ตอนที่แล้วตอนที่ 1,118 แผนที่ดาวที่เปลี่ยนไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1,120 ยานปริศนา

ตอนที่ 1,119 พายุสสารมืด


ตอนที่ 1,119 พายุสสารมืด

ไดมอนด์สตาร์เป็นยานรบความเร็วสูงขนาดเล็ก ส่วนยานที่ถูกทำลายคือยานลาดตระเวนที่มีขนาดใหญ่กว่ายานรบของเซี่ยเฟยมาก

“เท่าที่ดูจากร่องรอย ยานลำนี้น่าจะถูกยิงจากยานลำอื่น” ลินนิจกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะร่องรอยบนตัวยานไม่ค่อยสอดคล้องกับวิชาการโจมตีของนักรบมากนัก

“แสดงว่า 1 ใน 2 ยานที่เหลือจะต้องเป็นยานรบที่มีอำนาจการยิงระดับสูงมาก พวกเราต้องระมัดระวังศัตรูเอาไว้ให้ดี ๆ” ฝูเฉินกล่าว

ในสถานการณ์ปัจจุบันการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่ถ้าหากยานรบได้รับความเสียหายมันก็จะทำให้การเดินทางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายในทันที เพราะแม้แต่ยานรบความเร็วสูงพิเศษอย่างไดมอนด์สตาร์ก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่พวกเขาจะเคลื่อนที่ผ่านภูมิภาคดาวอันรกร้างแห่งนี้ไปได้ ดังนั้นการปกป้องยานรบจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหลังการต่อสู้จนจบพวกเขาก็ยังคงจะต้องใช้ยานรบเพื่อเดินทางต่อไปอยู่ดี

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ยานที่ทำลายยานลำนี้น่าจะเป็นยานรบขนาดใหญ่” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

“มีโอกาสที่มันจะเป็นยานรบขนาดใหญ่สูงมาก เพราะพวกเขาสามารถบรรทุกอาวุธได้มากกว่ายานรบขนาดเล็ก ว่าแต่พวกเราจะเอายังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี?” ลินนิจถาม

“เราแค่ต้องไล่ตามพวกเขาไปโดยหลีกเลี่ยงการปะทะ เพราะเมื่อพิจารณาจากร่องรอยของยานทั้งสามลำ มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือคนสามกลุ่มที่แตกต่างกัน สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำก็แค่รอ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บ ในเวลานั้นมันก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราจะลงมือสินะ” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ความจริงมันอาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าหากว่าฝั่งหนึ่งมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอีกฝั่งหนึ่งมาก พวกเขาก็จะสามารถทำลายศัตรูได้โดยไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย แต่อย่างน้อยการได้เห็นศัตรูลงมือก็จะทำให้เรารู้จักพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม แล้วมันก็ทำให้พวกเราสามารถวางแผนก่อนเข้าสนามได้ด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว

แม้ว่าเซี่ยเฟยจะได้วางแผนการเอาไว้แล้ว แต่มันก็ไม่สามารถครอบคลุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อยู่ดี ในระหว่างที่พวกเขากำลังไล่ตามยานรบอีกสองลำ จู่ ๆ พวกเขาก็ได้พบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

“นั่นมันพายุสสารมืด! เซี่ยเฟยเรารีบหาทางเลี่ยงมันเร็ว ๆ เข้า!!” ลินนิจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“ไม่ต้องห่วง ยานลำนี้สามารถต้านทานพายุนั้นได้” เซี่ยเฟยกล่าว

แม้สสารมืดจะเป็นเพียงฝุ่นผงขนาดเล็ก แต่มันกลับสามารถสร้างความเสียหายให้กับยานรบได้อย่างร้ายแรง โชคดีที่ไดมอนด์สตาร์มีเกราะที่แข็งแกร่ง ถึงแม้พวกเขาจะเคลื่อนที่ผ่านพายุสสารมืดแต่ตัวยานก็สามารถแบกรับความเสียหายได้อย่างง่ายดาย

“ถ้าพายุรุนแรงขึ้น ฉันก็คิดว่ายานอาจจะมีปัญหาได้เหมือนกันนะ” ฝูเฉินกล่าวอย่างกังวล

“พายุพวกนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหาให้กับเราเท่านั้น แต่มันยังสร้างปัญหาให้กับศัตรูด้วย อีกอย่างขนาดยานของเราก็มีขนาดเล็กสุด ดังนั้นนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกเราจะลงมือ”

“ระบบเครื่องยนต์ทำงานเต็มกำลัง เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยอัตราสูงสุด” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการ

ระบบเรดาร์มีพื้นที่ในการค้นหาอยู่อย่างจำกัด ยานทั้งสองลำจึงยังไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังแอบติดตามพวกเขาอยู่ การที่เซี่ยเฟยเร่งความเร็วเข้าใกล้ศัตรู มันก็จะเพิ่มโอกาสให้ไดมอนด์สตาร์ปรากฏในระบบเรดาร์ของศัตรูได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งลินนิจและฝูเฉินต่างก็นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะเซี่ยเฟยคงจะวางแผนการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว และในสถานการณ์นี้พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ไว้วางใจเซี่ยเฟยเท่านั้น

ความเร็วของตัวยานเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ในครึ่งชั่วโมงต่อมามันจะมีสัญญาณของยานรบขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนระบบเรดาร์

“พวกเราพบยานลำใหญ่ก่อนจริง ๆ ด้วย ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดยานรบที่อยู่ด้านหน้าก็น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสงบ

ฝูเฉินและลินนิจต่างก็เผยสีหน้าออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยคาดเดาเรื่องนี้ได้ยังไง โดยเฉพาะเรื่องยานรบที่อยู่ด้านหน้าได้รับบาดเจ็บทั้ง ๆ ที่ยานลำนั้นยังไม่ได้ปรากฏในระบบเรดาร์เลย

“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ฝูเฉินถามอย่างสงสัย

“หากพิจารณาจากร่องรอยที่ตัวยานได้ทิ้งเอาไว้ มันก็หมายความว่ายานขนาดใหญ่ได้เข้ามาในพื้นที่นี้เป็นลำแรก ยานที่มีขนาดเล็กกว่าอีกสองลำก็พยายามที่จะแซงหน้ายานลำนั้นไป”

“ระหว่างการแซงมียานลำหนึ่งถูกทำลาย ขณะที่ยานอีกลำก็ไม่ควรที่จะหลบหนีไปง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน ผมจึงคาดการณ์ว่ายานที่อยู่ด้านหน้าย่อมได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่พวกเขากำลังแซงหน้ายานลำใหญ่ลำนี้”

ทั้งลินนิจและฝูเฉินต่างก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ โชคดีที่ลินนิจเคยเห็นอภินิหารจากเซี่ยเฟยมาหลายครั้งแล้ว เขาจึงค่อนข้างเคยชินกับเรื่องแปลก ๆ แบบนี้ แต่สำหรับฝูเฉินที่เพิ่งอยู่กับเซี่ยเฟยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กลับกำลังรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ของชายหนุ่ม

“แล้วตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไง? เราควรจะโจมตียานลำนั้นก่อนหรือเปล่า” ลินนิจถาม

“ไม่ พวกเราจะเคลื่อนที่ผ่านเข้าไป” เซี่ยเฟยตอบกลับ

“นั่นมันอันตรายมากเลยนะ อำนาจการยิงของยานลำนั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก ถ้าหากว่านายต้องการจะแซงมันขึ้นไป บางทีไดมอนด์สตาร์ก็อาจจะถูกทำลายลงไปได้เลย” ลินนิจตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยเป็นวิญญาณพิทักษ์ยานรบมาก่อน เขาจึงสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ในทันที

“คุณอย่าลืมนะว่าตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในพายุสสารมืด ตัวสสารมืดจะเข้าไปรบกวนระบบล็อกเป้าหมาย และนี่ก็คือโอกาสที่จะทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ผ่านพวกเขาไปได้อย่างปลอดภัย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากไดมอนด์สตาร์เคลื่อนที่ไปด้านหน้าเรื่อย ๆ พวกเขาก็เริ่มมองเห็นยานรบตรงหน้าอย่างชัดเจนขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

เซี่ยเฟยพยายามเคลื่อนที่แซงจากเส้นทางที่ค่อนข้างห่างไกล แต่หลังจากยานลำนั้นค้นพบไดมอนด์สตาร์แล้วพวกเขาก็รีบเคลื่อนที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“พวกมันไม่ได้ยิงออกมาจริง ๆ ด้วย ที่แท้บนตัวยานก็ไม่ได้ติดตั้งอาวุธโจมตีระยะไกล!?” ลินนิจตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังใช้ประโยชน์จากความเร็วในการทิ้งระยะห่างออกจากศัตรู

เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้อีกฝ่ายก็เริ่มร้อนใจ เพราะถึงแม้ยานรบขนาดใหญ่จะมีอำนาจการยิงที่แข็งแกร่ง แต่พวกมันก็เชื่องช้าและขาดความยืดหยุ่น แน่นอนว่าเซี่ยเฟยรับรู้ถึงจุดอ่อนเหล่านี้เป็นอย่างดี เขาจึงสามารถเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างของอีกฝ่ายไปได้โดยไร้ซึ่งอันตราย

ความเร็วคือทุกอย่าง!

ทุกคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายเป็นแหล่งกบดานของอาซูไรต์ และไม่ว่าใครที่สามารถเดินทางไปจนถึงสถานที่แห่งนั้นได้ก่อน คนคนนั้นย่อมกุมความได้เปรียบอยู่เหนือกว่าศัตรู

ลินนิจมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ขณะที่ใบหน้าของฝูเฉินกลับจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อมองดูจากช่องหน้าต่างพวกเขาก็สามารถมองเห็นสสารมืดที่น่ากลัว ฝุ่นผงเหล่านี้มีขนาดเพียงแค่ประมาณเมล็ดถั่ว แต่ถ้าหากยานลำไหนมีเกราะป้องกันไม่แน่นหนาพอ ยานรบลำนั้นก็จะได้รับความเสียหายอย่างง่ายดาย

“พายุเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะใกล้เข้าไปจนถึงใจกลางพายุแล้ว” ฝูเฉินกล่าวพร้อมกับกลืนน้ำลาย

“ผมคำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้วและมันก็มีโอกาสมากกว่า 80% ที่เราจะเคลื่อนที่ผ่านใจกลางพายุไปได้อย่างปลอดภัย” เซี่ยเฟยตอบอย่างใจเย็น

“เดี๋ยวก่อนนะ! ถ้านายพูดแบบนี้มันก็หมายความว่าอีก 20% พวกเรามีโอกาสได้พบกับอันตรายงั้นเหรอ?!” ลินนิจสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ใช่” เซี่ยเฟยตอบอย่างเรียบง่าย

ท่าทางของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความมั่นใจ ซึ่งมันก็ทำให้ลินนิจกับฝูเฉินรู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม

2 ชั่วโมงต่อมายานรบที่แล่นอยู่ด้านหน้าก็ปรากฏในระบบเรดาร์ในที่สุด แต่พายุก็มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้บนหน้าจอเรดาร์เต็มไปด้วยจุดขาว ๆ คล้ายกับเกล็ดหิมะ

“ยานรบลำนั้นได้รับความเสียหายจริงด้วย สัญญาณที่มันส่งออกมามีความไม่เสถียรชัดเจนมากเลย” ลินนิจกล่าวขณะที่เขาอ่านข้อมูลจากหน้าจอเรดาร์ไป 2-3 นาที

ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ทำการบังคับหางเสืออย่างมั่นคง เพื่อควบคุมยานรบให้เข้าใกล้ใจกลางพายุมากขึ้นกว่าเดิม

“นั่นนายกำลังทำอะไร? ถ้าหากเราพุ่งเข้าไปใกล้ใจกลางพายุ ไดมอนด์สตาร์จะต้องทนไม่ไหวแน่ ๆ” ลินนิจตะโกนขึ้นมาอย่างหวาดกลัว

“ถ้าเรามีโอกาสฆ่าศัตรู แล้วพวกเราจะต้องปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดรอดไปด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามกลับอย่างไม่เห็นด้วย

ลินนิจและฝูเฉินต่างก็ชะงักค้างไปอย่างตกตะลึง หลังจากที่พวกเขาตระหนักได้ว่าเซี่ยเฟยต้องการจะทำลายศัตรูเดี๋ยวนี้เลย

เมื่อเคลื่อนไหวเข้าใกล้ศูนย์กลางพายุ ยานรบก็เริ่มเกิดอาการสั่นขึ้นมาอย่างแรง เซี่ยเฟยจึงพยายามประมวลสถานการณ์ทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว และชีวิตของทุกคนมันก็ขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้เขาจะตัดสินใจยังไง

แต่ในระหว่างที่ยานรบดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานพายุอันรุนแรงได้อีกต่อไปแล้ว เซี่ยเฟยก็ทำการบังคับหางเสือจนทำให้ไดมอนด์สตาร์เริ่มหมุนไปตามพายุอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดลินนิจกับฝูเฉินก็เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่เซี่ยเฟยเข้าใกล้ศูนย์กลางพายุ นั่นก็เพราะเขากำลังต้องการยืมพลังของพายุที่เต็มไปด้วยอันตรายลูกนี้นี่เอง

เมื่อไดมอนด์สตาร์ถูกเสริมกำลังจากพายุอันรุนแรง ยานลำนี้จึงพุ่งตัวด้วยความเร็วที่เหนือเกินกว่าขีดจำกัด

ที่สำคัญคือเซี่ยเฟยกำลังเคลื่อนที่เข้าสู่ศูนย์กลางของพายุ จนทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถล็อกเป้าไดมอนด์สตาร์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นยานลาดตระเวนลำนี้ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และระบบอาวุธก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ตามความเร็วของไดมอนด์สตาร์ที่ถูกเหวี่ยงออกมาจากพื้นที่ใจกลางพายุได้

ล็อกเป้า!

ยิง!

ตูม!

เปลวไฟพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างฉับพลัน ระหว่างที่ยานลาดตระเวนไม่สามารถทนรับการโจมตีจากไดมอนด์สตาร์และพายุสสารมืดพร้อม ๆ กันได้ มันจึงกลายเป็นเศษซากในเวลาเพียงแค่ไม่นาน

หลังจากยานรบศัตรูลุกเป็นไฟ เหล่าบรรดาลูกเรือก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ต่อมาเซี่ยเฟยก็เริ่มบังคับให้ยานรบมุ่งหน้าตรงไปยังกลุ่มดาวเทมเพลสด้วยความเร็วเต็มกำลัง

“ไม่ว่ามันจะมีอะไรอยู่ที่นั่น แต่ของทุกอย่างมันจะต้องเป็นของของฉันทั้งหมด!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

***************

อะไรที่ฉันรู้ก็ต้องเป็นของของฉันทั้งหมด!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด