในขั้นตอนนี้
เปลวสีน้ำเงินของไฟวิญญาณระดับ 3 ส่องแสงกระหน่ำเข้าหาเนื้อเตาปรุงยาซ้ำแล้วซ้ำอีก แปรสภาพผงสารสำคัญให้กลายเป็นของเหลว
ควันสีขาวลอยพ้นออกมาจากรูเก้ารูของเตาปรุงยา พร้อมกับกลิ่นหอมของสมุนไพรแพร่กระจายไปทั่ว
หากระดับไฟวิญญาณไม่เพียงพอต่อขั้นตอนนี้ อาจมีควันดำคลุ้งพร้อมกลิ่นฉุนจัดลอยออกมาแทน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง การสกัดชั้นที่สองก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี
ขั้นตอนที่ห้า คือ การก่อตัว
นี่เป็นขั้นตอนที่ต้องใช่สมาธิอย่างเต็มที่ แม้แต่การเบี่ยงเบนความสนใจเพียงนิดเดียว ก็อาจส่งผลให้การปลุงยาอายุวัฒนะทั้งหมดล้มเหลว!
ซูสือโม่วสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับสภาพจิตใจให้สงบนิ่งก่อนที่จะแบ่งของเหลวในเตาปรุงยาออกเป็นเก้าส่วน แล้วนำทั้งเก้ามาผสานรวมกัน ค่อยๆ และแข็งตัวจนกลายเป็นเม็ดยาอายุวัฒนะ
แต่แล้ว...เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น!