ตอนที่แล้วบทที่ 43 หล่อหลอมรากฟ้าดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45 ส่งตัวไปเกาะหมื่นเซียน

บทที่ 44 ในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ขั้นฝึกปราณ


จางห่าวโป๋มองหลี่ฟาน ในดวงตามีทั้งความเคารพยำเกรงและความยินดี เขาได้ยินว่าท่านอาจารย์หลี่ขจัดสภาวะพิษออกจากร่างจนหมดแล้ว ไม่นานก็จะกลายเป็นเซียนที่ทุกคนเคารพบูชา

เมื่อได้มาเจอกันตอนนี้ ก็ย่อมต้องแสดงความเคารพและหวาดกลัว

"ที่แท้ก็เจ้านี่เอง" หลี่ฟานประทับใจชายคนนี้ดีอยู่แล้ว จึงยิ้มพลางพูดว่า "พูดถึงก็หลายปีไม่ได้เจอกันแล้ว ช่วงนี้ใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง"

จางห่าวโป๋ไม่กล้าให้เกิดความบกพร่อง จึงบอกตามตรง "ขอบคุณบุญคุณของท่านอาจารย์หลี่ กองเรือในช่วงหลายปีนี้มีผลงานดีมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านอาจารย์หลี่ออกทะเลแต่ละครั้ง ล้วนจับสมบัติล้ำค่ากลับมาได้มากมาย มีชายหนุ่มจำนวนไม่น้อยใฝ่ฝันอยากจะเข้าร่วมกองเรือ"

"สวัสดิการและสถานะของพวกเราบนเกาะก็สูงขึ้นไปด้วย ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อิจฉา"

จางห่าวโป๋หยุดชะงัก เหมือนอยากพูดอะไรอีกเล็กน้อย แต่ก็ยั้งปากเอาไว้

"พูดออกมาก็ได้" หลี่ฟานส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ

"แต่ว่า...พี่น้องที่อยู่บนเรือชังหยวน ช่วงนี้กำลังพูดคุยกันว่าอยากจะออกจากเกาะหลิ่วหลี่ ข้าน้อยเองก็มีความคิดเช่นนี้อยู่บ้าง"

"โอ้?" หลี่ฟานแปลกใจเล็กน้อย "แล้วจะไปที่ไหนล่ะ?"

"ไม่ปิดบังท่านอาจารย์หลี่ พวกข้าก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเหมือนกัน" จางห่าวโป๋พูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

หลี่ฟานเริ่มสนใจ "ในเมื่อวันๆ ก็ใช้ชีวิตอย่างสบาย แล้วทำไมถึงเกิดความคิดจะออกไปอย่างกะทันหันล่ะ?"

จางห่าวโป๋เกาหัว "พูดออกไปกลัวท่านอาจารย์หลี่จะหัวเราะเยาะ ก็แค่...รู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง"

"กังวลใจ? ลองเล่ามาฟังดูซิ" หลี่ฟานสั่ง

จางห่าวโป๋เงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนกำลังจัดระเบียบคำพูดในใจ

พักใหญ่ เขาก็มองซ้ายมองขวา แล้วพูดเสียงเบาว่า "ไม่ปิดบังท่านอาจารย์หลี่ พวกข้าน้อยช่วงนี้ออกทะเล ประสบเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่าง"

"เช่น?"

"หลายครั้งที่ออกทะเลมาก็จะจับได้ปลาเป็นพันตำลึงเต็มตาข่าย ในสิบตาข่ายจะมีเก้าตาข่ายที่เป็นเช่นนี้ แถมยังมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ด้วย"

"นี่มันเรื่องดีไม่ใช่หรือ?"

"ที่จริงก็ดีแหละ แต่ข้าจับปลากลางทะเลมาสิบกว่าปี ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน" แววตาของจางห่าวโป๋ฉายความสงสัยและหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย

"สงสัยปลาใต้ทะเลทั้งหมดจะพากันหนีภัยมารวมกันเป็นฝูง"

"มีอะไรอีกไหม?" หลี่ฟานครุ่นคิด แล้วถามต่อ

"พวกข้าน้อยเติบโตมาบนเกาะหลิ่วหลี่ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับแหล่งกำบังชายฝั่งรอบเกาะเป็นอย่างดี แต่เมื่อเร็วๆ นี้พวกเราก็พบว่า มีหินโผล่พ้นน้ำรอบเกาะมากขึ้นกว่าเดิมหน่อย" จางห่าวโป๋พูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น

"หมายความว่า...ระดับน้ำต่ำลงงั้นสิ?" หลี่ฟานเข้าใจในทันที

"ในแต่ละปีระดับน้ำก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้ดูจะผิดปกติไปหน่อย พี่น้องทุกคนจึงรู้สึกกังวล" จางห่าวโป๋กล่าว

"เมื่อเดือนก่อนพวกเราได้แจ้งเรื่องนี้ไปที่ผู้ว่าการหลิ่วหลี่แล้ว แต่พวกเขาเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ บอกว่ามันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตามปกติเท่านั้น" จางห่าวโป๋เสริม

"อีกเรื่องที่ทำให้พวกเรากังวลใจ คือในช่วงสามปีที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดพายุร้ายครั้งใหญ่เลยสักครั้ง ไม่เพียงแค่บริเวณทะเลรอบเกาะหลิ่วหลี่ แต่ทั่วทั้งทะเลชงอวิ่นก็เป็นเช่นกัน"

"พวกเราแลกเปลี่ยนกับกองเรือบนเกาะต่างๆ แล้ว ไม่มีทางผิดแน่นอน พายุร้ายหายไปจากทะเลชงอวิ่นเป็นเวลาสามปีเต็มๆ" จางห่าวโป๋รีบพูดต่อกลัวหลี่ฟานจะไม่เชื่อ

หลี่ฟานนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร

"ตั้งแต่ข้าเกิดมา พายุร้ายก็ไม่เคยหยุดเกิดขึ้นเลยสักครั้ง บางปีเยอะหน่อยก็มีสิบกว่าครั้ง ปีที่น้อยก็มีสองสามครั้ง เป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว"

"แต่ตอนนี้กลับไม่มีพายุร้ายมาเต็มสามปีเลย ชาวเกาะบางคนต่างปรบมือชื่นชมว่านี่เป็นเพราะเซียนมีพรคุ้มครอง แต่ข้ากับพี่น้องไม่คิดอย่างนั้น"

"นี่มันผิดปกติเกินไป ต้องมีเรื่องใหญ่อะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นแน่ๆ" จางห่าวโป๋พูดอย่างแน่วแน่

"หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่าอากาศในอนาคตจะร้อนระอุขึ้นเล็กน้อยก็เป็นได้" หลี่ฟานคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดปลอบว่า "บนเกาะมีวงอาคมคุ้มครองอยู่ อีกทั้งยังมีท่านเซียนเหอประจำการอีกด้วย ต่อให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คิดว่าก็คงจัดการได้"

"คำพูดของท่านอาจารย์หลี่ก็มีเหตุผลเหมือนกัน บรรดาพี่น้องบนเรือส่วนหนึ่งก็คิดเช่นนี้ แต่ข้าน้อยก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ไม่ว่าอย่างไรก็วางใจไม่ลงสักที" จางห่าวโป๋ยิ้มแห้งๆ

"ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจจะจากไปและออกจากทะเลชงอวิ่น" แววตาของจางห่าวโป๋เริ่มจริงจังขึ้น

เห็นอย่างนั้นแล้ว หลี่ฟานก็ได้แต่พูดว่า "การออกจากบ้านเกิดไปเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนนะ"

จางห่าวโป๋พยักหน้า

พูดคุยกันครู่ใหญ่ หลี่ฟานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากกล่าวลาจางห่าวโป๋ เขาก็เดินเที่ยวตามตลาดอีกครึ่งวัน จึงกลับไปที่บ้านพัก

คิดๆ ดูแล้ว ความกังวลของจางห่าวโป๋ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเสียทีเดียว

ร่องรอยต่างๆ แสดงให้เห็นจริงๆ ว่าน่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นในทะเลชงอวิ่น

บางทีก็อาจจะเป็นพายุใหญ่ที่กำลังรวบรวมพลังอยู่ในที่ลับ

หรืออาจมีภัยแล้งรุนแรงกำลังก่อตัวขึ้นอย่างแอบแฝง

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

จางห่าวโป๋เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เมื่อภัยพิบัติมาถึงก็ไม่มีกำลังพอจะปกป้องตัวเอง ได้แต่มอบชะตาชีวิตไว้กับฟ้า

ที่เขาวิตกกังวลก็เป็นเรื่องปกติ

แต่หลี่ฟานได้ก้าวเข้าสู่ประตูแห่งการเป็นผู้ฝึกเซียนแล้ว ขอเพียงบรรลุขั้นฝึกปราณได้ ก็จะสามารถไปเกาะหมื่นเซียนได้

ที่นั่นมีผู้ฝึกเซียนมากมาย ย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องภัยพิบัติพวกนี้

แม้ว่าในที่สุดจะเกิดภัยพิบัติที่แม้แต่ผู้ฝึกเซียนก็ไม่อาจรับมือได้จริงๆ การกังวลก็ไร้ประโยชน์

ดังนั้น สิ่งที่หลี่ฟานต้องทำในตอนนี้ คือการฝึกฝนวิชา《คัมภีร์ปราณห้าธาตุ》อย่างเงียบๆ

อ้อใช่ ที่ตึกเทียนเป่าต้องบอกอวิ๋นหยูเจินให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน

...

ช่วงนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฟานยังคงตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน

อีกปีหนึ่งผ่านไป

จางห่าวโป๋เมื่อครึ่งปีก่อน สุดท้ายก็เลือกที่จะออกจากทะเลชงอวิ่นไปกับพี่น้องบนเรือชังหยวนบางส่วน เรื่องนี้สร้างความวุ่นวายขึ้นบ้างบนเกาะ ผู้คนเริ่มรู้สึกกังวลใจ

แต่ช่วงครึ่งปีนี้ ทุกอย่างก็ยังคงสงบราบรื่น ไม่มีร่องรอยใดๆ ของภัยพิบัติใหญ่ ดังนั้นผู้คนจึงเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกัน

ในที่สุดอวิ๋นหยูเจินก็สะสมกำลังได้มากพอ เธอกลับไปที่เกาะเหยี่ยนหลานอย่างกระตือรือร้น หลังผ่านความยากลำบากมามาก ท้ายที่สุดก็ได้ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของตึกเทียนเป่ากลับคืนมา

หลังจากจัดการเรื่องบนเกาะเหยี่ยนหลานเรียบร้อยแล้ว ยังมีเรื่องเล็กน้อยอีกมากต้องจัดการ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เยาว์คิดกบฏ อวิ๋นหยูเจินต้องอยู่บนเกาะเหยี่ยนหลาน ไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกหลายปี จึงส่งคนมารายงานข่าวดีแก่หลี่ฟานเท่านั้น

ฝ่ายเหอเจิ้งเฮ่าก็ไม่ได้ส่งคนมาเยี่ยมเยียนอีก ในความคิดของเขา หลี่ฟานใช้เวลาถึงสี่ปีกว่าจะนำปราณเข้าร่าง เห็นได้ชัดว่าศักยภาพหมดแล้ว ไม่คุ้มค่าที่เขาจะทุ่มเททั้งหมดมาให้ความสนใจอีก

ทางเสี่ยวเฮิงนั้น บางครั้งก็จะส่งคนนำจดหมายมาถาม สอบถามสารทุกข์สุกดิบของหลี่ฟาน

ได้ยินมาว่า เสี่ยวเฮิงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีระดับการฝึกฝนถึงขั้นฝึกปราณระดับกลางแล้ว

...

เรื่องราวในโลกมากมายวุ่นวาย หลี่ฟานเหมือนผู้สัญจรที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชา

เขาเพียงแค่ฝึกฝนอย่างอดทน

และแล้ววันหนึ่ง หลี่ฟานก็รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างขยับในใจ

หลังจากสะสมเชื้อเพลิงห้าธาตุมากพอแล้ว ในที่สุดรากฟ้าดินก็กำลังจะก่อร่างขึ้น!

ร่างเงาลางๆ ปรากฏขึ้นในตันเถียนของหลี่ฟาน ในพริบตาเดียว เขาก็รู้สึกว่าตนเองมีความเชื่อมโยงอันแนบแน่น ลึกซึ้งกับท้องฟ้าแผ่นดินเพิ่มขึ้นอีกเส้นหนึ่ง

ราวกับกังหันวิดน้ำ ดูดซับน้ำในแม่น้ำ รดน้ำให้ผืนดินแห้งแล้ง

สายใยเล็กๆ ของปราณท้องฟ้าแผ่นดินไหลผ่านรากฟ้าดินเข้าสู่ตันเถียนของหลี่ฟาน แล้วอย่างรวดเร็วก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

ในปีที่เจ็ดตั้งแต่ที่หลี่ฟานก้าวเข้าสู่พิภพเซียน ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าสู่ขั้นฝึกปราณ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด